ซินเหยาใช้เวลางานในการแต่งหน้าตัวเองอย่างสะสวย ตอน10โมงตรงก็เข้าไปห้องประชุมพร้อมจิงเฉิน
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือคนที่เป็นผู้ดำเนินการประชุมวันนี้เป็นเยี่ยแจว๋ อีกทั้งยังพาลูกแหง่จิงซิงมาอีกด้วย
เห็นหน้าจิงซิงแล้ว ซินเหยาคันไม้คันมือขึ้นมาจริงๆ
จิงซิงนั่งข้างๆเยี่ยแจว๋ ตำแหน่งที่เขานั่งเป็นตำแหน่งที่สุดจะปัง ดูยังไงก็เหมือนว่าเยี่ยแจว๋จะมามอบอำนาจให้ลูกชายคนโตยังไงยังงั้น
จิงเฉินเอามือท้าวไปที่หน้าผากของตัวเอง สภาพเขาตอนนี้กึ่งหลับกึ่งตื่น
เฮ้อออ……โลกนี้เป็นโลกที่ดูแต่รูปลักษณ์ภายนอกสินะ คนที่หล่อตอนนอนก็ยังหล่ออยู่วันยันค่ำ
แม้กระทั่งนอนกรนอยู่ก็ยังหล่ออีก ป๊ะป๋าถ้าเป็นผู้หญิงคงจะไม่มีใครสวยเปรียบเขาได้ สวยขนาดที่ซินเหยายังต้องอาย
ขณะที่ประชุมกำลังดำเนินไป ซินเหยาไม่ได้ฟังแม้แต่น้อยว่าที่ประชุมกำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่ สาเหตุก็เพราะว่าเธอโดนหน้าอันหล่อเหลาของจิงเฉินใบนี้สะกดจิตให้หมอบราบคาบแก้ว ความหล่อนี่มันทำได้ถึงเพียงนี้จริงๆ นี่เขาไม่เรียกว่าชายหล่อแพ้หญิงสวยหรอก แต่เรียกว่าหญิงสวยแพ้ชายหล่อต่างหาก
เมื่อตออนที่เธอได้ยินว่ามีคนพูดชื่อจิงเฉินขึ้น เธอถึงได้มีสติกลับมา
เธอหันมองไปที่เยี่ยแจว๋ที่นั่งอยู่ตำแหน่งหน้าสุดของโต๊ะอย่างทันที และสายตาก็ไปตกลงที่จิงซิง
จิงซิงจึงสบตากับเธอโดยบังเอิญ เขาแสดงรอยยิ้มออกมาที่ทำให้ซินเหยารู้สึกคลื่นไส้ เธอจึงรีบหันหัวกลับไปดูป๊ะป๋าเพื่อล้างเสนียดที่เข้ามาในตาเธอเมื่อกี้
จะว่าไปแล้ว จิงเฉินกับจิงซิงไปพี่น้องกันแท้ๆงั้นหรอ?
“ในปีที่ผ่านมานี้ จิงซิงได้ทำคุณประโยชน์ต่อบริษัทไว้มาก ทุกคนก็คงจะเห็นและทราบเป็นอย่งดี ช่วงหลายปีที่ผ่านมาจิงเฉินก็ทำงานอย่างหนักกระทั่งเวลาอยู่กับแฟนยังแทบจะไม่มี เพราะงั้นทางบริษัทจึงตัดสินใจที่จะให้จิงเฉินลาพักร้อนยาว เพื่อให้เขาได้ใช้เวลาของตัวเองอยู่กับคนที่เขารัก ตำแหน่งประธานในตอนนี้ก็ให้จิงซิงเข้ามาดูแลแทน” เยี่ยแจว๋พูดประกาศนโยบายนี้ด้วยสายตาที่นิ่งสุขุม
ซินเหยาหันไปดูหน้าของจิงเฉินอย่างไม่เชื่อสิ่งที่เธอได้ยินไปเมื่อกี้ พอหันไปก็เห็นว่าจิงเฉินตื่นแล้ว แค่สายตาของเขาดูนิ่งไปหน่อย
จิงเฉินตอนนี้ยังสามารถควลคุมสีหน้าของตัวเองได้อยู่
เยี่ยแจว๋ไอ้หัวหงอกนี้เห็นทุกคนโง่หรือยังไงกัน พูดอะไรลาพักร้อน นี่มันเป็นการแย่งตำแหน่งไปชัดๆ
นี่มันเป็นการมอบอำนาจให้ลูกชายคนโตอย่างเบ็ดเสร็จจริงๆ
เยี่ยเเจว๋โดนขี้บังตาหรือไงกัน
ไม่กลัวหรอว่าจิงซิงจะทำบริษัทล่มนะ
อีกอย่างนะป๊ะป๋า บริษัทที่ใหญ่ขนาดนี้จะโดนแย่งไปแล้วทำไมไม่ใช้หัวอันชาญฉลาดของป๊ะป๋าในการคิดแผนทำให้จิงซิงเสียหน้าต่อที่ประชุมล่ะ?
