ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 73 : โดนป่าปี้ปฏิเสธ
เยี่ยจิงเฉินวางปากกาในมือของเขาลงโดยที่ไม่สนใขถังซินเหยาด้วยสีหน้าท่าทางที่เย็นชาของเขา สิบนิ้วเรียวยาวของเขาวางอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องทำงานของเขาพร้อมกับถามขึ้นด้วยนำ้เสียงโอ่อ่าไปว่า : "นี่พี่ใหญ่ออกจากโรงพยาบาลแล้วหรอครับ? ทำไมถึงไม่แอดมิดพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลอีกสักสองสามวันล่ะครับ เผื่อว่าจะมีอาการอะไรขึ้นมาอีก"
ป่าปี้ชักดาบออกเสียแล้ว ปากร้ายๆของป่าปี้นี่มันช่าง……น่ารักจริงๆเลย!
ดูท่าแล้วเยี่ยจิงซิงนั้นหัวร้อนจะระเบิดเลยทีเดียว
อาการอะไรกันล่ะ มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเยี่ยจิงซิงจะไม่กลับไปเป็นซ้ำสองอีก
ถึงจะเกิดเป็นลูกผู้ชายแต่ก็จะไม่ทนเหมือนกัน
แต่ลูกชายทั้งสองของตระกูลเยี่ยจะไม่สนใจเธอเลยหรอ หรือว่าช่วงนี้เธอผอมไปจนทำให้รู้สึกไม่ได้ถึงการมีอยู่ของเธอแล้ว?
"นายไม่ต้องห่วงหรอก ในระหว่างที่พี่ไม่อยู่ที่บริษัทก็ขอบคุณมากนะที่ช่วยดูแลแทนให้ ลำบากนายแย่เลย" เยี่ยจิงซิงกัดฟันพูด
ให้ตายเถอะ คำพูดนี้อย่างกับว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัทเยี่ยกรุ๊ปนี้อย่างงั้นแหละ เธอไม่ได้รู้สึกไปเองใช่มั้ย?
"แน่นอนอยู่แล้ว" เยี่ยจิงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่มีกลยุทธ์และคาดเดาอารมณ์ไม่ได้ : "เพราะบริษัทอยู่ในความรับผิดชอบของผมอยู่แล้ว แล้วช่วงที่พี่ไม่อยู่ ที่บริษัทก็ไม่ได้มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นด้วย"
นี่เป็นการบ่งบอกว่าถึงเยี่ยจิงซิงจะอยู่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับส่วนได้ส่วนเสียของบริษัทอยู่แล้ว
ป่าปี้นี่สุดยอดไปเลย เธอน่ะทั้งเคารพ นับถือ ทั้งตกหลุมรักป่าปี้แล้วก็หยุดความรู้สึกพวกนี้ไม่ได้ด้วย!
"นายมีอะไรน่าภูมใจงั้นหรอ เยี่ยจิงเฉิน นายมันก็แค่ลูกนอกสมรสนั่นแหละ" เยี่ยจิงซิงโกรธเคืองกับคำพูดเพียงไม่กี่คำของเยี่ยจิงเฉิน ดวงตาแห่งความโกรธทั้งสองข้างของเขาเต็มไปด้วยสีแดงราวกับเลือดพร้อมกับแสดงท่าทางเกลียดชังออกไป : "ถึงนายจะเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมแล้วมันยังไง บริษัทเยี่ยไม่สมควรเป็นของลูกนอกสมรมอย่างนายหรอก หวังลมๆแล้งๆไปรึเปล่า ยังไงเสียสักวันบริษัทนี้ก็ต้องตกเป็นของพี่อยู่ดี นายก็เป็นได้แค่ลูกมือเท่านั้นแหละ"
ให้ตายเถอะ เยี่ยจิงซิงนี่ชักเกินไปแล้วนะ
ป่าปี้ ป่านี้ต้องสู้นะ
เยี่ยจิงเฉินที่ใจสู้เต็มร้อยในตอนนี้กับเงียบลงและพูดไม่ออกทันที
ถึงแม้ว่าเธอยังคงทำสงครามประสาทกับป่าปี้อยู่ แต่เธอทนดูคนอื่นมารังกป่าปี้ไม่ได้หรอกนะ
แม้แต่เธอยังไม่เคยรังแกป่าปี้เลยนะ (ทำท่านิ้วชี้ชนกัน) เธอน่ะเป็นถึงเลขาของเยี่ยจิงเฉิน จะทนดูคนน่าเกลียดอย่างเยี่ยจิงซิงรังแกบอสใหญ่ของเธอได้ยังไงกัน
"คือว่า…….." ถังซินเหยาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่ดังและไม่เบาแต่กลับทำให้คนฟังนั้นได้ยินอย่างชัดเจนไปว่า : "รองประธานไม่ใช่ผู้หญิงนะคะ ทำไมถึงต้องอยากได้ชุดแต่งงานด้วยล่ะคะ น่าแปลกจังเลยนะคะ! ไม่ใช่ว่าผู้หญิงหรอคะที่เขาต้องการชุดแต่งงาน? หรือว่าในอนาคตรองประธานเยี่ยจะใส่ชุดแต่งงานผู้หญิงคะ?"
