ระหว่างเยี่ยจิงเฉินกับถังซินเหยาพูดได้ว่าเลิกรากับแบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สีหน้าของเยี่ยจิงเฉินโกรธจนเลือดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินโอบไหล่ลู่อันหรันขึ้นไปที่ห้องวีไอพีชั้นบน
หลังจากที่เยี่ยจิงเฉินกับลู่อันหรันเดินออกไป ถังซินเหยาก็หุบยิ้มและรู้สึกโกรธมาก เธอแสดงความหยิ่งยโสของตัวเองออกมา
ตั้งแต่ต้นจนจบฟางซวี่เจ๋อมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของเขาตลอด
แต่ถังซินเหยาไม่ได้สังเกตว่าตอนที่เธอโต้เถียงกับเยี่ยจิงเฉินเขาซ่อนความเศร้าไว้ภายใต้รอยยิ้มที่อ่อนโยน
“อันหรันกับจิงเฉินดูเหมาะสมกันดีนะ” ฟางซวี่เจ๋อถามถังซินเหยาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนอิจฉาเล็กน้อย
ฟางซวี่เจ๋อเคยถามคำถามนี้กับเธอมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เธอได้ฟังแล้วเธอดูไม่สบายใจเหมือนครั้งนี้ เธอยิ้มและพูดแบบผ่านๆว่า “อืม ใช่เขาดูเหมาะสมกันมากจริงๆ เหมาะกันยังกับกิ่งทองใบหยก เจ้าหญิงที่ควรคู่กับเจ้าชาย ฟ้าดินลิขิตให้พวกเขาเกิดมาคู่กัน
ฟางซวี่เจ๋อได้ยินคำตอบของถังซินเหยาก็ขมวดคิ้วเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
“หม่ามี้ พวกเราเรียบร้อยแล้ว” เค่อหลานกับลั่วหลิงจูงมือกันเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มหวาน
เมื่อเห็นใบหน้าของลูกชายและลูกสาวของเธอคล้ายกับเยี่ยจิงเฉิน ทำให้ถังซินเหยารู้สึกว่าอาการของเธอไม่ค่อยดี ร่างกายของเธอเย็นฉับพลันราวกับอยู่ในห้องแช่แข็ง ใบหน้าของเธอซีดเล็กน้อย แต่เธอก็พยายามส่งยิ้มให้กับลั่วหลิงและเค่อหลาน “กินอิ่มหรือยัง? ถ้ากินอิ่มแล้วพวกเราไปกันเถอะ หม่ามี้เพิ่งจำขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องต้องจัดการ”
“แล้วข้าวเหนียวรากบัวล่ะ” เค่อหลานถามด้วยความคาดหวัง
“ไม่เอาแล้ว ไว้ครั้งหน้าหม่ามี้พามากินนะ กินให้หนำใจไปเลย” ถังซินเหยาลุกขึ้นยืนอย่างกระวนกระวายมือจูงลั่วหลิงอีกมือหนึ่งจูงเค่อหลานรีบเดินออกไป
แม้แต่เงินค่าอาหารก็ยังไม่ได้ชำระ ฟางซวี่เจ๋อเดินตามหลังหยิบบัตรเครดิตของเขาออกมาแล้วชำระแทนเธอไป
ฝ่ายห้องครัวได้ทำข้าวเหนียวรากบัวเสร็จแล้ว ฟางซวี่เจ๋อก็ขอให้พนักงานห่อใส่ถุงกลับบ้านให้ จากนั้นก็รีบเดินตามไป
ถังซินเหยานั่งอยู่ในรถมองวิวนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าดูกังวล
“ข้าวเหนียวรากบัวเพิ่งทำเสร็จ ลุงขอให้พนักงานห่อใส่ถุงให้มันยังร้อนอยู่เลย เดี๋ยวสักพักนั่งกินในรถนะ” ฟางซวี่เจ๋อเดินมาแล้วยื่นข้าวเหนียวรากบัวให้กับลั่วหลิงและเค่อหลาน พนักงานห่ออย่างประณีตมาก ” ซินเหยาคุณสีหน้าไม่ค่อยดีเลย มีอะไรให้ผมช่วยไหม?”
