"ซินเหยา ที่จริงก่อนที่ผมจะเห็นหน้าคุณผมก็รู้สึกชื่นชมในผลงานของคุณ แต่ตั้งแต่ที่คุณเข้ามาทำงานในบริษัทและร่วมงานกันเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ผมรู้สึกว่าผม…….."
สายตาของซวี่เจ๋อเปล่งประกายไปด้วยแสง เปรียบเหมือนกับคืนที่มืดมิดที่สุดแต่กลับมีดวงดาวที่สว่างเช่นนี้คอยให้ความหวัง
ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเร็วมาก มันทำให้ซินเหยายังตั้งตัวไม่ทัน
แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ได้ขัดจังหวะของทั้งสอง
ซินเหยาคลายความกังวลใจลงและใช้แรงในการผลักตัวเองออกมาจากอกของชวี่เจ๋อ และพูดด้วยสีหน้าที่ยังไม่เปลี่ยนว่า"ขอโทษนะคะ มีคนโทรมาฉันขอรับโทรศัพท์สักครู่"
"ได้" สายตาของซวี่เจ๋อเห็นได้ถึงความมืดมิด แต่เขาก็ยังแสดงความอบอุ่นเอาใจใส่ออกมาอยู่
เมื่อเธอหันหลังมาในมุมที่ชวี่เจ๋อมองไม่เห็นแล้ว หน้าเธอก็ได้ปลดปล่อยความอึดอัดออกมา
เมื่อกี้ชวี่เจ๋ออยากบอกเธออะไรกัน…..
เธอส่ายหัวไปมา และลบภาพที่ชวี่เจ๋อแสดงสายตาระยิบระยับนั้นออกไป
"สวัสดีค่ะ ซินเหยาพูดค่ะ"
"ฉันรู้ ถึงได้โทรมานี่ไง"
บ้าเอ้ย นี่คุณโง่ขนาดไหนเนี่ย นี่มันเป็นแค่วิธีรับโทรศัพท์ของเธอเท่านั้น ไม่ได้บอกคุณหน่อยว่านี่เธอคือซินเหยา
"ประธานเย่ ทำไมจู่จู่ถึงโทรศัพท์หาฉันคะ?"
เธอฟังออกนี่มันเป็นเสียงของเย่จิงเฉิน เพราะมันเป็นเสียงที่ทุ่มต่ำและเซ็กซี่
แต่ทว่าฟังเสียงจากโทรศัพท์อาจจะผิดเพี้ยนไปหน่อย แต่ว่าทำไมเมื่อเธอฟังเสียงนั้นแล้วถืงรู้สึกว่าป๊ะป๋าไม่ค่อยจะดีใจนัก
"หึๆ นี่เธอกำลังโทษฉันหรอว่าที่ผ่านมาไม่ได้ติดต่อเธอมาเลย"
"ไม่ใช่นะ ไม่ใช่เลยจริงๆ"
ฉันยังดีใจด้วยซ้ำที่ประธานอันธพาลอย่างคุณจะไม่ติดต่อฉันมา เลยกลัวว่าคุณจะมาแต๊ะอั๋งฉันแต่ไม่ให้เงินห้าล้าน
"งั้นก็ดี เพราะนับตั้งแต่วันนี้ก็ไปเก็บของและมาทำงานที่บริษัทเยี่ยจนถึงนิทรรศการเครื่องประดับครั้งนี้จะจบลง" ป๊าป๋าพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดันเอาแต่ใจ
เขาไม่ได้คิดเลยว่าจะมาถามความสมัครใจของซินเหยา เพียงแค่มาแจ้งให้ทราบตรงตรงเท่านั้น
"ฉันไม่ไป"
จากสองครั้งที่พบกันมา ถ้าเธอไปเธอก็เหมือนปลาทูที่จะต้องโดนเเมวโหดร้ายกินเป็นแน่
แน่นอนว่าเธอคือปลาทู และป๊ะป๋าก็คือเเมวโหดร้าย
"ฉันไม่ได้มาถามความสมัครใจของคุณ แต่แค่มาแจ้งให้คุณรับทราบ
"การกระทำของคุณในครั้งนี้มันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะ"
"เธอพูดถูก"
เห้อ ยอมรับออกมาแบบหน้าด้านๆ
"ทำไมฉันต้องตอบตกลง ฉันเป็นดีไซเนอร์ของCK เราแค่ร่วมงานกันเท่านั้น ฉันไม่จำเป็นต้องฟังสิ่งที่คุณบอก"
”ผมเป็นฝ่าย ก"
"แล้วยังไงล่ะ ในสัญญาไม่ได้บอกไว้ชัดเจนนี่ว่าฉันต้องฟังสิ่งที่คุณสั่ง"
เขาเงียบไป ได้ยินเพียงเสียงหายใจแผ่วเบา แสดงว่าสายยังไม่ได้ตัดไป
ซินเหยายิ้มร่าออกมาและสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของชัยชนะ
"หุ้น 3% คุณคงไม่อยากลองดีหรอกนะ"
"มันตกลงกันไว้แล้ว ไม่ใช่เพียงเพราะความคิดเล็กๆก็ทำให้เสียเรื่องหรอกนะ ในสัญญามันมีผลของการกระทำบอกไว้ชัดเจน"
"งั้นหรอ ในสัญญาที่บอกว่าเป็นค่าตอบแทนของคุณ ถ้าผมเห็นว่าคุณยังทำมันออกมาได้ไม่ดีพอ ผมสามารถริบกลับคืนมาหมดได้ ค่าตอบแทนที่แท้จริงของคุณเป็นบริษัทCKจ่ายให้เพราะตามสัญญาครั้งก่อนที่เซ็นไว้"
ซินเหยากับพนักงานของเธออึ้งเป็นไก่ตาแตก ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?
