เข่อหลานนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกและเล่นเกมจอยอยู่
เมื่อได้ยินเสียงเท้าเดินมา เธอก็หันหัวขึ้นไปเห็นหม่ามี๊ของเธอ มือของเธอจึงเล่นอย่างเร็วต่อไปเหมือนเดิม และมองไปที่หน้าของหม่ามี๊ของเธอพร้อมกับพูดว่า : “อรุณสวัสดิ์ค่ะหม่ามี๊ พี่ชายได้ทำมื้อเช้าเสร็จแล้ว เอาไว้บนตู้เก็บอาหารรักษาอุณหภูมิ พอหม่ามี๊ตื่นมาก็กินได้แล้วค่ะ”
เธอเอาโจ๊กออกมา ตอนนี้โจ๊กยังอุ่นอุ่นอยู่ เหมาะกับการกินตอนนี้จริงๆ เธอหยิบแตงกวาดองที่ลั่วหลิงได้ดอกเองกับมือ มันกรอบมากจริงๆ กินคู่กันกับโจ๊กช่างฟินเหลือเกิน
มือของเธอก็กินโจ๊กไป ส่วนหน้าอกก็กำลังจับไว้IPAD เธอไถดูข่าวของเยี่ยหวงอีก
ตามข่าวที่รายงาน วันนี้เยี่ยแจว๋ได้เปิดให้นักข่าวสัมภาษณ์ เขาบอกว่าเขาจะกลับมาช่วยลูกชายของเขาเพื่อจัดการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นี่เป็นเพียงบททดสอบเล็กๆของเยี่ยหวงเท่านั้น กว่าที่เยี่ยหวงจะเจริญเติบใหญ่ถึงขั้นนี้ก็ประสบกับปัญหาต่างๆพายุฝนกระหน่ำมาไม่น้อย เพราะฉะนั้น นี่เป็นเพียงแค่บททดสอบเล็กๆเท่านั้น ไม่สามารถที่จะสั่นคลอนต่อพวกเขาได้ อีกอย่างเรื่องนี้มันก็สามารถทำให้เยี่ยหวงยิ่งจะเติบโตเติบใหญ่ยิ่งขึ้น
อย่างน้อยเยี่ยแจว๋ก็เป็นคนก่อตั้งบริษัทเยี่ยหวงขึ้น หลายปีที่ผ่านมานี้เยี่ยหวงเติบใหญ่ทุกคนก็เห็นเป็นประจักษ์ตา ในฐานะของท่านประธานใหญ่นี้แล้ว ในสายตาผู้ถือหุ้นต่างๆแล้วเขาก็ยังดูมีอำนาจอยู่ ยังสามารถที่จะพอโน้มน้าวได้ ในเมื่อท่านประธานใหญ่ยืนออกมาพูดแบบนี้แล้ว ก็สามารถช่วยได้บ้าง
เพราะงั้นสถานการณ์ของเยี่ยหวงที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ก็ไม่ได้แย่ลงและเริ่มมั่นคงขึ้น
พอกินมื้อเช้าเสร็จ เธอก็นำถ้วยไปวางที่ซิงค์ล้างจาน พับแขนเสื้อขึ้นเตรียมตัวที่จะล้าง แต่ในทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น
ซินเหยาเช็ดมือไปที่ผ้ากันเปื้อน จากนั้นนำมือถือออกมา เป็นสายของป๊ะป๋านี่เอง
“หึ” ซินเหยาถอนหายใจออกมาดังดังแหละเอามือถือใส่กลับไปในกระเป๋าดังเดิมและล้างถ้วยต่อ เสียงของมือถือมันดังหยุดและดังขึ้นอยู่เรื่อยเรื่อย เธอล้างถ้วยไปและฟังเสียงที่ส่งออกมาจากมือถือไป หนึ่งครั้ง…..สองครั้ง……สามครั้ง……สี่ครั้ง……ห้าครั้ง……รวมทั้งหมดเก้าครั้ง ก็ไม่ได้ดังแล้ว
มือที่เรียวยาวของจิงเฉินสไลด์ไปบนหน้าจอมือถือ หน้าจอมือถือสว่างขึ้นและมืดลง เขาโทรหาเธอไม่หยุด แต่ก็มีเสียงผู้หญิงเย็นชาส่งออกมาจากในมือถือว่า : “ขออภัยค่ะ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ Sorry,The subscriber you dialed cannot beconnected for theter。”
“ขอโทษครับ คุณคือ……”
ซินเหยาฟังเสียงสายที่โทรเข้ามาอย่างมีความสุข และนำถ้วยที่ล้างเสร็จใส่ไปไว้ในตะแกรง
ในตอนที่มือของเธอยังเช็ดไม่ทันแห้ง มือถือก็ไม่ได้ดังอีกแล้ว
ในใจเธอรู้สึกไม่ค่อยจะดีใจนัก เธอเช็ดมือให้แห้ง จากนั้นหยิบมือถือออกมา
หน้าจอมือถือมีการแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับจากจิงเฉินอยู่9สาย
เมื่อเห็นเลขที่มงคลเช่นนี้ ในใจของซินเหยาก็คิดว่าเธอมีค่าแค่9สายเองงั้นหรอ? เมื่อคืนที่เธอโทรไปเกือบ 100 สายให้เขาล่ะมันหมายความว่าอย่างไร?