บอร์ดบริหารคนอื่นต่างก็ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ทุกคนซุบซิบกันใหญ่ สายตามองไปที่จิงเฉินด้วยเหตุที่ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
คำพูดของเยี่ยแจว๋เมื่อกี้ ทำให้ไม่มีใครกล้าบอกให้จิงเฉินทำเพื่อบริษัทโดยการเทแฟนทิ้ง
“เอาล่ะ เรื่องนี้ก็เอาตามนี้” เยี่ยแจว๋พูดขึ้น
จิงเฉินเอามือลูกไปลูบมาที่คางของตัวเอง เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ แต่ยังแสดงสีหน้าที่นิ่งสุขุมออกมาอยู่
อยากจะแย่งบริษัทก็แย่งไปเลย ถึงยังไงจิงซิงก็ไม่มีอำนาจที่แท้จริงอยู่แล้ว
จิงเฉินอยู่ในบริษัทนี่มานานขนาดนี้ พวกเขาไม่รู้หรอกหรอว่าบริษัทไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เรื่องทุกอย่างในบริษัทล้วนแล้วแต่มีจิงเฉินมาดูแลทั้งสิ้น ถ้าเขาไม่ยินยอม อย่าหวังว่าจิงซิงจะทำอะไรได้เลย
ถึงจะเป็นไอ้หัวหงออกนั่น ถ้าเกิดว่าจิงเฉินไม่ยอม เขาก็พูดอะไรไม่ได้อยู่ดี
ตอนนี้จิงเฉินแค่อยากให้จิงซิงได้ลิ้มลองรสชาติของการได้มาและโดนแย่งไปว่ามันเจ็บปวดเพียงใด
ซินเหยารู้สึกสงสารที่จิงเฉินต้องมาเจอกับเรื่องอยุติธรรมแบบนี้ เขาทำเพื่อบริษัทมามากขนาดนี้ สุดท้ายก็จะโดนจิงซิงชุบมือเปิบแย่งไปอย่างนั้นหรือ?
หลังจากที่ออกมาจากห้องประชุมจิงเฉินก็พูดกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ต่างๆอย่างนิ่งสุขุม
ซินเหยามองไปที่จิงเฉิน อยากพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออก
เดินถึงชั้นของห้องทำงานประธาน จิงเฉินก็มองไปที่ซินเหยา
“มีอะไรก็พูดออกมา” จิงเฉินพูดอย่างใจเย็น
“คือท่านประธานคะ ท่านรองประธานจะขึ้นมาแทนคุณ คุณไม่รู้สึกอะไรเลยหรอคะ” ซินเหยาพูดขึ้นอย่างไม่พอใจแทน
“แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ” จิงเฉินตอบกลับ
“ฉันคิดว่าคุณควรสู้นะคะ ไล่จิงซิงออกจากบริษัทไปเลย” ซินเหยาพูด
เธอเป็นคนเดียวที่สามารถจะแกล้งป๊ะป๋า เห็นคนอื่นทำแบบนี้กับป๊ะป๋า เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” จิงเฉินนัยตาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นตอนที่พูดขึ้นมา : “ของของผม ไม่มีใครหน้าไหนสามารถเอาไปได้ ไม่ใช่แค่เอาไปไม่ได้ ผมจะให้เขาคลานมาคืนมันให้ผม”
จิงฉินดูเท่ห์มากจริงๆ
ป๊ะป๋ามีความมั่นใจแบบนี้ มันหล่อเสียจนทำให้เธอละลายจริงๆ
หน้าเธอแดงขึ้นและพูดว่า “คุณคิดมากเกินไปล่ะ ฉันแค่กลัวว่าฉันจะไม่ได้เงินเดือนเท่านั้น”
จิงเฉินไม่ได้พูดอะไร แค่เอามือไปจับที่ผมของซินเหยา
อย่าจับผมของคนอื่นไปเรื่อยสิ
จิงเฉินโดนพ่อของตัวเองและพี่ชายลากลงมาจากเก้าอี้ประธาน ตอนน้ีบริษัทเป็นของจิงซิงไปแล้ว
ถึงแม้ป๊ะป๋าจะบอกว่าของของป๊ะป๋าใครหน้าไหนก็เอาไปไม่ได้ เขาเปรียบเสมือนนักรบที่สามารถเอาชนะได้ทุกสนาม แต่ว่าตอนนี้สีหน้าของป๊ะป๋ามันดูไม่สู้ดีสักเท่าไหร่เลย
ในสายตาของซินเหยา ป๊ะป๋าก็เหมือนกับราชสีห์ตัวหนึ่ง คนอย่างเขาจะยอมคายเนื้อในปากของตัวเองออกมาเพื่อเอาให้จิงซิงที่เป็นแมวไม่มีฟันได้กินเนื้อชิ้นนี้หรอ หรืออาจจะเป็นเพราะราชสีห์กับแมวเป็นสัตว์ชนิดเดียวกัน จิงเฉินอาจจะแค่เบื่อแล้วอยากแกล้งจิงซิงเล่นดู
คิดไปคิดมา มันก็ถูกนะ
เขาสองคนก็เป็นพี่น้องกันแต่ไหนแต่ไรแล้ว แค่ความสัมพันธ์อาจจะไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่
เพราะนี้มันเป็นแผนของป๊ะป๋า เธอจึงไม่ได้ช่วยป๊ะป๋าออกแรงจัดการเลย
อาจจะเป็นเพราะว่าตั้งแต่ที่จิงเฉินเผชิญหน้ากับจิงซิง แรงทั้งหมดของเขาก็หายไปด้วย เพราะงั้นยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน จิงเฉินก็ให้เธอกลับไปก่อนได้ มิหนำซ้ำยังให้เธอลาหยุดยาวได้3วัน
เรื่องดีขนาดนี้มีหรอที่เธอจะไม่คว้าไว้ ให้เลิกงานก่อน แถมยังให้หยุดยาวอีกด้วย โอ้ยยย
MANGA DISCUSSION