“ขอบคุณลุงฟาง” ลั่วหลิงและเค่อหลานกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ
“เป็นเด็กน่ารักมาก ไม่ต้องขอบคุณนะครับ” ฟางซวี่เจ๋อพูดอย่างอ่อนโยนกับเด็กๆ
ถังซินเหยาส่ายหัวและเลียริมฝีปากที่แตกแห้งของเธอ “ไม่…… ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้มีแรงบันดาลใจแวบหนึ่ง ฉันได้ไอเดียที่ดีฉันกลัวว่าฉันจะลืมมันเลยอยากรีบกลับไปเขียนไอเดียนี้ไว้ ”
ฟางซวี่เจ๋อดูออกว่าถังซินเหยาไม่ได้พูดความจริง แต่เขาก็ไม่ได้คะยั้นคะยออะไร
เขาไม่อยากทำให้เธอลำบากใจ เขาจึงทำได้เพียงเชื่อในเหตุผลที่เธอพูดออกมา”งั้นเดี๋ยวผมไปส่งคุณ”
ถังซินเหยานั่งอยู่ในรถมองไปที่วิวด้านนอกเธอยังคงรู้สึกกลัวและในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าแฝงไปด้วยความหวาดผวา
เป็นโชคดีที่ลั่วหลิงและเค่อหลานไปเข้าห้องน้ำไม่เช่นนั้นพวกเขาจะได้พบเจอกับเยี่ยจิงเฉิน อาจจะระแคะระคายบางอย่างเมื่อเห็นถังซินเหยามีสภาพเหงื่อตก
แม้ว่าฟางซวี่เจ๋อจะดูไม่ออกแต่ถังซินเหยาก็ไม่กล้าเสี่ยง ถึงแม้ว่าเยี่ยจิงเฉินจะดูไม่ออก มันน่ากลัวจริงๆตอนนี้เธอรู้สึกหนักใจมาก เรื่องราวของลั่วหลิงและเค่อหลานเกือบถูกเปิดเผยออกมาแล้ว
ดูเหมือนว่าเธอจะประมาทจริงๆในช่วงนี้และเธอก็ไม่ได้ระมัดระวังอะไรเลย เธอรู้สึกกลัวมาก
เมื่อกลับมาถึงบ้านถังซินเหยารู้สึกเหมือนยกหินออกจากอกแต่เธอก็ยังกังวลเล็กน้อย
ฟางซวี่เจ๋อนั่งอยู่ในรถมองดูไฟในบ้านของถังซินเหยาถูกเปิดขึ้น เขาถอนหายใจอย่างเงียบๆก่อนเอื้อมมือไปหยิบบุหรี่ออกสูบ สีหน้าของเขาไม่อาจคาดเดาอารมณ์ได้ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เรื่องราวที่ซับซ้อนต้องจัดการไปทีละเรื่อง
ลู่อันหรันเพลิดเพลินที่ได้ใกล้ชิดกับเยี่ยจิงเฉิน เพราะเธอไม่เคยได้ใกล้ชิดกับเยี่ยจิงเฉินขนาดนี้มาก่อนมันทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าได้กินน้ำผึ้งเข้าไปในหัวใจของเธอและมันช่างหอมหวานจริงๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอหวานจนแทบจะกลายเป็นน้ำผึ้ง เธอรู้สึกถึงความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เธอหวังว่าช่วงเวลานี้จะคงอยู่ตลอดไปและไม่มีวันหายไป
เวลานั้นก็เหมือนกับทรายในมือแม้ว่าจะจับมันไว้แน่นแค่ไหน แต่มันก็จะหลุดหายไปอย่างช้าๆ
หลังจากเธอถูกพาไปที่ห้องวีไอพีเยี่ยจิงเฉินก็ปล่อยแขนออกจากเอวของเธอทันทีและขยับตัวออกห่างเล็กน้อยเพื่อระยะไม่ให้ใกล้หรือไกลเกินไป
