“หลิงๆ วันนี้ลูกอยู่บ้านกับน้องสาวนะ หม่ามี้จะออกบ้านไปเยี่ยมเพื่อนข้างนอกสักหน่อย” เมื่อกินข้าวเสร็จซินเหยาก็เดินเข้าไปในห้องครัวกับลูกชายของเธอและตักซุปกระดูกหมูใส่ไว้ในปิ่นโตเก็บความร้อนพร้อมกับกำชับลูกของเธอ
ลั่วหลิงมองไปที่ปิ่นโตเก็บความร้อนของซินเหยาที่อยู่ในมือพร้อมกับถามว่า : “เพื่อนของหม่ามี้ไม่สบายหรอครับ”
“ใช่ค่ะ เพราะงั้นลูกต้องอยู่บ้านเป็นเด็กดีกับเข่อหลานนะคะ” ซินเหยาพยักหน้า เธอไม่ได้ปิดบังลั่วหลิง พร้อมพูดขึ้นอีกว่า : “เขายังไม่ได้กินข้าว หม่ามี้จึงจะเอาไปให้เขาสักหน่อย”
ลั่วหลิงเข้าใจหม่ามี้ของเขามาก ตั้งแต่ที่พวกเขากลับมาจากเมืองBก็เป็นเวลาประมาณครึ่งปีแล้ว พวกเขาพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงกับที่หม่ามี้ต้องเอาซุปกระดูกหมูไปเยี่ยมเลยหรอ
ในใจเขาก็รู้แล้วว่าคนนั้นเป็นใคร
“หนักหรือเปล่าครับ?” ลั่วหลิงถาม
ซินเหยาถือไว้ปิ่นโตเก็บความร้อนอยู่ที่อกของเธอ ป๊ะป๋าตอนนี้ยังส่งข้อความมาหาเธออยู่ได้หรอ ดูท่าทางแล้วน่าจะไม่ป่วยหนักเท่าไหร่ แต่ว่าถ้าไม่ไปดูเขาสักนิดก็คงไม่วางใจ
“น่าจะไม่ค่อยหนักนะ” ซินเหยาพูด
“กับข้าวในโรงพยาบาลไม่ค่อยอร่อย ผมจะทำอาหารไปให้ด้วย” ลั่วหลิงเดินไปเปิดตู้เย็น เหมือนกำลังคิดว่าจะทำอะไรอยู่ที่ทั้งอุดมไปด้วยสารอาหารและความอร่อย
“ไม่ต้องแล้วๆ” เธอส่ายหัวปฏิเสธทันที เธอสงสารลูกชายของเธอหน่ะ
“ไม่เป็นไรครับ มันทำเร็วมาก” ลั่วหลิงถามขึ้นว่า : “เขาชอบกินอะไรครับ?”
เธอทนไม่ได้ที่จะเห็นลูกชายของตัวเองลำบากเพื่อคนอื่น ถึงแม้ว่าคนอื่นนั้นจะเป็นป๊ะป๋าของพวกเขาก็ตาม แต่ว่าลั่วหลิงเป็นคนที่ยืนหยัดในความคิดของตัวเองเอามาก จากที่เขาได้บอกว่าจะทำอาหารสักอย่างให้แล้ว เขาก็ต้องทำให้ได้
เธอเห็นลั่วหลิงเปิดตู้เย็นออกมาและเห็นไข่ไก่ที่อยู่ข้างใน และยังมีข้าวเย็นที่เหลือจากตอนเที่ยง
“งั้นก็ผัดข้าวผัดก็ได้ค่ะ ไข่ไก่มีประโยชน์ต่อร่างกาย”
ลั่วหลิงนิ่งคิดไปสักพัก จากนั้นก็พยักหัวตอบตกลง
เขาตีไข่แตกและคนไป จากนั้นก็หั่นแฮมเป็นลูกเต๋าชิ้นเล็กๆและเอาลงไปผัดด้วยกัน
ใข่ที่ผัดออกมามันเหลืองทองอร่ามมาก เปรียบเสมือนกับแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าในทางทิศตะวันตก
ซินเหยาขับรถออกไป อากาศที่หนาวแบบนี้เห็นชัดชัดว่ามีรถจอดอยู่ แต่ถ้าออกไปนั่งรถบัสแทน ก็คงจะเป็นการกระทำที่โง่เขลาสิ้นดี
