ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ - ตอนที่ 14
“อูยๆ เจ็บๆ”
ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บที่ท้ายทอย ให้ตายสิเด็กตัวโตนี้น่ากลัวชะมัดยาด รับมือยากยิ่งกว่าเอมี่ที่โรงแรมอีกนะเนี้ย
“ตื่นแล้วสินะ ท่านมีเรีย”
สิ่งที่ผมเห็นเป็นสิ่งแรกคือเด็กผมผมสีดำออกม่วงๆ 8-9 ขวบ เธอใส่ชุดเดรสสีขาวที่แสดงถึงความบริสุทของเธอ เธอนั้นมีดวงตา2สี ข้างซ้ายของเธอเป็นสีม่วงแต่ข้างขวาของเธอเป็นสีฟ้าคราม เธอดูน่ารักและไร้เดียงสาสมวัย ดูบริสุทธิ์ผุดผ่อง
เธอกำลังมองมาที่ผมพร้อมกับยิ้มและกำลังอุ้มกระต่ายที่มีปลอกคอสีแดงอยู่
ผมจำกระต่ายตัวนั้นได้!! มันเป็นกระต่ายตัวที่ผมจับได้เมื่อวานนี้!! แสดงว่าเธอเป็นลูกสาวคนเล็กของตระกูลบารอนสินะ!!
“มีอะไรรึเปล่าคะ? หน้าดิฉันมีอะไรติดอยู่เหรอคะ ท่านมีเรีย?”
“เปล่าหรอกๆ ก็คิดว่าเธอน่ารักดีนะ”
นี้ผมพูดจริงจังนะ เธอเป็นเด็กที่น่ารักมากๆเลยละ แถมบรรยากาศรอบตัวเองก็ยังดูเป็นผู้ใหญ่อีก ถ้าเธอโตขึ้นละก็คงเรียกได้ว่าสาวงามล่มเมืองได้เลยละ
“แหมๆ ท่านมีเรียละก็ชมมาหญิงแก่คนนี้ว่าน่ารักมันก็กระไรอยู่นะคะ คำว่าน่ารักนั้นเหมาะกับท่านมีเรียมากกว่านะคะ”
“หืม? หญิงแก่เหรอ? ไม่ใช่ว่าเธอเป็นลูกคนเล็กของบารอนรึไง?”
“ตายจริง!! ดิฉันนี้ละก็ตื่นเต้นจนลืมแนะนำตัวไปเลย ดิฉันชื่อ มารีน่า บรอน เป็นภรรยาของท่าน โรล บรอน ที่ตำรงตำแหน่งบารอนและปกครองพื้นที่แกลนี่แลนแห่งนี้คะ”
ภรรยา? เด็กคนนี้อะนะ? บารอนนี้มันเป็นโลลิค่อนเหรอ ก็แบบดูยังไงเด็กคนนี้ก็อ่อนยิ่งกว่านีน่าอย่างเห็นได้ชัดเลยนี้น่า
“ขอเสียมารยาทหน่อยนะ..เธออายุเท่าไหร่เหรอ?”
“ถ้านับปีนี้ก็น่าจะ36แล้วแหละคะ”
“โกหกน่า!! ดูยังไงอายุก็ไม่น่าเกิน8-9ขวบชัดๆ!!”
“แหมๆ เรื่องนั้นท่านเองก็ไม่น่าพูดได้นี้คะ พวกเราเองก็เป็นคนประเภทเดียวกันนี้น่า”
“ประเภทเดียวกับเธอเนี้ยหมายถึงอะไร?”
