“เพราะว่าพวกเราสามารถสร้างผลประโยชน์ที่มากกว่าเดิมให้กับเยี่ยหวางกรุ๊ปได้”
“เธอรู้สึกว่าเยี่ยหวางจะสนใจเรื่องเล็กน้อยนี้เหรอ?”เยี่ยจิงเฉินหยิ่งมาก
“นักธุรกิจมีผลกำไรมาก ฉันเชื่อว่าประธานเยี่ยเป็นคนฉลาดที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง คงจะไม่ดูถูกนักธุระกิจที่ไม่มีกำไรหรอก”
แย่แล้ว จ้าวหลินพึ่งจะถูกมนุษย์ต่างดาวเข้ามาใกล้เหรอ?ถ้าไม่อย่างนั้นไม่ทันไรเธอจะสามารถเข้ามาในวงการนี้แล้วเหรอ
เมื่อครู่ก็เห็นอยู่ชัดๆว่าสมองยังกลวงอยู่เลย นี่มันไม่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์เหรอ?
“พูดได้ไม่เลวนี่ ถึงแม้ว่านักธุรกิจจะมีผลกำไรมาก แต่ว่าฉันอยากให้เธอเข้าใจปฏิบัติตัวต่อคนอื่น ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์ก็มาเปลี่ยนความคิดฉันไม่ได้”เยี่ยจิงเฉินแทบจะไม่มองจ้าวหลินและฟางอี้เฉิงแม้แต่น้อย“เมื่อครู่นี่พวกคุณรังแกเลขาของผม จะตีหมาก็ต้องดูเจ้าของ ดูแล้วพวกคุณไม่ได้สนใจผมเลย”
จะตีหมาต้องดูเจ้าของก่อน?
ก็ถือว่าป่าปี้อยากจะปกป้องเธอ แต่ว่าโดนเปรียบเทีบเป็น……หมา……เธอไม่ได้ดีใจเลย
ไม่พูดอะไรแล้วได้ไหม?
ไม่เห็นร้อยยิ้มเยาะเย้ยของจ้าวหลินเหรอ?นั่นมันทำให้เธอขายหน้า
เมื่อครู่นี้ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้สามารถคงตำแหน่งตัวเองไว้ได้ นำหน้าจ้าวหลินและฟางอี้เฉิง
แต่ว่าป่าปี้พูดออกมาแบบนี้ ก็ทำให้เธอได้รับการปลอดปล่อย ถูกโดนโจมตีไปหมดแล้ว
นี่มันไม่กลัวคู่ต่อสู้ที่เซียนเลย แต่กลับกลัวเพื่อนร่วมทีมที่เหมือนหมู
ถึงแม้ป่าปี้จะหล่อมากจริงๆ แต่ว่าก็ไปเปลี่ยนเรื่องจริงของเพื่อนที่มรยศ
เป็นอย่างนั้นจริงๆจ้าวหลินเอามือปิดปาก หัวเราะออกมาเล็กน้อย“ฉันคิดว่าประธานเยี่ยเข้าใจผิดแล้ว ซินเหยาเป็นเพื่อนสมัยเรียนของฉัน เมื่อครู่นี้ก็แค่กำลังคุยกันเรื่องอดีต”
“กอดกันเพื่อย้อนอดีต?”เยี่ยจิงฉินทำหน้าเคร่ง
ย้อนอดีตอะไรกันเล่า เธอจำไม่ได้ตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ?ยิ่งกว่านั้นก็รู้อยู่ว่าพวกคุณย้อนอดีตอยู่ฝ่ายเดียว
ถ้าหากอยากจะพูดแบบนี้ เธอเพียงแค่ถูกย้อนอดีตเท่านั้นเอง
“ย้อนอดีตต้องกอดกันด้วยเหรอ?”เยี่ยจิงเฉินถามด้วยหน้าที่มืดมน
ซวยแล้วสิ พอได้ยินคำถามนี้
ก็ไปมองจ้าวหลินอีกครั้ง เห็นได้ชัดถึงกลิ่นอายของความไร้ยางอาย เธอรู้ว่ามันจะแย่ลง
ตามคาด จ้าวหลินทำหน้าเข้าใจ และยิ้มพูด“นั่นมันก็เพราะซินเหยากับประธานฟางของพวกเราเคยเป็นคู่รักกันมา เพราะว่าได้เจอกันมานานแล้ว ดังนั้นประธานฟางของพวกเราเลยตื่นเต้นเล็กน้อย”
แย่แล้วสิ อะไรคือการเป็นคู่รัก?
