"เอาหล่ะ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เช้า นอนอีกสักนิดเถอะ" ซินเหยาหลบสายตาของตัวเองออกและพูดขึ้น
ทั้งสองต่างไม่ได้พูดอะไร ต่างนอนหลับกะเฝ้าพระอินทร์กันอีกรอบ
ตอนที่ตื่นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว
ซินเหยาตอนนี้ไม่กล้าที่จะออกไปกินข้าวแล้ว เธอจึงซื้อมาม่ามาสองกล่อง ฝืนใจกินมันลงไป
จิงเฉินหลังจากที่เห็นกล่องมาม่าแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นและแสดงสีหน้าที่ไม่พอใจกับมื้อเที่ยงวันนี้เอาซะเลย
"มื้อเที่ยงกินพวกนี้หรอ?" จิงเฉินมองดูกล่องมาม่าอย่างรังเกียจและพูดกับซินเหยาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
ซินเหยายืมกาน้ำร้อนจากเถ้าแก่และเทน้ำร้อนลงไป ตามด้วยเครื่องปรุง และมองไปที่จิงเฉินด้วยสีหน้าที่ไม่จอยเหมือนกันพร้อมพูดขึ้นว่า : "ท่านประธานคะ คุณหัดพอใจบ้างเถอะค่ะ ค่าใช้จ่ายที่นี่สูงขนาดนี้ บนตัวคุณก็ไม่มีเงินสดอยู่สักนิด ถ้าเกิดใช้เงินหมด อีกหน่อยเราคงจะต้องยืนอยู่หน้าโรงแรมอ้าปากรับประทานลมแทนแล้วค่ะ"
สรุปคำเดียว : ไม่มีเงินก็เงียบปากไป
ความหอมของมาม่านั้นได้ลอยออกมาเร็วมาก
ซินเหยาเปิดฝาที่ครอบไว้ออก สูดดมกลิ่นเข้าไปอย่างลึกที่สุด มันหอมเอามากๆ
"เสร็จแล้ว ชิมหน่อยสิ มันอร่อยมากนะ" ซินเหยายนำกล่องมาม่ากล่องหนึ่งวางไว้ข้างหน้าของจิงเฉิน และพูดให้เขากินว่า : "นี่เป็นมาม่าศิษย์พี่คังเลยเชียวนะ เป็นรสชาติที่อร่อยถึงระดับนานาชาติทีเดียวเชียว มันคู่ควรกับคนอย่างท่านประธานที่สูงสง่าอยู่ เชื่อฟังหน่อยคะ รีบกินซะ เดี๋ยวเส้นอืดแล้วจะไม่อร่อย"
จิงเฉินหยิบกล่องมาม่านั้นขึ้นมาแบบไม่เต็มใจ และพูดว่า "คืนนี้ผมไม่กินมาม่าอีกแล้วนะ"
ซินเหยาไม่ได้ตอบกลับเขาอะไร ในใจคิดเพียงแต่ว่า : ไม่กินก็ดี จะได้ประหยัดไปอีกนิด
มาม่าศิษย์พี่คังรสนี้ กล่องนึงตั้ง3.5หยวนเชียวนะ
ซินเหยาเป็นหมูตะกละที่ไม่เลือกกินเลย พูดง่ายๆคือเธอเหมือนโถใส่ข้าวมากกว่า
ถึงจะกินมาม่าราคา3.5หยวน เธอก็ยังสามารถที่จะกินได้อย่างเอร็ดอร่อย
ตอนแรกจิงเฉินแค่มองดูอาหารขยะพวกนี้ก็ไม่มีความอยากเเล้ว แต่ว่าเห็นซินเหยากินได้อย่างเอร็ดอร่อยขนาดนั้น น้ำย่อยในกระเพาะของเขาก็เริ่มที่จะทำงาน รู้สึกว่าที่จริงมาม่าก็ไม่ได้กินยากอะไรมากมาย
แต่เมื่อเอาเข้าปาก รสชาติสารกันบูดที่ใส่เข้ามาในมาม่ามันทำให้ไม่สามารถกินได้อย่างอร่อยจริงๆ
เขามองซินเหยาที่กำลังกินได้อย่างอร่อยด้วยความแปลกใจ เขาขยับใกล้ซินเหยามากขึ้น ในตอนที่ซินเหยากำลังคีบเส้นมาม่าขึ้นมากำลังจะเอาเข้าปากอยู่นั้น เขาก็ตะคลุบกินเส้นพวกนั้นที่ข้างปากของซินเหยาอย่างทันที
ซินเหยามองไปที่เขาด้วยความโกรธและลำคาญ
"คุณทำอะไรหน่ะ?" ซินเหยามองไปที่จิงเฉินด้วยความไม่พอใจ เดี๋ยวจะกินคุณลงแทนล่ะนะ
จิงเฉินพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า : "ผมคิดว่ามาม่าของคุณอร่อยกว่าของผม แลกกัน"
ป๊ะป๋า คุณกล้าเอาแต่ใจตัวเองกว่านี้อีกรึปล่าว?
