หลังจากที่ลู่อันหรันพยายามพูดคุยกับเขาอยู่นาน ในที่สุดอาหารก็มาเสิร์ฟแล้ว
เยี่ยจิงเฉินมีนิสัยรักความสะอาดเล็กน้อย เธอจึงใช้ช้อนกลางตักอาหารให้เยี่ยจิงเฉิน
พวกเขาสองคนกินอย่างเงียบๆ ลู่อันหรันตักเนื้อท้องปลาให้เยี่ยจิงเฉินและพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆว่า “ฉันมักจะคิดว่าพี่ชายของฉันเป็นคนที่ดื้อรั้นและเขาก็ไม่ยอมเรียนรู้อะไรเลย เขาไม่รู้จักวิธีว่าควรดูแลเอาอกเอาใจผู้หญิงแบบไหน ช่างน่าเสียดายที่เขามีใบหน้าที่หล่อเหลา แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าที่พี่ชายของฉันไม่รู้จักวิธีดูแลเอาอกเอาใจผู้หญิงเป็นเพราะว่าเขายังไม่เจอคนที่ใช่ต่างหาก คุณดูสิตอนนี้เขาได้พบเจอกับซินเหยาเขาเริ่มมีความอ่อนโยนมากขึ้น ฉันเห็นแล้วยังขนลุกเลยแทบไม่อยากเชื่อสายตา เขาถึงกับลงทุนขับรถคันโปรดมาเลย ไม่สามารถตัดสินเขาจากภายนอกได้จริงๆ ”
เมื่อฟังคำพูดของลู่อันหรันมือของเยี่ยจิงเฉินก็บีบตะเกียบแน่นรู้สึกว่าอาหารในปากของเขาเริ่มมีรสชาติไม่อร่อยและในขณะเดียวกันก็รู้สึกเบื่อเซ็ง
“แต่พวกเขาไม่ใช่แฟนกัน”เยี่ยจิงเฉินโต้เถียง
เนื่องจากถังซินเหยาได้สัญญากับตัวเองว่าเธอจะไม่คบหากับฟางซวี่เจ๋อ ดังนั้นเมื่อตอนเย็นคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด
ลู่อันหรันไม่พอใจเล็กน้อยหลังจากได้ยินสิ่งที่เยี่ยจิงเฉินพูด เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ทำไมจะไม่ใช่? ถ้าไม่ใช่พี่ชายของฉันคงจะไม่พาเธอออกมาทานอาหาร ฉันเพิ่งเห็นเธอคุยกับพี่ชายของฉันอย่างมีความสุขมาก ครั้งนั้นที่ทานอาหารร่วมกันฉันก็ดูออกทันทีว่าพี่ชายของฉันสนใจถังซินเหยา และฉันคิดว่าพวกเขาเหมาะสมกันมาก ยิ่งในแง่ของรูปลักษณ์ทั้งสองคนก็เหมาะสมกันมาก
“เวลาทานอาหารอย่าพูดเยอะ” เยี่ยจิงเฉินพูดด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง
หลังจากพูดจบเขาก็วางตะเกียบในมือลุกขึ้นและเดินออกไป
“คุณจะไปไหนคะ?” ลู่อันหรันเอื้อมมือไปจับข้อมือของเยี่ยจิงเฉินแล้วถามอย่างกังวล
เยี่ยจิงเฉินสะบัดมือของเธอออกแล้วพูดว่า “ผมจะออกไปสูบบุหรี่”
จนกระทั่งเยี่ยจิงเฉินหันหลังและเดินออกไป ลู่อันหรันมองดูมือที่เพิ่งโดนเขาสะบัดออก เธอไม่สามารถบอกได้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรในตอนนี้ มันดูมึนงงเล็กน้อย
เธอบอกตัวเองว่าอย่ารีบร้อน ยังมีเวลาอีกตั้งครึ่งปีเธอเชื่อว่าจะได้ครอบครองผู้ชายคนนี้
เพื่อที่จะได้ครอบครองผู้ชายคนนี้เธอไม่ลังเลที่ทุ่มเททุกสิ่ง
ดวงตาของลู่อันหรันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ไฟในใจแทบจะเผาผลาญสติของเธอ
เพื่อให้ได้ครอบครองผู้ชายคนนี้เธอยอมทำทุกอย่าง ดังนั้นเธอจึงต้องประสบผลสำเร็จไม่สามารถล้มเหลวได้เด็ดขาด
เยี่ยจิงเฉินไม่รู้ถึงความหลงใหลและความบ้าคลั่งของลู่อันหรันที่มีต่อเขา ที่เขาออกมาจากห้องมาอย่างกระวนกระวายไม่ใช่เพราะเขาออกมาสูบบุหรี่แต่เป็นเพราะเขาลงไปชั้นล่างและมองไปยังโต๊ะที่ถังซินเหยาและฟางซวี่เจ๋อนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง
แต่กลับเห็นว่ามันว่าง พวกเขากลับไปแล้วเหรอ?
