ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 29 โดนป๊ะป๋าตีตูดเข้าให้แล้ว!
ซินเหยาตอนนี้รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเอามาก ในชีวิตนี้ของเธอ เธอเคยโดนตบตูดมาแค่สองสอบ แต่ทำไมทั้งสองรอบนั้นกลับเป็นคนเดียวกันที่ตบ?
รอบแล้วเมื่อหกปีก่อนเธอยังเด็กอยู่ แต่ตอนนี้เธอเป็นหม่ามี้ลูกสองแล้วนะ
ถ้าคนอื่นรู้ว่าจิงเฉินกดเธอไว้ที่ขาของเขาแล้วตบตูดเธอ เธอยังจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหนหล่ะ?
ฉันเป็นป้าแก่ของคุณ เป็นป้าแก่ของคุณ เป็นป้าแก่ของจิงเฉิน เธอรวบรวมคำด่าทั้งหมดที่คิดได้ ทั้งชีวิตนี้เธอไม่เคยด่าใครขนาดนี้มาก่อนเลย “ไอ้สาระเลว อันธพาล กล้ามาตบตูดป้าแก่ของตัวเองหรอ นายมันอกตัญญูเสียจริง ไม่กลัวฟ้าผ่าใส่หัวกบาลหรอ?”
การตอบสนองกลับของเสียงมันยิ่งรุนแรงขึ้น เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! บั้นท้ายตอนนี้ของเธอมันเจ็บเหลือเกิน
“จริงหรอ ฉันก็อยากลองดูว่าจะโดนฟ้าผ่าใส่หัวกบาลหรือเปล่า” จิงเฉินพูดอย่างใจเย็น
หลิงหลิงน่ารักแบบนี้ เขาต้องให้กำเนิดลูกชายที่ทั้งฉลาดและน่ารักเป็นแน่
จิงเฉินพูดอย่างเย็นชาว่า ”ดูเธอเริงร่ามีชีวิตชีวาเช่นนี้งั้นฉันก็จะตบต่อ”
จิงเฉินคุณมันไม่ใช่มนุษย์ ตอนคุณอยู่ในท้องคุณยังพัฒนาไม่เต็มที่ใช่ไหม?ดีเอ็นเอของคุณถึงได้เปลี่ยนไปเป็นเหมือนมนุษย์ต่างดาวเช่นนี้ หยินหยางในตัวคุณมันไม่สมดุลย์กัน คุณมันเหมือนคุณกับแมลงสาบ คุณเป็นสปีชี่เดียวกันกับคางคกที่สกปรกน่ารังเกียจ ตอนที่คุณยังมีชีวิตอยู่ก็ทำให้อากาศบนโลกนี้เป็นมลพิษ ตอนที่คุณตายไปก็ทำให้พื้นดินปนเปื้อนเชื้อร้าย ถ้าโยนคุณเข้าไปในระบบสุริยมันก็ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีก……อืม……ฉันผิดแล้ว ฉันไม่ควรพูดคำหยาบพวกนี้ออกมา
เธอยังคงด่าจิงเฉินต่อไป ถึงแม้ว่าปากของเธอจะรู้สึกดีขึ้นที่ได้ด่าออกมา แต่ว่าตูดของเธอกลับต้องเป็นที่ที่ต้องโดนรับโทษอย่างสาหัสทารุณ
แม่เจ้า!! มือของจิงเฉินมันหนักจริงๆ ตอนนี้ตูดเธอมันบวมหมดแล้ว!
จิงเฉินเอามือกดลงที่บั้นท้ายที่งอนขึ้นมาของซินเหยา ขมวดคิ้วหนึ่งครั้งแล้วบอกว่า “อื่มม เนื้อสัมผัสไม่เลว”
“รู้สึกผิดหรือยัง”จิงเฉินถาม
ไอ้สาระเลว มือวางไว้ตรงไหน?
“รู้สึกผิดแล้วค่ะ” ความจริงฉันไม่ได้ผิดสักหน่อย
“ต่อไปจะกล้าพูดคำหยาบแบบนี้อีกไหม?” จิงเฉินถาม
คำนี้มันฟังยังไงก็ดูเหมือนกำลังดุด่าลูกของตัวเอง
ถุย ถุย ถุย! ถ้าเธอมีป๊ะป๋าโรคจิตแบบนี้นะคง คงร้องไห้นอนตายในห้องน้ำไปแล้วกระมัง
คิดถึงตอนที่หลานหลานทำผิด เธอแค่อ้อนสักหน่อย แล้วมาจูบสักฟอด ซินเหยาก็หายโกรธแล้ว
ให้เธอจุ๊ปป๊ะป๋าหรอ? ให้ตายเธอก็ไม่ทำ
ซินเหยาส่ายหัวไปมาและพูดว่า ”ไม่กล้าแล้วค่ะ” ความจริงตอนนี้เธอดูน่าสงสารมากกว่าตอนที่หลานหลานทำผิดเสียอีก
สายตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยสีแดงก่ำ บวกกับใบหน้าที่ดูเชื่อฟังเหมือนหมาน้อยไร้เดียงสา มันทำให้ใครต่อใครไม่กล้าที่จะไปดุด่าเสียจริง
จิงเฉินผู้ชายที่เย็นชาแข็งทื่อเช่นนี้ เห็นสภาพน่าสงสารของซินเหยาก็อดคิดไม่ได้เลยว่าที่ตัวเองทำไปเมื่อตะกี้นี้มันเกินไปหรือเปล่า?
