ฟางซวี่เจ๋อต้องการเอาอกเอาใจใครบางคน และก็ไม่อยากทำอะไรที่ทำให้คนอื่นลำบากใจเช่นกัน อาหารมื้อนี้ถือได้ว่าถูกอกถูกใจทั้งแขกและเจ้าภาพ
“หม่ามี้ หนูอยากกินรากบัวยัดไส้ข้าวเหนียว” หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เค่อหลานก็พูดกับถังซินเหยา
“ลูกยังไม่อิ่มเหรอ?” ถังซินเหยาวางตะเกียบลงแล้วเอ่ยถามอย่างจริงจัง
“แต่หนูอยากกิน” เค่อหลานมุ่ยปาก
“เด็กกินน้ำตาลเยอะไม่ได้” ถังซินเหยาปฏิเสธ
“หม่ามี้…” เด็กน้อยทำหน้าออดอ้อน
“อ้อนก็ไม่มีประโยชน์หรอก” ถังซินเหยาปฏิเสธ
“คุณลุงฟางคะ หนูอยากกินรากบัวยัดไส้ข้าวเหนียว” เค่อหลานทำตาโต มองไปที่ฟางซวี่เจ๋อ
ฟางซวี่เจ๋อใจอ่อนเพราะสายตาของเค่อหลาน “ซินเหยาเถอะน่า กินบ้างก็ไม่เป็นหรอกนะ”
แล้วหันไปพูดอย่างจริงจังกับเค่อหลาน “ทานแค่นิดเดียวเท่านั้นนะจ๊ะ ทานเยอะไม่ได้รู้ใช่ไหม?”
เค่อหลานยิ้มและพยักหน้าให้ฟางซวี่เจ๋อ และพูดอย่างเอาใจ “ค่ะ ลุงฟางใจดีจังเลย หนูชอบลุงฟางที่สุด หนูไม่กินเยอะหรอกค่ะ หนูแค่อยากลองชิมรสชาติมันดูเท่านั้น”
ฟางซวี่เจ๋อสั่งมาให้ลั่วหลิงและเค่อหลานคนละชุด
ถังซินเหยาแอบบ่นความฉลาดเป็นกรดของเค่อหลานอยู่ในใจ
ของหวานมาเสริร์ฟจากนั้นไม่นาน แต่เค่อหลานต้องการไปเข้าห้องน้ำ
ถังซินเหยากำลังจะลุกพาเค่อหลานออกไป ลั่วหลิงก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเข้ามาจับมือน้องสาว และพูดกับถังซินเหยาว่า “หม่ามี้เดี๋ยวผมไปกับน้องเองครับ หม่ามี้อยู่คุยกับลุงฟางเถอะ”
“ก็ได้ ลูกๆระวังตัวด้วยนะ” ถังซินเหยาลูบศีรษะลั่วหลิงเบาๆ แล้วพยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อลั่วหลิงและเค่อหลานเดินจากไป ถังซินเหยาและฟางซวี่เจ๋อพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องงาน
ตอนที่เยี่ยจิงเฉินและลู่อันหรันมาถึงไฟร้านก็เปิดแล้ว ร้านอาหารร้านนี้เป็นความคิดของลู่อันหรัน ที่เธอเลือกเพราะได้รับการแนะนำจากเพื่อน บอกว่าทิวทัศน์และรสชาติอาหารของที่นี่ดีมาก เธออยากมารับประทานอาหารที่นี่กับเยี่ยจิงเฉินนานแล้ว
พวกเขาจอดรถไว้ด้านนอก เมื่อลู่อันหรันลงจากรถ ก็เห็นว่ารถของฟางซวี่เจ๋อก็อยู่ที่นี่ด้วย
“เฮ้ พี่ชายก็อยู่ที่นี่ด้วยค่ะ” ลู่อันหรันควงแขนเยี่ยจิงเฉิน แล้วชี้ไปที่รถของฟางซวี่เจ๋อ
เยี่ยจิงเฉินตัวแข็งทื่อ เขาอยากผลักลู่อันหรันออก แต่เมื่อนึกถึงข้อตกลงห้าปีที่ให้ไว้กับลู้อันหรัน ประกอบกับการใกล้ชิดกันที่เพิ่มมากขึ้น เยี่ยจิงเฉินต้องอดทนต่อมัน ไม่ผลักไสลู่อันหรันออกให้เธออับอาย แล้วมองไปที่รถของฟางซวี่เจ๋อ
“ปกติพี่ชายจะหวงรถคันนี้มากไม่ค่อยขับออกมาข้างนอก ขนาดฉันยืมเขายังไม่ให้เลย วันนี้อะไรดลใจให้ขับรถคันนี้ออกมาได้?
