มื้อกลางวันก็ตั้งใจทำขนาดนั้นแต่ก็ทำให้จิงเฉินรังเกียจ เธอยังมีศักดิ์ศรีอยู่บ้าง คงไม่แบกหน้าไปทำข้าวเย็นให้เขากินอีกหรอก
ถ้าเธอทำก็แสดงว่าเธอบ้าไปแล้วจริงๆ
ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ชนบท ไม่ได้มีสถานบังเทิงอะไรเยอะขนาดนั้น เมื่อกินข้าวเที่ยงเสร็จเธอก็ขึ้นห้องไปนอนกลางวันแล้ว
เธอนอนถึงตอนพลบค่ำจึงตื่นขึ้น รู้สึกหิวมากๆ
เธอตัดสินใจว่าวันนี้เธอจะกินมาม่า ยังไงเธอก็ไม่ยอมไปทำกับข้าวอีกแล้ว
เธอเดินลงมาจากชั้นสอง เห็นจิงเฉินนั่งไว้ที่โซฟา ในมือวาดๆเขียนๆอะไรอยู่ก็ไม่รู้เหมือนกัน
เธอพึ่งลงมาจากชั้นสอง จิงเฉินก็ไม่ได้หันหน้ามามองเธอเลย แต่ก็เหมือนกับมีตาทิตย์อย่างนั้นจึงพูดกับเธอว่า : "คืนนี้กินอะไร?"
ซินเหยายืนอยู่ทางขึ้นของบันได เธอเอามือจับไปที่ราว มองจิงเฉินอย่างเงียบๆไม่ได้พูดอะไร
"ทำไม? ผมถามคุณอยู่ไม่ได้ยินหรือไง?" ปากกาบนมือของจิงเฉินหยุดชะงักขึ้น หันหัวมาหาซินเหยาและพูดว่า : "ยืนโง่อยู่ตรงนั้นทำไม? นอนมาทั้งบ่ายแล้วยังนอนไม่อิ่มหรอ?"
"คุณกำลังพูดกับฉันอยู่หรอคะ?" ซินเหยาชี้ไปที่ตัวเอง ขมวดคิ้วขึ้นและถามจิงเฉิน
"ผมคงไม่ได้คุยกับผีอยู่มั้ง?" จิงเฉินวางปากกาลง และใช้มือจับไปที่คางของตัวเองพร้อมถามขึ้น
ซินเหยาส่ายหัวไปมา ไม่เข้าใจที่ทำไมกำลังพูดเรื่องนี้อยู่ดีๆก็หลุดไปประเด็นอื่นได้
"ที่นี่ไม่มีผี นอกจากคุณแล้วผมจะคุยกับใครได้?" จิงเฉินพูด
ซินเหยาเดินมาทางโซฟา ลูบไปที่จมูกของตัวเอง หัวเราะแห้งออกมาและพูดว่า : "หึหึ คุณตลกจริงๆนะคะ"
"ตอนนี้ก็เกือบจะหกโมงเย็นแล้ว เวลาอาหารมื้อค่ำใกล้ถึงแล้ว ไปทำสิ ผมหิวมาก" จิงเฉินพูดให้ซินเหยา
"ฉันไม่ทำหรอกค่ะ" ซินเหยานั่งลงบนโซฟา และพูดว่า : "คุณไม่ใช่รังเกียจกับข้าวที่ฉันทำหรอคะ? ฉันไม่ทำแล้วค่ะ เสียแรงเปล่าๆ กินมาม่าดีกว่า ยังไงคุณก็ไม่ชอบฝีมือการทำอาหารของฉันอยู่แล้ว มาม่าก็ไม่ชอบ คุณไม่ชอบอะไรสักอย่าง แต่กินมาม่านั่นแหละดีที่สุด"
จิงเฉินแสดงสีหน้าที่ไร้อารมณ์ออกมาและพูดว่า : "ผมไม่ชอบกินมาม่า"
ซินเหยาถอนหายใจทางจมูกและพูดว่า : "คุณก็ไม่ชอบอาหารที่ฉันทำเหมือนกัน"
"ใครบอกว่าผมไม่ชอบ?" จิงเฉินถามขึ้น
"แล้วใครกันล่ะเรื่องมากกับอาหารที่ฉันทำ สีหน้าคุณแบบนี้หรอคะที่เรียกว่าชอบ?" ซินเหยายักคิ้วขึ้นและถามจิงเฉินกลับไป
มือจิงเฉินที่วางอยู่บนตักของตัวเองขยับขึ้นเล็กน้อยและหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมพูดว่า : "ผมรักไงถึงได้พูด"
