ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 64 โดนป่าปี้โกงไปสองล้าน
ถังซินเหยาคลานขึ้นมาจากพื้น คลึงหน้าผากของตัวเอง เดินกลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างล่องลอย
ความเมามายของตัวเองเมื่อครู่นี้ ก็สร่างมาหมดแล้ว พอผ่อนคลายลงบ้างแล้ว เธอยังรู้สึกมึนหัวอยู่
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ถังซินเหยาตื่นขึ้นมา ปวดหัวอย่างรุนแรง
นี่ก็เป็นอาการเมาค้าง ตอนที่ทานอาหารนั้น ลั่วหลิงเอาใจใส่ถึงซินเหยามากจนอุ่นน้ำผึ้งมาให้
หลังจากที่ดื่มเข้าไปแล้วนั้น รู้สึกว่าทั้งร่างกายก็ดีขึ้นมา
ในที่สุดหลัวเหยียนฉีก็กลับมาจากไปทำงานต่างจังหวัดมา แต่ว่าถึงแม้จะกลับมาที่เมืองบีแล้ว เธอก็ยังคงไม่กลับมาที่บ้านอยู่ดี
หลังจากที่กลับถึงบริษัทแล้วนั้น ถังซินเหยาพึ่งจะคิดออก เหมือนว่าเมื่อวานเธอได้อั่งเปามาหนึ่งซอง
ในซองอั่งเปามีเงินเท่าไหร่นะ?เหมือนกับว่ามีความทรงจำอยู่ลางๆ
ตามฐานะและตำแหน่งของคนที่ให้อั่งเปาแล้ว อั่งเปาไม่ใหญ่ไม่เล็ก
ผลสุดท้ายเธอหาดูรอบๆ คิดไม่ถึงเลยว่า……หา……ไม่……เจอ
แย่แล้วสิ เธอดื่มหนักจนกระเพาะเกือบจะทะลุ อั่งเปาก็ยังจะหายอีกเหรอ?
ไม่หายหรอก คิดให้ดีๆสิ ระหว่างทางที่เธอกลับมา ก็แทบจะไม่ได้หยิบออกมา
หลังจากกลับมาแล้วเธอก็นอนเลย ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับอั่งเปาเลย ดังนั้นน่าจะเป็นไปได้ว่าอั่งเปาหล่นอยู่ในรถของเยี่ยจิงเฉินแล้ว
ตอนที่กำลังไปส่งเอกสารนั้น ถังซินเหยายังเอาใจใส่เยี่ยจิงเฉินด้วยการชงน้ำผึ้งไปให้ เพราะเมื่อวานเยี่ยจิงเฉินก็ดื่มไปไม่น้อยเลยทีเดียว
“ประธานเยี่ย ดื่มน้ำผึ้งก่อนค่ะ จะได้ลดอาการเมาแก้ค้าง”ถังซินเหยาพูดอย่างอ่อนโยน
“มีเรื่องอะไร พูดมา”เยี่ยจิงเฉินเงยหน้าขึ้นมาถามขณะที่เขากำลังยุ่งมากๆ
ถังซินเหยา ……
ท่าทางของเธอเห็นได้ชัดเจนเลยเหรอ?หรือว่าตอนที่ป่าปี้ไม่รู้อยู่ดีๆก็อ่านใจคนได้กัน
เดิมทีเธอก็มีเรื่องเลยมาหาเยี่ยจิงเฉิน ดังนั้นเลยไม่ซ่อนความรู้สึกไว้ และถามออกไป“ประธานเยี่ย คุณเห็นซองอั่งเปาเมื่อวานที่ประธานหลิวให้ฉันบ้างไหมคะ?”
“เห็นแล้ว”
ถังซินเหยา ……
ไม่หรอกมั้ง เธอเพียงแค่อยากไปลองหาที่รถของป่าปี้ดูเท่านั้นเอง
เธอพูดออกไปโผงผางแบบนั้น เขาเห็นอั่งเปาของเธอ จะให้เธอพูดต่อว่ายังไง?