ลู่อันหรันรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจของเธอเล็กน้อยได้ครอบครองแล้วก็ต้องสูญเสียไป มันเจ็บปวดกว่าความรักที่ไม่เคยได้ครอบครองซะอีก
ลู่อันหรันรู้ว่าเยี่ยจิงเฉินไม่ชอบอยู่ใกล้กับคนอื่นมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงไม่นั่งลงข้างๆ ของเยี่ยจิงเฉิน ทำได้เพียงเว้นระยะไว้ที่นั่งหนึ่ง
“จิงเฉิน คุณชอบกินอะไร?”ลู่อันหรันเปิดดูเมนูแล้วหันไปถามเยี่ยจิงเฉิน
ในเวลานี้สีหน้าของเยี่ยจิงเฉินกลับสู่ความเย็นชาอีกครั้ง ดวงตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความไม่สบายใจในเวลานี้
“ตามใจคุณเลยให้คุณเลือก” เยี่ยจิงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
เมื่อนึกถึงถังซินเหยาตอนที่พูดไปยิ้มไปกับเยี่ยจิงเฉินที่ชั้นล่าง หัวใจของเยี่ยจิงเฉินก็เกิดอาการใจร้อนไม่เป็นสุข
ในใจอยากจะลงไปลากผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาถอดกางเกงแล้วตบหน้าของเธอ
ลู่อันหรันเคยชินกับท่าทางเย็นชาของเยี่ยจิงเฉินเป็นอย่างดี แต่ในใจเธอยังคงเศร้าอยู่เล็กน้อย เธอรวบรวมความกล้าพูดออกมา “งั้นก็สั่งเมนูขึ้นชื่อของที่นี่แล้วกันนะคะ”
“โอเค” เยี่ยจิงเฉินพูดอย่างไม่แยแส
อาหารมาเสิร์ฟช้าแต่ทั้งลู่อันหรันและเยี่ยจิงเฉินก็ไม่ใช่คนที่ขาดความอดทน
คนสองคนคุยกันระหว่างรอก็ถือว่าไม่น่าเบื่ออะไรมาก
“จิงเฉิน ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้คุณอยู่ในช่วงพักร้อน เรื่องงานที่บริษัทได้ส่งมอบให้กับพี่ชายของคุณดูแลแทน เพราะอะไรเหรอคะ? คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่าฉันพอจะช่วยอะไรคุณได้ไหม?” ลู่อันหรันมองไปที่เยี่ยจิงเฉินด้วยสีหน้าวิตกกังวล
เธอรู้มานานแล้วว่าเยี่ยจิงเฉินไม่ชอบให้เธอถามเรื่องเกี่ยวกับตัวเขา
ดังนั้นลู่อันหรันจึงรอให้เยี่ยจิงเฉินเป็นฝ่ายเริ่มเข้าหาเธอก่อนในช่วงเวลานี้ แต่รอมาครึ่งเดือนแม้แต่คำพูดสักคำของเยี่ยจิงเฉินยังไม่มี และมันก็ยากที่เธอจะติดต่อเขาในแต่ละครั้ง
ใคร ๆ ก็บอกว่าคนที่ตกหลุมรักก่อนจะแพ้ ในเกมนี้กับเยี่ยจิงเฉินเธอแพ้อย่างสิ้นเชิง จะทำยังไงได้ก็เธอเต็มใจที่จะเล่นเกมนี้เอง
“ไม่ต้อง เรื่องเล็กแค่นี้ผมจัดการเองได้” เยี่ยจิงเฉินพูดอย่างเย็นชา
ลู่อันหรันรู้สึกผิดเล็กน้อยในใจ เธอแค่เป็นห่วงเขา
เมื่อรู้ถึงข้อห้ามของเยี่ยจิงเฉิน เธอจะไม่พูดถึงสิ่งนี้อีกต่อไปสิ่งที่จะทำลายบรรยากาศของวันที่มาออกเดตกัน เธอเปลี่ยนมาคุยเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเธอ แม้ว่าเยี่ยจิงเฉินจะยังดูไม่สนใจแต่บรรยากาศก็ยังไม่แย่เกินไป
MANGA DISCUSSION