ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 175 : การกลับมาครองตำแหน่งของป๊ะป๋า
เมื่อเห็นรายงานข่าวแล้ว เธอก็รู้ว่าเยี่ยวหวงยังไงก็เป็นเยี่ยหวงอยู่วันยันค่ำ ฝีมือของจิงเฉินมันช่างทำให้คนเดาทางไม่ถูกจริงๆ ทั้งร้ายกาจและน่ากลัว
เวลาสั้นสั้นที่ยังไม่ถึงหนึ่งเดือนนั้น เขาเหมือนยังไม่ได้ทำอะไรลงไปก็สามารถที่จะเอาเก้าอี้CEOของบริษัทกลับมาอยู่ในกำมือตัวเองที่เขาสูญเสียไปได้แล้ว เหมือนเขาได้มันกลับมาด้วยความง่ายดายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก นี่มันช่างเก่งกาจเสียจริงๆ
ป๊ะป๋าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดองเอามาก เป็นคนที่สามารถพลิกสถานการณ์ต่างๆกลับมาได้อย่างง่ายเหมือนดีดนิ้ว
ถ้าเกิดตอนนี้มีคนบอกเธอว่า : ป๊าป๋าน่ะ เป็นฮีโร่ที่ช่วยจักรวาลเอาไว้ เธอก็ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรเลย
เมื่อเห็นรายงานข่าวนั้น เธอจึงนึกขึ้นได้ว่าป๊ะป๋าได้ส่งเอ็มเอ็มเอสมาให้เธอแล้วแต่เธอยังไม่ได้เปิดดู
จากนั้นเธอจึงหยิบมือถือของตัวเองออกมา เปิดดูไปที่ข้อความที่ป๊ะป๋าได้ส่งมา มันเป็นภาพๆหนึ่ง
ภาพนี้ เป็นภาพเซลฟี่ อีกอย่างมันยังไม่ได้ผ่านการแต่งในแอพใดๆทั้งสิ้น แต่มันช่างหล่อเหลาเสียจริงๆ
ในรูปนั้นเป็นรูปที่ป๊าป๋าใส่ไว้เสื้อผู้ป่วยของโรงพยาบาล (แน่นอนว่าชุดผู้ป่วยที่เขาใส่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดัง มีเงินก็ดีแบบนี้แหละ) ใบหน้าเขามีความซีดเซียว แต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบถึงความหล่อเหลาของเขาเลย บนหัวมีผ้าพันแผลสีขาว มันดูแปลกตาขึ้นมา
อีกอย่างผ้าพันแผลสีขาวนั้นยังมีคราบเลือดติดอยู่
เธอจำได้ว่าภาพภาพนี้เธอได้รับเมื่อวันที่เธอเดินดุ่มๆออกมาจากโรงพยาบาลนี่นา งั้นก็หมายความว่า……
OMG
นิสัยที่ขี้เหนียวและเจ้าคิดเจ้าแค้นของป๊ะป๋า ถ้าเกิดว่าเธอเป็นคนทำเขาบาดเจ็บจริงๆ งั้นป๊ะป๋าก็ต้องหาหนทางร้อยแปดพันเก้ามาจัดการเธอเป็นแน่ ฝีมือของป๊ะป๋าสูงขนาดนี้ แค่คิด ขาเธอก็สั่นไปหมดแล้ว มันสัมผัสได้ถึงความโหดร้ายที่ส่งผ่านมายังป่าใหญ่อันมืดมิด
แต่ว่าเวลาก็ผ่านมานานขนาดนี้แล้วนะ เขาก็ยังไม่ได้มาหาเธอเลย ที่จริงอาจจะเป็นเธอที่เข้าใจผิดป๊ะป๋าไปเองก็ได้
ที่จริงป๊าป๋าเป็นคนที่ใจกว้าง เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา สามารถที่จะอภัยให้คนอื่นได้ทุกเมื่อ
ที่เธอถีบป๊ะป๋าตกไปนั้น ป๊ะป๋าก็คงจะให้อภัยเธออยู่เหมือนกัน
แต่ไหนแต่ไรเขาก็เป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้น ต้องแก้แค้นอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ‘ความมีเมตตา’ คงไม่ถูกบันทึกไว้ในพจนานุกรมชีวิตของเขา
เขาไม่ได้ให้อภัยซินเหยา แต่แค่ตอนนี้ยังไม่มีเวลามาจัดการเธอเท่านั้น รอให้เขาจัดการเรื่องยิบย่อยต่างๆเสร็จแล้ว จะมาคิดบัญชีกับเธอแน่ๆ
“ท่านประธานคะ ครั้งแล้วที่หุ้นตกฮวบไป มีคนใช้โอกาสนี้ในการซื้อหุ้นไปค่ะ ฉันรวบรวมและคำนวณมาแล้ว หุ้นที่กระจายไป นอกจากหุ้นในมือของท่านประธานใหญ่ ประมาณ 35% และของท่านอีกประมาณ 10% และรวมทั้งหมดยิบย่อยของผู้ถือหุ้นเล็กๆต่างๆอีกประมาณร้อยละ 40 % มันมีประมาณ 15% ที่โดนบริษัทต่างประเทศเหมาซื้อไป” หลี่เวยใส่ชุดสูท แต่งตัวอย่างสะอาด และพูดกับจิงเฉิน และถามหลี่เวยว่า : “เธอหมายความว่าหุ้นร้อยละ 15 ของบริษัทโดนซื้อไปแล้ว?”
