ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 78 : เยี่ยจิงเฉินดาร์กฟู๊ด
โง่ ป่าปี้ ต่อไปยังจะหยอกป่าปี้เล่นสนุกๆคงไม่ได้แล้วสินะ?
ความรู้สึกที่เต็มล้นเมื่อกี้นี้มันหายไปหมดแล้วในตอนนี้ ป่าปี้นี่ไร้หัวใจจริงๆเลย
เธอผลักเยี่ยจิงเฉินออก ป่าปี้ตระหรี่ถี่เหนียวขนาดนี้ เมื่อกี้เธอมีความคิดที่ว่าป่าปี้เป็นคนอ่อนโยนไปได้ยังไงกันเนี่ย สมองเธอต้องผิดปกติไปแล้วแน่ๆ
ป่าปี้เป็นคนประเภทที่ถ้าไม่ขี้เหนียวคงจะลงแดงตายสินะ
ทรัพย์สมบัติของคุณทั้งหมดใช้เป็นสิบชาติก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้ว แล้วทำไมยังจะมาจ้องจะเอาเศษเงินอันน้อยนิดของเธออีกล่ะ
ไร้หัวใจจริงๆเลย
เธอผลักเยี่ยจิงเฉินออกเพื่อแสดงออกว่าเธอไม่สบายตัว
"งั้นคุณก็ไม่พบรองประธานเถอะค่ะ ครั้งนี้เขาเป็นคนทำให้ฉันต้องไปติดอยู่ในลิฟต์ ทั้งหนาวทั้งหิว อีกนิดฉันก็จะตายอยู่แล้ว ดังนั้นเขาต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้วก็ค่าเสียหายทางจิตใจให้ฉันด้วย รวมเบ็ดเสร็จแล้วก็น่าจะสักล้านแปดได้นะคะ" ถังซินเหยาแอบดีใจเล็กๆ โชคดีที่เธอไม่ได้หลุดพูดไป
ครั้งนี้เธอไม่คว้าน้ำเหลวหรอกนะ เธอต้องได้มันกลับคืนมาทั้งหมด
ตระกูลเยี่ยรวยขนาดนั้น เธอน่าจะได้ค่าเสียหายไม่น้อย
"แล้วเธอมีหลักฐานมั้ยว่าเขาเป็นคนทำให้เธอต้องไปติดอยู่ในลิฟต์?" เยี่ยจิงเฉินที่ถูกผลักออกรู้สึกผิดหวังนิดๆพร้อมกับถามเธอ
"คุณมีนี่คะ" ถังซินเหยาจำใจตอบไป
ป่าปี้หล่อขนาดนี้ เป็นหนุ่มแพรวพราวขนาดนี้ แล้วยังเป็นถึงท่านประธาน ต้องมีหลักฐานอยู่แล้วสิ
ถึงแม้ป่าปี้จะไม่ใช่ยอดมนุษย์แต่ในสายตาของถังซินเหยาแล้วก็นับว่าเขาเป็นอยู่แล้ว (ดังนั้นเธอก็เลยไม่โกหกเค่อหลาและลั่วหลิง ว่าป่าปี้ของพวกลูกๆของเธอเป็นยอดมนุษย์)
"แล้วทำไมฉันต้องช่วยเธอล่ะ?" เยี่ยจิงเฉินเลิกคิ้วพร้อมกับถาม
"ก็เพราะว่าศัตรูของศัตรูคือเพื่อนกันไงคะ ตอนนี้เราสองคนเป็นเพื่อนกันแล้วนะ แล้วก็เราสามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้มากกว่านี้ด้วย"
"อย่าลืมนะ ว่าฉันก็นามสกุลเยี่ยเหมือนกัน เขาเป็นพี่ใหญ่ของฉัน"
ป่าปี้ อย่าพูดอย่างนี้นะ
ความสัมพันธ์ของพวกคุณสองพี่น้องมันก็ไม่ได้ดีไม่ใช่หรือไง ทำไมตอนนี้ป่าปี้ถึงบอกว่าเยี่ยจิงซิงเป็นพี่ใหญ่ไปได้ล่ะ
"เงินของตระกูลเยี่ยก็เงินของผมเหมือนกัน" เยี่ยจิงเฉินพูดเสริม
ถังซินเหยา : ……..
ดังนั้นเลยจะบอกว่านี่คือประเด็นงั้นหรอ?
แม่เจ้า ป่าปี้รวยขนาดนี้ แค่ให้เธอสักหนึ่งในหมื่นของเงินป่าปี้เธอก็อยู่ได้เป็นสิบชาติแล้ว ยังจะขี้เหนียวอีก
จะพูดอะไรได้อีกล่ะ?