ยิ่งกว่านั้นเธอไม่เติมคำว่า‘เคย’เหรอ?
พวกเขาเลิกกันตั้งแต่หกปีที่แล้วแล้วโอเคไหม?สลับไปสลับมาโจ่งแจ้งขนาดนี้ ไม่กลัวปากเป็นแผลเหรอ?
เมื่อกี้นี้คนไร้ยางอายคนไหนพูดว่าพวกเรารักกันด้วยใจจริง ทำหน้าเป็นทุกข์ขอร้องอ้อนวอนให้อภัยให้พวกเขา
“เป็นแบบนี้เองเหรอ?”เยี่ยจิงเฉินถามฟางอี้เฉิงด้วยสายตาที่มืดมน
จ้าวหลินส่งสัญญาณทางตาให้ฟางอี้เฉิง ฟางอี้เฉิงพยักหน้า พูดว่า“ใช่”
คนเลวสองคนนี้ เมื่อครู่พวกเธอส่งสายตาให้กัน คิดว่าคนอื่นตาบอดหรือไงกันนะ?
แต่สุดท้ายก็มีคนที่มองไม่เห็น
“อ๋อ?จริงๆแล้วแฟนเธอเป็นทายาทของเตียนเฟิงกรุ๊ปนี่เอง ไม่เคยได้ยินเธอพูดถึงเลยนะ”เยี่ยจิงเฉินมองถังซินเหยาด้วยสีหน้าเงียบสงบ พูดน้ำเสียงทำให้รู้สึกได้ว่ามีลับลมคมในว่า“ทำไมเธอไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ถือว่าช่วงเวลานี้คือช่วงตั้งใจปรนนิบัติ ฉันก็จะให้โอกาสกับพวกเธอด้วย”
ถังซินเหยา……
ทำท่าแอ๊บแบ๊ว เธอมีทายาทของเตียนเฟิงกรุ๊ป เธอเองยังไม่รู้เลย?
ตั้งใจปรนนิบัติอะไรป่าปี้ ประโยคนี้ฟังแล้วดูมีเลิศนัย ทำให้คนอื่นที่ได้มองแล้วรู้สึกไม่สบายใจ
“ไม่……ไม่ใช่นะ ฉัน……”
“ซินเหยา เธออย่าปฏิเสธเลย หลายปีที่ผ่านมานี้ประธานฟางดีกับคุณยังไง คุณก็รู้ดี”
“ก็เห็นอยู่ว่าฉันกับเขา……”
“ซินเหยา เธออย่าอายเลยนะ เหมือนกับเยี่ยหวางบริษัทระหว่างประเทศแบบนี้ ไม่น่าจะมารบกวนเรื่องส่วนตัวหรอก เธอก็อย่าปฏิเสธเลย”
“จริงๆฉันกับเขา……”
“สบายใจเถอะ พวกเราเตรียมตัวมาตั้งนานเพื่อที่จะมาร่วมมือกันกับเยี่ยหวาง พวกเราจะใช้ศักยภาพของตัวเองพิสูจน์สักยภาพของบริษัท จะทำให้คุณลำบากใจ”
“หุบปากไปเลยนะ เธอนัง……”
ปีที่แล้วฉันซื้อนาฬิกาข้อมือมาเรือนหนึ่ง พูดด้วยกันดีๆหน่อยได้ไหม
ไม่สนว่าถังซินเหยาพูดจบหรือยัง จ้างหลินก็หันไปพูดกับเยี่ยจิงเฉินว่า“ประธานเยี่ย ซินเหนากับประธานฟางคบกันมาแปดปีแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีมาโดยตลอด ดังนั้นพเจอกันก็ทนไม่ได้ ถึงได้……ยังไงก็ขอให้ประธานเยี่ยให้อภัยด้วยนะคะ”
นังคนไรยางอายคนนี้ เมื่อครู่ยังวางมาดเป็นแฟนสาวของฟางอี้เฉิง ให้เธอให้อภัยด้วย
“นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว ไม่รู้ว่าฉันจะเป็นเกียรติเลี้ยงข้าวประธานเยี่ยได้ไหมนะ”จ้าวหลินใช้สายตาคู่นั้นมองไปที่เยี่ยจิงเฉินอย่างชื่นชม
ซวยแล้ว คนไร้ยางอายคนนี้ เอวหนาไป ก้นใหญ่ หน้าอกก่ไม่ใหญ่ ผิวก็ไม่ขาว ไอคิวก็ไม่ดี ยังไงก็มาเทียบกับไม่ได้กับป่าปี้ของเธอตกลงไหม?
