ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 174 : พรสวรรค์ด้านการเป็นผู้นำ
“ขอประธานโทษนะคะคุณลู่ ท่านประธานต้องการพักผ่อนอย่างเงียบเงียบ เพราะฉะนั้นคุณค่อยมาเยี่ยมท่านวันหลังนะคะ” นางพยาบาลรั้งเธอไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม
“ฉันเป็นแฟนของเขาก็เข้าไปไม่ได้งั้นหรอคะ?” เธอเก็บสีหน้านั้นลงและแสดงสีหน้าที่อบอุ่นมีรอยยิ้มออกมา
“ขอโทษจริงๆค่ะ” นางพยาบาลยืนหยัดพูด
ที่จริงเธอรู้อยู่แล้วว่าการตัดสินใจต่างๆของจิงเฉินไม่มีใครที่สามารถจะไม่ทำตามได้ และไม่มีใครที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้
สีหน้าของเธอดูบึ้งตึงขึ้น แต่ยังยิ้มออกมาแบบฝืนๆ และถามว่า : “ชั้นนี้นอกจากจิงเฉินแล้วยังมีคนอื่นอยู่หรือเปล่า?”
“ไม่มีค่ะ มีแค่ท่านประธาน” นางพยาบาลเห็นสีหน้าของเธอแล้วก็รู้สึกสงสารเธออยู่หน่อยๆ นี่ก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร เพราะฉะนั้นจึงบอกเธอไป
เมื่อเธอได้ยินว่าชั้นVIPนี้มีแต่เขาที่พักอยู่ แววตาของเธอก็ครุ่นคิดขึ้น
“งั้นวันหน้าฉันค่อยมาเยี่ยมเขาใหม่แล้วกัน” เธอยิ้มออกมา หันหลังและเดินจากไป
เธอเดินไปถึงทางเข้าของโรงพยาบาล และเห็นซินเหยากำลังขับรถออกไปพอดี เธออยู่ที่เดิมและมองไปที่รถของซินเหยา สายตาของเธอดูมืดทมิฬมาก
คำพูดที่จิงเฉินพูดไปวันนั้นมันทำให้ซินเหยารู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่วันนั้น เธอจึงไม่ได้ไปโรงพยาบาลเยี่ยมไอ้บ้านั้นอีกเลย
เห็นว่าเขาทับไปบนตัวของเธอ และยังกัดเข้าไปอีก น้องชายข้างล่างก็ยังดูดุเดือด เขาคงไม่ป่วยหนักอะไรหรอก
เมื่อกลับถึงบ้าน เธอได้รับเอ็มเอ็มเอสจากเขา
ตอนนั้นเธอยังโกรธอยู่ ถึงแม้ว่าจะดาวน์โหลดมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เปิดดู
ผ่านไปไม่กี่วัน จิงเฉินก็ออกจากโรงพยาบาลและกลับไปดำรงตำแหน่ง CEO ในบริษัทดังเดิม
เขาใช้กลวิธีในการจัดการปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในบริษัทได้อย่างรวดเร็วและชาญฉลาด เขาใช้เวลาไปเพียงสามวันก็สามารถกู้สถานการณ์ที่ตกต่ำของบริษัทกลับมาได้ดังเดิม ทำให้เยี่ยหวงกลับมาสงบอีกครั้ง รวมถึงหุ้นที่ตกต่ำเหล่านั้นก็ได้พุ่งสูงขึ้น ทำให้ทุกคนเห็นฝีมือชาญฉกาจในการเป็นนักธุรกิจของจิงเฉินมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก
และเมื่อผู้ถือหุ้นต่างๆเห็นเขากลับมาจากการพักฟื้นและสามารถที่จะกู้สถานการณ์กลับมาได้อย่างดีเยี่ยม ผู้ถือหุ้นเหล่านั้นจึงมีความเชื่อใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก
มีคนพูดอยู่มาก ว่าเยี่ยแจว๋คลอดลูกชายคนนี้ออกมาได้ดีจริงๆ เหมือนเป็นบุตรของสวรรค์เอาซะเลย
ตอนที่ซินเหยาเห็นข่าวนี้ มันก็ทำให้เธอรู้สึกดีใจขึ้น เธอรู้สึกแปลกเอามาก ทำไมตัวเองถึงต้องมีความรู้สึกแบบนี้ด้วยนะ?
