ถังซินเหยาหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะเปิดไฟฉาย
เธอนั่งลงพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างของเธอกอดเข่าเอาไว้แล้วซุกหน้าลงไปกับหน้าตักของเธอ
ไม่ใช่ว่าเธอตั้งใจจะทำร้ายตัวเองหรือว่าไม่อยากให้ใครมาช่วยเธอหรอกนะ แต่ว่าตอนนี้ในลิฟต์มันไม่มีสัญญาณ นี่มันไม่ได้เรื่องเลยสักนิด
จะติดต่อใครก็ไม่ได้ นอกจากเยี่ยจิงซิงคนที่จงใจทำแบบนี้ คนอื่นก็ไม่ได้รู้เห็นด้วยแล้วว่าเธอติดอยู่ในลิฟต์นี้
ตอนนี้เริ่มเข้าสู่ต้นฤดูใบไม้ร่วงแล้วตอนกลางวันก็จะมีแดดอ่อนๆ แต่พอตกกลางคืนแล้วอากาศก็จะเริ่มหนาวเย็นเรื่อยๆ
ตอนเธอออกมาเธอรีบมากๆจึงลืมหยิบเสื้อคลุมมาด้วย มีเพียงแค่เสื้อเชิ้ตที่สวมใส่อยู่ตอนนี้ตัวเดียวพร้อมกับกระโปรงเท่านั้น นอกนั้นก็มีเพียงผิวหนังเปลือยเปล่าของเธอที่ถูกครอบคลุมไปด้วยอากาศที่หนาวเย็นจนขนลุกไปทั้งตัวแล้วในตอนนี้
หนาวจังเลย……ทำยังไงดี?
ถ้าหากว่ารอให้ถึงเช้าของวันพรุ่งนี้ ถ้าเธอไม่ตายก็คงเลี้ยงไม่โตแล้วล่ะ
เมืองบีอยู่ทางตอนเหนือ อากาศจึงหนาวมากเป็นพิเศษ
พระเจ้า เยี่ยจิงซิงคนเจ้าเล่ห์
ฉันจะแข็งตายอยู่แล้วนะ
ให้ตายเถอะ ถ้าเธอตายจริงๆล่ะก็ได้ตายฟรีๆน่ะสิ
ตระกูลเยี่ยเป็นตระกูลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพล แต่เธอเป็นเพียงคนธรรมดาๆ แต่สำหรับสายตาตระกูลเยี่ยแล้วเธออาจจะมีค่าเทียบเท่ากับรถคันนึงเพียงเท่านั้นแหละ
แม้ว่าลูกชายและลูกสาวของเธอนั้นฉลาดมาก แต่ก็เป็นแค่เด็กอายุห้าขวบเท่านั้น
ถึงแม่ว่าป่าปี้ของเธอลู่หงเทียนจะเป็นถึงนายพล แต่เธอก็เป็นแค่ลูกสาวนอกสมรส เขาก็คงไม่ยอมรับคนอย่างเธอหรอก ตระกูลเยี่ยเองก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำ
แม่เลี้ยงชีชีก็เป็นที่รู้จักในสังคมไปแล้ว ถึงแม่เธอจะรู้จักคนดังอยู่หลายคนแต่ในเรื่องนี้ก็คงช่วยอะไรไม่ได้
ส่วนฟางซวี่เจ๋อเองก็ถูกเธอปฏิเสธไปแล้ว แล้วลูกพี่ลูกน้องของเขาก็ยังเป็นว่าที่ภรรยาของตระกูลเยี่ยอีกด้วย
ก็เหลือแค่ป่าปี้แล้วล่ะ แต่เธอกับป่าปี้ทำสงครามประสาทกันอยู่นี่นา
คิดไปคิดมาแล้ว ถ้าเกิดเธอตายขึ้นมาจริงๆใครกันล่ะที่จะแก้แค้นแทนเธอ
เห่อ……แย่จริงๆ
พอนึกถึงป่าปี้แล้วก็ราวกับว่าเธอได้ควบม้าไปเรื่อยๆในขณะที่ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยเมฆหมอก และดอกไม้นานาพรรณและจู่ๆก็ต้องตายอยู่ข้างทางยังไงอย่างงั้น
ตอนนี้ป่าปี้คงกำลังออกเดทสุดแสนโรแมนติกใต้แสงจันทร์อยู่กับลู่อันหรานผู้เป็นที่รักของเขาอยู่สินะ
และร้านอาหารนั้นเธอก็เป็นคนจองเองซะด้วย สร้อยข้อมือขอองขวัญวันเกิดของลู่อันหรานเธอก็เป็นคนเลือกเองเช่นกัน
