"เงินของคุณก็เป็นเงินที่ผมจ่ายให้"
"นั่นเป็นเป็นค่าตอบแทนความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานของฉัน"
"ถ้าผมไม่ให้โอกาสคุณเหนื่อย เงินแค่บาทเดียวคุณก็จะไม่ได้"
"หัวหน้าคะ คุณเดินสายสูงส่งสง่ามาตลอดนะคะ แต่ทำไม่คราวคุณถึงเปลี่ยนแนวไปได้ แนวนี้มันไม่เหมาะกับคุณเลย"
เธอยังชอบแนวสูงส่งดูสง่าของป๊ะป๋ามากกว่าอยู่ดี
เพราะระยะห่างที่เทพบุตรสุดหล่อคนนี้ใกล้เข้ามามากยิ่งขึ้นก็จะยิ่งทำให้หัวใจเต้นกระวนกระวาย
"ผมเตือนคุณให้เก็บน้ำลายคุณไว้ดีกว่า เพราะผมไม่ได้พกน้ำมา"
ซินเหยา : ……
เพราะงั้นถ้าเกิดว่าเทพบุตรไม่เดินสายสูงสง่า มันจะทำให้คนเกลียดและลำคาญเอามากจริงๆ
ทั้งสองเดินไปหลายชั่วโมง ตอนนี้ซินเหยารู้สึกขาล้าเอามาก ท้องก็ร้องออกมาอยู่เรื่อยๆ อีกอย่างยังหิวน้ำจะตายอยู่แล้ว เธออยากจะนั่งพัก ดื่มน้ำ กินข้าว ไม่อยากเดินต่อแล้ว
"หัวหน้าคะ จะเดินต่อไปไม่ได้จริงๆแล้วค่ะ" ซินเหยาดึงไปที่มือของจิงเฉินเพื่อบอกว่าเดินต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
เธอเดินต่อไม่ไหวจริงๆ ยังใส่ไว้รองเท้าส้นสูงที่สูง8cm เดินมานานขนาดนี้ รู้สึกว่าขาจะหักให้ได้ยังไงยังงั้น
จิงเดินหยุดเดินและหันมาดูซินเหยาที่อยู่ข้างหลัง เห็นถึงใบหน้าที่ซีดเซียวและความอ่อนล้าอ่อนแรงของเธอมันทำใหเขาอดไม่ได้ที่จะสงสารจริงๆ
"ผมจับมือคุณเดินไปด้วยกัน จะถึงแล้ว" จิงเฉินทั้งเหนื่อยทั้งหิวเหมือนกัน แต่ก็ยื่นมือที่ออกจะใหญ่ของตัวเองไปจับกับของซินเหยา
ซินเหยาเอามือของตัวเองจับไว้ที่มือของจิงเฉิน ให้จิงเฉินจับไว้เธอเพื่อผ่อนแรงของตัวเอง
ทางที่พวกเขาเดินอยู่นี้แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ได้เดินสะดวกอยู่แล้ว ซินเหยารู้ดีว่าถึงแม้จิงเฉินจะให้เธอขี่หลังแบกเธอไปก็คงจะไปได้ไม่ไกล ตอนนี้แค่จิงเฉินสามารถจับมือเธอไว้เธอก็พอใจเอามากแล้ว
"ขอบคุณค่ะหัวหน้า" ซินเหยาจับไว้มือของจิงเฉินและเดินไปด้วยกัน
ไม่รู้เป็นเพราะแรงที่ส่งผ่านมาจากจิงเฉินหรือเป็นเพราะแรงที่เกิดขึ้นภายในใจ ซินเหยาถึงรู้สึกว่าตอนนี้ก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรขนาดนั้นแล้ว
คนๆหนึ่งถ้าจะซวยขึ้นมา คงไม่ซวยซ้ำซวยซาก เพราะว่าสุดท้ายแล้วก็จะสามารถพลิกชะตาตัวเองให้กลับมาดีได้
คำๆนี้ถ้าเอามาบรรยายซินเหยาและจิงเฉินคงจะไม่สามารถเหมาะได้ไปมากกว่านี้แล้ว
ขาทั้งสองตอนนี้เหมือนจะหักเอาให้ได้ ในที่สุดก็เหมือนจะได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ผ่านมา อีกอย่างเสียงนั้นก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆและดังขึ้นเรื่อยๆ
