ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 56ไม่โสดนะ แต่ฉันคือหญิงม้าย
“ทำไมวันนี้มีแค่เราสองคนล่ะ” ซินเหยาถามด้วยสีหน้าที่งุนงง
เธอสัมผัสได้ว่าร้านอาหารวันนี้มันเงียบผิดปกติ
“ผมไม่อยากให้คนอื่นมารบกวน เพราะงั้นเลยเหมาทั้งร้านวันนี้” สายตาของซวี่เจ๋อเหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ด้านใน เหมือนจะเผาให้ซินเหยาไหม้เกียมไปซะอย่างนั้น
ห้าห้า…….
เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าซวี่เจ๋อจะไม่พูด แต่เป็นเพราะฝันร้ายเมื่อคืนที่โดนจิงเฉินตามหลอกหลอนก็ทำให้เธอไม่สามารถปล่อยวางได้สินะ
ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่หรอที่เหมาทั้งร้านหน่ะ รวยขนาดนี้ มันเหมือนบีบให้เธอต้องคุกเข่าอ้อนวอนจริงๆ
ไอ้คนรวย เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ
ซวี่เจ๋อยืนขึ้น เดินมาข้างๆซินเหยา ในมือถือไว้ดอกไม้ คุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างสุภาพบุรุษ และหันขึ้นมามองหน้าซินเหยาด้วยสายตาที่สุดแสนจะอบอุ่นและพูดว่า “ซินเหยา ผมรู้ว่าคุณเข้าใจความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณดี ผมหวังว่าคุณจะให้โอกาสผมสักครั้งในการเป็นครึ่งหนึ่งของคุณ และดูแลคุณในชีวิตที่ยังหลงเหลืออยู่ตราบชีวิตจะหาไหม้ ผมรักคุณ เป็นแฟนผมเถอะนะ”
ในปากของซินเหยาตอนนี้รู้สึกถึงรสชาติที่ขมขื่น ไม่รู้ว่าสาเหตุเป็นเพราะน้ำมะนาวเมื่อกี้ที่ดื่มลงไปหรือป่าว
แม่เจ้า เขาอบอุ่นขนาดนี้เธอยังจะทำใจปฏิเสธได้ลงคอหรอ?
อีกหน่อยยังจะเจอคนที่ดีเท่าฟางซวี่เจ๋อได้อีกหรอ?
คิดหนักจริงๆ
เธอมองไปที่พนักงานพวกนั้นกับคนที่เล่นไวโอลินเมื่อกี้ สูดลมหายใจเข้าและพูดออกมาอย่างช้าๆว่า :
“ซวี่เจ๋อ คุณเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและดีที่สุดตั้งแต่ฉันเคยเจอมา ฉันจะไม่บอกว่าคุณดีเกินไป จะไม่บอกว่าฉันไม่เหมาะกับคุณอะไรพวกนั้นหรอก มันดูปลอมเกิน แต่สิ่งที่ฉันอยากบอกให้คุณรับรู้ก็คือ ขอโทษนะ ฉันรับมันไว้ไม่ได้จริง” ความจริงเมื่อวานก็สามารถปฏิเสธเขาไปได้แล้ว แต่เพราะคนเยอะเกินไป ถ้าปฏิเสธมันก็คงจะทำให้เขาเสียหน้า เพราะงั้นเธอถึงยอมให้ป๊ะป๋าเข้ามายุ่งและพาเธอออกมาจากสถาณการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนั้น: “ฉันคิดว่าทั้งชีวิตนี้ของฉันฉันคงไม่ได้เจอกับผู้ชายที่จะดีเท่ากับคุณได้อีกแล้ว แต่ความรักมันไม่ใช่ข้อสอบ ที่จะใช้สมองคิดแล้วสามารถหาคำตอบเขียนลงไปได้ เพราะงั้นการที่เราเจอกันในครั้งนี้มันเป็นเรื่องของความบังเอิญเท่านั้น เราต่างก็เป็นบุคคลที่ผ่านเข้ามาในช่วงชีวิตช่วงหนึ่งของกันและกันเท่านั้น ไม่สามารถที่จะเป็นมากกว่านี้ไปได้”
“ทำไมล่ะ?” ซวี่เจ๋อแสดงสีหน้าที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และถามว่า “ในเมื่อเธอบอกว่าฉันดี และทำไมถึงไม่ลองหรือให้โอกาสฉันได้พิสูจน์บ้างล่ะ? บางครั้งหลังจากที่เราคบกันแล้ว เธออาจจะรู้สึกก็ได้นะว่าเรานั้นเหมาะสมกัน ฉันสามารถดูแลเธอไปตลอดได้ เธอสามารถที่จะพึ่งพาฉันไปตลอดชีวิต”
แม่เจ้า ซวี่เจ๋อไม่ยอมแพ้ขนาดนี้ มันทำให้เธอไปไม่ถูกจริงๆ
“ฉันมีครอบครัวแล้ว”
ซินเหยาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็น บอกว่าเธอเป็นหญิงที่มีครอบครัวแล้ว
หลังจากที่ซวี่เจ๋อได้ฟังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปเหมือนกับโดนสายฟ้าผ่าไปที่กลางศีรษะ
ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงที่ตัวเองชอบและตามจีบขนาดนี้จะมีครอบครัวแล้ว
“เป็นไปไม่ได้ ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าคุณแต่งงานแล้ว อีกอย่างใบสมัครงานที่ให้เขียนสถานะบุคคลช่องนั้นคุณก็เขียนว่าโสด” ซวี่เจ๋อตอบกลับด้วยหลักฐานที่จะสามารถทะลุช่องโหว่ของเธอได้
ในความคิดของซวี่เจ๋อ เขารู้สึกว่านี่เป็นแค่สาเหตุที่ซินเหยาเอามาปฏิเสธเขาเพียงเท่านั้น (ท่านประธานฟางเป็นคนฉลาดจริงๆ เดาได้ถูกด้วย)
ซินเหยาสีหน้าเศร้าหม่นพร้อมยกหน้าขึ้นอยู่ในระดับ45องศา ถอนหายใจไปครั้งหนึ่งแล้วพูดว่า "ความจริงช่องนั้นฉันควรเติมคำว่าสามีตาย ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้แต่งงานกัน แต่ก่อนที่เขาจะจากไปนั้นเขาได้มอบของขวัญที่เลอล่าที่สุดบนโลกใบนี้ไว้ให้ฉันสองชิ้น รูปทะเลในฤทัยที่คุณชอบรูปนั้น แรงบันดาลใจมันมาจากลูกตัวน้อยสองคนของฉันเองแหละ"
ป๊ะป๋า ขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้
ป๊ะป๋าใจกว้างขนาดนั้น คงจะไม่ถือสาที่เธอแช่งไปเมื่อกี้หรอกมั้ง?
สีหน้าของซวี่เจ๋อตอนนี้ไปไม่เป็นแล้ว
"ตอนนี้ฉันยังลืมเขาไม่ได้ มันยากมากสำหรับผู้หญิงตัวน้อยๆอย่างฉัน คุณเป็นผู้ชายที่ดีมากคนหนึ่งเลยนะซวี่เจ๋อ แต่ฉันทำแบบนี้กับเขาไม่ได้ ฉันรู้สึกผิด ฉันจะเลี้ยงดูลูกตัวน้อยของฉันสองคนให้เติบโตขึ้นมาเป็นเด็กที่มีความสุขมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ " เพราะฉะนั้น เธอเป็นเเม่ที่ยอมเสียสละเพื่อลูกจริงๆ (หรอ?)
เพราะงั้นที่บอกว่าเธอเป็นแม่บุญธรรม มันพูดไม่ถูก
หลังจากที่ซวี่เจ๋อได้ฟังนั้นก็เงียบไป ตอนนี้ในใจของซินเหยาโล่งขึ้นมาอีกนิด
เธอรู้ว่าถ้าเธอพูดแบบนี้มันจะได้ผล เธอมันฉลาดจริงๆ
ทั้งสองเงียบลงและได้กินข้าวมื้อนี้เสร็จ ตอนที่เดินออกมาจากร้าน ซินเหยายังเอาดอกที่ซวี่เจ๋อให้กอดไว้ที่อกอยู่
ทั้งสองยืนอยู่หน้าประตูร้านอาหารนั้น ต่างก็ไม่ได้พูดอะไร
สุดท้ายก็เป็นซินเหยาที่ทนไม่ไหว เธอจึงพูดกับซวี่เจ๋อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนเบาว่า "งั้น…..งั้นฉันขอกลับก่อนแล้วนะ"
"ให้ผมไปส่งคุณเถอะ" ซวี่เจ๋อพูด
เพราะฉะนั้นซวี่เจ๋อเป็นผู้ชายที่อบอุ่นมากจริงๆ ถึงแม้จะมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่ก็ยังอ่อนโยนสุภาพไม่เปลี่ยนไปเลย
ทำไมตอนนั้นเธอถึงไม่เจอกับซวี่เจ๋อนะ คนที่อบอุ่นแบบนี้ เธอยอมทุ่มสุดตัวเลยแหละ ถึงแม้ซวี่เจ๋อจะมีสายสัมพันธ์เป็นหลานภรรยาของลู่หงเทียนก็เถอะ
เธอหยักหน้า เพราะถ้าเกิดเธอปฏิเสธ มันอาจจะทำให้บรรยากาศนี้มันดูอึดอัดไปมากกว่านี้
ระหว่างทางที่ซวี่เจ๋อขับรถไปส่งก็ไม่ได้พูดอะไรเลย ก่อนที่ซินเหยาจะลงจากรถ เธอก็พูดขึ้นว่า "ซวี่เจ๋อ วันนี้ขอบใจนายมากนะ ฉันไปก่อนนะ"
เธอเปิดประตูรถ หันหลังกำลังจะลงจากรถ
แต่ทันใดนั้น มือข้างหนึ่งของเธอก็โดดซวี่เจ๋อดึงไว้ เธอหันกลับมาและถามว่า "มีอะไรรึปล่าว?"
