เลิกงานตอนเย็น ถังซินเหยาได้ปฏิเสธการไปทานข้าวกับฟางซวี่เจ๋อ
ป่าปี้เป็นคนที่ร้ายกาจ ไม่เชื่อฟังคำของเขาไม่ได้หรอกนะ เขาบอกให้เธออย่าเข้าใกล้ฟางซวี่เจ๋อ เธอก็ไม่อยากจะไม่ฟังคำของเขาหรอก
ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าป่าปี้จะหาวิธีไหนมาจัดการกับเธออีก
แล้วอีกอย่าง ฟางซวี่เจ๋อก็เป็นคนใกล้ชิดกับตระกูลลู่ด้วย เธอควรจะอยู่ออกห่างจากตระกูลลู่และลู่ลงเทียนไว้ดีกว่า
วันนี้เกิดเรื่องราวเยอะแยะไปหมดเลยจริงๆ เมื่อกลับถึงบ้านแล้วได้กลิ่นหอมๆของอาหารที่บ้าน เธอจึงถอดร่างปลอมๆของเธอออกแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของตัวเอง ไม่อยากขยับเลย
"หม่ามี้ หนูคิดถึงหม่ามี้จังเลยค่ะ" เค่อหลานทิ้งเกมที่อยู่ในมือของเธอแล้วก็พุ่งตัวเข้ามาในอ้อมแขนขอถังซินเหยาผู้เป็นแม่ พร้อมกับดวงตากลมโตที่มองไปที่ถังซินเหยาอย่างน่ารักน่าชังแล้วพูดจาหวานๆ
ถังซินเหยาตบตูดของเค่อหลานพร้อมกับถาม : "ช่วงนี้เป็นเด็กดีมั้ยคะ?"
"เป็นค่ะ" เค่อหลานผงกหัวก่อนจะพุ่เข้าสู่อ้อมแขนของถังซินเหยาผู้เป็นแม่
ถังซินเหยาตบเค่อหลานเบาๆพร้อมกับหอมไปที่แก้มของลูกสาวแล้วกล่าวว่า : "อืม เด็กดี นี่เป็นรางวัลสำหรับหนูนะคะ"
เค่อหลานที่ถูกถังซินเหยาหอมแก้มหัวเราะคิกคัก พร้อมกับสอดแขนไปโอบคอผู้เป็นแม่ : "เอาอีกค่ะ"
"งั้นคงต้องดูก่อนว่าหนูช่วยพี่ทำงานบ้านมั้ย" ถังซินเหยาพูดไปด้วยยิ้มไปด้วย
"งั้นหนูจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ หม่ามี้ต้องจุ๊บหนูห้าครั้งนะคะ ไม่สิ….สิบครั้งค่ะ" เค่อหลานยกนิ้วขึ้นมานับพร้อมกับพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
"ได้ค่ะ" ถังซินเหยาพยักหน้าตกลง
แต่เค่อหลานยังทับผู้เป็นแม่ไม่ไปไหน เพียงแต่ขยับเข้าไปใกล้ถังซินเหยาพร้อมกับจ้องดูปากสีเชอร์รี่ของผู้เป็นแม่
"มีอะไรคะ?"
"หม่ามี้คะ ทำไมปากหม่ามี้ถึงแตกล่ะคะ?"
ใบหน้าของถังซินเหยาถึงกับเหวอ เธอน่ะนับถือเยี่ยจิงเฉินจริงๆเลย ดูออกหมดแล้วเห็นมั้ย เธออยากขุดหลุมฝังตัวเองจริงๆเลย
"เอ่อ….." ถังซินเหยาจับริมฝีปากของตัวเองที่ไม่ค่อยมีอาการปวดแล้ว พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าเดิมว่า : "อ๋อ ตรงนี้ใช่มั้ยคะ หม่ามี้ไม่ทันระวังเลยโดนชนน่ะค่ะ"
"หม่ามี้โกหก" เค่อหลานเบะปากพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"หม่ามี้ไม่ได้โกหกนะคะ"
"หม่ามี้โกหก นี่มันรอยโดนกัดชัดๆเลย"
"ตอนหม่ามี้ทานข้าว หม่ามี้ไม่ระวังเลยกัดโดนไงคะ"
"ถ้ากัดโดนเองมันไม่ถึงตรงนั้นหรอกค่ะ" เค่อหลานพูดอย่างจริงจัง
ถังซินเหยากระตุกปากเบาๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกเสียดายที่ลูกสาวของเธอนั้นฉลาดมากขนาดนี้
ถังซินเหยา : ……เห้อ!