“ไม่ว่าจะกินเท่าไหร่ก็จะไม่อ้วน ไม่ว่าจะผ่านไปเท่าไหร่ก็จะยังคงเยาว์วัยอยู่เสมอ ทุกครั้งที่เข้างานสังสรรค์ก็จะถูกเข้าใจผิดแล้วถูกลูกขุนนางท่านอื่นเข้ามาจีบทั้งๆ ที่มีสามีอยู่แล้ว ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ดื่มนมก็จะมีความหวังเพียงเล็กน้อยให้ส่วนสูงเพิ่มขึ้น ต่อให้รู้ในใจอยู่แล้วว่าไม่อาจสูงขึ้นเพราะหยุดวัยเจริญเติบโตไปนานแล้ว ขนาดมีลูกมาแล้ว 3 คน ก็ไม่อาจให้นมลูกได้เพราะว่าขนาดหน้าอกของฉันมันเล็กทำให้ดูดได้ลำบากและน้ำนมนั้นมีน้อยเกินไปจนเด็กๆไม่อิ่มจนต้องจ้างแม่นมมาให้แทนดิฉัน นี้แหละคือประเภทนั้นที่ดิฉันหมายถึง เพราะฉันเองก็เปรียบได้ดังอนาคตของคุณคะ หุๆ”
มาเรียน่าพูดด้วยสายตาที่ว่างเปล่าเหมือนเธอเองก็เจอปัญหาเพราะส่วนสูงมามากเหมือนกันสินะ ผมพอเข้าใจเธออยู่นึดหน่อยนะ เพราะตอนที่ผมมาที่มาสมัครเป็นนักผจญภัคที่นี้ครั้งแรกยังต้องใช้เครื่องจับเท็จมาเพื่อยืนยันอายุจริงเลย
พอผ่านไปนานๆหลายคนที่รู้จักผมก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า’ไอ้ตัวที่เป็นศูนย์ร่วมของความไม่ได้เรื่องและความสกปรกแบบนั้นมันไม่ใช่เด็กหรอกนะ’แม้มันจะไม่ใช่คำชมแต่ชีวิตผมเองก็ง่ายขึ้นเยอะเลยนะ
“ตายจริง ดิฉันนี้เผลอออกนอกเรื่องไปเยอะเลยนะคะ ต้องขอโทษจริงๆ ที่ดันเผลอพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องจนได้”
เธอกลับมาเข้าโหมดคุณนายอีกครั้ง ผมควรพูดสุขภาพกับเธอสินะอย่างน้อยเธอก็อายุมากกว่าผมเท่าหนึ่งเลยนี้นะ อย่างน้อยผมเองก็ควรมีมารยาทบ้าง เอาละได้เวลาดึงสกิลการพูดแบบเก่ามาใช้แล้วสินะ
“ไม่เป็นไรหรอกคะ ท่านมารีน่า ทางนี้เองก็พอเข้าใจความรู้สึกของท่านบ้างแม้เพียงจะเล็กน้อยก็ตาม”
“ไม่จำเป็นต้องพูดสุขภาพกับดิฉันหรอกคะ ท่านมีเรีย ทางนี้เองก็อยากคุยแบบสนิทสนมกับท่านมากกว่าเพราะงั้นช่วยพูดตามปกติเถอะคะ”
“จะดีเหรอคะ ท่านมาเรียน่าเองอายุก็–“
“ช่วยพูดตามปกติด้วยคะ”
เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับยิ้มที่ไม่เหมือนกับยิ้มเลยสักนึด น่ากลัววุ้ย!!
“อ่า..อืม เข้าใจแล้วละมาเรียน่าแล้วพอจะอธิบายได้ไหมว่าทำไมวาเนสซ่าถึงไปอยู่ในป่านั้นได้นะ เธอเองก็น่าจะรู้ใช่ไหมว่าป่านั้นนอกจากป่านั้นจะเต็มไปด้วยมอนสเตอร์แล้วยังใกล้กับเขตแดนของพวกเอลฟ์อีกนะ”
“น่าอายจริงๆคะ ดูเหมือนลูกสาวคนเล็กของดิฉันจะโดนคนทรยศหลอกคะ เหมือนว่าเขาจะเป็นคนสาปสามีของดิฉันให้ร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนตอนนี้นอนสลบไม่ได้สติไป และก็โกหกว่าลูกสาวของดิฉันว่าสามีป่วยเป็นโรคร้ายแรงแล้วบอกให้เธอเข้าไปให้สมุนไพร7สีในตำนานเพื่อมาสกัดเป็นยาเพื่อรักษาสามีของดิฉันคะ”
สมุนไพร 7สี? ไอ้คนโกหกนั้นมันใครมันจะเชื่อละนั้น งี่เง่าชะมัด สมุนไพร7สีนั้นมีจริงที่ไหนฟะ เหมือนสมัยเด็กๆที่โดนผู้ใหญ่โกหกว่าเกราะมณี7สีมีจริงอะ มันหลอกได้แต่เด็กได้เท่านั้นแหละ และมันก็เอาไปหลอกเด็กจริงๆด้วย โคตรเลวเลยนี้หว่า
“แล้วไอ้คนทรยศมันเป็นใครละ จับได้รึยัง?”