ซวี่เจ๋อเม้มปากแน่นขึ้นเล็กน้อย สีหน้าที่ดูจริงจังพร้อมพูดขึ้นว่า "ผมไม่ถือ"
"อะไร" ซินเหยางงเป็นไก่ตาแตก
อื่มม….. อาจเป็นเพราะเธออยู่ต่างประเทศนานเกินไปเพราะงั้นภาษาจีนของเธอถึงได้แย่ลง คงไม่ใช่ความหมายนั้นที่เธอคิดหรอกมั้ง
"ผมบอกว่า ผมสามารถรับได้" ซวี่เจ๋อเงียบไปสักพัก และพูดขึ้นอีกว่า "ผมชอบคุณ ชอบทั้งหมดที่เป็นตัวคุณ ไม่ว่าจะเป็นอดีตของคุณด้วยก็ตาม ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว ผมยินดีที่จะดูแลคุณต่อจากเขา รักรังนกก็ต้องรักลูกนก เขาเป็นลูกของคุณ เพราะฉะนั้นผมก็รักพวกเขาเหมือนกัน"
ท่านประธานฟาง คุณใจกว้างขนาดนี้ที่บ้านคุณเขารู้รึปล่าวเนี่ย
เขาชอบเธอขนาดไหนกันเชียวน่ะ ถึงยอมทำได้ถึงขนาดนี้
เขาหล่อขนาดนั้น รวยขนาดนั้น สาวติดตรึมขนาดนั้น
คุณมีผู้หญิงรอต่อคิวเป็นแม่ของลูกคุณตั้งมากมาย แต่ทำไมถึงต้องเป็นผู้หญิงคนนี้ ยิ่งความรู้สึกที่คุณมอบให้เธอมันลึกซึ้งและดีเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าเธอไม่คู่ควรกับมันมากเท่านั้น
"ขอโทษด้วย" ซินเหยาพูดด้วยสีหน้าที่กล่ำกลืน "ฉันรู้สึกผิดกับเขาจริงๆ ฉันไม่สามารถที่จะให้คนอื่นมาแทรกกลางระหว่างความสัมพันธ์เราได้ ฉันไม่สามาถที่จะให้ลูกตัวน้อยสองคนของฉันมีพ่อเลี้ยงได้ คุณดีเกินไป คุณอาจจะสามารถไปแทนที่เขาในหัวใจของลูกฉันได้ แต่ถ้าคุณทำไม่ได้ ฉันจะรู้สึกผิดกับคุณ"
แม่เจ้า เมื่อพูดปดหนึ่งรอบ ต้องพูดปดอีกหลายพันรอบเพื่อมากลบเกลื่อน
เจ้าบ้าป๊ะป๋าเมื่อคืนยังเตือนอยู่ว่าห้ามตอบตกลง ป๊ะป๋าหัวร้อนได้เสมอนะ
อีกอย่างถ้าคนที่สนิทกับเยี่ยจิงเฉินเห็นเข่อหลานกับลั่วหลิงแล้วหล่ะก็ ความลับนี้ได้แตกแน่ๆ
เมื่อถึงตอนนั้นเข่อหลานกับลั่วหลิงจะเรียกลู่อันหลานว่า ป้า น้า หรือ หม่าม๊าล่ะ
แล้วจะเรียกเยี่ยจิงเฉินว่า ลุง อา น้า หรือ ป๊าป๋า ล่ะทีนี้
สับสนวุ่นวายไปหมด
ถึงแม้ให้คนที่ฉลาดมาคิด ก็ยังต้องงงกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนพวกนี้
เพื่อรักษาเซลล์สมองที่จะไม่ตายไปมากกว่านี้ ไม่ต้องคิดแล้ว ช่างมันไปเถอะ!