ป่าปี้ไม่รู้เรื่อง ป่าปี้มองไม่ออกถึงไปทานอาหารกลางวันด้วย
“เป็นเกียรติสิที่ถูกสาวสวยชวนไปทานข้าว”เยี่ยจิงเฉินยกแขนขึ้นมา มองนาฬิกาข้อมือที่ราคาเหยียบสิบล้าน พูดว่า“ใกล้เวลาแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
ถังซินเหยา……
ป่าปี้ก็ใช้ความจริงมาพิสูจน์อีกครั้ง เขาก็ยังคงมองไม่ออก
บนโลกใบนี้ ยังไงก็ไม่ได้มีคนที่เพียบพร้อมไปทุกอย่างหรอก
ถึงแม้ว่าป่าปี้จะหล่อโครตๆ มีเงินล้นฟ้า เท่ห์จนไม่มีเพื่อน ป่าปี้ที่อยู่เหนือกว่าใครไปอีกยี่สิบชาติ แต่ว่าก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามองคนไม่ออก
“ในเมื่อคนรับผิดชอบของเตียนเฟิงกรุ๊ปจะเป็นแฟนของเลขาถัง งั้นโครงการนี้ยังไงก็ต้องให้คุณตรวจสอบความเป็นไปได้อยู่ดีนะ”เยี่ยจิงเฉินเดินไปข้างจ้าวหลิน พูดว่า“ดังนั้น……โครงการนี้จะสำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเลขาถัง เธอต้องเข้าใจไว้นะ”
มองป่าปี้ที่หล่อจนไม่มีเพื่อนและจ้าวหลินที่ทำหน้าพอใจจับมือถือแขนกันออกไป ถังซินเหยารู้สึกมืดมนไปหมด
จ้องเงาข้างหลังของเยี่ยจิงเฉินและจ้าวหลินด้วยสายตาที่แค้น อยากจะดูว่าพวกเขาจะเป็นยังไง
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย
“ซินเหยา พวกเราไปทานข้าวกันเถอะ ฉันเลี้ยงเอง”
“ทานกับผีสิ เมื่อกี้ทำไมต้องโกหกด้วย พวกเรา……หก……ปี…..ก่อนก็เลิกกันไปแล้วนะ
“นั้นก็เป็นเพียงเพราะว่าตัดสินใจฝ่ายเดียว ฉันไม่เคยเห็นด้วยเลย”
ฮ่าฮ่า……
“คุณไม่เจ็บตรงนั้นแล้วเหรอ?”ถังซินเหยากวาดตาไปที่ใต้หน้าท้องของฟางอี้เฉิงลงไปสามนิ้ว
ฟางอี้เฉิงรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ตรงที่ใต้หน้าท้องสามนิ้วก็รู้สึกเจ็บแปลบๆ
ในตอนนั้นถังซินเหยากำลังฉีกเงินห้าล้านบาทนั้น ให้บทเรียนกับเขาหน่อย ทำให้เขายังจำได้
ก็ถือว่าคิดออกแล้ว เขาก็ยังคงเจ็บตรงนั้นอยู่
ฟางอี้เฉิงเกือบจะหนีไปแล้ว ดูแล้วน่าสงสารมาก
ก่อนที่จะไปก็เตรียมเอาหนังสือวางแผนให้ถังซินเหยา ถังซินเหยามองขึ้นไปบนท้องฟ้าสี่สิบห้าองศา วิวนี่มันสวยจริงๆเลยและยังให้ความรู้สึกโศกเศร้าอีกด้วย
ตาของป่าปี้บอดหรือไง?ทำไมยังคงมองนังจ้าวหลินที่ไร้ยางอายนั้นไม่ออก
หึ……ป่าปี้นี่เป็นเฉินชือเหม่ยที่อำมหิตจริงๆเลย ไหนจะความโศกเศร้า
MANGA DISCUSSION