หัวใจของเยี่ยจิงเฉินมืดมนผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนี้กล้าดียังไงมาโกหกเขา
รอเวลานั้นเมื่อเขาได้เธอมาไว้ในกำมือ เขาจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆแน่และเขาต้องลงโทษเธออย่างสาสม
ณ สะพานยาวด้านนอกลมหนาวพัดมาทำให้ไฟในใจของเยี่ยจิงเฉินลุกโชนหลังจากที่เขาเห็นถังซินเหยาและฟางซวี่เจ๋อ เยี่ยจิงเฉินกลับมาเย็นชาเหมือนกับที่เคยเป็นอีกครั้งและกลายเป็นคนที่แข็งกระด้าง
ลู่อันหรันไม่ต้องการมีปัญหากับเยี่ยจิงเฉินเพียงเพราะผู้หญิงคนอื่น ดังนั้นเธอจึงหยุดพูดถึงถังซินเหยาและฟางซวี่เจ๋อ
แม้ว่าอาหารที่นี่จะอร่อย แต่ทั้งเยี่ยจิงเฉินและลู่อันหรันต่างก็รู้สึกกลืนไม่ลง
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จลู่อันหรันก็หยิบตั๋วหนังสองใบออกมาและขอให้เยี่ยจิงเฉินไปดูหนังกับเธอ
เยี่ยจิงเฉินมองดูใบหน้าที่มีส่วนคล้ายถังซินเหยาอยู่บ้าง และทันใดนั้นอารมณ์สงบของเขาก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นอีกครั้ง เขาหันหน้าไปหาเธอทำให้เธอรู้สึกดีใจเล็กน้อย”ไม่ไปแล้ว มันดึกมากแล้ว เดี๋ยวผมไปส่งคุณ”
ลู่อันหรันไม่สามารถบอกได้ว่าตอนนี้เธอรู้สึกอย่างไร? ผิดหวังหรืออะไร?
ตลอดหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมาเธอเคยชินกับท่าทางที่เย็นชาของเยี่ยจิงเฉิน ปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานีหลายครั้ง
เยี่ยจิงเฉินไปส่งเธอที่ชั้นล่างของอพาร์ทเมนท์ ลู่อันหรันปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วหันหน้าไปยิ้ม”ขึ้นไปดื่มน้ำข้างบนสักหน่อยดีไหมคะ?”
นี่เป็นคำใบ้อยู่แล้วซึ่งบ่งบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นและสามารถคบหากันได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น
“เดี๋ยวผมเฝ้าดูคุณขึ้นไป…… ” เยี่ยจิงเฉินไม่ใช่ไม่เข้าใจว่าความหมายของลู่อันหรันคืออะไร แต่เขาไม่เคยมีความปรารถนาที่อยากขึ้นไปต่างหาก
……
หลังจากถังซินเหยากลับถึงบ้านตอนเย็นเธอก็ยังคงกระสับกระส่ายหดหู่และกลัดกลุ้มใจ หลายๆความรู้สึกรวมกัน
นั่งอยู่ในห้องสมุดนึกถึงเรื่องราวต่างๆจนหนักอึ้งที่หัว
ในเวลานี้โทรศัพท์มือถือในมือของเธอก็ดังขึ้น ถังซินเหยาต้องตกใจเมื่อเห็นหมายเลขผู้โทรเข้าเธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้า เป็นป่ะป๊าที่โทรมา? เขาโทรมาทำไม?
