ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 167 : เกิดเรื่องกับป๊ะป๋าแล้ว
“ฮะ มันหนักขนาดนั้นเลยหรอคะ?” เธอจับไว้มือถืออย่างแน่น ในใจรู้สึกมีความเป็นห่วงอย่างมาก
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าป๊ะป๋ากำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้? เรื่องที่เกิดขึ้นในบริษัทก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะจัดการได้หรือเปล่า? คงไม่เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรอกมั้ง?
“มันหนักมากจริงๆ” ซวี่เจ๋อผงกหัว และพูดอีกว่า “แต่ว่าคุณก็ไม่ต้องกังวลไปมาก คนอย่างจิงเฉินเขาจัดการได้อยู่แล้ว อย่าดูถูกความสามารถเขาไปหน่อยเลย”
หลังจากที่ซินเหยาได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งใจลง
“ฉันไม่ได้เป็นห่วงสักหน่อย” เธอยิ้มออกมาอย่างเจื่อนๆและพูดเสริมไปอีกว่า : “ฉันก็แค่กังวลว่าโปรเจ็คที่ฉันรับผิดชอบอยู่นั้นมันจะได้รับผลกระทบไปด้วย ไม่ใช่แค่ไม่ได้เงินเดือน แต่นี่ยังเป็นโปรเจคแรกที่ฉันทำตอนเข้ามาในบริษัท ถ้าเกิดว่าโปรเจ็คนี้มันล่ม ไม่ว่าจะเป็นความรับผิดชอบของใครมันใครมันก็ดูเลวร้ายทั้งนั้น ตำแหน่งของฉันตอนนี้มันก็ดูทะมักทะแมงอยู่แต่ไหนแต่ไรแล้ว มันก็มีคนที่ไม่ชอบอยู่เหมือนกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นตำแหน่งหัวหน้าออกแบบของบริษัทCKนี้ฉันคงนั่งไม่ติดแล้วแหละ”
การอธิบายครั้งนี้ของซินเหยามันดูสมเหตุสมผลมาก แต่พอฟังดูแล้วมันเหมือนกับการกลบเกลื่อนความเป็นจริงยังไงยังงั้น
“คุณวางใจได้เลย ความสามารถของคุณนั้นทุกคนก็เห็นเป็นประจักษ์ตาอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเพื่อนร่วมงานของคุณจะไม่ชอบคุณเท่าไหร่ แต่ว่าผมเชื่อว่าคุณสามารถทำให้พวกเขายอมรับในความสามารถในตัวคุณได้อย่างแน่นอน” เขาพูดอย่างอบอุ่นให้เธอฟัง
ซินเหยาหัวเราะออกมา เอามือสองข้างประสานกันและวางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับพูดว่า : “คุณเชื่อในตัวฉันมากกว่าฉันเชื่อในตัวเองอีกนะคะ”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว ผลงานการออกแบบของคุณผมก็เคยเห็นผ่านตามา” ซวี่เจ๋อพูด
“เดี๋ยวคุณยังต้องขับรถอยู่ เราจึงไม่ดื่มเหล้า” ซินเหยายกแก้วชาบนโต๊ะขึ้นและพูดว่า : “งั้นฉันขอเอาชาแก้วนี้แทนเหล้าเป็นการขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณในวันนี้นะคะ
“คุณสมควรได้รับมัน” ซวี่เจ๋อยกแก้วชาของตัวเองขึ้นและชนกับแก้วของซินเหยา
ในตอนที่ซินเหยาและซวี่เจ๋อกำลังคุยกันอยู่นั้น เข่อหลานก็มองไปที่ลั่วหลิงและกระพริบตาขึ้น
เธอกระซิบเข้าไปที่ข้างหูของลั่วหลิงเบาเบาว่า : “พี่คะ ‘จิงเฉิน’คนที่ลุงฟางกำลังพูดถึงคือคุณลุงหล่อๆนั้นหรอคะ
“ชูว์……” ลั่วหลิงเอานิ้วชี้ป้องไปที่ปากของตัวเอง เพื่อเป็นการบอกให้น้องสาวไม่สามารถบอกซินเหยาเรื่องนั้นได้
“ค่ะ” เข่อหลานผยักหัว
ที่แท้หม่ามี๊และคุณลุงฟางต่างก็รู้จักพี่ชายที่หล่อเหลาคนนั้นนี่นา
“พี่คะ เหมือนคุณลุงคนนั้นจะเจอปัญหาเข้าให้” เข่อหลานพูดอย่างกังวลใจ ขมวดคิ้วขึ้นและพูดกับพี่ชายของเธออีกว่า : “ไม่อยากให้คุณลุงคนนั้นเจอกับปัญหาเลยค่ะ พวกเราสามารถช่วยอะไรเขาได้หรือเปล่า?”