เยี่ยจิงเฉินเพียงแค่เลิกคิ้ว บทสนทนานี้เขาไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
ลู่อันหรันเห็นว่าเยี่ยจิงเฉินไม่สนใจ เธอจึงหยุดพูดอย่างเก้อเขิน
“คุณเห็นไหมบรรยากาศที่นี่สวยมากเลยนะ เพื่อนฉันแนะนำให้มาที่นี่ บอกว่ากันว่าอาหารร้านนี้อร่อยมาก พ่อครัวของที่นี่เป็นลูกหลานพ่อครัวในวัง” ลู่อันหรันพูดกับเยี่ยจิงเฉินด้วยรอยยิ้ม
“งั้นเหรอ?” เยี่ยจิงเฉินตอบอย่างขอไปที
ช
แม้เป็นแค่การกระทำที่ขอไปที แต่ลู่อันหรันก็พอใจแล้ว
ทั้งสองคนเดินข้ามสะพานเข้ามายังห้องโถง
ลู่อันหรันสายตาแหลมคม เพียงแวบเดียวเธอก็มองเห็นฟางซวี่เจ๋อและคนที่นั่งอยู่กับเขาคือถังซินเหยา
“ที่แท้ก็มีเดท” ลู่อันหรันพูดกระแนะกระแหนหยอกล้อ อย่างไม่รู้ความหมายนั้น
ดวงตาทั้งสองข้างของเยี่ยจิงเฉินก็มองไปเช่นกัน เห็นถังซินเหยาและฟางซวี่เจ๋อนั่งอยู่ด้วยกัน หัวเราะยิ้มแย้ม การสนทนาเป็นไปอย่างชื่นมื่น
“ไปเถอะค่ะ อย่าไปรบกวนพี่เลย” ลู่อันหรันควงแขนเยี่ยจิงเฉิน เดินไปห้องส่วนตัวที่อยู่ชั่นบน “เราขึ้นไปห้องชั้นบนกันเถอะค่ะ”
เยี่ยจิงเฉินชะงักฝีเท้า น้ำเสียงเย็นชาราวกับว่ากำลังปฎิบัติต่อคนแปลกหน้า แทนที่จะเป็นแฟนของตนเอง “ไปทักทายพี่ชายคุณกันเถอะ”
ลู่อันหรันที่ได้ยินดังนั้น สีหน้าก็ชะงักไปชั่วครู่ และกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เธอเปลี่ยนสีหน้ารวดเร็วมาก จนคนอื่นจับไม่ได้
“ก็ได้ค่ะ หวังว่าพี่ชายจะไม่ตำหนิที่เราไปขัดจังหวะการออกเดทของเขานะคะ” น้ำเสียงของลู่อันหรันแฝงไปด้วยความขี้เล่นของเด็กสาว พูดขึ้นอย่างมีเสน่ห์
“พี่ชาย ซินเหยาก็มาทานอาหารกับเขาด้วยเหรอเนี่ย? พวกคุณสองคนมาเดทกันงั้นเหรอ?” ลู่อันหรันควงแขนเยี่ยจิงเฉินอย่างแนบชิด เมื่อเข้าไปใกล้ ก็ส่งเสียงทักทายทันที และมองไปยังสองคนนั้นอย่างมีความหมาย พร้อมกับเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
ถังซินเหยาตัวสั่นเล็กน้อย มีความรู้สึกไม่ดีบางอย่าง เธอจึงหันกลับไปดู คนที่เห็นคือป่าปี้ที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาแล้วสามวัน และตอนนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
เธอรู้สึกร้อนใจอยู่ไม่สุข หนังศีรษะเสียวซ่าขึ้นมา ความรู้สึกที่ราวกับว่าถูกสามีจับได้ว่าเล่นชู้อยู่บนเตียง
เมื่อเธอเห็นลู่อันหรันควงแขนเยี่ยจิงเฉิน ถังซินเหยาก็รู้สึกอกหัก แต่ก็หาเหตุผลเพียงพอที่จะพูดได้อย่างเต็มปากว่า ใจอยู่ไม่เป็นสุขอะไรกันล่ะ?