ซินเหยาเมื่อได้ยินเสียงรถก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ในที่สุดก็มีคนแล้ว
ขอบคุณพระเจ้า ซินเหยาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเสียงรถมอเตอร์ไซค์มันจะไพเราะเพราะพริ้งได้ถึงเพียงนี้ เปรียบเหมือนกับเสียงสวรรค์ที่ส่งผ่านมาจากพระเจ้าจริงๆ
ซินเหยาและจิงเฉินมองหน้ากัน ทั้งสองหยุดลงพร้อมกัน และมองไปที่รถคันนั้นที่กำลังขับเข้ามาหาพวกเขา
แต่ว่ารถที่ขับมาไม่ใช่รถมอเตอร์ไซค์ แต่เป็นคนแทรกเตอร์
ในที่สุดฟ้าก็เห็นใจ พวกเขาสามารถนั่งบนรถนี้ได้
คนที่ขับรถนี้มาเป็นชาวนาที่อยู่ละแวกนี้ แต่ดูไปบนรถก็ไม่ได้มีของอะไร ไม่รู้ว่าไปไหนมาเหมือนกัน
คนในหมู่บ้านที่ทุรกันดารแบบนี้ค่อนข้างที่จะไร้เดียงสา เมื่อเห็นคนแปลกหน้าที่หน้าตาเหมือนดาราในทีวีก็ตอบรับว่าจะไปส่งพวกเขาที่ตลาด และปล่อยพวกเขาลงตรงนั้น
ตอนที่นั่งอยู่บนรถแทรกเตอร์ค่อนข้างที่จะส่ายไปส่ายมา หนทางขรุขระ แต่สีหน้าของทั้งสองตอนนี้ต่างก็มีความสุขเอามาก
รวมถึงจิงเฉินที่ค่อนข้างจะเลือกมากแบบนั้นก็ไม่ได้บ่นออกมาว่ารถนี้มันLOWมากแต่อย่างไร มันรู้สึกไม่เมคเซ็นส์กับความสูงสง่าเย่อหยิ่งของเขาเลย
คุณลุงคนนี้เมื่อส่งซินเหยาและจิงเฉินถึงที่ตลาดเสร็จก็ปล่อยพวกเขาลง
ซินเหยาเอาเงินออกมาจากกระเป๋า100หยวยเพื่อเป็นสินน้ำใจให้กับคุณลุงคนนั้น แต่คุณลุงได้แต่ปฎิเสธที่จะรับไว้ และบอกพวกเขาว่า ที่มาส่งเพราะเป็นทางผ่านพอดี ไม่ได้ต้องการของตอบเเทนอะไร และอีกอย่างเงิน100หยวนนี้มันก็มากเกินไป
เธอนิ่งคิดไปสักพัก การใช้จ่ายค่าครองชีพต่างๆระหว่างในเมืองกับเขตชนบทนี้ต่างกันจริงๆ เงิน100หยวนนี้ถ้าอยู่ในตัวเมืองBหรือHยังเลี้ยงข้าวเพื่อนไม่ได้มื้อหนึ่งเลย แต่ว่าถ้าอยู่ในเขตชนบทแบบนี้คงจะซื้ออะไรได้มากทีเดียว
เพราะงั้นเธอจึงเก็บเงิน100นี้เข้าไปในกระเป๋า และหยิบเหรียญออกมา20แทน ลุงคนนั้นเป็นเพราะไม่สามารถที่จะปัดอีกต่อไปได้ จึงฝืนใจรับไว้
เขตชนบทแบบนี้ในสายตาของจิงเฉินและซินเหยาที่อยู่ในเมืองใหญ่แล้วนั้นให้ความรู้สึกกับพวกเขาที่เย็นสบายไม่มีชีวิตชีวา คนในตลาดที่จริงใจก็มีไม่เยอะ ถ้าตลลาดนี้เทียบกับในเมืองHและเมืองBที่มีคนพลุกพล่านละก็มันดูเงียบเหงาเอามากๆ
ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว ทั้งสองหาร้านอาหารได้ร้านหนึ่งและจัดการความหิวของตัวเองอย่างรวดเร็ว