คนที่ยิ่งรวยก็ยิ่งขี้เหนียว ประโยคนี้มันช่างเหมาะสมจริงๆ จริงซะยิ่งก็ไข่มุกในทะเลซะอีก
เธอปฏิดสธที่จะพูดคุยเรื่องนี้ต่อ
เสียงท้องของเธอร้องจ๊อกๆขึ้นมา
มื้อเย็นของเมื่อวานเธอทานไปแค่ครึ่งเดียวก็โดนหลอกให้ออกมาแล้ว ตอนนี้เลยรู้สึกหิวเอามากๆ
เมื่อนึกถึงป่าปี้ที่ยังอยู่ข้างๆเธในตอนนี้ ใบหน้าของถังซินเหยาก็ขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมา
"ฉันปวดหัวนิดหน่อยค่ะ อยากจะพักผ่อนนิดหน่อย" ตอนนี้เเธอยังไม่รู้สึกสบายตัวอยู่มาก เมื่อกี้เพียงแค่ลุกขึ้นมาเพื่อพูดกับเยี่ยจิงเฉินก็เท่านั้น
ตอนนี้เธอเริ่มหิวแล้ว เธอเองก็ป่วย คงไม่หอบสังขารของเธอไปทำอาหารหรอก และเธอจำได้ว่าบ้านป่าปี้ไม่มีแม่บ้านด้วย
เธอหิวมากๆแต่ก็ขี้เกียจไปทำอาหารเช่นกัน
หลังจากที่เธอล้มตัวลงนอน เธอยังได้ยินเสียงหายใจที่สม่ำเสมอของเยี่ยจิงเฉินอยู่จนทำให้เธอเกิดอาการว้าวุ่นใจขึ้น
เธอลุกขึ้นนั่งพร้อมกับมองไปที่เยี่ยจิงเฉินแล้วถามว่า : "ประธานเยี่ยคะ มีอะไรอีกรึเปล่า?"
"ฉันมาเรียกเธอไปทานข้าวด้วยกัน" เยี่ยจิงเฉินพูดเบาๆ
ถังซินเหยา : ……..
ในตอนนี้ถังซินเหยาอยากจะคว้าคอขอป่าปี้เข้ามาแล้วตะโกนใส่หน้าเขาว่า : "นี่คุณกำลังล้อฉันเล่นรึเปล่า?"
แต่เมื่อนึกถึงสภาพตัวเองที่ไร้เรี่ยวแรงในตอนนี้เธอทำได้แค่เพียงยอมๆไปก่อน
เธออยากจะหัวเราะฮ่าๆใส่หน้าป่าปี้เลย
"ที่บ้านคุณไม่มีแม่บ้านหรอคะ?" ถังซินเหยาถามด้วยท่าทีหม่นๆ
จริงๆแล้วป่าปี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่?
ฉันเรียนมาน้อยนะ ป่าปี้ห้ามหลอกกันล่ะ
"ไม่มีหรอก" เยี่ยจิงเฉินลูบข้อมือตัวเองพร้อมกับกล่าวอย่างเรียบนิ่ง
ถังซินเหยาลูบไล้หน้าผากตัวเอง งั้นก็กินหมัดนี่แทนเลยมั้ย
ป่าปี้ นี่กำลังแกล้งฉันอยู่ใช่มั้ย
"แล้วจะทานอะไรล่ะคะ?" ถังซิเหยาถามอย่างนิ่งๆ หรือจะดื่มซีเป่ยฟางดี?
ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง ถึงแม้ว่าตอนกลางคืนจะหนาวมาก แต่ในตอนกลางวัน อาากาศก็ยังคงอบอุ่นอยู่ ดังนั้นแม้แต่ซีเป่ยฟางก็คงจะไม่ได้ดื่มหรอก
"ทานโจ๊กไง" เยี่ยจิงเฉินตอบ
"โจ๊กจากไหนคะ?" ถังซินเหยาถามแบบขอไปที
เยี่ยจิงเฉินไม่ได้ตบอะไร เพียงต่เม้มริมฝีปากของเขาแล้วจ้องเข้าไปที่ใบหน้าของถังซินเหยา
ถังซินเหยาที่ถูกเยี่ยจิงเฉินมองนั้นถึงกับงงงวย ทันใดนั้นเธอก็ตะลึงขึ้นมา
หรือว่า……หรือว่าป่าปี้จะทำเองงั้นหรอ?
"คุณทำเองหรอคะ?" ถังซินเหยาถามอย่างระวังคำพูด
เยี่ยจิงเฉินเงียบและไม่ได้ตอบอะไร
ดีเลย……..ป่าปี้ทำด้วยตัวเองจริงๆด้วย
ถ้าเธอบอกป่าปี้ว่าเธอไม่ได้หิว ป่าปี้จะเชื่อเธอรึเปล่านะ?
