วันรุ่นขึ้นเวลาประมาณห้าโมงเย็น ถังซินเหยาได้รับโทรศัพท์จากฟางซวี่เจ๋อ ฟางซวี่เจ๋อมารอเธออยู่ด้านล่างแล้ว ถังซินเหยาถึงกับผงะ เดินไปที่ระเบียงชะโงกหน้าลงไปดู แต่กลับไม่เจออะไร เธอบอกให้ฟางซวี่เจ๋อรอสักครู่ แล้วจึงรีบลงไปในทันที
แม้ต้องออกไปข้างนอกเธอก็ไม่จำเป็นต้องแต่งหน้า เพราะผิวพรรณเธอดีอยู่แล้ว
เพียงแค่เขียนคิ้ว ทาลิปกลอสสักหน่อยให้ตัวเองดูดีขึ้นอีกนิด
เธอสวมเสื้อคลุมอย่างลวกๆ สวมรองเท้าส้นสูง แล้วเดินออกมา
ฟางซวี่เจ๋อลงมาจากรถ เมื่อก้าวลงมาถึงพื้น ขาเขารู้สึกชาเล็กน้อย
อันที่จริงเขามาถึงที่นี่ตั้งแต่เที่ยง แม้มองไม่เห็นถังซินเหยา แต่ได้เฝ้าอยู่เงียบๆในเขตชุมชนของเธอ เพียงแค่ได้มองไปยังหน้าต่างบ้านของเธอ เขาก็พอใจแล้ว
เสื้อผ้าที่สวมอยู่ตอนนี้เขาเพิ่งซื้อมาเมื่อเช้า ลองอยู่หลายสิบชุดกว่าจะเลือกได้
ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่ต้องการเปิดเผยด้านสมบูรณ์แบบของตนเองต่อชายที่ชอบ ผู้ชายเมื่อต่อเผชิญหน้ากับหญิงที่ชอบ เขาก็หวังได้แสดงออกถึงเสน่ห์ของตนเองเช่นกัน
เมื่อถังซินเหยาเดินออกมา เขามองเห็นได้อย่างรวดเร็ว
เขาสาวเท้าก้าวไปอย่างรีบร้อน ปรี่เข้าไปหาอย่างกระตือรือร้น จับจ้องไปที่ถังซินเหยา เขาไม่ได้เจอหน้าเธอมากว่าครึ่งเดือนแล้ว เป็นเวลาครึ่งเดือนแต่ยาวนานราวครึ่งศตวรรษ ความคิดถึงทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวด
“ซินเหยา ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” เขาหยุดอยู่ห่างถังซินเหยาประมาณสามก้าว ไม่ได้เดินต่อไปข้างหน้า จ้องมองเธอด้วยสายตาเป็นประกาย พร้อมด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “คุณสวยขึ้นนะ”
ในความเป็นจริงเขาอยากก้าวไปข้างหน้าแล้วสวมกอดเธอ กอดเธอไว้แน่นๆในอ้อมกอด ให้เข้าไปในเลือดในเนื้อ แล้วกระซิบที่ข้างหูเธอว่า: เขาคิดถึงเธอ คิดถึงจนเจ็บปวดลึกเข้ากระดูก
แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น เขารู้ว่าเวลานี้เธอคงยังไม่ยอมรับเขา เกรงว่าจะทำให้เธอตกใจเสียเปล่าๆ ดังนั้นจึงได้เพียงแค่ระงับอารมณ์ไว้อย่างขมขื่น
“ขอบคุณค่ะ คุณก็หล่อขึ้นนะ” ถังซินเหยาถามกลับด้วยรอยยิ้ม “มานานแล้วเหรอคะ?”