ถ้าเทียบกันแบบนี้ เธอร้องไห้ตายแล้ว
เธอรู้สึกโกรธอยู่หน่อยๆ จากวันนี้ไปเธอจะไม่โทรหาจิงเฉินอีกแล้ว เธอเปิดโทรศัพท์มือถือออกมาและอยากลบไปที่ชื่อของเขาในบัญชีรายชื่อการโทร
ในตอนที่เธอกำลังสับสนว่าจะลบหรือไม่ลบอยู่นั้น เสียงของมือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ว่าครั้งนี้มันไม่ใช่สายที่โทรเข้ามา แต่เป็นข้อความ :
ผมป่วยแล้ว กำลังนอนอยู่โรงพยาบาล รู้สึกไม่สบายมาก
นี่เป็นข้อความที่ส่งมาจากจิงเฉิน มันธรรมดาเรียบเรียบ แต่ว่าในใจของซินเหยาทำไมรู้สึกถึงความสงสารขึ้นมาเล็กน้อย เขาเหมือนกับกำลังอ้อนอยู่เล็กๆเหมือนกัน การอ้อนแบบนี้มันหมายความว่าอะไรกันนะ
รู้สึกท่านประธานน่ารักเอามาก หรือว่านี่จะเรียกว่าท่านประธานคิ้วท์คิ้วท์
“เป็นหนักหรือเปล่า?” เธอเดินไปในห้องรับแขก นั่งลงบนโซฟาและพิมพ์ถามกลับ
ครั้งนี้มันด่าเขาชัดๆแบบไม่อ้อมค้อมเลย คนโง่คนนั้นก็คือจิงเฉิน
เขานอนอยู่บนเตียงและเห็นข้อความที่ซินเหยาส่งกลับมา ทำให้เธอหัวเราะจนจะบ้าตายแล้ว
มือข้างหนึ่งของเขาท้าวไว้ที่หัว ส่วนอีกข้างใช้พิมพ์ตอบกลับ
“หนักมาก ไม่รู้ว่าตอนไหนถึงจะได้ออกจากโรงพยาบาล” จิงเฉินตอบ
ไม่รู้ว่าตอนไหนถึงจะได้ออกจากโรงพยาบาล? ระดับความรวยของเขากับระดับเทคโนโลยีของโรงพยาบาลมันไม่สามารถรู้ได้จริงๆหรอ
ป่วยหนักขนาดนี้เลยหรอ? ซินเหยาตกใจไปหมด ยังคิดไม่ออกว่าจะตอบกลับไปยังไง ข้อความของอีกฝั่งก็ดังขึ้นแล้ว
“อาหารของโรงบาลไม่อร่อย ไม่อยากกิน”
จิงเฉินเมินเฉยต่อพยาบาลที่มาถามเขาว่าจะโทรสั่งอาหารจากโรงแรมมาหรือเปล่า หน้าเขาเย็นชา จากนั้นจึงส่งข้อความให้ซิมเหยา
“ท่านประธานคะ อาหารกลางวันวันนี้ท่านประธานอยากทานอะไรคะ?” นางพยาบาลคนนั้นโดนหน้าตาอันหล่อเหล่าของจิงเฉินทำให้มัวเมาไปหมด แก้มสองข้างของเธอแดงขึ้น อยากจะก้มและอมพร้อมคลอดลูกให้เขาจริงๆ
“ไม่ต้องแล้ว ผมไม่หิว” จิงเฉินหลังจากที่ส่งข้อความเสร็จก็พูดตอบเธอ
“ไม่อยากทานอะไรไม่ได้นะคะ ฉันรู้จักร้านอาหารร้านหนึ่งที่อร่อยมาก ให้ฉันสั่งให้ท่านประธานไหมคะ?”
