ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ - ตอนที่ 2
“ที่นี้ ที่ไหนวะ?”
หลังจากที่แสงปรากฏใต้เท้าเมื่อครู่ก็มาโผล่ที่แคบ ๆ ซึ่ง2ข้างนั้นเป็นกำแพงที่เป็นอิฐเก่าๆ ที่นี้น่าจะเป็นซอยตึกแถวเก่าๆ ข้างหลังก็เป็นทางตัน ส่วนข้างหน้าก็….. นั้นมันเห้ไรวะนั้นนะ!!!
สิ่งที่อยู่ข้างหน้าของผมคือแสงสว่างสีขาวที่เจิดจ้าได้แบบแย้งตาโคตร ๆ จนต้องเอามือมาบังแสงนั้นโดยไม่รู้ตัวซึ่งไอ้แสงนี้มันดูขัดธรรมชาติสุดๆ แต่ทำไมกัน…
ทำไมถึงรู้สึกว่าทางนั้นมันเป็นทางออกแน่ ๆ แทนที่จะรู้สึกว่ามันอันตรายหรือว่าจะเป็นเพราะทางข้างหลังมันตันสัญชาติญาณมันถึงบอกว่าทางนี้เป็นทางออกก็ไม่รู้
“อยู่ที่นี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ลองดูสักหน่อยก็ไม่น่าเสียหาย”
ผมบ่นคำพูดที่ได้มาจากแม่ของผมเสร็จจึงตัดสินใจเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงแสงที่น่าจะเป็นทางออก ซึ่งท่าปกติที่ๆมีแสงจ้ามันเมื่อเข้าไปใกล้ๆประมาณหนึ่งจะรู้สึกร้อนแม้จะเป็นแสงจากหลอดไฟก็ตาม แต่แสงนี้ไม่ร้อนเลยสักนึดกลับกันรู้สึกเย็นสบายจนอยากเข้าใกล้มากกว่า บางที่อาจจะไม่แย่กว่าที่คิดก็ได้มั้งนะ?
ผมมือผ่านแสงนั้นไปก็ไม่มีอะไรแปลก ๆ นอกจากความเย็นจนสบาย เอาเอะผ่านแม่งไปเดี๋ยวก็รู้เอง
“แล้วที่นี้มันที่ไหนอีกวะ”
เมื่อผ่านแสงออกมาก็เจอกับอาคารย้อนยุคสีขาวที่มีนาฏิกาเรือนใหญ่อยู่ตรงด้านบนตรงกลาง ที่นี้มันมีอยู่ในไทยด้วยเหรอวะ? ไม่ยักจะรู้แต่รู้สึกว่าท่าเข้าไปใกล้ ๆ คงมีเรื่องวุ่น ๆ แน่นอน เอาเป็นว่า…กลับเข้าซอยไปนั้งคิดทบทวนเอาจะเอาไงดีกว่าตรู
“แล้วซอยหายไปไหนวะ!!!!?”
พอหันหลังกลับไปซอยที่ออกมาก็ไม่มีอยู่แล้วที่เห็นก็แต่เส้นทางยาวเหยียดไกลสุดลูกหูลูกตาข้างทางนั้นเต็มไปด้วยต้นไม้ที่มีใบสีเหลือง ๆ ที่ร่วงลงมาและปลิวไปตามแรงลมธรรมชาติ
เอาไงดี? ท่ากลับทางเดินก็ยาวชวนเหนื่อยแต่ท่าไปต่อก็รู้สึกว่าจะต้องมีอะไรที่ทำให้ลำบากใจเกิดขึ้นแน่ๆ เป็นว่าเดินกลับดีกว่าเดี๋ยวค่อยถามทางคนแถวนี้เอาก็ได้แถมตอนนี้เริ่มหิวละ กลับบ้านดีฟ่า
“เดี๋ยว!! นั้นคุณจะไปไหนกันคะ!!!”
ขณะที่กำลังเดินกลับไปก็ได้ยินผู้หญิงตะโกนอยู่ด้านหลังพอหันกลับไปก็พบกับผู้หญิงผมทองยาวตาสีฟ้า ใส่ชุดคล้ายๆ คลุมที่เหมือนชุดครุฑตอนรับปริญา เดะๆ แค่ไม่มีลายตรงแขนเท่านั้นเอง เหยดอย่างสาวฝรั้งอย่างสวยเลยวะถึงจะแต่งตัวแปลกๆ ว่าแต่เธอเรียกใครวะ? แถวนี้ก็มีแต่เราคนเดียวนี้หน่า
“ดิฉันถามว่าคุณกำลังไปไหนหูหนวกรึไงคะ!!!”