“ใช่ค่ะ” เธอพยักหัวและพูดขึ้นอีกว่า : “โดนสองบริษัทที่ชื่อบริษัทซินเหย้าและบริษัทเฉินกวงซื้อไปค่ะ”
จิงเฉินมีความตกใจเล็กน้อย บริษัทนี้ไม่ใช่เติบโตอยู่ที่ต่างประเทศตลอดหรอ? ตอนนี้ไหงยื่นมือเข้ามาในประเทศแล้วล่ะ อีกอย่างยังยื่นมาถึงในหม้อข้าวของเขาอีกด้วย
“ตอนนี้การดำเนินงานต่างๆของบริษัทได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมเกือบหมดแล้วค่ะ เพียงแต่เอกสารลับต่างๆที่ยังตามกลับมาไม่ได้หมดค่ะ และสำหรับแฮ็คเกอร์ที่แฮ็คเข้ามานั้นก็ไม่เจอร่องรอยอะไรเลยค่ะ ฉันกลัวว่าฝ่ายนั้นจะคิดไม่ดีต่อบริษัทของเราได้ ฉันคิดว่าเราอาจจะสามารถที่จะตรวจสอบหัวหน้าประธานของบริษัทซินเหย้าและเฉินกวงดูได้ค่ะ” หลี่เวยพูดแนะนำ “เรื่องนี้คุณยังไม่ต้องแทรกเข้ามา ผมจะจัดการเอง”
“ในช่วงเวลานี้ ท่านรองประธานเยี่ยได้หยุดโปรเจคการดำเนินงานต่างๆในบริษัทเยอะมากค่ะ ท่านช่วยดูหน่อยค่ะว่าสามารถที่จะดำเนินต่อไปได้อยู่หรือเปล่า?” หลี่เวยถาม
“อืม นี่เป็นโอกาสทองเลยทีเดียวที่จะสามารถทำให้คนบางคนสามารถจะอัพระดับขึ้นได้ คนที่สามารถใช้งานได้กับคนที่ไม่สามารถใช้งานได้คุณคงจะรู้ดี เอาข้อมูลรายชื่อของคนพวกนี้ให้ผมหน่อย ขอก่อนเข้างานพรุ่งนี้” จิงเฉินวางปากกาในมือลงและพูดชี้แจงให้เธอ
“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” หลี่เวยจดรายละเอียดต่างๆลงไปทั้งหมดพร้อมกับพูดขึ้น
เธอเดินออกจากห้องทำงานของเขาและปิดประตูลงอย่างเบาๆ
นิ้วมือที่เรียวยาวของจิงเฉินเคาะไปบนโต๊ะเป็นจังหวะจังหวะ……
บริษัทเฉินกวงเป็นบริษัทของเขา เพราะได้ซื้อหุ้นไว้ประมาณร้อยละ 7% แต่อีก 8% กลับโดนบริษัทซินเหย้าซื้อไปแล้วงั้นหรอ?