ดวงตาของซินเหยาเปรียบได้กับดวงตาอันงดงามมีเสน่ห์ของนางเทวดา เมื่อเธอเห็นจิงเฉินเป็นแบบนั้น ก็รู้เลยว่าเขารู้สึกสำนึกผิดแล้ว
ไอ้บ้าเอ้ย! คุณตีเสร็จแล้วค่อยรู้สึกสำนึกผิดทีหลัง มันมีประโยชน์อะไร?
“คือว่า…. ฉันขอกลับCKก่อนได้หรือป่าว?” ซินเหยา ถามอย่างกล้ากล้ากลัวกลัว
จิงเฉินอยู่ในแวดวงของธุรกิจมาหลายปีแล้ว ถ้าเปรียบเหมือนการเสิร์ฟอาหารเขาคงแซงนำไปแล้วสองร้อยปี
หนทางเล็กน้อยริบหรี่ของซินเหยานะหรอ มันเทียบไม่ได้กับของเขาหรอก
“เอ่อใช่….. คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมไม่ชอบกินของที่มันหวาน รู้ได้อย่างไรว่าผมไม่ชอบกินกระเทียมแล้วก็หัวหอม” จิงเฉินนั่งอยู่ที่นั่นเหมือนจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ที่กำลังมองไปที่เหยื่ออย่างซินเหยาอยู่
ฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าคุณไม่ชอบกินของหวาน ไม่ชอบกินกระเทียมและหัวหอม?
ถ้าฉันบอกว่าฉันเดาตามที่หลิงหลิงและหลานหลานไม่ชอบกินของพวกนี้ บวกกับการเดาแบบถ่ายทอดทางพันธุกรรมหล่ะ ป่ะป๊าจะเชื่อหรอ?
“เอาล่ะเธอออกไปทำงานได้แล้ว” เมื่อได้ยินว่าจิงเฉินไม่ได้ใส่ใจกับปัญหานี้มากเท่าไหร่ ซินเหยาก็ได้ออกจากห้องนั้นไปอย่างรวดเร็ว
แต่สำหรับที่เธอบอกว่าเธอจะกลับไปที่CKนั้น เธอได้บอกว่าเธอจะกลับไปจริงหรอ?
จิงเฉินหรี่ตาเล็กลงและมองไปที่ซินเหยาที่กำลังวิ่งออกไป
จิงเฉินครุ่นคิดอยู่สักพัก และรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับซินเหยานั้นมันมากและลึกซึ้ง แต่ทำไมในความทรงจำกลับไม่มีเศษเสี้ยวของเธอเลย
พวกเขาทำอะไรลงไปนะ?
หลี่เวยแอบฟังอยู่ที่หน้าประตู ได้ยินเสียง ป๊าป! ป๊าป! ป๊าป! ออกมาจากข้างใน บวกกับเสียงสะอึกสะอื้นครวญครางของซินเหยา
ตอนนี้เธอรู้สึกกระวนกระวายไปหมด ในกลางวันแสกแสกนี่นะ? บอสใหญ่กับซินเหยาทำอะไรกันในนั้นกลางวันแสกๆนี่นะ?!
ช่วงนี้ทั้งประเทศกำลังกวาดล้างกับพฤติการณ์แบบนี้อยู่ นี่พวกคุณไม่กลัวตำรวจจะจับเข้าห้องมืดหรืออย่างไรกัน?