ถ้าถามซินเหยาว่าระหว่างเงินกับศักดิ์ศรีเธอจะเลือกอันไหน เธอก็ต้องเลือกเงินอยู่แล้วสิ
เธอได้ผ่านมรสุมอันโหดร้ายมานับไม่ถ้วน เพราะฉะนั้นเธอก็ต้องรู้ว่าเธอต้องเลือกสิ่งที่มันเป็นประโยชน์กับเธอ
"ได้….ตกลง"
เธอเป็นคนอดทนมองโลกในแง่ดี และเป็นหม่ามี้ที่เข้มแข็งเสียจริงๆ
……
ซินเหยากัดฟันย้ายออกจากที่เดิม และย้ายเข้าไปที่เยี่ยหวง
จิงเฉินเอาโต๊ะทำงานมาไว้ในห้องของตัวเองอีกโต๊ะหนึ่งเพื่อเป็นที่ทำงานของเธอ ซินเหยากับหนักงานของเธองงเป็นไก่ตาแตกอีกครั้ง
ในใจเธออยากสบถคำด่าออกมายิ่งนัก แค่คิดว่าทุกวันจะต้องเจอหน้าป๊าป๋าก็ทนไม่ไหวอยู่แล้ว
"คุณผู้หญิงคะ เราเคยพบกันมาก่อน ฉันชื่อหลี่เวย เป็นเลขาของท่านประธานเย่ นี่คือโต๊ะทำงานของคุณ ต่อไปคุณก็ทำงานตรงนี้" เลขาหลี่พูดด้วยเสียงสุภาพกับเธอและพาเธอไปที่ทำงาน
"คุณเรียกฉันว่าซินเหยาก็ได้แล้ว" เธอคิดอยู่สักพักแล้วถามว่า"บริษัทของพวกคุณการเงินไม่ดีหรอ จะล้มละลายแล้วหรอ ทำไมแค่ห้องของดีไซเนอร์ก็ไม่มี?"
ให้ห้องทำงานห้องหนึ่งกับเธอมันจะตายหรอ นี่มันเห็นชัดชัดว่าเป็นโซนทำงานของเลขา
หลี่เวยพูด "คุณผู้หญิงพูดแบบเด็กน้อยใสๆไร้เดียงสาเสียจริงๆ"
ซินเหยา"……"
เธออายุ 24 ปีแล้วนะยังไร้เดียงสาอยู่อีกหรอกหรอ ภาษาจีนของเธอเป็นครูอังกฤษสอนแล้วหรือกระมั้ง
อีกอย่างภาษาจีนของเธอห่วยซะขนาดนี้ นายของหล่อนรู้หรือไม่
"จะบ้าหรือ….." หลี่เวยเมื่อกี้ดูมายังเป็นหญิงแกร่งอยู่เลย แต่ทำไมจู่ๆกลายเป็นหญิงอ่อนนุ่มขี้อายซะอย่างนั้น "บริษัทเย่หวงของเรามีท่านประธานที่เก่งฉกาจฉลาดทันสมัยเขาสามารถทำให้บริษัทพัฒนามากยิ่งขึ้นและเงินเดือนของพวกเราก็มีแต่จะสูงขึ้นตามไป แต่งงานกับคนรวยอย่างเขา ไปสู่สังคมไฮคลาส เพราะฉะนั้นประธานเย่ของเราดีที่สุด เป็นประธานที่เก่งฉะกาจที่สุด เหตุไฉนการเงินของบริษัทจึงจะขัดข้องล่ะ" พูดด้วยสีหน้าอมยิ้ม
ซินเหยา"……"
"อืม ช่วงนี้หลี่เวยเธอทำงานได้ไม่เลว เงินเดือนเพิ่มขึ้น 20%" ประธานเย่เดินเข้ามาจากข้างหลังและพูดอย่างสุขุม
การยอแบบนี้มันจะดีหรอ?
