ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 125: คนของผม คุณห้ามแตะต้อง
ถังซินเหยามองเห็นแววตาของซือชีที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เธอเข้าใจความคิดของซือชี
เธอผลักอกของซือชิงออก คิดว่าไม่นานเขาคงจูบเธอแน่ๆ ความรู้สึกอึดอัดที่ล้มหลามอยู่ในใจ ดวงตาเป็นกังวลจนกลายเป็นสีแดงก่ำ
เพียงแต่พลังกำลังของผู้ชายและผู้หญิง ยังที่แตกต่างกันมาก
เธอไม่สามารถผลักเยี่ยจิงเฉินออกได้ ผลักฟางซวี่เจ๋อออกไม่ได้ และผลักซือชิงออกไม่ได้เช่นกัน
ตอนนี้เธอต้องการความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เพื่อผลักผู้ชายอันตรายคนนี้ออกไป
“ซินเหยา ผมชอบคุณจริงๆนะ และหวังอยากให้คุณมาเป็นแฟนผม” ซือชิงมองไปยังใบหน้างดงามที่อยู่ใกล้ๆ เพียงแค่นี้หัวใจเขาก็ลุ่มหลง
ถังซินเหยาเมื่อเห็นใบหน้าของซือชิงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดวงตาเธอเบิกกว้าง ใกล้จนแทบเห็นรูขุมขนทุกเม็ดบนใบหน้าของซือชิง กลิ่นหอมเย็นบนร่างกายไม่เหมือนกับของเยี่ยจิงเฉิน กลิ่นโคโลญจ์ดับกลิ่นของซือชิงฉุนเกินไป จนทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้
“ซือ…ซือชิง คุณอย่าทำแบบนี้ ฉันมีอะไรจะพูด คุณลุกออกไปก่อน” ถังซินเหยาผูกปมที่ลิ้นด้วยความกังวล
“คุณรับปากว่าจะเป็นแฟนผม” ซือชิงมองเธอด้วยรอยยิ้ม “ถ้าคุณไม่รับปาก ผมจะจูบคุณ”
พูดแล้ว เขาก็ทำท่าจะจูบเธอจริงๆ
“เยี่ยจิงเฉิน ช่วยฉันด้วย…” ถังซินเหยาหลับตาปี๋ ตะโกนขอความช่วยเหลือจากเยี่ยจิงเฉิน
ในสถานการณ์เช่นนี้ มีเพียงเยี่ยจิงเฉินที่พึ่งพาได้ นอกนั้นคงไม่มีใครยอมช่วยเธอ
ชื่อของเยี่ยจิงเฉินที่เพิ่งถูกเรียกออกมา ทันใดนั้นร่างกายของเขาที่อยู่ด้านบนก็คลายออก เธอค่อยๆลืมตาขึ้น เห็นเยี่ยจิงเฉินยืนอยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าเคร่งขรึม และซือชิงก็เหวี่ยงออกไปแล้ว ถังซินเหยารู้สึกว่าป่าปี้เป็นฮีโร่ขี่สายรุ้งช่วยเธอจริงๆ
เยี่ยจิงเฉินถอดเสื้อคลุมออก แล้ววางไว้บนตัวของถังซินเหยา
เนื่องจากการกระทำของเยี่ยจิงเฉิน คนที่เพิ่งถูกเหวี่ยงออกไปเอะอะโวยวาย ใบหน้าไม่สบอารมณ์
“ท่านประธานเยี่ย คุณทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?” ซือชีมองไปที่เยี่ยจิงเฉินอย่างไม่พอใจ
ใครก็ตามที่ถูกขัดจังหวะโอกาศดีๆเช่นนี้ ล้วนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทั้งนั้น แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเจ้านายของเขาก็ตาม
เยี่ยจิงเฉินไม่สนใจต่อความโกรธของซือชี เอื้อมมือไปดึงถังซินเหยาขึ้นมาจากฝากระโปรงรถ ถังซินเหยาซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของเยี่ยจิงเฉิน แม้ว่าบางครั้งเยี่ยจิงเฉินจะอันตรายกว่าใคร แต่ในเวลานี้ ถังซินเหยาที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของเขา กลับรู้สึกอุ่นใจ
“ผู้จัดการซือ เลขาถังคือคนที่ผมพามาด้วย คุณรังแกเธอจะให้ผมนั่งอยู่เฉยๆงั้นเหรอ? คุณใจกล้ามากเลยนะ”
เยี่ยจิงเฉินมองไปที่ซือชิงด้วยสายตากดขี่ รังศรีอำมหิตแพร่กระจายไปทั่ว
สายตาของซือชิงไม่กล้ามองไปยังเยี่ยจิงเฉิน ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย พลังความกล้าหายไปมากกว่าครึ่ง