เยี่ยจิงเฉินเงยใบหน้าหล่อเหลาของเขามองไปที่ถังซินเหยาราวกับว่าจะยิ้มออกมายังไงอย่างงั้น ป่าปี้น่ะร้ายกาจจริงๆ หล่ออะไรขนาดนี้
"เธอหุบปากไปเลยนะ" เยี่ยจิงซิงมองถังซินเหยาด้วยสายตาน่ากลัวพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงโกรธ
เอ่อ…….คุณคิดว่าคนอย่างฉันอยากจะคุยกับคุณมากนักหรือไงกัน
"เธอออกไปให้พ้นตาฉันเลยนะ แล้วต่อไปก็ไม่ต้องเสนอหน้ามาอีก" เยี่ยจิงซิงพูดด้ยน้ำเสียงหยิ่งผยอง
"ฉันทำสัญญากับบริษัทไปแล้วนะคะ ถ้าเกิดผิดสัญญาล่ะก็ บริษัทจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้ฉันจำนวนไม่น้อยเลยล่ะค่ะ ถ้าเป็นเช่นนั้นฉันก็โอเคนะคะ" ถังซินเหยาพูดกับเยี่ยจิงซิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอบยิ้ม
ตอนนี้เธอกำลังเป็นฝ่ายรุกเพื่อโจมตีและจะถอยเมื่อต้องป้องกันตัวเอง
ไม่ว่าเยี่ยจิงซิงจะตัดสินใจยังไง เธอก็ได้กำไรอยู่แล้ว
เพียงแค่จะได้ชื่อเสียงหรือได้กำไรก้เท่านั้นเอง
เยี่ยจิงซิงกลับไม่ได้ตอบโต้อะไร เพียงค่อยๆหัวเราะขึ้นพร้อมกับพูดว่า : "คนรับผิดชอบเรื่องจิวเวลรี่เป็นฉันตั้งแต่แรกออยู่แล้ว พวกผลงานเก่าๆของเธอน่ะ ฉันดูมาหมดแล้วล่ะ และมันก็มีปัญหาทุกงาน บ่ายนี้มารับงานของเธอไปแก้ไขให้หมดด้วย"
รอยยิ้มของเยี่ยจิงซิงไม่ได้ดูแย่เลย แต่กลับดูอบอุ่นเสียด้วยซ้ำ
แต่การที่ได้เห็นรอยยิ้มของเยี่ยจิงซิงในครั้งนี้กลับทำเอาถังซินเหยาถึงกับขนลุกซู่เลยทีเดียว
รอยยิ้มของเยี่ยจิงซิงน่ะน่ากลัวเสียยิ่งกว่าอารมณ์ร้อนๆของเขาเองเสียอีก
"บ่ายนี้ เธอมาพบฉันด้วยล่ะ?" เยี่ยจิงซิงพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ
อารมร์ต่างกับอารมณ์เมื่อกี้อย่างกับคนละขั้วเชียวนะ
ไม่เห็นเหมือนเมื่อกี้เลยสักนิดเดียว จู่ๆก็เปลี่ยนอารมณ์ราวกับคนละคน ทำเอาคนเขารับมือแทบไม่ทัน
เธอมีรางสังหรณ์ว่าเยี่ยจิงเฉินต้งไม่สบายใจแน่ๆถ้าเธอไป ทำยังไงดีล่ะ เธอไม่อยากไปเลย
"ประธานเยี่ยคะ บ่ายนี้ต้องการให้ฉันออกไปกับคุณมั้ยคะ?" ถังซินเหยามองไปที่เยี่ยจิงเฉินด้วยสายตาประกายแวววาวราวกับแสงทองที่ส่องประกายทำให้ใบหน้าของเธอดูสดชื่นมีชีวิตชีวามากขึ้น
เธอลืมไปแล้ว ว่าเธอกำลังทำสงครามประสาทกับป่าปี้อยู่
"ไม่ต้อง" เยี่ยจิงเฉินพูดกับถงซินเหยาด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์และไม่ลังเลที่จะตอบ
ถังซินเหยาราวกับเจอพายุมรสุม รู้สึกว่าเธอไม่โอเคเลยสักนิด ป่าปี้บอกว่าไม่ต้องไปจริงๆงั้นหรอ?