จิงเฉินกลับมาบริษัทอีกครั้งและได้นั่งไปที่เก้าอี้CEO เขาสามารถจัดจัดการกับพายุฝนที่โหมกระหน่ำครั้งนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดอง ทำให้ทุกคนเห็นเป็นประจักษ์ตาและยอมรับนับถือเขาจริงๆ
ตอนนี้จิงซิงโกรธเป็นอย่างมาก โกรธจนตาแดงก่ำไปหมด เขามองไปที่จิงเฉินด้วยความอิจฉาริษยา เหมือนจะฉีกจิงเฉินให้เป็นชิ้นชิ้น สายตานี้มันช่างอาฆาตเหลือเกิน
“ท่านประธานใหญ่ครับ ลูกของท่านนี่เก่งจริงๆ พวกผมอิจฉาท่านมากที่มีลูกชายเก่งแบบนี้”
“ใช่ครับ
“พูดอีกก็ถูกอีก เมื่อบริษัทนี้มีจิงเฉิน พวกเราก็วางใจแล้ว ลุงลุงอาอานับถือในความเก่งของจิงเฉินมากเลยนะ”
ผู้ถือหุ้นหลายคนมองข้ามจิงซิงที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟและเยี่ยแจว๋ที่หน้าเจื่อนๆไปเลยหนึ่ง พวกเขาเอาแต่พูดชมจิงเฉิยอย่างไม่หยุดปาก
รอบนี้ที่จิงเฉินได้กลับมาบริษัท ก็เป็นเพราะว่าผู้ถือหุ้นต่างๆร่วมมือกันขอให้เขากลับมา
ถึงแม้ว่าเยี่ยแจว๋จะเป็นท่านประธานใหญ่และถือหุ้นเยอะที่สุด แต่ว่าถ้าผู้ถือหุ้นรายย่อยต่างๆร่วมมือกันขึ้นมา เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี อีกอย่างนโยบายต่างๆถ้าผู้ถือหุ้นรายย่อยเห็นพ้องกันแล้ว ก็สามารถที่จะดำเนินการได้เลย
รอบนี้คนที่รับเขากลับบริษัทมาดำรงตำแหน่งCEO ก็เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยต่างๆที่ช่วยกันและร่วมมือกันนั่นแหละ
“พ่อครับ พี่ครับ ช่วงที่ผมลาพักลำบากพ่อและพี่แล้ว ตอนนี้ผมกลับมาแล้ว พ่อและพี่สามารถอยู่แบบสบายๆได้แล้วนะครับ” จิงเฉินพูดด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก
ถ้าเกิดไม่ใช่จิงเฉินเรียกชื่อพวกเขาขึ้นมา (และบอกว่ามีสายเลือดเดียวกัน) เกรงว่าทุกคนในที่ประชุมนี้คงจะคิดว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้าไปเสียแล้ว
แววตาของเยี่ยแจว๋มืดลง พร้อมกับยิ้มออกมาแบบเกลื่อนๆและพูดว่า : “กลับมาก็ดีแล้ว ตั้งใจทำงานหล่ะ อย่าทำให้ลุงลุงอาอาผิดหวัง”
จิงซิงอยากเดินขึ้นไป และฉีกจิงเฉินออกเป็นชิ้นชิ้นเอามากตอนนี้
เห็นชัดชัดว่าตอนแรกบริษัทก็เป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลับทำให้เขาต้องขายเนื้ออันโอชะในปากนี้ออกมา เป็นเรื่องที่เลวร้ายจริงๆ ถ้าเกิดว่าไม่เคยได้มันมาก่อน ก็คงไม่ต้องเจ็บใจจากการสูญเสียแบบนี้
จิงซิงรู้สึกแค้นใจเอามาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