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นนักเรียนหัวกะทิ แต่การยอแบบนี้ที่โรงเรียนก็ไม่ได้สอน ถ้าเทียบกับหลี่เวยก็คงจะเปรียบกันไม่ได้
เธอนิ่งคิดอยู่สักพักและเอ่ยปากพูดอย่างจริงจังว่า "ฉันก็คิดว่าที่หลี่เวยพูดก็ถูกนะ"
เธอยกนิ้วกดไลก์ให้กับความคิดของตัวเอง เธอคือผู้หญิงที่เก่งที่สุด
หลี่เวย "….."
เย่จิงเฉิน "……"
ท่านประธานแสนรวย รีบขึ้นเงินเดือนให้ฉันด้วยสิ
หลี่เวยกับเย่จิงเฉินคาดไม่ถึง หน้าตาสะสวยมีสมองอันชาญฉลาดอย่างซินเหยาที่แท้ก็ซ่อนหน้าที่ไม่อายไว้เหมือนกัน
"ฉันก็รู้สึกว่าสิ่งที่หลี่เวยพูดมันก็ถูก" เย่จิงเฉินพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม "เพิ่มเงินเดือนอีก5%"
หลี่เวย: ≧▽≦
ซินเหยา: ☆_☆
เธอมองดูประธานเย่ด้วยความตื่นเต้น แล้วเธอล่ะ? แล้วเธอล่ะ?
"เอาละถึงเวลาทำงานแล้ว" เย่จิงเฉินยิ้มที่มุมปากอย่างเล็กน้อยและไม่ได้มองตาของซินเหยาที่ส่งความระยิบระยับออกมา และได้หันหลังเข้าห้องทำงานอย่างทันทีทันใด
ซินเหยา:……
ได้โปรดมาเพิ่มเงินเดือนให้ฉันก่อน
หลี่เวยได้ขึ้นเงินเดือน 25% ในระยะเวลาอันสั้นนี้ก็ได้ลากห่างระยะความสัมพันธ์ของพวกเขา
หลี่เวยยังถือเอาซินเหยาเป็นดาวนำโชคของตัวเอง และเธอก็อยากจะเลี้ยงข้าวเที่ยงให้กับซินเหยา
หึหึ….. เป็นเพราะชวี่เจ๋อ เธอไม่ได้คาดหวังกับข้าวเที่ยงที่ได้กินฟรีอีกต่อไปแล้ว
อีกอย่างเธอคิดว่าเย่จิงเฉินรวยซะขนาดนั้น แต่ว่ากับข้าวที่โรงอาหารล้วนผ่านการตรวจตราจากเขาทั้งสิ้น กลิ่นของอาหารก็ยังหอมฟุ้งใช่ย่อย
มีผักมีเนื้อดีกว่าที่ทำงานเก่าของเธอ
"ไม่ต้องหรอก มันเปลืองเงิน" ซินเหยาปฏิเสธ
"ไม่ได้ เธอน่ะคือดาวนำโชคของฉันเลยนะ เมื่อเธอมาฉันก็ได้เพิ่มเงินเดือน 25% และทุกเดือนฉันก็จะสามารถซื้อกระเป๋าLVที่เพิ่งออกมาใหม่ได้สองใบ" หลี่เวยพูดอย่างดีใจ
คำพูดของเธอดูเหมือนจะมีข้อมูลมากนะ ดูเหมือนเธอจะรู้อะไรบางอย่าง
เธอรู้สึกเศร้าใจมากที่เป็นดีไซน์เนอร์ตัวเล็กๆแต่เงินเดือนยังไม่เท่าหลี่เวยที่เป็นเลขา
ป๊ะป๋า คุณยังต้องการเลขาอยู่อีกหรือเปล่า?
ที่สุดหลี่เวยก็ได้เลี้ยงซินเหยาเป็นเนื้อย่างเกาหลีที่ร้านใกล้ๆกับบริษัท
เนื้อย่างกลิ่นหอมลิ้มชิมรส ถ้ากินหมดก็ถือว่า…รักษาแผลหัวใจ….ที่โดนทำร้ายจากท่านประธานเย่ได้ส่วนหนึ่ง
MANGA DISCUSSION