"ฮึ……" ซินเหยาหัวเราะแห้งออกมาอีกครั้ง รักถึงได้พูดบ้านแกสิ เธอพูดกลับไปด้วยสีหน้าที่นิ่งขรึมว่า : "สรุปเอาเป็นว่า ไม่ว่าคืนนี้คุณจะพูดอย่างไง มื้อค่ำวันนี้ฉันก็จะไม่รับผิดชอบโดยเด็ดขาด มื้อค่ำวันนี้คือมาม่า ถ้าเกิดคุณอยากกินก็บอกฉันได้นะ จะได้ต้มให้พร้อมกัน ถ้าเกิดคุณไม่อยากกินล่ะก็ คิดซะว่าเป็นการลดน้ำหนักไปในตัวนะ"
"ผมเป็นหัวหน้าของคุณ" จิงเฉินชักจะทนไม่ไหวแล้ว
"ฉันก็แค่เลขาชั่วคราวของคุณ ไม่ได้เป็นเลขาตลอดชีวิตของคุณ ฉันรับผิดชอบแค่เรื่องในบริษัทเท่านั้น เรื่องอย่างอื่นเช่นทำกับข้าวอะไรพวกนี้มันไม่ใช่หน้าที่ของฉัน" เมื่อซินเหยาพูดเสร็จยังผงกหัวส่งให้จิงเฉิน
กดไลก์ให้กับความฉลาดของตัวเอง เธอก็ไม่ได้โง่นะ ทำไมต้องไปทำอาหารให้ตาบ้านั่นด้วย
ตอนนี้ป๊ะป๋าเป็นแค่เป็ดน้อยที่เธอรับมาเลี้ยงไว้ ค่ากินค่าอยู่ทุกอย่างเป็นเงินของเธอทั้งนั้น
ยังมากล้าเหิมเกริมกับผู้มีพระคุณของตัวเองอีกหรอ? อย่างนี้ต้องสั่งสอนซะบ้าง
ป๊ะป๋าควรจะดูเธอเป็นแบบอย่างนะ ก็เหมือนกับที่เมื่อก่อนป๊ะป๋าเป็นราชา แต่ตอนนี้ได้ตกอับไปแล้ว จู่ๆเลขาคนนี้ของป๊ะป๋าก็ไม่ได้ทอดทิ้งเขาไปไหนเลย ยังให้ค่ากินค่าอยู่ต่างๆกับเขาอีก คิดดูแล้ว เธอประทับใจในตนเองจนอยากหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสายเลือดจริงๆ
ถ้าเอาเรื่องนี้รายงานถึงสื่อมวลชนระดับประเทศนั้น เธอคงได้รับรางวัล "พนักงานซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อเจ้านายแห่งปี" ไปแล้ว
"คุณอยากทรยศหรอ?" จิงเฉินถาม
"ฮึ……" ซินเหยาถอนหายใจออกทางจมูกอย่างแรงแบบไม่พอใจเอามาก
เมื่อกี้เธอแค่ยกตัวอย่างเท่านั้น ป๊ะป๋าคิดจริงๆหรอว่าตัวเองเป็นราชา? ยังจะทรยศ? ทรยศบ้านป้าแกสิ
"ไม่ทำจริงๆ?" จิงเฉินถามซ้ำอีกครั้งด้วยสีหน้าที่เย็นยะเยือก
"ให้ตายก็ไม่ยอม คุณอย่าให้ฉันคอยรับใช้คุณอีกแล้วจะได้ไหม" ซินเหยากอดอกพูด
สิบนาทีให้หลัง ซินเหยาอยู่ในครัวล้างผักแล้ว
ไม่ใช่ว่าปณิธานของเธอไม่แรงกล้านะ แต่ว่าศัตรูฝ่ายตรงข้ามมันเจ้าเล่ห์เกินไปจริงๆ แค่ออกหมัดมาดอกเดียวก็สามารถจัดการไปที่จุดสำคัญของเธอจนหมอบราบคาบแก้วไปแล้ว เธอไม่สามารถที่จะทนต่อสิ่งยั่วยวนพวกนี้ได้จริงๆ
ทั้งชีวิตนี้ของเธอมันแพ้ให้กับอาหาร ชายหล่อและ……เงิน
ตอนนี้ชายหล่อคนหนึ่งกำลังใช้เงินในการยั่วยวนหลอกล่อเธอ เธอไม่สามารถต่อกรกับพลังอำนาจที่รุนแรงมหาศาลแบบนี้ได้เลย