เธอใส่หูฟังบลูทูธและโทรหาจิงเฉิน ถามเขาว่าอยู่โรงพยาบาลไหน
จากนั้นจึงเปิด GPS และขับไปหาเขา
ก่อนที่เธอจะถึงนั้น จิงเฉินก็ได้บอกพยาบาลแล้วว่าอีกประเดี๋ยวจะมีผู้หญิงคนหนึ่งที่นามสกุลถังมา ถ้าเธอมาก็ให้พาเธอเข้ามาในห้องได้เลย หลังจากนี้ไม่ว่าคุณผู้หญิงที่นามสกุลถังคนนี้จะมาตอนไหนก็อย่าห้ามเธอโดยเด็ดขาด
เพราะงั้นซินเหยาจึงเข้าออกห้องผู้ป่วยของเขาอย่างไม่เปลืองแรงเลย
เธอเดินไปถึงหน้าห้องของเขา ถอนหายใจออกมาและคิดในใจว่า ไม่แปลกเลยที่เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่แพงที่สุดในเมืองB เทคโนโลยีการแพทย์ต่างๆของที่นี่มันล้ำสมัยเอามาก อีกอย่างสภาพแวดล้อมของการรักษามันก็ดีเอามากจริงๆ
คนที่ไม่รู้คงคิดไม่ถึงว่าตรงนี้เป็นโรงพยาบาล คงคิดว่าเป็นหมู่บ้านพักร้อนมากกว่า
แค่ตำแหน่งที่ตั้งของโรงพยาบาลนี้ก็น่าจะต้องอย่างน้อยกี่แสนล้านแล้ว สถาปัตยกรรมของที่นี้มีความเป็นยุโรปหน่อยหน่อย ราคาก็คงไม่ต้องพูดถึงแล้ว
วันนี้ซินเหยาได้เปิดโลกกว้างของเธอมากจริงๆ สามารถมาเห็นโรงพยาบาลที่หรูหราหมาเห่าขนาดนี้
เธอไม่ได้เคาะประตู เธอดันประตูและเข้าไปเลย
อากาศของวันนี้มันไม่เลวเลย จิงเฉินใส่ไว้ชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลและกำลังนั่งอยู่บนตรงเก้าอี้เอนกายตรงระเบียง
อาจจะเป็นเพราะแสงที่สองกระทบมาจึงทำให้ใบหน้าของเขามันขาวนวลเอามาก แต่ก็มีความโทรมโทรมอยู่หน่อยหน่อย
แต่ว่าไม่เป็นไร เขาเกิดมาหล่อ ถึงแม้ว่าจะป่วยเป็นหมาอยู่แบบนี้ก็ยังหล่ออยู่ดี
ถึงแม้ว่าบนหัวของเขาจะมีผ้าพันแผลสีขาวพันไว้อยู่ แต่มันก็ไม่สามารถทำลายความหล่อบนใบหน้าได้เลย มันหล่อเสียจนล่มบ้านล่มเมืองได้จริงๆ
เมื่อได้ยินเสียงเท้าเดินมา เขาก็หันหลังไปและเห็นซินเหยา สายตาของเขามองไปบนใบหน้าของเธอ สุดท้ายก็ตกกระทบไปที่ปิ่นโตที่เธอถือมาพร้อมกับยิ้มมุมปากขึ้นอย่างพออกพอใจ
ซินเหยายืนอยู่ตรงประตูทางเข้า ในมือถือไว้ปิ่นโตเก็บอุณหภูมิ เธอเห็นจิงเฉินที่ใส่ไว้ชุดผู้ป่วยสีขาวพร้อมกับคุมไว้เสื้อสูทสีดำอยู่ข้างนอกระเบียง บนหัวมีผ้าพันแผลสีขาวที่แปลกตามา เธอหัวเราะออกมาทำให้เห็นถึงฟันที่ขาวใสของเธอ มันสวยมากจริงๆ
ใจของเธอมันทนกับความหล่อเหลาของเขาไม่ได้ เพราะงั้นมันจึงเต้น ตึกตัก…..ตึกตัก…..ดังขึ้น