“วางใจได้ ไม่เป็นอะไรไปหรอก คุณลุงฟางก็บอกหม่ามี๊แล้วว่าเขาเป็นคนที่ฉลาด สามารถที่จะจัดการเรื่องนี้เองได้” ลั่วหลิงพูด
เข่อหลานนิ่งคิดไปสักพัก ที่พี่ชายของเธอพูดมามันก็มีเหตุผลอยู่นะ
เธอนิ่งคิดไปสักพัก และเอามือป้องปากหัวเราะออกมาเบาเบาและพูดว่า : “พี่ดูสีหน้าของหม่ามี๊ตอนนี้สิคะ ดูเป็นห่วงคุณลุงคุณหล่อคนนั้นเอามาก”
“ถ้าน้องยังพูดไปเรื่อยแบบนี้อีก ระวังก้นจะลายเอานะ” ลั่วหลิงพูดเตือน
“ค่ะ หนูไม่พูดหรอกค่ะ” เข่อหลานพยักหน้าและพูดรับปากกับพี่ชายของเธอ
เมื่อเห็นซินเหยาและซวี่เจ๋อพูดจบแล้วนั้น ในที่สุดเด็กทั้งสองก็สามารถพูดแทรกเข้ามาได้
เข่อหลานเป็นเด็กที่กล้าเอามาก เธอยกแก้วขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงใสใสนุ่มนุ่มว่า : “งั้นเรามาชนแก้วกันหน่อยเถอะค่ะ ทำเอาซิมเหยาไปไม่เป็นจริงๆ เธอบีบไปที่จมูกของลูกสาวตัวแสบของเธอและพูดว่า : “หนูหน่ะ รู้จักคำว่าชนแก้วฉลองแล้วหรอ”
“หนูรู้ค่ะ” เข่อหลานทำปากจู๋และพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจหน่อยหน่อย
“มาเถอะค่ะมาเถอะค่ะ คุณลุงฟางเรามาชนแก้วกันเถอะ” เข่อหลานมองไปที่ซวี่เจ๋อและเริ่มอ้อนเขา
แต่ไหนแต่ไรซวี่เจ๋อก็ชอบเด็กสองคนนี้อยู่แล้ว เขายกแก้วขึ้นและพูดว่า : “วันนี้เข่อหลานและลั่วหลิงได้ที่หนึ่งมา ก็ควรจะฉลองสักหน่อย ยินดีกับพวกหนูด้วยนะ”
“ดูคุณสิ” ซินเหยามองบนใส่ซวี่เจ๋อไปหนึ่งแมตช์และพูดขึ้น
“ได้ มาชนแก้วกัน ฉลองให้พวกหนูที่ได้ที่หนึ่ง พวกหนูเป็นลูกรักที่เยี่ยมยอดกระเทียมดองของหม่ามี๊ที่สุดในโลกเลย” เธอมองไปที่ลูกน้อยของเธอและยกแก้วขึ้น
ทุกคนชนแก้วกัน ลั่วหลิงเหมือนผู้ใหญ่เอามาก เขาพูดด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งขรึมจริงจังกับซวี่เจ๋อว่า : “คุณลุงฟางครับ วันนี้ขอบคุณลุงมากที่มาช่วยพวกเรา”
“ไม่เป็นไรครับ ได้ช่วยพวกหนูลุงก็ดีใจมากแล้ว ลุงไม่ได้ดีใจแบบนี้มานานมาก” ซวี่เจ๋อพูด
“ยังขอบคุณคุณลุงฟางที่ปกติได้ช่วยดูแลเรื่องงานของหม่ามี๊ของผม” ลั่วหลิงพูดอย่างจริงจัง
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ เป็นเรื่องที่สมควรช่วยอยู่แล้ว” ซวี่เจ๋อไปไม่เป็นทีเดียว เหมือนกับเจ้าเด็กน้อยนี่ไม่อยากให้หม่ามี๊ของตัวเองติดหนี้บุญคุณเขายังไงยังงั้น
ไม่ว่าจะยังไง ผมเป็นผู้ชายในบ้าน ผมต้องขอบคุณแทนหม่ามี๊ ถ้าเกิดครั้งหน้ามีเรื่องอะไรให้ผมช่วยแล้วก็ ผมช่วยแน่นอนครับ” ลั่วหลิงพูดรับประกัน
“ได้ครับ” ซวี่เจ๋อตอบกลับอย่างจริงจัง
ซินเหยารู้สึกเจ็บจี๊ดไปที่ใจ เธอยื่นมือออกมาและลูบไปที่หัวของลั่วหลิงและพูดพรางด่าเล่นๆว่า “ไอ้ลูกตัวน้อย ทำเป็นเก่งไปได้ ภารกิจของลูกตอนนี้ก็คือเติบโตอย่างไม่ต้องกังวลอะไร เรื่องอื่นลูกก็ไม่ต้องกังวลแทน”
หลังจากที่ซินเหยาอาบน้ำเสร็จ เธอก็นอนลงบนเตียง พลิกตัวไปพลิกตัวมา ทำยังไงก็นอนไม่หลับ
ในใจเธอเป็นห่วงจิงเฉินเอามาก ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง ไม่รู้ว่าเขาจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้แล้วหรือเปล่า?
