“ประธานเยี่ยคะ มีอะไรให้รับใช้รึเปล่าคะ?”
“กินมื้อเที่ยงรึยัง?”
กินบ้าไรล่ะ ไม่เพียงแค่ยังไม่ได้กินนะ แถมยังถูกพี่ชายคุณแต๊ะอั๋งเข้าให้อีก
“ยังค่ะ”
เยี่ยจิงเฉินตบเบาะที่นั่งข้างๆตัวเอง : “ถ้างั้นก็มากินพร้อมกันเลยสิ”
ไม่ต้องพูดให้มันดูดีขนาดนี้ได้มั้ย? กินพร้อมกันอะไรกัน? จริงๆแล้วคงอยากให้เธอไปคัดแยกอาหารให้หน่ะสิไม่ว่า
อย่าคิดว่าพูดแบบนี้แล้วจะปิดบังความต้องการของคุณได้หรอกนะ
ยี่สิบนาทีผ่านไป……
ขอโทษนะคะป๊ะป๋าที่เข้าใจป๊ะป๋าผิด
อภัยให้หน่อยได้มั้ย
แท้จริงแล้วป๊ะป๋าสั่งอาหารมานี่เอง
เป็นอาหารจากร้านอาหารส่วนตัวร้านหนึ่งที่วันหนึ่งรับลูกค้าเพียงห้าคนเท่านั้น
ยังไงก็ตามก็เหมือนประธานเศรษฐีนั้นแหละ ชอบใช้อำนาจ
ร้านอาหารส่วนตัวร้านนี้หรูหราขนาดนั้น รสชาติอาหารก็ต้องอร่อยอย่างไร้ที่ติ
เพียงแค่เมนูเนื้อตุ๋นกับหัวไชเท้าก็อร่อยมากแล้ว
เป็นถึงนักกินคนหนึ่งแล้วละก็เธอซาบซึ้งจนน้ำตาไหลเลยแหละ……อร่อยจริงๆ
ถังซินเหยาแยกอาหารที่เยี่ยจิงเฉินชอบกินออกมาวางไว้ข้างๆอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
“ประธานเยี่ยคะ เลือกกินแบบนี้เป็นนิสัยที่ไม่ดีจริงๆนะคะ” บนตะเกียบของถังซินเหยาคีบชิ้นตับหมูไว้แล้วพูด
“คุณยุ่งเรื่องของผมมากไปแล้ว”
จากที่ป๊ะป๋าเลี้ยงอาหารจากร้านอาหารส่วนตัวแสนอร่อยนี้แล้ว เธอจะไม่เอาเรื่องป๊ะป๋าละกัน
“ไม่เลือกกินถึงจะได้รับสารอาหารครบสิ” ถังซินเหยาหยิบตับหมูวางไว้บนหัวไชเท้าแล้วป้อนเข้าไปในปากของเยี่ยจิงเฉิน: “มา กินแบบนี้กลิ่นของตับหมูก็จะจางลง จากนั้นกินข้าวคำหนึ่งก็โอเคแล้วล่ะ”
วิธีนี้ใช้กับหลานหลานและหลิงหลิงได้มาก กับป๊ะป๋าของพวกเขาแล้วก็……น่าจะได้มั้ง?
เท่าที่ดูมา ยีนบนตัวพวกเขา เบื้องต้นยังไม่เห็นถึงความแตกต่างนัก
เยี่ยจิงเฉินค่อยข้างไม่ชอบ แต่ดูจากสีหน้าที่คาดหวังของถังซินเหยาแล้ว รอยยิ้มแสนหวานพร้อมกับลักยิ้มทั้งสองข้างก็โผล่ออกมาทันที
เขาอ้าปากโดยไม่รู้ตัว และกินตับหมูพร้อมกับหัวไชเท้าเข้าไปพร้อมกัน
“อร่อยใช่มั้ยล่ะ” ถังซินเหยาคีบอาหารและป้อนเยี่ยจิงเฉินอย่างคุ้นเคย
เยี่ยจิงเฉินก็กินมันเข้าไปแต่โดยดี
ผิดที่ทำแบบนี้จนเคยชินแล้ว พอได้ป้อนป๊ะป๋าเข้าก็ไม่สามารถหยุดป้อนได้เลย
ผู้ชายล้วนเป็นเด็กจริงๆ วิธีต่อกรกับป๊ะป๋าและวิธีง้อหลิงหลิงหลานหลานก็ไม่ได้ต่างกันมากหนิ
หลี่เวยถือเอกสารเตรียมเคาะประตูห้องทำงาน แต่ปรากฏว่าประตูห้องทำงานไม่ได้ปิดไว้ เพียงแค่ปิดไว้นิดๆเท่านั้น
จากนั้นหล่อนก็เห็นความสัมพันธ์เชิงชู้สาวของนักออกแบบผู้ใสซื่อบริสุทธิ์กับประธานผู้เย็นชาและบ้าอำนาจอีกครั้ง
หลังจากเลิกงาน ถังซินเหยาก็พบเจอกับเยี่ยจิงซิงที่ขับรถสปอร์ตอยู่ที่หน้าประตู
“ซินเหยา หลังเลิกงานวันนี้ว่างมั้ย?” เยี่ยจิงซิงสวมสูทสีขาว มือทั้งสองข้างล่วงไปที่กระเป๋ากางเกง และทำท่าทางแสร้งว่าดูเท่มาก
ซินเหยาบ้าไรล่ะ?