“คุณเห็นที่ไหนเหรอ?”ถังซินเหยาเม้มปากถาม
“อยู่ในธนาคารของฉัน”
“งั้นมันก็เป็นของฉัน”ยังไงมันก็ควรอยู่ในบัตรของเธอ ทำไมถึงไปอยู่ในบัตรของป่าปี้ได้ล่ะ?นี่มันฟังไม่ขึ้นเลยนะ
“เดิมทีน่ะใช่ แต่ว่าหลังจากนั้นเธอก็ให้กับฉันแล้ว”
“เป็นไปไม่ได้หรอก”
“เรื่องจริงมันเป็นแบบนั้น”
“ทำไมฉันต้องให้คุณด้วย?”ยังไงก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เธอมองเงินสำคัญเท่าชีวิต จะเป็นไปได้ยังไงที่ให้เยี่ยจิงเฉินไปเฉยๆ
“เธอพูดว่าเป็นค่าเลี้ยงดูของฉัน”
ถังซินเหยาแสดงออกถึงความรู้สึกไม่ดีของตัวเอง เธออยากจะเลี้ยงดูป่าปี้
“เป็นไปไม่ได้ ฉันจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน”ถึงแม่ว่าอยากจะเลี้ยงดู แต่ว่าไม่ใช่ว่าป่าปี้ควรเลี้ยงดูเธอหรอกเหรอ?
เธออ่านหนังสือน้อย ป่าปี้คุณอย่าหลอกเธอเลย
เยี่ยจิงเฉินไม่พูดอะไรทั้งนั้น เพียงแค่หยิบเสียงที่บันทึกไว้ออกมาอย่างสง่างาม
“ว่าว……สุด……สุดหล่อ คืนวันนี้คุณต้องถูกฉัน……เลี้ยง……เลี้ยงดู คุณย่าฉันโครต……โครตจะมีเงินเลย ฉันอยากจะเลี้ยงดูคุณ”
“เธอคิดจะใช้เงินกี่บาทมาเลี้ยงดูฉัน?”
“ยี่สิบ……ล้าน”
“คืนวันนี้……คุณ……คุณจะต้องเป็น……ของฉัน”
“ได้สิ”
เรื่องจริงมันชัดเจนขนาดนี้แล้ว
แย่แล้วแย่แล้ว……คืนเมื่อวานเธอทำอะไรลงไปบ้างเนี่ย?
ยิ่งกว่านั้นเธอไปเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหนกัน อยู่ต่อหน้าป่าปี้ที่มีรวยมากขนาดนี้แล้วไปพูดว่าตัวเองมีเงินได้ยังไงกันนะ?
แล้วก็ป่าปี้ ทำไมคุณถึงมาอัดเสียงเธอได้ทันเวลาขนาดนี้กันล่ะ?ชำนาญเหมือนกับตำรวจอาชญากรรมนานาชาติเลยนะ?
“เอ่อ……”จริงๆแล้วมันเป็นเธอที่เป็นฝ่ายผิด“นั้นเป็นเพราะว่าฉันดื่มไปเยอะแล้ว คนเมาพูดอะไรก็อย่าถือสาเลยคะ”
ทำสีหนเศร้า พูดจาเหลวไหล เดิมที่เธอไม่เคยคิดเลย……เธอนานๆครั้งถึงจะคิดเท่านั้น(ชี้มือไปด้วย)
แต่ว่าเธอไม่ยอมรับหรอก เพราะปกติแล้วเธอเองก็จิตนาการถึงป่าปี้
“คือว่า ลืมคำพูดเมื่อวานไปเถอะ”
“คำพูดที่ฉันพูดไป ไม่เคยเชื่อถือได้หรอก”
ป่าปี้ คุณไม่เอาหน้าไว้หน่อยเหรอ?
คุณพูดโกหกออกมาได้หยิ่งขนาดนี้เลยเหรอ ไม่กลัวฟ้าผ่าเหรอ?
“แต่ว่าคืนเมื่อวานฉันไม่ได้ทำอะไรเลย คุณคืนเงินให้ฉันเถอะ”
“หรือว่านี่ตอนที่คุณไปทานข้าวที่ร้านอาหาร หลังจากสั่งาหารแล้ว พอไม่อยากทาน จะให้ร้านอาหารคืนเงินให้เธอเหรอ?”
นี่เป็นเหตุผลเหรอ?นี่มันใช่เหรอ?
คุณเป็นประธานที่มีเงินล้นฟ้า เอาตัวเองกับร้านอาหารมาเทียบกัน แบบนี้มันใช่ลูกผู้ชายเหรอ?
“ใช่สิ”ถังซินเหยาพูดอย่างไม่ไว้หน้า
แย่แล้ว ไม่ใช่ว่าต้องรักษาหน้ากันบ้างหน่อยเหรอ?