ถ้าไม่ได้เอาความรู้สึกเข้ามาเกี่ยว เธอเชื่ออย่างปักใจว่าความสามารถของจิงเฉินนี้ ถึงแม้ว่าจะเจอกับเรื่องที่หนักหนาสาหัสเพียงใด เขาก็จะต้องผ่านมันไปได้ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเลย
แต่ว่าถ้าพูดในมุมมองของความรู้สึกของผู้หญิงแล้ว มันเป็นคนละเรื่องกันเลย เธอวางใจไม่ได้จริงๆ
เธอพลิกตัวไปมาบนเตียงประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงแต่ก็ยังนอนไม่หลับ เธอหายใจออกมาแรงๆและนั่งขึ้นมาบนเตียงและจับไปที่หัวของตัวเอง
ทำไงดี นอนไม่หลับ
บ้านของเธอก็ไม่ได้อยู่ในทะเลนะ ทำไมถึงเป็นห่วงกว้างขนาดนี้
จะเกิดอะไรขึ้นกับจิงเฉินแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วยล่ะ
ถ้าเกิดว่าสุดท้ายมันไม่สามารถดำเนินโปรเจ็คนี้ต่อไปได้จริงๆ ก็เป็นเยี่ยหวงที่เป็นคนผิดสัญญา เยี่ยหวงจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย แต่ว่าภาพออกแบบต่างๆเหล่านั้นก็ยังใช้ได้อยู่ เธอก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากมาย
เธอเปิดไปที่ไฟข้างเตียงและจับไปที่โทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงพร้อมเซิร์ทดูสถานการณ์ตอนนี้ของเยี่ยหวง
สุดท้ายเป็นเพราะว่าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเยี่ยหวงทำงานได้ไม่ดี ไม่ได้ออกมาประชาสัมพันธ์โดยทันที ทำให้หุ้นของเยี่ยหัวตกลงอย่างหนัก ทำให้ผู้ถือหุ้นต่างๆต่างขาดความเชื่อมั่นและได้สละหุ้นทิ้งเยอะมาก ค่าความเสียหายมันไม่น้อยจริงๆ
ตอนนี้ผู้ถือหุ้นต่างๆของเยี่ยหวงต่างออกมาด่ากราดไปหมด
ซินเหยาเลื่อนดูลงไปตรงที่คอมเม้น ทั้งหมดเป็นคำด่าเยี่ยหวงทั้งสิ้น
เมื่อก่อนแฟนคลับของท่านประธานที่ชอบออกมาออดอ้อนออเซาะอยู่ในเน็ตนั้น ตอนนี้คงจะโดนจับไปบนดาวอังคารหมดแล้ว หายหัวไปหมด
ซินเหยานิ่งคิดไปประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว เธอทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
เธอเปิดไปที่โทรศัพท์ของเธอ ค้นหารายชื่อสามตัว ‘เยี่ยจิงเฉิน’ จากนั้นก็โทรหาเขา
เวลาที่เธอกลับมาบ้านมันก็ใกล้จะครึ่งปีแล้ว เหมือนกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอโทรหาเขา
เมื่อได้ยินเสียงเพลง ใจของซินเหยามันเต้นรัวขึ้น……