“ผมไม่ชอบให้คนขัดคำสั่งผม ถ้ายังมีเป็นครั้งที่สอง พรุ่งนี้คุณก็ไม่ต้องมาทำงานแล้ว” จิงเฉินพูดขึ้นอย่างเย็นชา
นางพยาบาลคนนั้นถูกจริงเฉินมองด้วยสายตาที่น่ากลัวจนขาเธอสั่นไปหมด จากนั้นจึงรีบออกไปอย่างรวดเร็ว
เทพบุตรคนนี้ช่างเอาแต่ใจเหลือเกิน แต่ก็หล่อเหลาเอามาก เธอเกือบจะเป็นแฟนคลับตัวยงของเขาไปแล้ว
“บาดเจ็บตรงไหน?” ซินเหยาพิมพ์ถามส่งไป
“หัวบาดเจ็บ เลือดออก” จิงเฉินตอบกลับ
หัวบาดเจ็บ รู้สึกว่ามันหนักเอามาก
“อ๋อ งั้นก็พักผ่อนดีดีล่ะ อย่าคิดอะไรมาก” ซินเหยาตอบกลับอย่างเย็นชา
“บรรยากาศในโรงพยาบาลมันเย็นยะเยือกมาก ไม่มีคนคุยเป็นเพื่อนเลย” จิงเฉินบ่นขึ้น
ลั่วหลิงถามซินเหยาว่ามื้อเที่ยงอยากทานอะไร ซินเหยาตอบว่า : “หม่ามี๊อยากดื่มซุปกระดูกหมู ต้มเยอะหน่อยแล้วกัน”
เมื่อพูดจบ เธอจึงนึกได้ว่าถ้าเกิดหัวบาดเจ็บ จะต้องกินซุปกระดูกหมู
ที่จริงเธอชอบซุปกระดูกไก่มากกว่า วันนี้อยากดื่มซุปกระดูกไก่กว่า
“ได้ครับ” ลั่วหลิงพยักหัวตอบว่าเที่ยงนี้จะทำซุปกระดูกหมู
ซินเหยาเลียไปที่ริมฝีปากของตัวเอง น้ำลายเธอจะไหลออกมาแล้ว
เธอคิดไปคิดมา ความจริงเธอก็อยากไปเยี่ยมเขาอยู่ แต่ว่ามันก้าวข้ามผ่านเรื่องในใจเรื่องนั้นไม่ได้
จิงเฉินกับเธอเป็นอะไรกัน เขาป่วยมาเธอจำเป็นต้องไปเยี่ยมเขาด้วยหรอ ยังให้ลูกชายของเธอต้มซุปกระดูกหมูไปให้เขาเพื่อรักษาตัวอีก
ที่เธออยากเอาซุปกระดูกหมูไปให้เขา เธอก็ไม่ได้เป็นห่วงเขานะ
เป็นเพราะว่าเธอเห็นตอนที่ป๊ะป๋าป่วยแบบนี้แล้วตัวเองสามารถที่จะนำความอบอุ่นประดุจดวงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิมาให้เขาได้ ให้เขาได้สัมผัสถึงความอบอุ่นนี้ พอเขาออกมาจากโรงพยาบาล ไม่แน่ว่าเขาอาจจะให้เงินเธอสักพันล้านก็ได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ดีหรอ?
ที่เธอเป็นห่วงป๊ะป๋าไม่ใช่เป็นห่วงสุขภาพเขาหรอก แต่เป็นห่วงเงินเขาต่างหาก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เธอจึงเตรียมตัวเลย
MANGA DISCUSSION