“เขาเป็นพี่ชายของสามีของดิฉันเองคะ ตอนนี้เขากำลังถูกคุมขังอยู่ในคุกชั้นใต้ดินเพื่อรอทหารมาจากเมืองหลวงมาสอบสวนพร้อมจอมเวทขาวเพื่อล้างคำสาปคะ”
จอมเวทขาวจะมาเหรอ ช่วงนี้คงต้องระวังตัวหน่อยแหะ ท่าพวกนั้นสัมผัสได้ถึงคุณสมบัติแสงในตัวผมละก็ยุ่งแน่
“แล้วพอจะรู้แรงจูงใจไหม แบบว่าต้องการจะฮุบสมบัติของเธออะไรประมาณเนี้ย?”
“เขาทำเพื่อล้างแค้นดิฉันที่ปฏิเสธรักเขาคะ”
“หา?”
เรื่องชู้สาวเหรอ? มันจะเกินคาดไปไหมฟะ!!
“ในสมัยก่อนเขากับสามีดิฉันต่อสู้เพื่อแย่งชิงตัวดิฉันกัน แต่ว่าฉันเองก็เลือกท่านโรลเพราะฉันกับเขาก็มีใจกันมานานแล้ว แม้จะต่างฝ่ายต่างแต่งงานมีลูกกันไปแล้วแต่ก็คงยังตื้อดิฉันอยู่ จนกระทั้งเขาก็สาปสามีดิฉันเมื่อ3วันก่อนและไปหลอกลูกสาวดิฉันให้เข้าไปในป่าอีก ช่างน่าอับอายจริงๆ ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
โคตรงี่เง่าชิบหาย!! ตระกูลนี้มันเป็นโลลิค่อนกันรึไงฟะ แล้วไอ้คุณพี่ชายจะมาติดใจอะไรยัยป้าโลลิตาสองสีไร้หน้าอกนี้นักหนา ห๊า? ยัยนี้มันน่ารักก็จริงแต่ไม่มีทางโตแล้วนะเว้ย สู้ไปหาสาวๆนมตูมๆของเผ่ามิโนทอรัสมาเป็นเมียไม่ดีกว่าเหรอ? รายนั้นมีอายุขัยยืนยาวแก่ยากด้วยนะเออ ต่อให้แก่จริงถึงตอนนั้นเอ็งคงลาโลกไปแล้วละ ไม่สิมันก็ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งนี้น่า..ที่ผู้ชายจะชอบผู้หญิงแบบนี้นะ
“มาเรียน่าขอถามอะไรสักข้อได้ไหม”
“คะ?”
“ผู้ชายตระกูลนี้แบบว่ายังไงดีละ..เป็นพวกกินเด็กหมดเลยรึเปล่า?”
เธอทำหน้าตกใจเล็กน้อยกับคำถามของผม หวังว่ามันคงจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิดนะ
“เรื่องนั้น.. แม้แต่ดิฉันเองก็ไม่แน่ใจนักท่ามองจากรสนิยมของท่านพ่อสามีเองที่ชอบเอ็นดูเด็กสาวเป็นพิเศษ แถมลูกชายดิฉันเองก็ติดดิฉันค่อนข้างหนักแม้จะโตแล้วก็ตามแถมยังมองวาเนสซ่าตอนเล็กๆด้วยสายตาแปลกๆ จนช่วงนั้นต้องจับแยกกับลูกชายไปแต่พอร่างกายวาเนสซ่าเริ่มโตขึ้นเขาก็ไม่สนใจเธอเลย และยังชอบเอาชุดชั้นในของดิฉันมา–“
“โอเค!! เข้าใจแล้ว!! ไม่ต้องพูดแล้วละ ฉันเข้าใจดีทุกอย่างแล้ว!!”
อันตราย!! ผู้ชายครอบครัวนี้อันตรายสุดๆ ผมเข้าใจเธอแล้วละ เธอมันก็แค่ผู้หญิงโชคร้ายที่มาหลงผิดแต่งงานกับพวกตระกูลโลลิค่อนนี้เอง
ช่างน่าเศร้าใจแทนเธอจริงๆที่ต้องมาเห็น แม้แต่ลูกชายตัวเองกลายพันธ์ มันจะน่าเศร้าเกินไปแล้ว แถมเธอยังใช้คำว่าไม่แน่ใจทั้งที่หลักฐานตำตาแทบบอดขนาดนี้เพราะเธอไม่อยากยอมรับมันสินะ ความจริงมันโหดร้ายสินะ ไม่ต้องพูดแล้วละ
“แต่ว่าดิฉันยังพูดไม่–“
ผมพุ่งเข้าไปกอดเธอด้วยส่วนสูงที่ไม่ต่างกันมากนักทำมันดูเหมือนเด็กสองคนกอดกันแน่นอน แต่ผมไม่ใส่ใจหรอก
“พอเถอะนะ ฉันเข้าใจแล้วละไม่ต้องพูดหรอกมันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกมันเป็นความผิดของสายเลือดต่างหาก!! เธอนะไม่ผิดเลยซักนึด!! ท่าอยากจะร้องไห้ก็ร้องออกมาก็ตามสบายเลยไม่ต้องอายหรอก”
ผมพูดออกมาเสียงดังและสวบกอดให้แน่นกว่าเดิม
“ทั้งๆที่ดิฉันเองก็มั้นใจแท้ๆ…ว่าจะเลี้ยงดูลูกชายให้เขาเป็นคนดี..แต่ว่าสายเลือดของสามีมัน..อึก…โฮกกก~!!!”