"ไม่ใช่นะ….."
"หนูไม่อยากได้ป่าปี้ของหนูกับพี่แล้วค่ะหม่ามี้ หนูไม่อยากรอแล้ว" เค่อหลานโกรธ
"หม่ามี้……"
"แฟนของหม่ามี้หล่อมั้ยคะ?"
"ไม่มีนะคะ หม่ามี้ไม่ได้มีแฟนนะ"
"เขาหล่อมั้ยคะหม่ามี้?"
"หม่ามี้ไม่ได้มีแฟนนะคะ ไม่ได้มีใครเลย" เธอเริ่มจะหมดแรงแล้วนะ
"เขาจะดีกับหนูกับพี่มั้ยคะ?"
ถังซินเหยา : ……เห้อ!
ไม่เปิดโอกาสให้พูดบ้างเลย หม่ามี้ไม่ได้มีแฟนจริงๆนะ
"หม่ามี้คะ แฟนหม่ามี้หล่อมั้ย?"
"หล่อค่ะ"
คนที่จูบเธอน่ะหล่อมาก หล่อจนไม่มีใครคบเลยล่ะ
"เขารวยมั้ยคะ?"
"ค่อนข้างรวยเลยค่ะ"
รวยจนนับว่าติดอันดับมหาเศรษฐีท็อปยี่สิบของโลกเชียวล่ะ
นับได้ว่าเป็นคนที่รวยที่สุดในเอเชียเลยด้วย ป่าปี้ของหนูเป็นคนที่รวยมากๆ
"เขาหล่อก็โอเคค่ะ หนูกับพี่ไม่ขัดเรื่องทีหม่ามี้จะมีแฟนอยู่แล้ว แต่ว่าต้องผ่านด่านของหนูกับพี่ก่อนนะคะ" เต่อหลานพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว : "เอาอย่างงี้มั้ยคะ อีกครึ่งเดือนจะมีกีฬาสีฤดูใบไม้ร่วง หม่ามี้พาเขามามาเล่นวิ่งสามขานะคะ"
ถังซินเหยามองดูลูกสาวตัวเองที่ทั้งน่าโกรธและน่าขำ จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ไม่รู้จะจัดการยังไงกับลูกสาวตัวดีของเธอดี
"โอเคมั้ยคะหม่ามี้ โอเคมั้ย" เค่อหลานมองผู้เป็นแม่ด้วยสายต่าแป๋วแหววพร้อมกับทำน่าออดอ้อนอย่างน่ารักน่าชัง
ก็พูดได้แล้วนี่ เยี่ยมไปเลยแม่สาวน้อย
"ได้ค่ะ" ต่อหน้าลูกสาวที่น่ารักของเธอ เธอคงปฏิเสธไม่ลงหรอก
เค่อหลานดีใจใหญ่พร้อมกับลุกขึ้นมาปรบมือดังแล้ววิ่งเข้าห้องครัวไปพูดกับพี่ชาย : "พี่คะ หม่ามี้หาป่าปี้หล่อน รวยๆมาให้เราแล้วนะคะ เขาจะไปเล่นเกมวิ่งสามขาด้วย"
ความหล่อมันไม่ใช่พ้อยท์นะคะลูกสาว แล้วปากหนูน่ะไวเกินไปแล้วนะ จะไปบอกพี่ชายทำไมกัน
เฉลียวฉลาดจริงๆเลย ฉลาดซะยิ่งกว่าลูกสาวของอัจฉริยะเสียอีก
ตอนที่ถังซินเหยาทานข้าว เธอรู้สึกผิดจนแทบจะตายอยู่แล้ว
ราวกับว่าลั่วหลิงนั้นจะไม่ได้ยินสิ่งที่เค่อหลานพูด เพราะไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว แต่ถังซินเหยาก็รู้สึกผิดอย่างไม่รู้สาเหตุ
เป็นเรื่องยากที่เธอจะบังคับลูกของเธอทั้งเค่อหลานและลั่วหลิงทานผักที่ตัวเองไม่ชอบ เธอกระแอมก่อนจะพูดกับลั่วหลิงว่า : "อย่าสนใจเรื่องที่หลานหลานพูดวันนี้เลยนะคะ หม่ามี้แค่พูดเล่นกับน้อยเฉยๆ"
"ไม่ใช่ได้ไงคะ" เค่อหลานรีบกลืนซี่โครงที่เป็นของโปรดตัวเองลงก่อนจะพูดอย่างอ้อแอ้ว่า : "ไม่ใช่ที่ไหนล่ะคะ ปากหม่ามี้โดนเขากัดแตกขนาดนั้นแล้ว หม่ามี้กับเขาต้องทำเรื่องน่าอายด้วยกันแน่ๆเลย"
เรื่องน่าอายงั้นหรอ?