“แต่ว่ายังไงฉันก็จะทำ”เยี่ยจิงเฉินพูดพาลออกมา“ดังนั้นเธอก็อย่าได้หวังเลย”
ดังนั้นเมื่อวานเธอก็เกือบเอาตัวเองไปสลบคาบนโต้ะเหล้าแล้ว ผลสุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเหรอ?
“อ้อ……ใช่สิ พอพูดแบบนี้แล้ว เธอยังติดฉันร้อยแปดสิบล้านนะ”เยี่ยจิงเฉินเหมือนกับคิดอะไรขึ้นมาได้ เงยหน้าขึ้นมาพูดกับถังซินเหยา
“ทำไมล่ะ?”ถังซินเหยาแทบจะกระอัก
“เพราะว่าเธอรับปากว่าจะให้ฉันยี่สิบล้าน แต่ว่าในซองอั่งเปานั้นมีแค่สองล้านเอง ที่เหลือฉันก็คงไม่ต้องอธิบายแล้วเนาะ”
“ฉันมันรับปากไปอย่างนั้น ยิ่งกว่านั้นก็ยังอยู่ในสภาพที่ไม่ได้สติ แบบนี้ไม่ได้เป็นไปตามกฎหมายหรอกนะ”
“อ๋อ”เยี่ยจิงเฉินพยักหน้า ถามกลับไปว่า“แต่ว่าจะมีใครพิสูจน์ได้ว่าตอนนั้นเธอไม่ได้สติ?”
เธอลองคิดดู ก็พบว่าก็จริงว่าไม่มีใครพิสูจน์ได้ หรือว่าพูดได้ว่าไม่มีคนยอมที่จะช่วยเธอพิสูจน์หรอก
ในตอนนั้นคนที่อยู่ด้วย ถ้าไม่ใช่คนเก่ง ใครจะมายอมช่วยกับเลขาแค่คนเดียว หรือว่าเงินเล็กๆน้อยๆแค่สองล้านแถมยังทำให้ประธานใหญ่เยี่ยหวางไม่พอใจกันนะ?
ไร้ยางอาย นี่จะไร้ยางอายมากเกินไปแล้วนะ
ป่าปี้ คุณเลวขนาดนี้ ยังจะมีเหตุผลอีก เดิมทีเธอไม่เคยต้องมาพ่ายแพ้ เจ็บใจอย่างพูดไม่ออก
เป็นไปตามที่คิดว่าประธานใหญ่รวยแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะมาแตะต้องได้ง่ายๆ ผลของการสบประมาทจากการเพ้อฝันกับประธานใหญ่นั้นก็ได้ดับลง
ป่าปี้เป็นประธานที่มีเงินสูงถึงพันล้าน คิดไม่ถึงเลยว่าแค้เงินสองล้านก้ปล่อยไปไม่ได้ นี่มันใช่เหรอ?
ทุกๆนานทีของป่าปี้สามารถใช้เงินห้าล้านไปกำจัดผู้หญิงที่น่าสงสารคนนี้ เป็นการพาลที่สูงส่งของประธานใหญ่?
“ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?”เยี่ยจิงเฉินกัดปาก เงินหน้าขึ้นไปพูดกับถังซินเหยา
“ไม่……ไม่มีแล้วค่ะ”เธอพูดไม่ออก
จะเป็นไปได้ยังไงที่ว่ามี?เงินสองล้านของเธอ สองล้าน
พอให้เธอซื้อไปโฟน6แล้ว ผลสุดท้ายก็พบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ที่ยิ่งน่าเสียใจกว่าก็คือ ตอนนี้เธอไม่มีความหวังที่จะได้ยี่สิบล้านนั้นคืนแล้ว เธอยังจำได้ว่าเรื่องคำอธิษฐานสองร้อยล้านนั้นป่าปี้เพียงแค่แกล้งเธอเท่านั้น อย่าคิดเป็นจริงเด็ดขาด
ถ้าไม่อย่างนั้น เธอก็คงต้องติดหนี้ก้อนโตไปหนึ่งร้อยแปดสิบล้าน เธอสามารถเก็ยข้าวของพาลั่วหลิงกับเค่อหลาน กลับไปหลบอยู่ที่ต่างประเทศได้อีกด้วย
ถังซินเหยารู้สึกไม่ดีเลย ถ้ารู่ว่าจะเจอแบบนี้เธอคงจะใช้เงินสิบล้านซื้อรักแรกของเธอ ก็จะยิ่งทำให้แย่ลง