เธอปล่อยโฮกออกมา ผมจึงลูบหัวเธอเบาๆ ไม่เป็นไรหรอกเชิญร้องไห้มาเลย ไหล่ผมพร้อมให้ผู้หญิงซบทุกเมื่อนะแหละ โดยเฉพาะผู้หญิงที่น่าสงสารอย่างนี้ด้วยแล้วละก็จะให้ซบทั้งวันก็ยังไหว
“ฉันกลัวคะ..ฉันกลัวว่าสักวันเขาจะเผลอไปทำเรื่องผิดศีลธรรมกับเด็กน้อยคนอื่น.. เมื่อถึงตอนนั้นดิฉันเองก็คงช่วยเขาไม่ได้แน่ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกมาเรียน่า ดูอย่างสามีเธอสิพวกเขายังอยู่มาได้โดนไม่โดนจับเลยนะ เธอเองก็บอกเลี้ยงดูมากับมือเองนี้ เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก เชื่อในตัวลูกชายของเธอเถอะนะ?”
ถ้าเธอไม่เชื่อในลูกชายตัวเองก็คงไม่มีใครเขาเชื่อแล้วละนะ และนั้นคงเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับคุณลูกชายน่าดู เผลอๆอาจะสติแตกไล่จับเด็กในเมืองที่ผมอยู่มาเลยก็ได้
“นั้นสินะ.. ดิฉันเองก็เลี้ยงเขามากับมือ ท่าคนเป็นแม่อย่างดิฉันไม่เชื่อในตัวเขาละก็ใครจะเชื่อในตัวของเขากัน!! ขอบคุณท่านมีเรียมากเลยนะคะ ฉันตาสว่างแล้วละคะ!!”
เธอกลับมาร่าเริงอีกครั้ง โชคดีจริงๆ ที่เธอเป็นคนคิดในแง่บวกได้ง่ายสินะ
“เหรอ… ดีแล้วละ..ใช่..ดีแล้ว”
ผมพูดออกไปเบาๆพร้อมกับลูบหัวของเธอ ไม่ต้องห่วงผมเองก็จะเป็นกำลังใจให้เธอเหมือนกันเพราะงั้นอย่าพึ่งสิ้นหวังในตัวลูกชายละ ไม่งั้นผมเองต้องร้องไห้ตามเธอแน่ๆ
–
“ดิฉันรู้สึกโล่งมากๆเลยละคะต้องขอบคุณท่านมีเรียจริงๆคะ”
หลังจากที่ร้องไห้เสร็จเธอก็กลับมาร่าเริ่งอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรหรอกเพาะเราเองก็เป็นประเภทเดียวกันไงละ”
แม้จริงๆจะไม่ใช่ก็เถอะนะ แต่พูดให้เธอสบายใจไปละกัน
“นั้นสินะพวกเราเองเป็นประเภทเดียว… เดี๋ยวนะคะ!! ท่านมีเรียอายุเท่าไหร่กันคะ!!”
“อายุเหรอ? ฉันเป็นเด็กกำพร้านะท่าปีนี้ก็น่าจะใกล้17แล้วละมั้ง”
“งั้นก็พิเศษไปเลยคะ!! ถ้าคุณมาแต่งงานกับ–“
“เรื่องนั้นก็ขอปฏิเสธอย่างสุดซึ่งเลยละ”
“เอ๋!!!”