ดูเหมือนเราจะไม่ได้สนิทกันนะ กรุณาเรียกเธอว่าคุณถังด้วย ขอบคุณค่ะ
“ไม่ว่างค่ะ”
เยี่ยจิงซิงผู้ที่เตรียมจะเลี้ยงอาหารถังซินเหยา “……”
เขายังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่ไร้อารมณ์ได้เช่นนี้เลย
“ตอนแรกผมกะว่าจะเลี้ยงอาหารซินเหยากระชับความสัมพันธ์สักหน่อย”
ถ้าหากว่าอยู่เป็นละก็น่าจะว่างแล้วนะ ใช่มั้ย?
“หา? คงต้องขออภัยจริงๆค่ะ ดิฉันไม่ว่างจริงๆ”
เธอไม่หวังอะไรกับมื้ออาหารกับเศรษฐีแล้วล่ะ
“ถ้างั้นคุณว่างเมื่อไหร่ล่ะ?”
“ไม่ว่างสักเวลาเลยค่ะ”
เยี่ยจิงซิง “……”
“ซินเหยา คุณไม่ไว้หน้าผมเลยหรอ?”
ใช่สิ ฉันไม่ไว้หน้าคุณหรอก
คุณเป็นใครหรอ?ทำไมฉันต้องไว้หน้าคุณด้วยละ?
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันมีธุระจริงๆหลังเลิกงานต้องรีบกลับบ้านทันทีเลยค่ะ”
เยี่ยจิงซิงคาดไม่ถึงว่าถังซินเหยาจะไม่ไว้หน้าเขาขนาดนี้ ทำให้เขารู้สึกอายจนไม่มีที่ให้อยู่แล้ว
แต่รอยยิ้มแสนหวานบนใบหน้าของถังซินเหยา ทำให้เขาหาเหตุผลที่จะเปลี่ยนอารมณ์ไม่ได้เลย
“ถ้าหากว่ารองประธานเยี่ยไม่มีธุระอะไรแล้ว ดิฉันก็ขอตัวก่อนนะคะ”
ถังซินเหยายิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับเยี่ยจิงซิง จากนั้นก็หันตัวออกไปเลย
เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ก็ถูกถังซินเหยาปฏิเสธแบบไม่ใยดีเลยทุกครั้ง
ก่อนเลิกงานประมาณยี่สิบนาที ถังซินเหยาได้รับโทรศัพท์จากเยี่ยจิงซิง
“คุณถังครับ งานออกแบบของคุณมีบางส่วนที่ผมอยากจะซักถาม ต้องการให้คุณมาอธิบายให้ผมฟังหน่อยครับ” เยี่ยจิงซิงอารมณ์แข็งแกร่ง
ให้ตายเถอะ พูดมาขนาดนี้ เธอเองที่เป็นคนรับผิดชอบงานนี้ ปฏิเสธได้ด้วยหรอ?
“ได้ค่ะ ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
โอ่ย ชีวิตจริงนี่มันยิ่งกว่านิยายจริงๆ
ทั้งๆที่รู้ว่าเยี่ยจิงซิงเป็นคนไม่น่าไว้วางใจ แต่ว่าตอนนี้งานที่เกี่ยวกับจิวเวลรี่ทั้งหมดเยี่ยจิงซิงเป็นคนรับผิดชอบแล้ว
เขาใช้งานเป็นข้ออ้าง เธอหาเหตุผลที่จะปฏิเสธไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ที่ห้องทำงาน ผมอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นตรงข้ามไชน่าเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์”
ให้ตาย ตอนนี้เป็นเวลาทำงานนะ แต่คุณมาอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นเหมือนเป็นเล่นแบบนี้ได้ด้วยหรอ?