เพียงนึกถึงเรื่องราวพวกนั้นทั้งหัวใจท้ังร่างกายของเธอก็ชาไปทั้งหมด
ทำไมธอต้องทำสงครามประสาทกับป่าปี้กันนะ เธนึกเสียใจนิดแล้วสิ
ถังซินเหยาหนาวจนตัวสั่น แก้มและปากสีแดงระเรื่อของเธอนั้นในตอนนี้กลับซีดเซียวลงเรื่อยๆ ราวกับว่าไม่มีเลือดแล้วยังไงอย่างงั้น
ในเวลานี้เยี่ยจิงเฉินที่ถังซินเหยากำลังคิดถึงอยู่คงจะออกเดทอยู่กับลู่อันหรานจริงๆสินะ
วันนี้เป็นวันเกิดของลู่อันหราน ไม่ว่าจะมีเรื่องสำคัญแค่ไหนเยี่ยจิงเฉินก็ต้องออกไปทานข้าวกับกับเธออยู่แล้ว ส่วนวันเกิดจามปฎิทินตามจันทรคติก็คงฉลองกันเองกับครอบครัว
ถังซินเหยาจองร้านอาหารนั้นที่โรแมนติกมากๆ ฟางซวี่เจ๋อเคยพาเธอไปมาแล้ว
เหมาะกับคนที่เป็นคู่รักกันมากๆที่จะมาทาน พอมาคิดๆดูแล้วเธอช่างเป็นเลขาที่ทุ่มเทให้กับงานจริงๆเลย
วันนี้เยี่ยจิงเฉินเหม่อลอยเล็กน้อย ลู่อันหรานเรียกเขาอยู่หายครั้งเขาถึงหลุดจากภวังค์
"จิงเฉินคะ….จิงเฉิน" ลู่อันหรานเรียกเยี่ยจิงเฉินที่กำลังเหม่ออยู่ในตอนนี้ เธอถามด้วยน้ำเสียงดีๆไปว่า : "คิดอะไรอยู่หรอคะ?"
เยี่ยจิงเฉินยังคงใบหน้าที่เย็นชาของเขาระงับอารมณ์ภายใจของเขาไว้ได้อยู่ทั้งหมด
"ไม่มีอะไร" เยี่ยจิงเฉินตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จริงไแล้วเขากำลังคิดถึงผู้หญิงคนนั้นที่เขาใส่อารมณ์กับเธอ โกรธเธอ เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธอคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าหายโกรธเขารึยังนะ
"ขอบคุณนะคะที่คุณมาฉลองวันเกิดด้วยกันกับฉันได้ ฉันมีความสุขมากๆค่ะ" ลู่อันหรานพูดกับเขาด้วยความอ่อนโยน เธอชินกับความเย็นชาของเยี่ยจิงเฉินไปแล้วล่ะ
เขาเป็นคนที่มีบุคลิกเป็นคนเย็นชาแบบนี้อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยอ่อนโยนกับเธอเลยก็ตาม
แต่เขาก็ไม่เคยไปทำตัวอ่อนโยนกับผู้หญิงคนอื่นเช่นกัน ลู่อันหรานจึงไม่ได้คิดมากอะไร
เยี่ยจิงเฉนหยิบกล่องเล็กๆที่ห่ออย่างประณีตออกมา เป็นของขวัญที่ผู้หญิงคนที่เขาเขาตัวไม่ดีใส่ไปนั่นแหละ
เขาส่งสายตาที่อบอุ่นพร้อมกับมอบของขวัญให้แก่ลู่อันหราน : "สุขสันต์วันเกิดนะ"
เมื่ออันหรานเปิดของขวัญออกเธอก็เห็นว่ามันคือสร้อยข้อมือแบบใหม่แล้วยังเป็นคอลเลคชั่นสำหรับคนรักด้วย
นี่มันหมายความว่า……..
เธอตื่นเต้นเล็กน้อย พร้อมกับใบหน้าของเธอที่เริ่มขค้นสีแดงระเรื่อ
"ฉันชอบมากค่ะ ขอบคุณ…..นะคะ" ลู่อันหรานหยิบสร้อยข้อมือนั้นออกมาพร้อมกับใส่มัน สร้อยข้อมือเส้นนี้ช่างเหมาะกับผิวขาวดุจพระจันทร์ที่เปล่งประกายของเธอสวยงามจริงๆ : "ฉันใส่แ้วสวยมั้ยคะ?"