ก็ผมไม่ได้ชอบผู้ชายนี้น่า? รู้รึเปล่า? ร่างกายผมยังคงโหยหาหญิงสาวโนตมเหมือนเดิมนะแหละ แม้ร่างกายจะเปลี่ยนไปจิตใจใช่ว่าจะเปลี่ยนตามซักหน่อย
แม้จะรู้สึกว่าอารมมันอ่อนไหวง่ายกว่าเดิมแต่ก็ใช่ว่าผมเห็นไอ้จ้อนแล้วตื่นเต้นซักหน่อยไม่ใช่แบบว่า ‘ว้ายยย!! อะไรของนายกันเนี้ย ควักไอ้ของน่าเกลียดแบบนั้นมาทำไม’ ไม่มีทางเป็นผมหรอก ผมยังตื่นเต้นกับร่างกายของหญิงสาวเหมือนเดิมนั้นแหละ แต่แค่ไม่มีน้องชายมาชูชันแบบชัดเจนเท่านั้นแหละ
“เข้าใจแล้วละคะ แต่ฉันเองก็ยังไม่ยอมแพ้หรอกนะคะ”
“ช่วยยอมแพ้ด้วยเถอะ”
“เอ๋!!”
อย่าเอาผมไปเป็นผู้หญิงที่มีชะตากรรมน่าสงสารเหมือนเธอสิ ถ้าผมเป็นเธอละก็ผมคงแอบไปร้องไห้คนเดียวทุกคืนแน่ๆ
“แล้วจะเอายังไงละจะให้ฉันช่วยรักษารึเปล่า?”
“เรื่องนั้นท่าเป็นไปได้ละก็หากช่วยรักษาสามีของดิฉันเร็วๆก็น่าจะดีกว่าปล่อยให้คำสาปลุกลามแน่นอนคะ”
“งั้นเหรอ..เข้าใจแล้วละ แต่ฉันใช้เวทแก้คำสาปอย่างRefuteหรือClearanceไม่เป็นหรอกนะ”
“แต่ ดิฉันได้ยินว่าท่านเป็นคนที่มีพลังเวทสูงสุดในประวัติศาสตร์แถมยังได้ยินว่าท่าเป็นคนที่มีคุณสมบัติแห่งแสงด้วยนี้คะ”
“นั้นมันก็จริงละนะ แต่รู้อะไรรึเปล่าที่ฉันโดนไล่ออก จากโรงเรียนเวทมนต์ก็เพราะใช้เวทมนต์ไม่เก่งนี้แหละ แถมเวทมนต์ที่ใช้ได้เองก็มีแต่ระดับต่ำแถมยังมีบางอันที่ใช้ไม่ได้อีกที่ใช้ได้ดีที่สุดก็แค่Healนี้แหละ”
“เข้าใจแล้วละคะ…คงต้องรอจอมเวทขาวมาอย่างเดียวแล้วสินะคะ”
เธอกลับมาทำหน้าเศร้าอีกครั้ง หึๆ ยังเร็วเกินไปที่จะสิ้นหวังนะ มาเรียน่า เอ๋ย~
“แต่ว่าฉันสามารถล้างคำสาปของสามีของเธอได้อยู่นะ”
“จริงเหรอคะ!!”
“จริงสิ แต่ว่าฉันบอกวิธีไม่ได้เธอจะตกลงรึเปล่าละ”
ผมยื่นข้อเสนอไปให้มาเรียน่า ไม่ใช่ว่าบอกไม่ได้หรอกจริงๆ ผมแค่ผมไม่อยากบอกมากกว่าเดี๋ยวจะมีปัญหาเอา
“แน่นอนคะ ฉันเชื่อใจคุณมีเรียคะ”
“งั้นก็ไปเอาน้ำดื่มมาเยอะๆเท่าที่เยอะได้ละกันแล้วก็ขอแจกันปากกว้างๆหน่อยนะท่าเป็นไปได้ให้ทำความสะอาดมาด้วยละ”
“แม้จะไม่เข้าใจว่าจะเอาของแบบนั้นมาทำไม แต่ก็เข้าใจแล้วคะ ดิฉันจะไปเตรียมมาให้คะ”
มาเรียน่าเดินออกไปจากห้องนี้ ที่พูดว่าผมถอดคำสาปได้นะ ผมไม่ได้โกหกนะ ตอนที่ผมรู้ว่าเลือดของผมมันขับไล่พวกสิ่งชั่วร้ายได้ ผมก็คิดมาตลอด ว่านอกจากเลือดของผมอยากอื่นมันจะใช้ได้ไหม
ผมก็พบค้นพบความจริงที่ว่าน้ำทุกอย่างที่ออกมาจากร่างกายของผมนั้นก็สามารถใช้ได้เหมือนกัน และนี้ก็คือเหตุผลที่ผมขอแจกันปากกว้างๆแทนที่จะเป็นขวดที่อาจจะใส่น้ำได้ดีกว่าแต่มีปากเล็กกว่าไงละ