เป็นแบบนี้ ในอนาคตจะแย่งมรดกกับป๊ะป๋าได้ยังไงกัน
คุณไม่เอาการเอางานแบบนี้ พ่อแม่คุณรู้มั้ยเนี่ยะ?
“โอเคค่ะ ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
ถังซินเหยาถอนหายใจไปเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มเก็บของ
“เกิดอะไรขึ้น? รองประธานเยี่ยมายุ่งย่ามกับเธออีกแล้วหรอ?”
ช่วงนี้เยี่ยจิงซิงชวนถังซินเหยาถี่มาก ถี่จนทำให้เธอรู้สึกน่ารำคาญ แม้กระทั่งหลี่เวยก็ยังทราบ
เห็นท่าทางของถังซินเหยาแบบนี้แล้ว ใครโทรมาเมื่อกี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร
“เวยเวย เธอช่างเป็นเพื่อนร่วมงานที่รู้ใจฉันจริงๆ”
“หรือไม่ก็เธอเอาเรื่องนี้ไปบอกประธานเยี่ยเถอะ”
จะบ้าหรอ รองประธานเยี่ยทำถึงขนาดนี้แล้ว อีกอย่างเขาไม่รู้สึกเกรงกลัวเลยสักนิด
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เอาเจ้านายใหญ่ไว้ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
ทำไมต้องบอกเยี่ยจิงเฉินด้วยละ? เหมือนมีเรื่องอะไรแปลกๆเข้ามาเลยยังไงอย่างงั้น
“ไม่ต้องหรอก แค่คุยเรื่องงานเฉยๆแหละ งานนี้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของรองประธานเยี่ย บอกประธานเยี่ยก็ดูทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปเลย” ถังซินเหยาส่ายหัวปฏิเสธ
“ถ้างั้นเธอต้องใจแข็งเข้าไว้นะ อย่าทำเรื่องที่รู้สึกผิดต่อประธานเยี่ยของพวกเราล่ะ”
ถังซินเหยา “……”
หลี่เวยไม่ใช่ว่าถูกเอเลี่ยนเข้าสิงเข้าหรอกนะ ทำไมพูดจาแปลกๆจัง
ถังซินเหยาขับรถไปถึงที่ร้านอาหารญี่ปุ่น แจ้งชื่อเยี่ยจิงซิงปุ๊บก็ถูกพนักงานนำทางไปที่ห้องอาหารเลย
“รองประธานเยี่ยคะ ไม่ทราบว่ามีตรงไหนที่ไม่เข้าใจและต้องการให้ดิฉันอธิบายคะ” เธอวางกระเป๋าลงข้างๆและเลือกที่นั่งที่ห่างจากเยี่ยจิงซิงที่สุด
เยี่ยจิงซิงเดินไปข้างๆเธออย่างไร้ยางอาย และนั่งลงข้างๆเธอ
“ซินเหยาไม่ต้องเรียกผมว่ารองประธานเยี่ยให้ดูห่างเหินหรอก เรียกผมว่าจิงซิงก็พอ”
มุมปากของถังซินเหยากระตุกเล็กน้อย ขอร้องล่ะอย่าทำเป็นเหมือนสนิทกันมากได้มั้ย
ระหว่างพวกเขาแล้วไม่ได้สนิทกันเลยจริงๆ อีกอย่างเธอเองก็ไม่อยากสนิทกับเขาด้วย
“เหอะๆ……” ถังซินเหยาเรียกเขาอย่างไม่เต็มใจว่า : “จิงซิง”
ได้ยินชื่อของตัวเองออกมาจากปากของสาวสวยแล้ว เยี่ยจิงซิงก็รู้สึกดีขึ้นมาก
“คุณอยากกินอะไรรึเปล่า? อาหารญี่ปุ่นที่นี่เขาทำได้เหมือนต้นตำรับมาก ผมว่าคุณน่าจะชอบนะ” เยี่ยจิงซิงพูดพรางเปิดเมนูไปด้วย
เพียงแค่คุณคิดว่าชอบแล้วมันจะยังไง ประเด็นคือเธอชอบมากจริงๆหน่ะสิ
เมื่อเทียบกับอาหารญี่ปุ่นแล้ว ตัวเธอเองชอบอาหารจีนต้นตำรับมากกว่า
MANGA DISCUSSION