มันเต้นรัวเอามาก
ตอนนี้เธออยากจะคุกเข่าและMKให้เขามาก โอ้ยยย……
ถึงแม้ว่าป๊าป๋าจะหล่อเหลาเพียงใด แสงอาทิตย์จะอบอุ่นเพียงไหน แต่มันก็ไม่อาจต้านทานความหนาวเย็นยะเยือกของเมืองBวันนี้ได้เลย
เธอก้าวขาเดินเข้ามาในห้องและวางปิ่นโตเก็บความร้อนนั้นไว้บนโต๊ะ จากนั้นจึงเดินไปที่ระเบียงและพูดกับจิงเฉินด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า : “คุณไม่ได้พูดหรอกหรอว่าไม่สบาย ฉันดูแล้วคุณน่าจะรังเกียจที่ตัวเองไม่ตายเอามากกว่ามั้ง”
อากาศที่หนาวขนาดนี้ แต่เขากลับใส่เสื้อผ้าน้อยขิ้นมากและยังมานั่งอยู่ข้างนอก
ถ้าสบายดี ก็สามารถที่จะทำให้ไม่สบายตอนนี้ได้
ป๊ะป๋าไม่ถนอมรักษาชีวิตของตัวเองแบบนี้ ป๊ะป๋าก็ยังไม่ได้เขียนพินัยกรรมไว้นะ ถ้าเกิดหนาวตายขึ้นมา เธอก็จะไม่ได้เงินสักแดงเดียวจากเขา เพราะงั้นเธอเป็นคนที่ไม่ได้ชอบเงินของป๊ะป๋าเลย ไม่ได้ชอบเงินของป๊าป๋าเลย
“คุณเป็นห่วงผมหรอ?” จิงเฉินยืนขึ้นมาพร้อมกับถามซินเหยา
“ใช่” เธอพยักหัว
เธอไม่ใช่เป็นคนทำดีแล้วไม่หวังผลนะ ในเมื่อป๊ะป๋าถามว่าเธอเป็นห่วงเขาไหม? ถ้าเธอตอบว่าไม่ เธอคงจะโง่เอามาก
เธอยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำ ทำให้จิงเฉินมองมาที่เธออยู่นานพักใหญ่
“เข้าไปนอนข้างในเถอะ อย่าอยู่ข้างนอกนี้เลย มันหนาว
เดี๋ยวจะทำให้เป็นหวัดเอา” เธอเดินออกไปลากเขาเข้ามาในห้องและปิดหน้าต่างลง
เธอลากเขามาถึงบนเตียง จากนั้นก็เอาผ้าห่มห่มไปให้
“ไม่ใช่บอกเหรอว่าอาหารที่โรงพยาบาลไม่อร่อย ฉันเลยเอาซุปกระดูกหมูมาให้คุณทาน และยังมีข้าวผัดสีทองค่ะ” จิงเฉินเห็นเธอพูดเป็นต่อยหอย
จิงเฉินกลั้นขำกับสิ่งที่เธอพูดเกือบไม่อยู่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเธอมีความพูดมากเป็นต่อยหอยเหมือนเมียป้าแก่ แต่กลับรู้สึกว่ามันดีอยู่หน่อยหน่อย อีกอย่างในดวงใจเล็กๆของเขาก็รู้สึกมีสายน้ำกระเพื่อมกระเพื่อมขึ้นมา จิงเฉินที่โตขนาดนี้แล้ว เป็นครั้งแรกเลยนะที่มีคนมาบ่นเขาแบบนี้ มันรู้สึกไม่เลวเลยจริงๆ
ซินเหยาเอาอาหารออกมาวางไว้ จากนั้นนำถ้วยสองใบออกมา เธอเทน้ำซุปลงไปก่อนและพูดว่า “อ๊ะ ดื่มซุปก่อน” มุมปากของจิงเฉินมันซ่อนความอยากหัวเราะเอาไว้มากมาย จากนั้นเขาจึงยื่นมือออกไปรับถ้วยนั้นจากมือของเธอและดื่มมันลงไป
MANGA DISCUSSION