ถ้าดูตามอัตราส่วนเปรียบเทียบตอนนี้ บริษัทเฉินกวงและ
ซินเหย้าต่างกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทไปแล้วหรอ
ซินเหย้า ซินเหย้า……น่าสนใจจริงๆ
นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่มีคนดึงเนื้ออันโอชะในปากของเขาออกมา
ดูดูแล้วหัวหน้าที่อยู่เบื้องหลังของซินเหย้านี้น่าจะจัดการได้ไม่ง่ายเลย สามารถที่จะมีสายตาที่แหลมคมและการกระทำที่ฉลาดเช่นนี้ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับแฮ็คเกอร์คนนั้นหรือเปล่า?
ถึงแม้ว่าเยี่ยวหวงจะเจอกับเหตุการณ์นั้นขึ้น แต่ว่าถ้าจะซื้อหุ้นของเยี่ยหวงมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้ง่ายเลย ถ้าเกิดไม่มีเงินทุนที่หนาพอแล้วก็คงไม่สามารถจะคาบเนื้ออันโอชะชิ้นนี้ของเยี่ยหวงไปได้ ในเวลาที่สั้นสั้นแบบนี้แต่สามารถมีเงินทุนเยอะขนาดนี้บวกกับการตัดสินใจที่แน่วแน่ชาญฉลาดแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้ทำกันง่ายง่ายเลย
เพราะงั้นเรื่องนี้มันต้องวางแผนมากันแน่แน่ แฮ็คเกอร์คนนั้นกับบริษัทเหย้ากวงจะต้องเกี่ยวพันกันแน่แน่
แต่มีเงินทุนที่หนาขนาดนี้ บริษัทเหย้ากวงนั้นดูถูกเลยไม่ได้จริงๆ
ถ้ามีโอกาส เขาอยากจะเห็นหน้าคนที่มาทำให้ตัวเองหมุนเป็นบ้าแบบนี้เอามาก
ตอนนี้คนที่บอกว่า’ไม่สามารถดูถูกได้’กำลังนั่งเรียนอยู่ในห้องและฟังครูถามว่า 5 × 3 เท่ากับเท่าไหร่อยู่
……
ตอนกลางคืนลั่วหลิงและเข่อหลานกลับถึงบ้าน ข้าวยังไม่ทันกิน เขาก็เข้าไปในห้องและเปิดคอมของตัวเองขึ้น พร้อมกับเช็คข้อความอิเล็กทรอนิกส์ของเขา เห็นว่าตอนนี้บริษัทได้ซื้อหุ้นของเยี่ยหวงไปแล้ว 8% ถึงแม้ว่าผลลัพธ์มันจะทำให้เขาพอใจมาก แต่มันไม่สามารถรีบร้อนได้เลย เพราะเรื่องนี้มันช่างละเอียดมากจริงๆ
ต้องรู้ว่าเยี่ยหวงเป็นเนื้อที่ไม่ได้เคี้ยวง่ายแบบนั้น อีกอย่างจิงเฉินก็เป็นเหมือนกับหมาป่าเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่ง ถ้าอยากจะเอาเนื้อที่เขาคาบอยู่ในปากออกมาแล้ว มันเป็นเรื่องที่อันตรายมาก
ไม่เป็นไร รอโอกาสอย่างเงียบเงียบ
จากนั้นเขาก็เช็คตลาดหุ้นของไม่กี่วันที่ผ่านมา สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกไปที่หุ้นบางส่วนและให้คนในบริษัทซื้อเข้ามา
ลั่วหลิงรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ในครั้งนี้มาก เพราะงั้นเขาจึงตัดสินใจจะไปแกล้งจิงเฉินสักหน่อย จึงพิมพ์ส่งข้อความไปอย่างรวดเร็ว
จิงเฉินนั่งอยู่หน้าจอคอมเฝ้าไว้พอดี เขารู้สึกตะหงิดตะหงิดใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าวันนี้แฮ็คเกอร์คนนั้นจะต้องทักเขามาแน่ๆ และเขาก็เดาถูกจริงๆ
หรือว่าแฮ็คเกอร์คนนี้ไม่ได้โกหกเขา แฮ็กเกอร์คนนี้ทำงานในโรงเรียนจริงๆ (เห็นชัดชัดว่าเขาเรียนหนังสือที่นั่นโอเคป่ะ!) หรอ?