แม่เจ้า ป่าปี้มีใจเมตตาต่อกันบ้างมั้ยเนี่ย? หรือว่าเยี่ยจิงซิงกับเขาลงเรือลำเดียวกันแล้ว?
เขาเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ฮิตฮอตนี่เอง
ป่าปี้ ที่ป่าปี้ขายลูกทีมอย่างเธอให้คนอื่นแบบนี้ จะไม่ปัญหาจริงๆหรอ?
เยี่ยจิงซิงยกยิ้มพร้อมกับพูดดูถูกเยี่ยจิงเฉินว่า : "พี่จะแนะนำอะไรให้นายนะ อย่าคาดหวังอะไรในสิ่งที่มันไม่ใช่ของนายเลย ไม่อย่างงั้นล่ะก็เมื่อถึงตอนนั้น นายจะไม่เหลืออะไรเลย"
เยี่ยจิงซิงเตือนเยี่ยจิงเฉิน เขาเตรียมตัวมาอย่างดีพร้อมกับกลยุทธ์ที่ว่า ไม่อยากะคุยกับคนโง่เขลาอย่างเยี่ยจิงเฉินให้เสียเวลา
ป่าปี้ทิ้งกันแบบนี้ ในเวลาอย่างงี้ เธอเองก็ไม่สามารถพูดอะไรเพื่อช่วยเหลือป่าปี้ได้แล้วนะ
เยี่ยจิงซิงที่เข้ามาพูดสิ่งที่เขาต้องการจบก็เดินออกไปทันที
รวมถึงถังซินเหยาเองก็หันหลังเดินออกไปเช่นกัน ตอนนี้เธอจะต้องไปจัดการกับความรู้สึกของเธอที่โดนป่าปี้ทั้งเมินและไม่แยแสเธอเมื่อกกี้นี้เสียก่อน
เยี่ยจิงเฉินที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของเขาตอนนี้เดินไปที่หน้าต่างสูงตั้งแต่เพดานจรดพื้นนั้นออกไปข้างนอก
เขาพลันนึกถึงผู้หญิงคนเมื่อกี้ที่พยายามจะช่วยรักษาหน้าพร้อมกับสายตาที่ดูเศร้าหมองของเขา ทำให้เยี่ยจิงเฉินรู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย
เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ยืนหยัดปกป้องเธอต่อหน้าของเขาอย่างเห็นได้ชัดเจนจึงทำให้เขารู้สึกทึ่งมากๆ
ในกระจกขาวสะอาดนั้นมีใบหน้าอันหล่อเหลาของเยี่ยจิงเฉินพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มของเขาอยู่ เป็ยรอยยิ้มที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่
ช่วงบ่ายถังซินเหยาได้ปหาเยี่ยจิงซิงด้วยความเศร้าใจ เยี่ยจิงซิงไม่ได้ทำให้เธอลำบากอะไรแต่กลับยกห้องทำงานนั้นให้ถังซินเหยาได้ทำงานอีกด้วย
จากความคิดของตัวเองแล้ว มันบอกถังซินเหยา
ว่าถึงแม้เรื่องที่เธอคิดมันจะไม่เกี่ยวกับงานออกแบบของเธอเลย แต่บรรยากาศการทำงานร่วมกันก็ถือว่าไม่ได้แย่
งานวาดนี้ ไม่เหมือนกันกับที่จินตนาการเลยแม้แต่นิดเดียว
แล้วเรื่องที่รังแกกัน เรื่องที่ทำตัวเป็นศัตรูกันล่ะ?
อย่างน้อยก็น่าจะเอาโต๊ะทำงานของเธอไปวางอยู่ใกล้ๆห้องน้ำไม่ใช่หรอ
มันไม่ใช่เลยสักนิด ห้องทำงานของเธอมีทำเลดีๆ แสงส่องมากำลังโอเค แล้วยังมีกระถางต้นไม้วางเรียงกันอยู่หลายอันแบบนี้ เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับการทำงานขึ้นตั้งเยอะ ห้องทำงานที่ดีกว่านี้คงไม่มีแล้วแหละ ถ้าเปรียบเทียบกับห้องทำงานของเธอที่บริษัทCKล่ะก็คงเทียบไม่ติดกับที่นี่เลยด้วยซ้ำ
หรือจริงๆแลเวเยี่ยจิงซิงคนนี้จะเป็นสุภาพบุรุษใจกว้างอย่างงั้นหรอ?
ไม่ต้องพูดเถอะโอเค๊?
ความเป็นไปได้นี้มันน้อยกว่าป่าปี้พ่อของลูกเธอที่เลิกรากันมาหลายปีแล้วเสียอีก
ถังซินเหยามักจะคิดว่าเยี่ยจิงซิงไม่ได้เป็นคนดีอะไร อาจจะเป็นเพราะเขากำลังิดจะทำอะไรอยู่แน่ๆ……….