เธอรู้สึกว่าตอนนี้เธอกำลังกุมความลับอันใหญ่หลวงไว้อยู่ เรื่องนี้จะถูกแพร่งพรายออกไปไม่ได้โดยเด็ดขาด
ตอนที่ซินเหยาเดินออกมาจากในห้อง เธอเดินแบบโซซัดโซเซบวกกับสายตาที่แดงก่ำ สภาพเธอตอนนี้มันดูไม่ได้เลยจริงๆ
มันทำให้หลี่เวยแน่ใจขึ้นไปอีกว่าเกิดอะไรขึ้น
บอสใหญ่ผู้เกรียงไกรหาญกล้า
“เหยาเหยา เธอระวังหน่อยนะ” หลี่เหยาอยู่ข้างหลังพร้อมเอามือพาดไปที่ไหล่ของซินเหยาแบบเบาๆ แล้วถามอย่างนุ่มนวลอบอุ่นว่า “เหยาๆ ให้ฉันไปซื้อยาให้เธอหน่อยไหม? สภาพเธอตอนนี้มันดูเศร้ามากจริงๆ”
ถ้าฟังจากเสียงเมื่อกี้บวกกับสีหน้าของซินเหยาตอนนี้ คงเป็นครั้งแรกของเธอสินะ
ครั้งแรกมันก็เจ็บแบบนี้แหละ ถ้าได้กินยาสักประเดี๋ยวก็จะดีขึ้น
“ซื้อยา” ซินเหยาไม่เข้าใจที่เธอถาม
หลี่เวยกระพริบตาอย่างคลุมเครือและพูดว่า "เธอไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น ฉันเข้าใจดี เมื่อกี้ฉันอยู่ข้างนอกฉันได้ยินเสียงทุกอย่าง”
ซินเหยาหน้าแข็งทื่อ…..ได้ยินเสียง?
แม่เจ้าโว้ย เธออายุ 24 ปีแล้ว แต่ยังโดนป๊ะป๋าตบตูด เรื่องนี้หลี่เวยรู้แล้วหรือ?
หน้าของเธอเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาวสลับกันไปมา ตอนนี้เธอรู้สึกอึดอัดเสียจริงๆ อีกหน่อยคงจะเล่นอย่างมีความสุขกับหลี่เวยไม่ได้แล้ว
“อย่ากังวลไปเลย เรื่องนี้ฉันจะไม่บอกให้คนอื่นรู้” หลี่เวยพูดอย่างเข้าใจความรู้สึก ซินเหยาได้แต่พยักหน้า…….แล้วเธอพูดอะไรได้บ้างในตอนนี้?
“เห้ออ อีกหน่อยถ้าเธอได้ดีก็ลืมฉันหล่ะ” หลี่เวยพูด
หือ ทำไมมันรู้สึกแปลกแปลก?
“ฉันบอกเธอให้นะ ประธานเยี่ยถึงแม้จะมีแฟนแล้ว แต่ว่ามันเป็นการบังคับของผู้ใหญ่ ความจริงเขาก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงคนนั้นหรอก ถึงแม้ว่าเขาจะรวยมาก แต่บางเรื่องเขาก็ไม่สามารถที่จะตัดสินใจด้วยตนเองได้” หลี่เวยมองซินเหยาเป็นผู้หญิงของจิงเฉินไปแล้ว
ซินเหยา: ……
ในความคิดของซินเหยา จิงเฉินเป็นบุคคลที่สง่าสูงส่งเอาแต่ใจไร้ซึ่งความรู้สึก และเป็นผู้ที่เก่งฉกาจสามารถจัดการทุกเรื่องได้
ขอป๊อบคอร์นสักถัง เธอชอบฟังเรื่องซุบซิบของเหล่าคนรวยจริงๆ
“ ความจริงแล้วท่านประธานใหญ่อยากจะดึงประธานเยี่ยลงมามาก หลายปีที่ผ่านมาประธานเยี่ยทุ่มเทให้กับบริษัทเป็นไม่รู้เท่าไหร่ แต่แค่เป็นเพราะท่านประธานใหญ่และภรรยาไม่ค่อยที่จะรักเขานัก ถึงจะมีความสามารถมาก พวกบอร์ดบริหารก็คงไม่เห็นหัวอยู่ดี ถ้าไม่มีประธานเยี่ยแล้วล่ะก็ เยี่ยหวงคงไม่สามารถมายืนอยู่ในจุดนี้ได้” หลี่เวยบ่นเหมือนโกรธแทนประธานเยี่ย
เห็นว่าจิงเฉินน่าสังเวชมากขนาดนี้ เธอจึงไม่คิดโกรธที่จิงเฉินทำเรื่องเหล่านั้นกับเธอหรือว่าชอบไร้เหตุผลต่อเธอ
เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมฐานะอย่างตระกูลลู่ถึงได้ส่งลูกสาวตัวเองเข้ามาเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทหล่ะ?
ถึงแม้ว่าจะเป็นการแต่งงานเพื่อบริษัท แต่ในใจของมู่อันหลานก็ไม่ได้ไม่มีจิงเฉินนี่นา
นึกถึงวิธีที่จิงเฉินอยู่กับมู่อันหลานแล้ว ซินเหยาเพียงได้แต่หัวเราะเยาะเบาๆอยู่ในใจ
“เพราะฉะนั้นเธอต้องเข้าใจประธานเยี่ยให้มากๆนะ”
แม่เจ้า! เขาไม่มีความสุขในตระกูลเยี่ย แต่ก็มาลงไม้ลงมือตีตูดฉันได้งั้นหรอ?!
ความเป็นมิตรระหว่างเธอกับประธานเยี่ยมันได้แค่นี้จริงๆ ไม่สามารถที่จะอธิบายเพิ่มได้อีก