ซินเหยากินอย่างมูมมามและรวดเร็ว ตอนนี้เธอไม่เก็บภาพลักษณ์ภายนอกเธอสักอย่างแล้ว กินไป3จานถึงจะอิ่ม และเรอออกมาเสียงดังหนึ่งแมตซ์ ตอนนี้จิงเฉินยังคงกินอยู่ เมื่อท้องอิ่มแล้วเธอก็มีกระจิตกระใจที่จะดูหนุ่มหล่อที่อยู่ข้างหน้าเธอต่อ
เพราะงั้นสภาพแวดล้อมที่ถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน ระดับชั้นที่ต่างกัน มันทำให้นิสัยและลักษณะภายนอกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ก็เหมือนกับการกินข้าว เธอหิวจะตายอยู่แล้วยังจะมาแคร์ภาพลักษณ์อีกหรอ แค่ให้ท้องอิ่มก่อน อย่างอื่นไม่ต้องพูด
แต่ว่าส่วนของจิงเฉินตอนกินนั้น ถึงแม้จะหิวมากเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้กินอย่างมูมมามเหมือนซินเหยาเลย ถึงแม้ว่าจิงเฉินจะกินข้าวเร็ว แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกขัดตาอะไรด้วยซ้ำ แถมยังจำเริญตาอีกต่างหาก
ฉากนี้มันสวยมากจริงๆ ซินเหยาหลงไปหมดแล้ว
รอไปเกือบ10นาที จิงเฉินถึงค่อยปล่อยถ้วยและตะเกียบลงอย่างช้าๆ
ตอนที่เช็คบิล เธอจึงได้รู้ว่าตนเองตัดสินค่าครองชีพของคนที่นี่โดยยึดจากลุงชาวนาคนนั้นเร็วเกินไปเสียแล้ว
ซินเหยาและจิงเฉินได้สั่งกับข้าว6อย่างน้ำซุป1อย่าง เนื้อ3เจ3 และยังมีซุปใสมะเขือเทศอีกด้วย
สุดท้ายเจ้าของร้านเรียกเก็บเงินพวกเขา800หยวน นี่มันขูดรีดขูดเนื้อกันชัดๆ
"ทำไมแพงขนาดนี้คะ?" ใบหน้าที่สะสวยเป็นมิตรของซินเหยาถามขึ้น
"ผักพวกนี้เป็นผักที่พวกเราปลูกเอง ไม่ได้ใส่ยาใส่สารต่างๆ เป็นผักปลอดสารพิษทั้งหมด เห็นพวกคุณมาจากในเมืองก็ต้องรู้แน่ๆว่าผักใบเขียวสดพวกนี้ต้องแพงเอามาก ถ้าเกิดขายออกไปที่อื่น ราคานี้ก็คงจะซื้อไม่ได้" เจ้าของร้านนั้นตอบกลับพวกเขาโดยจะเอากำไรให้ได้มากที่สุด
"ถึงจะเป็นผักปลอดสารพิษใบเขียวก็ไม่ได้แพงขนาดนี้นะคะ" ซินเหยาพูดตอบ
"นังหนูน้อย อยากกินอาหารจานเด็ดของร้านนี้ใช่ไหม? จะบอกให้นะ คนที่กล้าจะกินอาหารจานเด็ดของที่นี่มีแค่พวกเองคนแรก" เจ้าของร้านนั้นมองไปที่ซินเหยาและจิงเฉิงและพูดต่อว่า : "ถ้าเกิดว่านังหนู เองและเจ้าหนุ่มนั่นไม่ยอมจ่ายล่ะก็ อย่าหาว่าไม่เตือนแล้วกัน"
ไอ้ร้านเถื่อน เป็นร้านเถื่อนแบบของจริง
ซินเหยาเกิดในยุดใหม่ เธอไม่เคยเจอเจ้าของร้านที่อันธพาลขนาดนี้มาก่อน
แม่เจ้า หัวร้อนโว้ย
ซินเหยาควักเงิน900ออกมาให้เขาเพื่อให้เขาทอนกลับมา
อยู่ในถ้ำเสื้อแบบนี้ เธอกับจิงเฉินคงไม่เอาชีวิตมาเสี่ยงกับเงิน800กว่าหยวนหรอก ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมามันคงจะไม่คุ้มแน่ๆ
นี่เป็นการโดนขูดเงิน800ไปอย่างโจ่งแจ้งเลยนะ เศร้าจริงๆ
MANGA DISCUSSION