ตะ. ตัวใหญ่ชิบ ฝรั้งนี้ปกติตัวใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอวะ แถมพูดไทยชัดโคตร ๆ ด้วย
“ไม่ยอมตอบสินะคะ แต่ช่างเถอะมาด้วยกันซะดีๆ”
สาวฝรั้งก็จูงมือผมไปดื้อ ๆ ทำให้หัวใจของเต้นขึ้น เอาจริงๆเพราะผมมีประสบการณ์เรื่องผู้หญิงไม่เยอะเท่าไหร่นัก แถมยิ่งเป็นผู้หญิงฝรั้งสวยๆ เรียกได้ว่าไม่เคยมีเลย แต่เรื่องนั้นเป็นยังไงก็ช่างเพราะตอนนี้ผมรู้สึกว่ามือนุ่มชิบ….
ท่าเอาไปคุยโม้ไอ้กันมันคงอิจฉาน่าดู แถมสิ่งที่ผมเห็นคือก้นงามๆที่ส่ายไปส่ายมาของผู้หญิงคนนั้นด้วยยิ่งทำให้ผมรู้ว่าน้องชายของผมมันต้องกำลังร่าเริงอยู่แน่ๆ…
เอ๋ ทำไมไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของน้องชายกัน!!! ทั้งที่ตอนนี้น้องชายควรจะอึดอัดแท้ๆ แต่ไหงไม่รู้สึกอะไรเลยละ? แต่ทำไมรู้สึกเย็นๆที่ขายังไงชอบกล
เดี๋ยวนะไอ้หน้าอกน้อย ๆ นี้มันอะไรกันตูอ้วนขนาดนี้เลยเหรอ? แล้วตูใส่เสื้อที่เหมือนเด็กไฮสคูลนี้ตอนไหน? แถมไอ้กระโปรงที่ดูพริ้วๆที่ขยับทุกครั้งก้าวเดินนี้มันอะไรกันวะ!!! แถมยังโคตรสั้นอีก!!! ไม่ดิ.. เราต้องใจเย็นๆ ตอนนี้เรื่องน้องชายต้องมาก่อนยังอื่นช่างแม่ง!!!!
“คุณคงเป็นนักเรียนที่มาจาก– ว้าย!!!! นั้นคุณกำลังทำอะไรนะคะ!!! ไร้ยางอายที่สุด!!!”
ผมเอามือข้างซ้ายล้วงจากใต้กระโปรงเพื่อไปสัมผัสการมีอยู่ของน้องชาย… ไม่มี? หายไปไหน? ไม่นะ!! นายหายไปไหนน้องข้า
“นะ.นะ…นะ หยุดนะเธอกำลังทำบ้าอะไรกันคะ!!”
ผมกระชากมือจากผู้หญิงคนนั้นกลับมาเพื่อนำมือทั้ง2 นั้นมารูดกระโปรงที่น่ารำคาญที่ลงไปพร้อมกับกางเกงในเพื่อตามหาน้องชายที่หายไปปรากฏว่า มันหายไปจริง ๆ แถมถูกแทนที่ด้วยเนินเขาเรียบ ๆ เมื่อลองสัมผัสใต้ล่างดีๆ ก็จะพบสิ่งคล้ายๆรอยแยกที่ไม่น่ามีอยู่บนตัวผู้ชายแน่ๆ นี้มันเห้อะไรสะเนี้ย!!!
“พอได้แล้ว!! ในฐานะอาจารย์ดิฉันไม่ยอมให้ทำเรื่องเสื่อมเสียหรอกนะคะ ได้โปรดช่วย[หลับไปซะเถอะ]คะ”
“!!!!!”
สาวฝรั้งปล่อยแสงสีขาวที่มาจากฝ่ามือเข้าหัวผมเต็ม ๆ แต่ก็ไม่รู้สึกเจ็บอะไรแต่ง่วงนอนชะมัด หนังตาผมค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆ ภาพตรงหน้าค่อยๆเบลอไปทีละนึด นี้มันแย่มากๆ ผมจะหลับทั้ง ๆ ไม่ได้ยังผมยังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่ก็น้องชายผมนะมัน–