ป๊ะป๋าเป็นคนที่เลวมากจริงๆ กล้าใช้อำนาจของเงินมากำหราบเธองั้นหรอ แต่สิ่งที่ทำให้เธอตายอย่างราบคาบก็คือ ป๊ะป๋าใช้แผนการชายหล่อของเขานี่แหละ
เธอเพียงอยากบอกป๊ะป๋าว่า ยิงเข้ามาแบบไม่ต้องเกรงใจเลย
ใช้แผนชายหล่อกับเงินมากำหราบเธอ มันทำให้เธอแพ้อย่างราบคาบตุยเย่มารูโก๊ะไปเลยหนึ่ง
"โอ้ย……"ซินเหยาวางมีดลง ร้องออกมา
จิงเฉินวางปากกาในมืออย่างรวดเร็ว เดินเข้าไปหาเธอ เห็นมือของซินเหยาโดนมีดบาดเลือดออกไม่น้อย เลือดแดงๆที่ออกมาหยดลงบนพื้น มันตกใจมากจริงๆ
เมื่อเห็นภาพนี้เข้า แววตาของจิงเฉินมันดูเป็นห่วงเธอยังไงยังงั้น เขาเดินเข้าไปหาเธอโดยทันที
เขาจับไปที่มือของซินเหยาที่กำลังบาดเจ็บอยู่และพูดว่า : "เป็นไงบ้าง? แผลลึกรึป่าว?"
มือของเธอถูกจิงเฉินจับไว้ในมือของเขา เธอเงยหัวไปดูจิงเฉิน เห็นเพียงแต่ขนตายาวๆของเขา มันเหมือนกับร่มคันเล็กที่กำลังบดบังตาของเขาอยู่ ป๊ะป๋าก้มหัวไว้ จึงทำให้เธอมองไม่เห็นหน้าของป๊ะป๋า เห็นแต่เพียงขวัญที่อยู่บนหัวของเขาเท่านั้น
พูดกันว่าคนที่มีสองขวัญบนหัวเป็นคนที่ค่อนข้างดุ ป๊ะป๋ามีแค่อันเดียว เพราะงั้นสามารถบอกได้ว่าลึกๆแล้วป๊ะป๋าเป็นคนที่ค่อนข้างจะอบอุ่นหรอ?
"โง่จริงๆ? แค่หันผักก็หันมาโดนมือตัวเอง คุณโง่ขนาดนี้ได้รางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันออกแบบเครื่องประดับได้ไงกัน ภูมิหลังครอบครัวคุณคงจะดีสินะ" จิงเฉินจับที่มือของซินเหยาอยู่พร้อมกับเปิดน้ำที่ก็อกออกเพื่อล้างแผลให้เธอ
มือที่เย็นเฉียบลากผ่านไปที่แผลของเธอ เธอรู้สึกไม่ชินเอามาก จึงหดมือเธอออก แต่มือของจิงเฉินยังจับไว้มือเธออย่างแน่น จะหดออกอย่างไงก็หดไม่ได้
ตอนนี้ก็ล้างเลือดออกไปจนหมดแล้ว เหลือเพียงแต่รอยแผลที่อยู่บนนิ้วชี้ของเธอ
แต่แผลมันลึกมาก เมื่อกี้พึ่งล้างเลือดหมดไป แต่เลือดก็ยังออกมาอีก แผลมันลึกเกินไปมาก ไม่สามารถที่จะหยุดเลือดได้เลย
"ใครบอกกัน ที่ฉันได้รางวัลชนะเลิศมาก็เพราะ……เอออ……"
ซินเหยาเบิกตาโตขึ้น มองไปที่จิงเฉินอย่างไม่น่าเชื่อ
จิงเฉินจับมือเธอขึ้น อ้าปากและอมมือเธอเข้าไปในปากของตัวเอง ช่องปากที่อบอุ่น ลิ้นที่นุ่มฉ่ำมันพันไปบนแผลบนนิ้วชี้ของเธอ ความอบอุ่นจากนิ้วของเธอมันแทรกซึมเข้ามาถึงช่องหัวใจของเธอทั้งสี่ห้อง เหมือนกับการใช้น้ำมันราดไปบนหัวใจของเธอและจุดไฟเผาอย่างนั้น มันเต้นรัวและเร่าร้อนไปหมด
ใจของเธอเต้นรัวไม่เป็นจังหวะเอามากตอนนี้ อยากจะดึงมือออกมาจริงๆ
MANGA DISCUSSION