ขณะนี้ท้องน้อยๆของเธอก็ได้ส่งเสียงออกมาอีกแล้ว
อาหารที่ป่าปี้ทำคงไม่ใช่อาหารที่มีพิษหรอกมั้งนะ ถ้าเกิดกินเข้าไปแล้วจะเป็นอะไรมั้ย? เธอคงไม่ได้ไปเจอกับสตีฟ จอบส์ เพื่อดูสถานการณ์การเปิดตัวของไอโฟนหรอกนะ?
#ป่าปี้คนรวยกับดาร์กฟู๊ดที่เขาทำเอง เธอไม่อยากจะทานเลยสักนิด ทำยังไงดี ?#
"ขอบคุณคะประธานเยี่ย"
เอ่อ…….ที่เธอยอมทานอาหารที่ป่าปี้ทำก็้เพราะว่าป่าปี้ไปช่วยธอที่บริษัทเมื่อคืนนี้หรอกนะ !
เธอลุกขึ้นจากเตียง เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ตอนนี้กลับไม่ใช่เสื้อผ้าตัวที่เธอใส่เมื่อวานแล้ว แต่กลายเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวใหญ่โดยที่เผยให้เห็นขายาวขงเธออย่างชัดเจน
เธอไม่อยากจะถามเลยว่าใครเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ มันต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ
เพราะเธอมีไข้อยู่อ่อนๆจึงทำให้ร่างกายของเธอไร้เรี่ยวแรง
เธอแทบจะล้มลงไปกองอยู่กับพื้น รู้สึกอ่อนระทวยไปทั้งตัว แค่ยืนก็จะยืนไม่นิ่งอยู่แล้ว อีกนิดเธอก็แทบจะล้มจากการทรงตัว
เยี่ยจิงเฉินยื่นแขนของเขามาคว้าเอวบางของถังซินเหยาเพื่อยึดร่างเธอเอาไว้ เมื่อร่างของถังซินเหยาอยู่แนบชิดกับเยี่ยจิงเฉินมันทำให้เธอได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของเขาโชยมาจนทำให้ถังซินเหยาเต้นแรงไม่หยุด
ถ้าเกิดเต้นแรงมากกว่านี้ หัวใจของเธอต้องมีปัญหาแล้วแน่ๆ
เธอยกมือขึ้นมาผลักเยี่ยจิงเฉินออก มือของเขารวบเอวของเธอไว้ข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็จับมือทั้งสองข้างของเธอที่อยู่ไม่สุขเอาไว้แน่น พร้อมกับขมวดคิ้วแล้วพูดกับเธอว่า : "เด็กดี……อย่าดื้อ"
คุณจะบ้าหรอ ฉันดื้อตรงไหนเล่า?
"คุณปล่อยฉันก่อนนะคะ" ป่าปี้หล่อขนาดนี้ เธอกลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่อยู่
ถ้าเกิดเธอเกิดอารมณ์ขึ้นมาแล้วทำเรื่องที่น่าอายลงไปจะทำยังไง?
"เธอมีแรงจะเดินลงไปบันไดไปเองหรอ?" เยี่ยจิงเฉินพูดพร้อมับยกยิ้ม
ถังซินเหยาครุ่นคิด หลังจากที่ถังซินเหยานึกถึงสภาพอันไร้เรี่ยวแรงของตัวเองในตอนนี้ เธคิดว่าเธอคงจะสามารถเดินจากตรงนี้แล้วลงบันไดไปเองได้
"ขอบคุณค่ะประธานเยี่ย" ถ้าเทียบกับการเดินลงบันไดไปคนเดียว เธอคิดว่าคงดีกว่าถ้าจะให้ป่าปี้สุดหล่อคนนี้ช่วยพยุงเธอลงไป
เมื่อคำพูดของถังซินเหยาสิ้นสุดลง เยี่ยจิงเฉินก็ก้มตัวลงพร้อมกับอุ้มร่างของถังซินเหยาขึ้นมาในท่าเจ้าสาว
นี่คือสิ่งที่ถังซินเหยาปรารถนามาช้านาน
ดังนั้น…ตอนนี้สถานะของเธอก็เปลี่ยนแล้วงั้นสิ?
จากการเป็นแค่คู่นอนในอดีตกลายมาเป็นตัวเอกในปัจจุบันแล้ว
โดนอุ้มขนาดนี้แล้ว ถังซินเหยาคงไม่ใช่คนทีขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่คิดไปเองแล้วสินะ
ตอนแรกถังซินเหยาคิดว่าตัวเองจะตายเพราะดาร์กฟู๊ดของป่าปี้ซะอีก แต่เธอไม่คิดเลยแม้แต่นิดเดียวว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอจินตนาการเลยแม่แต่น้อย
แล้วเรื่องดาร์กฟู๊ดที่เธอพูดไปนั้นล่ะ?
นี่มันไม่ใช่เลยสักนิด เธอไม่เชื่อหรอกนะ