มาม่าที่พวกเขากินก็ราคา3.5หยวนเหมือนกัน น้ำที่ใช้ต้มก็มาจากที่เดียวกัน แล้วอะไรล่ะที่ทำให้ของเธออร่อยกว่า?
พูดไปเรื่อย ฉันเรียนหนังสือมาน้อย อย่ามาหลอกฉันเล่นเลย
เธอนิ่งคิดไปสักพัก เธอกินไป4คำแล้ว แต่ป๊ะป๋าพึ่งกินไปหนึ่งคำ ถึงจะมีน้ำลายของป๊ะป๋าในนั้นอยู่หน่อยๆ มันก็น่าจะคุ้มกว่าอยู่ดี
เธอเอามาม่าของตัวเองให้จิงเฉิน และเอามาม่าของจิงเฉินมาอยู่ในมือของตัวเองอย่างทันที
จัดการกับเส้นมาม่าพวกนี้อย่างรวดเร็ว อีกอย่างยังซดซุปไปซะหมดเลย
เธอเลียไปที่ริมฝีปากของตัวเอง ไม่ว่าจะกินมาม่าสักกี่ครั้ง เธอก็คิดอยู่เสมอว่าซุปของมาม่าอร่อยกว่าเส้นมาม่าเป็นไหนๆ
จิงเฉินก็กินของตัวเองไป แต่เมื่อเห็นซินเหยาซดซุปมาม่าหมดเกลี้ยง และยังแลบลิ้นออกมาเลียไปที่ริมฝีปากของตัวเอง ดูท่าแล้วเหมือนเธอจะกินไม่อิ่ม เขาจึงเอาน้ำซุปที่เหลือของตนเองให้ซินเหยาและพูดว่า : "อ่ะ น้ำซุปนี้ให้เธอซด"
ซินเหยา : ……
แม่เจ้า คนที่รวยๆทำไมถึงทำตัวไม่เหมือนมนุษย์เอาซะเลย นี่มันหยามกันชัดๆ เธอคงไม่ยอมซดซุปนั้นโดยการแลกกับศักดิ์ศรีของเธอหรอก
ถ้ามีปัญญาก็เอาเงินหมื่นหนึ่งมาบอกให้เธอกินสิ
เธอตัดสินใจยืนอยู่อย่างนิ่งๆ ให้ป๊ะป๋าทำตัวทรามต่อไปไม่สนใจ
เธอกับป๊ะป๋าไม่รู้เลยว่าจะต้องอยู่ที่ชนบทนี้อีกนานเท่าไหร่ เพราะกลัวว่าคนอื่นจะแกะรอยได้ บัตรเครดิตต่างๆก็ไม่สามารถที่จะใช้ได้ ใช้ได้เพียงแค่เงินสดเท่านั้น
แต่ว่าในยุคนี้ใครออกบ้านก็แทบจะไม่พกเงินสดกันทั้งนั้น แล้วตอนนี้จะให้ทำอย่างไร เห้อออ
ถึงแม้ว่าจิงเฉินจะเป็นคนที่พกบัตรเครดิตเป็นล้านออกมาแต่ตอนนี้มันก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี ตอนนี้พวกเขายากจนตกอับมากจริงๆ
เงินสดบนตัวของซินเหยาก็ไม่ได้มีเกิน500 ตอนนี้เงินที่ใช้กินใช้อยู่ต่างก็มาจากเงินที่พวกเขาขายดอกได้ และมีเงินสดส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้เอาไปเข้าธนาคาร ตอนแรกคิดว่าอยู่ที่นี่แบบฟุ่มเฟือยหน่อยๆก็ยังแบกรับค่าใช้จ่ายได้ แต่ว่าถ้านานวันเข้า เธอกับป๊ะป๋าคงจะต้องไปนอนในทุ่งนาจริงๆแล้วมั้งเนี่ย?
ซินเหยาคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดตอนนี้ก็คือหาห้องสักห้องเช่าอยู่
ถ้าอยู่โรงแรมนี้ต่อ ไม่ใช่แค่พื้นที่คับแคบ แต่วันหนึ่งตั้ง200หยวย หนึ่งเดือนก็ปาไป6000แล้ว อีกอย่างยังนอนเตียงเดียวกับจิงเฉินอีก วันดีคืนนี้เกิดเลือดสัตว์ป่าพุ่งพล่านขึ้นมาอีกคงจะไม่ดีแน่
ถ้าเกิดว่าไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอก ทั้งสองยังจะสามารถทำกับข้าวกินเองได้
ถ้าไปกินข้างนอก ค่าใช้จ่ายมันก็สูงจริงๆ
ก็เหมือนกับครั้งก่อนที่ไปกินร้านเถื่อนนั้น จานหนึ่งที่มีเนื้อก็ปาไปเกือบ150 ส่วนที่เป็นเจก็เกือบ100 ถ้าเกิดพวกเขาทำเอง คงจะไม่โอเวอร์เกินเบอร์ขนาดนี้แน่
สรุปคือ ออกไปเช่าบ้านข้างนอกดีกว่า
หลังจากกินข้าวเสร็จจิงเฉินก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน ซินเหยาก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเขาโตขนาดนี้แล้วคงจะไม่เดินหลงไปที่ไหนมั้ง
เธอคุยกับเถ้าแก่เนี้ยอยู่นาน ปากหวานๆอย่างเธอก็รู้อะไรจากปากของเถ้าแก่มาไม่น้อย
ก่อนที่ฟ้ายังไม่ทันจะมืด เธอเจอตึกหนึ่งที่อยู่ท้ายซอยเข้า เป็นตึกเล็กๆที่มีสวนอยู่หน้าบ้าน มันไม่ได้ดูทันสมัยเท่าไหร่ แต่มันดีตรงที่มีเนื้อที่กว้างขวางและยังสะอาดอีกด้วย
จากที่เถ้าแก่เนี้ยบอกมาว่าคนที่อยู่บ้านนั้นเป็นยายหลานสองคน เมื่อก่อนลูกชายเขากับภรรยารับจ้างอยู่ข้างนอกและเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต แต่ก่อนที่จะจากไปนั้นได้สร้างบ้านหลังนี้ไว้ แต่เงินที่ใช้สร้างยืมคนอื่นมา ตั้งแต่ที่พ่อแม่ของเด็กนั้นจากไป เด็กสาวที่อยู่ในบ้านนั้นก็เป็นเด็กไม่มีพ่อแม่ ถึงแม้จะคืนหนี้ไปได้บางส่วนอย่างทุลักทุเล แต่ก็ยังมีที่ติดคั่งค้างอีกส่วนหนึ่ง พวกเขาใช้ชีวิตอย่างลำบากเอามากจริงๆ
ถ้ามีแค่ยายหลานสองคน งั้นชั้นสามก็ยังจะเช่าไม่เต็มสินะ
ในความคิดของซินเหยาก็คืออยากจะเช่าตึกนี้อยู่ ทั้งสามารถแก้ไขปัญหาไฟที่กำลังลนตูนเธอ และยังสามารถทำให้ชีวิตของสองยายหลานนั้นดีขึ้นมาบ้าง
เด็กผู้หญิงคนนั้นชื่อเฟยซูหยวน เธอมีใบหน้าที่ใสสะอาด มีปากเล็กๆที่กระจับชมพูและดวงตาที่ค่อนข้างจะใหญ่ ถึงจะไม่ได้สวยอะไรมาก แต่เธอก็ดูน่ารักเอามากๆ ส่วนคุณยายเฟยก็อายุ70กว่าแล้ว แต่ก็ยังดูแข็งแรงร่าเริงดี ทั้งสองยายหลานอยู่ด้วยกันถึงจะรักกันมาก แต่มันก็ดูสงสารเอามากเหมือนกัน
ซินเหยาถึงแม้จะเป็นคนรักเงิน เเต่เธอก็ไม่ได้เป็นคนเลว เธอไม่มีวันไปเอาเปรียบสองยายหลานนี้อย่างแน่นอน
MANGA DISCUSSION