แม้ถังซินเหยาจะชมไปตามมารยาท แต่เมื่อได้ยินคำชมจากปากถังซินเหยา หัวใจของฟางซวี่เจ๋อก็กระพือปีกโบยบิน คุ้มค่ากับที่ช้อปปิ้งมาทั้งเช้าและเปลี่ยนชุดนับครั้งไม่ถ้วน
“ก็ไม่นาน ผมเพิ่งมาถึง” ท่าทีของฟางซวี่เจ๋อเป็นไปอย่างธรรมชาติ
เขาไม่คิดที่จะบอกถังซินเหยาอยู่แล้ว ว่ามาที่นี่โดยที่ยังไม่ได้รับประทานอาหารเที่ยงด้วยซ้ำ จนกระทั่งถึงห้าโมงเย็นเขาก็อดที่จะโทรหาเธอไม่ได้ เขาไม่อยากเพิ่มภาระให้เธอ และไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นภาระของเธออีก
“ไปกันเถอะ วันนี้ฉันเลี้ยงเอง” ถังซินเหยาไม่ได้สงสัยในคำตอบของฟางซวี่เจ๋อ เพราะท่าทีของเขาเป็นไปอย่างธรรมชาติ
ฟางซวี่เจ๋อยกแขนขึ้นดูนาฬิการาคาแพงที่ข้อมือ “เราไปรับลั่วหลิงและเค่อหลานที่โรงเรียนกันเถอะ พวกเขาใกล้จะเลิกแล้ว”
แม้จริงๆแล้วเขาอยากมีเวลาอยู่ตามลำพังกับถังซินเหยา แต่ก็ไม่อยากบีบบังคับมากเกินไป และที่บอกว่าต้องการไปรับเด็กทั้งสองเขาพูดด้วยความจริงใจ
เขาเปิดประตูรถ รอให้ถังซินเหยาเข้าไปนั่ง แล้วปิดประตู
เค่อหลานและลั่วหลิงเลิกเรียนแล้ว เมื่อออกมาก็เห็นถังซินเหยาและฟางซวี่เจ๋อยืนรออยู่นอกโรงเรียน
หนุ่มหล่อสาวสวย
คุณพ่อคุณแม่หลายคนที่ไปรับลูกที่โรงเรียน ต่างพากันแอบมองถังซินเหยาและฟางซวี่เจ๋อ
“หม่ามี้” เค่อหลานมองเห็นถังซินเหยาได้อย่างรวดเร็ว รีบพุ่งเข้ามาราวกับลูกวัวน้อย เธอพุ้งเข้าไปหาเป็นเวลาที่ถังซินเหยากำลังก้าวถอยหลังไปพอดี ฟางซวี่เจ๋อยื่นมือออกไปเพื่อรับเธอไว้ ทำให้ถังซินเหยาต้องหลบ และปะทะเข้ากับลูกสาวล้มหัวคะมำ
“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” ฟางซวี่เจ๋อกอดถังซินเหยาเอาไว้ได้ เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
ใบหน้าของถังซินเหยาขึ้นสีเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะขายหน้าหรือเขิน เธอจึงส่ายหน้าเบาๆ เมื่อเป็นอิสระจากอ้อมแขนของฟางซวี่เจ๋อ จึงเอื้อมมือเพื่อจะไปบิดหูเค่อหลานเพราะความโกรธ
เค่อหลานเป็นเด็กฉลาด เมื่อมองไปที่ใบหน้าของถังซินเหยาก็รู้แล้วว่าหม่ามี้กำลังโกรธ
ทันใดนั้นเธอก็วิ่งไปหลบหลังพี่ชาย เพื่อขอความคุ้มครอง
“เค่อหลานออกมาหาหม่ามี้นะ” ถังซินเหยาเม้มปาก จ้องเค่อหลานเขม็ง
เค่อหลานมองไปยังท่าทีของถังซินเหยา ชะโงกหน้าออกมาจากด้านหลังพี่ชายอย่างอายๆ ดวงตากลมโตคู่นั้นมีน้ำตาคลอ เมื่อมองดูแล้วช่างน่าสงสาร “หม่ามี้ หนูผิดไปแล้วค่ะ”
“ออกมา” ถังซินเหยายังคงขึงขัง
เค่อหลานหันไปมองฟางซวี่เจ๋อแล้วพูดว่า “ลุงฟางคะ หม่ามี้จะตีหนู”
ฟางซวี่เจ๋ออดไม่ไหวจึงพูดขึ้น “ซินเหยาช่างมันเถอะ หลานหลานคงดีใจมากไปหน่อยที่ได้เจอคุณ เธอไม่ได้ตั้งใจหรอก ใช่ไหมหลานหลาน?”