พูดอะไรเนี่ย พูดว่าปากเธอโดนคนอื่นกัดยังน่าฟังกว่าอีก
"อย่ามามั่วนิ่มนะคะ" ถังซินเหยากัดฟันพูดพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง
"หนูไม่ได้มั่วนะคะ ก็หม่ามี้เป็นบอกเองว่าแฟนหม่ามี้ทั้งหล่อ ทั้งรวย แล้วก็เท่มากๆ" เค่อหลานเบะปากพร้อมกับพูดอย่างไม่พอใจ
"อันนั้นหม่ามี้แค่หยอกหนูเล่นไงคะ" ถังซินเหยากัดฟัง
ราวกับว่าจะจับลูกสาวแสนซนของเธอมาตีตูดให้รู้แล้วรู้รอดเสีย
"งั้นใครกัดปากหม่ามี้จนแตกล่ะคะ?" เค่อหลานถาม
เอ่อ…….กลับมาที่คำถามนี้อีกแล้วหรอ เกลียดอ่า!
"ดูสิคะ ถ้ากัดโดนปากตัวเองมันกัดไม่ถึงหรอกค่ะ " เค่อหลานกลัวทุกคนไม่เชื่อ จึงใช้ข้อมูลมาพิสูจน์ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นไม่ใช่เรื่องเท็จ ฟันขาวๆของเธอกัดลงบนรีฝีปากสีชมพูดของตัวเองพร้อมกับพูดว่า : "ดูนี่สิคะ มันกัดไม่ถึง"
ลั่วหลิงเหลือบตามามอง พร้อมกับพูดด้วยความเย็นชา : "อืม น้องพูดถูก"
ถังซินเหยากำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว ถ้ารู้ว่าจะมีวันนี้นะ เธอก็ถ่ายทอดพันธุกรรมไอคิวที่ยอดเยี่ยมของเธอให้เค่อหลานและลั่วหลิงแล้ว (คุณนั่นแหละที่ถ่ายทอดพันธุกรรมให้เค่อหลานและลั่วหลิง)!
"หม่ามี้ครับ ถ้าหม่ามี้จะหาแฟนสักคน ผมก็ไม่ขัดนะครับ" ลั่วหลิงพูดกับถังซินเหยาผู้เป็นแม่อย่างจริงจัง
โอ้ย…….หม่ามี้พูดไปกี่รอบแล้วเนี่ย ว่าหม่ามี้ไม่ได้มีแฟน
แต่เธอเองก็อธิบายไม่ได้ว่าปากของเธอที่โดนกัดจนแตกนั้นจริงๆแล้วมันคืออะไรกันแน่
นี่มันเรื่องน่าน่าเศร้าและจะถอยก็คงไม่ได้แล้ว
"ถ้ามีโอกาสหม่ามี้พาเขามาเจอพวกเราหน่อยนะครับ" ลั่วหลิงมองหน้าถังซินเหยาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
แล้วทำไมตอนที่มองท่าทีและน้ำเสียงของลูกชายตัวเอง ทำไมมันเหมือนกับว่าคุณพ่อกำลังพูดกับลูกสาวเลยนะ บทนี้มันไม่ถูกนะ!
"ได้สิคะ ถ้ามีโอกาสหม่ามี้จะมาเขามาเจอนะ" เธอถึงกับหมดหวัง
เป็นอีกครั้งที่เธอเอาเยี่ยจิงเฉินข้ามาอยู่ในใจและดุด่าเขาเป็นร้อยๆรอบอีกที
หรือเธอจะต้องพาเยี่ยจิงเฉินไม่ก็ฟางซวี่เจ๋อมาเจอกับลูกของเธอจริงๆกันนะ?
ช่างเถอะ เธอหาแฟนที่เช่าได้จากอินเทอร์เน็ตดีกว่า หวังว่าราคาจะไม่แพงมากนักก็พอ!
MANGA DISCUSSION