เขาคิดอยู่ในใจว่า ทำไมไอ้บ้าจิงเฉินนี้ถึงไม่ตายๆไปสักที
“จิงเฉินเป็นคนมีความสามารถมาก ไปกันเถอะเพื่อน วันนี้เป็นวันที่โอกาสดีมาก เพราะทุกคนก็อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เรื่องที่เกิดขึ้นในบริษัทก็จัดการเสร็จแล้ว เราไปดื่มชากันดีกว่า” ประธานต่งทำเป็นไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของครอบครัวนี้ จากนั้นก็ตบไปที่บ่าของเยี่ยแจว๋พร้อมพูดขึ้น
ที่จริงประธานต่งและเยี่ยแจว๋เป็นเพื่อนเก่าแก่กันมานานนมแล้ว นี่ถือว่าเป็นการไว้หน้าเขาแล้ว ที่ครั้งก่อนยอมให้เขาเอาจิงซิง ลูกชายที่ไร้ความสามารถขึ้นมาดำรงตำแหน่งCEO
แต่ถ้าเกิดว่าจิงซิงมีความสามารถจริง พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียหายและยอมให้จิงซิงเป็นต่อได้ เพราะผู้ถือหุ้นอย่างพวกเขาที่จะเกษียณและไปพักผ่อนบั้นปลายชีวิตขอแค่ปลายปีนี้ได้ส่วนแบ่งมาพอก็พอใจแล้ว เรื่องของบริษัทที่ว่าใครจะเป็นCEOนั้นพวกเขาก็ไม่ได้สนใจ
แต่ว่าความจริงก็ปรากฏและยืนยันแล้ว ว่าจิงซิงเป็นคนที่ไร้ความสามารถ
เพื่อไม่ให้บริษัทล่มในมือของจิงซิง พวกเขาจึงต้องเรียกจิงเฉินกลับมา
ในส่วนของความสามารถของจิงเฉินนั้นทุกคนก็เห็นเป็นประจักษ์ตาอยู่แล้ว ความจริงปรากฏขึ้น เขาไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวังเลย เขามีพรสวรรค์ด้านการเป็นผู้นำจริงๆ
เรื่องที่เกิดขึ้นจิงเฉินใช้เวลาเพียงแค่3วันในการจัดการให้กลับมาดีดังเดิม
“ไปกันเถอะ” เยี่ยแจว๋หัวเราะกลบเกลื่อนออกมาเบาเบา จากนั้นก็พาจิงซิงไปด้วย พร้อมกับพูดว่า : ” จิงซิง ลูกก็ไปด้วยกันสิ ลูกเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ยังไม่ได้ดื่มชากับพวกลุงลุงเลย โอกาสที่หายากแบบนี้ก็ไปด้วยกันซะ”
คนที่เยี่ยแจว๋ไม่สามารถวางใจได้ก็คือลูกชายคนนี้นั่นแหละ
ตอนนี้ทำได้เพียงแนะนำให้พวกลุงลุงพวกนั้นรู้จัก และหวังว่าลุงพวกนี้จะสามารถดูแลลูกชายของเขาได้
“ได้ครับ ไปกันเถอะ คุณลุงเดินนำเลยครับ” เขากัดฟันและยิ้มออกมาด้วยความฝืนทน
เรื่องนี้มันทำให้จิงซิงคิดได้ออกมาได้อย่างหนึ่ง
จิงซิงเดินอยู่ข้างหลังเยี่ยแจว๋ ในตอนที่จะเดินผ่านจิงเฉินนั้น เขาหยุดลง และถามจิงเฉินขึ้นว่า : “แผนการครั้งนี้เป็นแผนการของแกใช่ไหม?”
“แล้วแต่จะคิดเลย” จิงเฉินเบื่อที่จะพูดกับเขาแล้ว
“ฉันไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้แน่ และก็ไม่มีวันปล่อยแกไปแบบนี้ง่ายๆด้วย” จิงซิงพูดด้วยความอาฆาตแค้น