“ใช่ค่ะ ใช่ค่ะ” เค่อหลานพยักหน้าราวกับนกจิกกระเทียม
ถังซินเหยามองไปที่เธอ เค่อหลานฉลาดรู้จักมองหาผู้ช่วยชีวิต ทั้งน่าขันและน่าโมโหจริงๆ
“ช่างมันไปเถอะหม่ามี้ พวกเราหิวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะครับ” ลั่วหลิงก็สงสารน้องสาวเช่นกัน จึงรีบออกมาไกล่เกลี่ย
ในเมื่อฟางซวี่เจ๋อและลูกชายพูดขนาดนี้ ถ้าเธอยังดื้อดึง ก็จะทำให้ทุกคนลำบากใจ
เอาล่ะ เธอยอมรับว่า อันที่จริงเธอก็สงสารลูกสาวเช่นกัน แต่ก็กลัวว่าจะไม่มีใครตักเตือนเธอ
ฟางซวี่เจ๋อรู้ว่าถังซินเหยาไม่ชอบอาหารตะวันตก และชอบกินอาหารจีนมากกว่า ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะทำตามความต้องการของเธอ
สถานที่ที่ไปรับประทานอาหารเป็นร้านอาหารส่วนตัว บ้านทรงโบราณ ที่ประตูทางเข้ามีพนักงานสวมชุดกี่เพ้าสีแดงคอยยืนต้อนรับ โคมไฟที่แดงแขวนประดับไว้ที่หน้าประตู ดูก็รู้ว่าสถานที่แห่งนี้คงไม่ใช่ราคาถูกๆ เพราะมีความเป็นส่วนตัวอย่างมาก
ฟางซวี่เจ๋อจอดรถ และรีบลงรถไปก่อน แล้วช่วยเปิดประตูให้ถังซินเหยา จากนั้นลั่วหลิงและเค่อหลานก็ถูกอุ้มออกมาจากรถ
เขาจูงมือเล็กๆของเค่อหลาน ถังซินเหยาจูงลั่วหลิง จูงกันไปคนละคน ดูเหมือนคู่รักหนุ่มสาวพาเด็กๆมารับประทานอาหาร
ทันทีที่พวกเขาเดินไปถึงพนักงานต้อนรับก็พาเดินเข้าไปทันที เดินข้ามสะพานมาถึงห้องโถง ฟางซวี่เจ๋อรู้ว่าถังซินเหยาไม่ค่อยอินกับอะไรพวกนี้ ไม่จำเป็นต้องมีห้องส่วนตัว จึงเดินไปที่ริมหน้าต่างของห้องโถง ที่นั่งมีแสงสว่างเพียงพอ และการนั่งที่ริมหน้าต่างยังสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของทะเทสาบและภูเขาด้านนอกได้อีกด้วย
ร้านอาหารส่วนตัวร้านนี้ ถูกสร้างขึ้นระหว่างทะเลสาบ มีทิวทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์
แต่รสชาติอาหารจะเป็นอย่างไร เพียงแค่ได้ชื่นชมบรรยากาศสวยงามของที่นี่ เพียงแค่นี้แขกที่เข้ามาก็ทำให้กิจการรุ่งเรืองมากแล้ว
เนื่องจากการรับประทานอาหารครั้งนี้เป็นการที่ถังซินเหยาเลี้ยงขอบคุณฟางซวี่เจ๋อ จึงอยากสั่งอาหารโปรดของฟางซวี่เจ๋อบ้าง แต่ฟางววี่เจ๋อชอบกินอะไร เธอไม่รู้จริงๆ ดังนั้นเธอจึงยื่นเมนูอาหารให้ฟางซวี่เจ๋ออย่างไม่เกรงใจ ให้เขาเลือกด้วยตัวเอง
ฟางซวี่เจ๋อรู้ว่าถังซินเหยาชอบอาหารรสเผ็ด ดังนั้นเขาจึงสั่งอาหารที่ค่อยข้างเผ็ดมาอีกสองสามอย่าง
ในขณะเดียวกันก็เป็นกังวลเด็กทั้งสอง จึงสั่งอาหารโปรดของเด็กๆมาสองสามอย่างเช่นกัน
เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ ทั้งหมดล้วนเป็นอาหารโปรดของถังซินเหยาและเด็กๆ ถังซินเหยามองไปที่เมนูอาหาร และมองไปยังใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอ่อนโยนของฟางซวี่เจ๋อ รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับชายที่เป็นสุภาพบุรุษแบบนี้เลย
อาหารรสชาติดีมาก ไม่เช่นนั้นฟางซวี่เจ๋อคงไม่พาเธอมาที่นี่แน่
MANGA DISCUSSION