เขาแค่พาแฟนสาวของเขามารับประทานอาหารค่ำ? ตัวเองไม่ได้รับอนุญาตให้มารับประทานร่วมกับเจ้านายสักหน่อย?
อยากร้องไห้ ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
เมื่อฟางซวี่เจ๋อเห็นลู่อันหรันปรากฎต้วต่อหน้าพวกเขา สีหน้าค่อนข้างลำบากใจ เขามองข้ามคำถามของลู่อันหรันไป แล้วถามกลับไปว่า “พวกเธอมาทานข้าวกันเหรอ? อาหารที่นี่อร่อยมาก โดยเฉพาะซิกเนเจอร์ของร้าน เธอและจิงเฉินต้องลองชิ้มดูนะ”
เขาไม่ได้ปฏิเสธคำถามของลู่อันหรันราวกับคนที่มีเจตนาแอบแฝง นั้นก็คือการยอมรับไปโดยปริยาย
เยี่ยจิงเฉินที่สีหน้าไม่สบอารมณ์มาแต่ไหนแต่ไร หลังจากที่ได้ฟังบทสนทนาระหว่างลู่อันหรันและฟางซวี่เจ๋อสองพี่น้อง ใบหน้าเขาก็เคร่งขรึมขึ้น
“ค่ะ ไว้เราจะลองชิ้มดูนะคะ” ลู่อันหรันยิ้มอย่างมีความสุข เธอที่ยืนอยู่แนบชิดอยู่กับเยี่ยจิงเฉิน ขยิบตาตาใส่ฟางซวี่เจ๋อ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “งั้นฉันกับจิงเฉินไม่รบกวนการเดทของพวกคุณแล้ว เราไปก่อนนะ จิงเฉิน เราขึ้นไปชั้นบนกันเถอะค่ะ”
เยี่ยจิงเฉินไม่คุ้นชินกับการใกล้ชิดผู้หญฺงคนอื่นมากนัก แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นแฟนของตนเองก็ตาม
แต่เพียงแค่เห็นท่าทีของฟางซวี่เจ๋อและถังซินเหยาที่หัวเราะต่อกระซิบกัน เยี่ยจิงเฉินก็รู้สึกว่ามีเปลวไฟกำลังเผาไหม้ขึ้นในใจของเขา เขาแทบอย่างให้เปลวไฟนี้เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่รู้ว่าทำไม เขาไม่เพียงแต่ไม่ผลักลู่อันหรันที่ควงแขนเขาอยู่อย่างแนบชิดออกไป ซ้ำยังเอื้อมมือไปกอดเอวบางของลู่อันหรันอย่างไม่รู้ตัว
“คุณกำลังเดทกับซวี่เจ๋องั้นเหรอ?” เยี่ยจิงเฉินกัดฟัน เอ่ยถามออกไปอย่างเย็นชา
ไม่รู้ทำไมถังซินเหยาจึงเอาแต่มองไปยังมือปลาหมึกของเยี่ยจิงเฉินที่กอดเอวของลู่อันหรันอยู่ เธอเม้มริมฝีปาก แล้วคลี่ยิ้มออกมา เผยให้เห็นลักยิ้มหวานบนแก้มสองข้าง “เราจะที่นี่เพื่อเดทกันหรือเปล่า ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับประธานเยี่ยนะคะ ประธานเยี่ยไม่ใช่คนขี้ซุบซิบซะหน่อย ทำไมคุณจึงเรียนรู้การขี้เม้าท์จากพวกเขามาได้ล่ะคะ?”
น้ำเสียงของถังซินเหยาหวานพอๆกับรอยยิ้มของเธอ น้ำเสียงนุ่มนวล ภาษาไพเราะ แต่กลับแฝงไว้ด้วยกลิ่นดินปืนภายใต้น้ำเสียงนั้น
“เธอ…” ใบหน้าของเยี่ยจิงเฉินกำลังเปลี่ยนเป็นสีเขียว
“ค่อยๆเดินนะคะ ฉันไม่ไปส่ง” ถังซินเหยายิ้มหวานขึ้น
MANGA DISCUSSION