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาคงไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
“ขอโทษค่ะ หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้Sorry……” ถังซินเหยาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาฮัมเบา ๆ แล้วกดปิดเครื่องไปทันที
ด้วยนิสัยที่เอาแต่ใจและดื้อรั้นของป่ะป๊า เขารู้ว่าเธอปิดเครื่องใส่แทบจะทำให้เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า
เมื่อรู้ว่าป่ะป๊าไม่มีความสุขเธอก็รู้สึกสะใจ
ถังซินเหยายังคงเข้าใจเยี่ยจิงเฉินเป็นอย่างดี เมื่อเขาเห็นว่าเธอปิดเครื่องใส่ก็แทบจะทุบโทรศัพท์ในมือของเขาทิ้ง แต่หลังจากได้สติเขาก็พยายามอดทนไว้
คนเก่งที่ปะปนอยู่ในที่แห่งนี้ ถ้าไม่อดทนอดกลั้นก็ต้องร้ายกาจมาก
เยี่ยจิงเฉินร้ายกาจเมื่อเวลาที่ควรร้ายกาจและเขาจะอดทนในเวลาที่เขาควรจะอดทน
เขาจดจำเรื่องราวของถังซินเหยาในวันนี้ได้แม่น เมื่อถึงเวลาเขาต้องคิดบัญชีกับเธออย่างแน่นอน
สาวน้อยเค่อหลานที่พูดฉอดๆเรื่องงานกีฬามาเป็นเวลานานในที่สุดก็ถึงเวลาที่รอคอยสักที
วันนี้อากาศดีมาก ท้องฟ้าแจ่มใสมีแดดออก เป็นเรื่องยากที่จะมีอากาศดีๆแบบนี้ อากาศแบบนี้เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งมากที่สุด
ถังซินเหยาตื่นเช้าเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันนี้ที่จะใช้เวลาทั้งวันกับลั่วหลิงและเค่อหลานในโรงเรียน โรงเรียนจะไม่รับผิดชอบอาหารสำหรับผู้ปกครองและนักเรียน ดังนั้นหากกลัวหิววิธีที่ดีที่สุดคือนำข้าวกล่องไปด้วย
แน่นอนว่ามีร้านอาหารอยู่ด้านนอกของโรงเรียน แต่เมื่อพิจารณาถึงผู้คนจำนวนมากแล้วดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการนำข้าวกล่องไปเอง
อาหารที่เธอเตรียมไปคือติ่มซำ ซูชิ ปีกไก่ต้มโคล่าและซี่โครงหมูตุ๋น
นำอาหารใส่ในกล่องเก็บความร้อน พอถึงช่วงเวลากลางวันค่อยไปขอใช้เตาไมโครเวฟเพื่ออุ่นอาหารในร้านสะดวกซื้อ แค่นี้ก็สามารถรับประทานให้อร่อยได้แล้ว
วันนี้เค่อหลานรู้สึกตื่นเต้นมากเป็นพิเศษวันนี้เธอตื่นเช้ากว่าทุกวันโดยไม่ต้องให้ถังซินเหยาปลุกเธอ
เธอลืมไปเลยว่าเคยบอกถังซินเหยาว่างานกีฬาครั้งนี้ต้องพาแฟนมาด้วย ซึ่งทำให้ถังซินเหยาได้แต่ถอนหายใจว่าควรจะเรียกใครมาแก้สถานการณ์นี้ดี
MANGA DISCUSSION