ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 164 พ่อลูกได้พบเจอกัน
“ประธานเยี่ย เรื่องนี้ควรทำอย่างไรดี?” หลี่เวยถามด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการจัดการให้ทันเวลาก็จะไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป หากจัดการไม่ดี บริษัทอาจจะได้รับผลเสีอย่าหนัก
“ไม่ต้องรีบร้อน” สีหน้าของเยี่ยจิงเฉินไม่สามารถคาดเดาได้ เขาหันไปพูดกับหลี่เวย “อย่ากังวลกับเรื่องนี้ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ฉันอยากเห็นว่าเยี่ยจิงซิงจะจัดการเรื่องใหญ่เช่นนี้อย่างไร ถึงเวลาที่จะมีหนังสนุกดูแล้ว”
เขาเกือบจะแน่ใจแล้วว่าแฮกเกอร์คนนั้นลงมือแล้ว ในเมื่อเขาเป็นคนทำงั้นก็ควรสั่งสอนเยี่ยจิงซิงสักหน่อย สำหรับเอกสารลับภายในเยี่ยหวงเขาเชื่อว่าแฮกเกอร์ที่ไม่ทราบที่มานี้จะไม่ทำมันรั่วไหลออกไป
เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่เขาแน่ใจว่าแฮกเกอร์ลึกลับคนนี้จะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของเขา
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าแฮกเกอร์เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ตัวตนของเขาคือใคร และมีจุดประสงค์อะไรในการเข้าหาเขา แต่เขาก็เต็มใจที่จะเชื่อในตัวแฮกเกอร์คนนี้
“แต่……” หลี่เวยรู้สึกกังวลเล็กน้อย
“พอแค่นี้ก่อน เรื่องนี้คุณอย่าเข้ามาแทรกเด็ดขาด ทำเป็นไม่รู้ก็พอแล้ว ผมรู้ตัวเองดีว่ากำลังทำอะไรอยู่” เยี่ยจิงเฉินขัดจังหวะคำพูดของหลี่เวย
หลี่เวยทำได้เพียงแค่เม้มริมฝีปากของเธอเมื่อเห็นน้ำเสียงที่แข็งกร้าวของเยี่ยจิงเฉิน รู้ว่าถึงจะพูดแค่ไหนก็ไม่สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจของเยี่ยจิงเฉินได้
ผู้อำนวยการโรงเรียนโทรมาหาเขา ทำให้เยี่ยจิงเฉินนึกถึงงานกีฬาที่แฮกเกอร์เอ่ยขึ้น เขาวางแผนที่จะพบกับแฮกเกอร์ผู้น่าสนใจคนนี้
เขาไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนกับผู้อำนวยการโรงเรียน แต่พูดอย่างคลุมเครือว่า “อืม ผมทราบแล้ว”
ผู้อำนวยการโรงเรียน ไม่รู้ว่าเยี่ยจิงเฉินหมายถึงอะไรดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่ให้โรงเรียนจัดเตรียมกิจกรรมนี้ตามปกติ เพื่อจะไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนและจะไม่เป็นการละเลยเยี่ยจิงเฉินด้วย
เยี่ยจิงเฉินมาโดยไม่ได้แจ้งให้ใครทราบและตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ผู้ปกครองของนักเรียนก็พานักเรียนไปรับประทานอาหารกลางวันแล้ว
เยี่ยจิงเฉินเดินเข้าไปในโรงเรียนเพียงลำพังด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม ทำให้ผู้คนไม่กล้าเดินใกล้ตัวเขา
เขากำลังคิดว่าแฮกเกอร์คนนั้นเป็นคนแบบไหนกันนะ? เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง? เป็นผู้ปกครองของนักเรียนหรือครูในโรงเรียน
แต่คิดแบบนี้ก็ไม่ได้ต้นสายปลายเหตุอะไรเลย
แฮกเกอร์ให้ข้อมูลตัวเองแก่เขาน้อยเกินไป เขาคิดว่าอายุของแฮกเกอร์คนนี้ไม่น่าจะเกินสามสิบปี เขาต้องมีไอคิวสูงมากมันยากเกินไปที่จะหาข้อมูลแฮกเกอร์คนนี้ท่ามกลางฝูงชน
เขาเดินด้วยความใจลอยมากจนไม่เห็นลั่วหลิงและเค่อหลานเดินมาปะทะหน้ากับเขา
ในขณะที่ลั่วหลิงเห็นเยี่ยจิงเฉิน มุมปากของเขากระตุกเผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ รอยยิ้มนั้นไม่มีความหมายมันเหมือนกับรอยยิ้มทั่วไป แต่มันกระตุ้นให้ผู้คนเกิดความสนใจและมีแรงจูงใจซ่อนเร้น
สีหน้าของลั่วหลิงไม่สามารถคาดเดาได้ แต่เค่อหลานนั้นแสดงออกอย่างตรงไปตรงมามากกว่า
เป็นครั้งที่สามแล้วที่เธอได้พบเจอคุณลุงหน้าตาดีคนนี้ ครั้งสุดท้ายที่เธอเจอคุณลุงคนนี้คือฤดูร้อนและตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูหนาว
ความจำของเด็กๆมักไม่ค่อยดีนัก คนที่ไม่ได้พบเจอบ่อยๆก็จะลืมไปในไม่ช้า
แต่เค่อหลานจำคุณลุงคนนี้ได้แม่น แม้ว่าเธอจะมองมาจากระยะไกลแต่เธอก็รู้ว่าเขาคือคุณลุงหน้าตาดีที่เธอชอบ
เธอดึงพลังของการวิ่งในตอนเช้าออกมา วิ่งเข้าไปกอดที่ต้นขาเรียวตรงของเยี่ยจิงเฉินเหมือนลูกกระสุนปืนที่พุ่งออกมา
พลังของเธอนั้นไม่น้อยเลยจริงๆ ถ้าถังซินเหยาโดนแบบนี้ก็อาจจะล้มลงได้ แต่เยี่ยจิงเฉินยังยืนนิ่งเหมือนหินก้อนใหญ่ เขาไม่แม้แต่ขยับขาออกไปปล่อยให้เด็กสาวกอดขาของเขาแน่น
“คุณลุง จำหนูได้ไหมคะ” เธอเงยหน้าขึ้นดวงตาของเธอเป็นประกายพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนสดใสของเธอเผยให้เห็นฟันขาวเรียงยาวและมีลักยิ้มอยู่บนแก้มทั้งสองข้างของเธอทำให้เค่อหลานดูสวยหวานมากขึ้น
เยี่ยจิงเฉินก้มหน้าลงไปมองเห็นเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ กำลังเงยหน้าขึ้นมามองเขาทำให้หัวใจของเขามีความอ่อนโยนมากขึ้น
“จำได้แน่นอน หนูชื่อเค่อหลานใช่ไหม?” น้ำเสียงของเยี่ยจิงเฉินแฝงไปด้วยความอ่อนโยนและแสดงออกถึงความเอ็นดูอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ใช่ค่ะ ดีใจจัง คุณลุงจำหนูได้ด้วย ” เค่อหลานพยักหน้า เมื่อรู้ว่าคุณลุงหน้าตาดียังจำเธอได้แววตาของเธอก็มีความสุขมากขึ้น
เยี่ยจิงเฉินย่อตัวลงสายตาของเขาอยู่ในระดับเดียวกับเค่อหลานแล้วพูดว่า”เค่อหลานจำคุณลุงได้คุณลุงก็ดีใจมากเช่นกัน”
เค่อหลานหันไปพูดกับพี่ชายของเธอ “พี่คะ ดูสิฉันเจอคุณลุงหน้าตาดีอีกแล้ว”
ลั่วหลิงเม้มริมฝีปากเบาๆแล้วเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
“สวัสดีครับ เป็นเรื่องบังเอิญมากที่พวกเราเจอกันอีกแล้ว” ลั่วหลิงเดินเข้าไปพูดกับเยี่ยจิงเฉินด้วยสีหน้าที่จริงจัง
เยี่ยจิงเฉินมองไปที่ร่างของลั่วหลิงที่มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่บ้าง เขาพบว่ามันน่าสนใจมากและเขารู้สึกชอบเด็กทั้งสองมาก ในใจคิดว่าถ้าในอนาคตเขาจะมีลูกต้องมีน่ารักแบบเด็กทั้งสองคนจะดีที่สุด
“ใช่มันเป็นเรื่องบังเอิญมาก ลุงยังไม่รู้เลยว่าหนูชื่ออะไร” เยี่ยจิงเฉินยิ้มกว้างแล้วมองตรงเข้าไปในดวงตาของลั่วหลิงเหมือนกับว่าเขาไม่ได้คุยกับเด็กแต่กำลังคุยกับผู้ใหญ่ “สุภาพบุรุษตัวน้อยคนนี้แนะนำตัวเองได้ไหมครับ”
“ผมชื่อถังลั่วหลิงอายุห้าขวบย่างหกขวบ นี่ถังเค่อหลานเป็นน้องสาวฝาแฝดของผมครับ เราเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่งในโรงเรียนนี้” ลั่วหลิงพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง
หากสังเกตดีๆจะเห็นปลายหูของลั่วหลิงเริ่มแดงระเรื่อ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ คุณลุงชื่อเยี่ยจิงเฉินวันนี้อายุยี่สิบหกปี” เยี่ยจิงเฉินตั้งใจแนะนำตัวเอง
“พวกเราก็ดีใจมากที่ได้รู้จักคุณลุงครับ” ลั่วหลิงกล่าวในขณะที่ปลายหูกำลังแดงระเรื่อ
“พวกหนูอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่งตั้งแต่อายุยังน้อยเรียนยากไหม?” เยี่ยจิงเฉินไม่ต้องการตามหาแฮกเกอร์อีกต่อไป เขาคิดว่าการสนทนากับเด็กสองคนนี้มีความหมายมากกว่าการพบกับแฮกเกอร์
เฮ้ย……ประธานเยี่ยนายจิตใจไม่แน่วแน่ จะไม่มีปัญหาจริงๆเหรอ?
“หึ…… ” เค่อหลานลูบจมูกเล็กๆของเธอแล้วพูดด้วยท่าทางภูมิใจ”โจทย์พวกนั้นง่ายเกินไปหนูทำได้ทุกข้อเลย ไม่ต้องให้คุณครูสอน”
“จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นหนูก็เก่งมากๆเลย” เยี่ยจิงเฉินยิ้มอย่างเอ็นดูพวกเขา
ใครก็ตามที่รู้จักเยี่ยจิงเฉินจะต้องประหลาดใจอย่างมากที่ได้เห็นเขาเป็นแบบนี้ ประธานใหญ่ผู้ซึ่งมีนิสัยเย็นชามาโดยตลอด ได้ทำตัวเป็นมิตรและได้ปฏิบัติต่อเด็กแปลกหน้าสองคนอย่างสนิทสนม