เยี่ยจิงเฉินดูข้อมือของอันหรานที่สวมสร้อมข้อมือนั้น ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าสวยมากๆจริงๆ
แต่ถ้าหากเป็นถังซินเหยาใส่ จะสวยยิ่งกว่ามั้ยนะ?
"ก็สวยดี"
ลู่อันหรานดีใจเป็นอย่างมาก ที่ได้รับคำชมจากปากของเยี่ยจิงเฉินก็ทำให้เธอมีความสุขมากๆแล้วล่ะ
"เดี๋ยวเราไปฟังงานดนตรีด้วยกันมั้ยคะ งานดนตรีงานนี้ฉันตั้งตารอมานานแล้วค่ะ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วด้วย" ลู่อันหรานหยิบตั๋วงานดนตรีออมาจากกระเป๋าของเธอพร้อมกับใบหน้าที่คาดหวังคำตอบของเธอ
เยี่ยจิงเฉินมองใบหน้าที่สวยสง่าของลู่อันหรานพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกายของเธอที่ดูหม่นไปในชั่วขณะ
พอตั้งใจมองดีๆแล้ว ก็มีหลายๆจุดเหมือนกันที่ลู่อันหรานและถังซินเหยาคล้ายกัน
เพียงแต่ลู่อันหรานจะเยนชากว่า ริมฝีปากคมและมีใบหน้าที่คมมากกว่า ดูแข็งแกร่งและเย็นชาเล็กน้อยก็เท่านั้น แต่ริมฝีปากของถังซินเหยาจะอวบอิ่ม มีใบหน้าที่เป็นมาตราฐานรูปไข่โค้งสวย ถึงทั้งสองจะคล้ายกันแต่ให้ความรู้สึกที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
"ไม่ได้หรอคะ?" ลู่อันหรานที่เห็นว่าเยี่ยจิงเฉินไม่ตอบอะไรจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
"ได้สิ ทานข้วเสร็จค่อยไป" ถึงแม้ว่าการแสดงออกของเยี่ยจิงเฉินจะเย็นชาแต่เขาก็ไม่ได้ทำให้ลู่อันหรานผิดหวังแต่อย่างใด
ลู่อันหรานยิ้มตลอดทั้งคืนและรอยยิ้มหวานของเธอไม่ได้หายไปจากใบหน้าสวยของเธอเลย
เมื่อทั้งสองทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ลู่อันหรานขอตัวไปเติมแต่งหน้าของเธอก่อนที่ห้องน้ำ
เยี่ยจิงเฉินยืนพิงอยู่ที่รถพร้อมกับจุดบุหรี่แล้วก็สูบมัน
ดวงตาของเขาลึกซึ้งจนไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
อากาศในตอนนี้เต็มไปด้วยความเยือกเย็น ราวกับว่าเพียงแค่สูบเอาอากาศเย็นๆนี้เข้าไปเพียงเฮือกเดียวก็สามารถทำให้ปวดของเขาปลอดโปร่งได้
โทรศัพท์ของเขาสั่น เขาหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าของเขา : ผู้หญิงของคุณติดอยู่ในลิฟต์ที่บริษัท ถ้าไม่อยากให้เธอตาย ก็รีบไปช่วยเธอออกมาซะ
เมื่อเขาเห็นเนื้อหาแจ้งเตือนของโทรศัพท์ของเขาแล้ว ใบหน้าของเยี่ยจิงเฉินยิ่งนิ่งมากขึ้นไปอีก
เกิดเรื่องขึ้นกับถังซินเหยา……….
เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมั่นใจในความรู้สึกของเขาว่าคนที่ติดอยู่ในลิฟต์ไม่ใช่ลู่อันหรานแต่ไม่ใช่ถังซินเหยา
เยี่ยจิงเฉินโทรหาถังซินเหยา และเสียงที่ตอบกลับมาคือ : "ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่ได้อยู่ในพื้นที่ให้บริการ กรุณา……."
เขารีบตอบกลับข้อความนั้นทันที แต่ข้อความนั้นกลับเป็นกล่องข้อความที่ว่างเปล่าไปแล้ว
ข้อความนี้มันไม่ชอบมาพากล มันยิ่งเหมือนกับการวางกักดักเขามากขึ้นไปอีก
แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะ? ถ้าถังซินเหยาติดอยู่ในลิฟต์จริงๆ ถึงจะไม่หนาวสั่นอยู่ในนั้นแต่เธอก็คงรู้สึกไม่ดีมากๆแน่ๆ
เมื่อคิดถึงเรืองที่อาจจะเป็นไปได้ขึ้น เยี่ยจิงเฉินจึงรู้สึกังกลขึ้นมา
MANGA DISCUSSION