“ผมชอบซินเหยา ผมอยากให้เธอมาเป็นแฟนผม แม้ท่านประธานเยี่ยจะเป็นเจ้านายพวกเรา ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเรา” ซือชิงยังคงดื้อรั้นต่อไปไม่ยอมก้มหัวให้ เขาจะดื้อหัวชนฝากับความคิดบางอย่างของเยี่ยจิงเฉินที่เขาตั้งใจทำลาย
“งั้นเหรอ? ตอนนี้เป็นเวลางาน เป็นเวลาที่คุณจะมาจัดการเรื่องส่วนตัวงั้นเหรอ? และอีกอย่างผมก็เชื่อมั่นในสายตาของเลขาผม เกรงว่าว่าผู้จัดการจะดีใจเก้อ” เยี่ยจิงเฉินยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ใดๆ เพียงแค่ลดเสียงพูดให้เบาลง “ดูเหมือนว่าผู้จัดการซือจะจัดการเรื่องต่างๆได้เด็กเกินกว่าตำแหน่งผู้จัดการนะ ลำพองตนเอง หากผู้จัดการซือไม่ฝึกควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ เกรงว่าในอนาคตคงยากที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ผู้จัดการซือเป็นคนมีความสามารถ ผมไม่อยากให้ผู้จัดการซือลำพองขนจนทำลายตัวเอง ทำให้สูญเสียพื้นที่ที่จะก้าวหน้า”
คำพูดของเยี่ยจิงเฉินชัดเจนว่า ตำแหน่งผู้จัดการของซือชิงได้สิ้นสุดลงแล้ว
สำหรับความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้น เยี่ยจิงเฉินได้พูดมันออกมาแล้วในประโยคสุดท้าย
นี่อาจเป็นความจริง คือการถูกกดขี่ด้วยคนที่อยู่สูงกว่า แม้ซือชิงจะมีความแค้นอยู่สุดหัวใจ เวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาที่ต้องระบาย
“หวังว่าในอนาคตผู้จัดการซือจะเรียนรู้และฉลาดขึ้นนะ รู้ว่าใครที่แตะได้ ใครที่แตะต้องไม่ได้” เยี่ยจิงเฉินมองไปที่ซือชิง พูดอย่างมีความหมายบางอย่าง
ซือชิงที่ยืนอยู่ตรงนั้น ก้าวเข้าไปอย่างไม่ยอมแพ้ มองไปยังถังซินเหยาที่ยืนอยู่ด้านหลังเยี่ยจิงเฉิน แล้วพูดขึ้นว่า “ซินเหยา ผมยอมรับว่าเมื่อสักครู่ผมใจร้อนเกินไป แต่ผมจริงใจกับคุณนะ ตอนนี้ผมต้องการเพียงแค่คำพูดจากปากคุณ ตอนนี้คุณยินดีที่จะมายืนเคียงข้างผมไหม?”
ถังซินเหยาเดินออกมาจากด้านหลังของเยี่ยจิงเฉิน เยี่ยจิงเฉินเอื้อมมือออกไปต้องการจะคว้าตัวถังซินเหยาเอาไว้ แต่ถังซินเหยาเห็นการเคลื่อนไหวของเขา เธอจึงหลบออกมา ทำให้เยี่ยจิงเฉินหมดโอกาสที่จะคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ได้
ใบหน้าของเยี่ยจิงเฉินไม่พอใจอย่างมาก จ้องเขม็งไปยังถังซินเหยา
ถังซินเหยากลับไม่ได้มองสีหน้าท่าทางของเยี่ยจิงเฉินเลยแม้แต่น้อย แต่ยังรับรู้ได้ถึงความขนพองสยองเกล้า
เธอมองดูเส้นผม ดวงตากลมโต และเบ้าตาลึกที่โดดเด่นออกมา
เธอมองไปยังซือชิงด้วยสีหน้าเย็นชา ใบหน้าของซือชิงเต็มไปด้วยความหวัง เธอเอ่ยขึ้นว่า “ซือชิง ขอโทษนะ ขอบคุณที่ดูแลฉันตอนที่อยู่บริษัท คุณช่วยฉันไว้มาก แต่เรื่องความรู้สึกเป็นเรื่องที่บังคับกันไม่ได้ คุณจะได้เจอกับคนที่หลงรักคุณ บางคนแม้ว่าคุณจะชอบเธอ แต่เธอไม่ได้ชอบคุณ มันก็เป็นเพียงแค่คนที่ไม่ได้รักกัน ฉันไม่ได้รักคุณ”
เธอปฏิเสธซือชิงต่อหน้าทุกคนอย่างชัดเจน สุดท้ายเรื่องใหญ่โต และน่าเกลียดแบบนี้ ทุกคนก็ต้องมารับผิดชอบด้วย
ซือชิงยังคงมองถังซินเหยาอย่างดื้อดึง ด้วยสีหน้าน่าสงสาร
“ท่านประธานเยี่ยเมื่อกี้เขาแค่คงล้อคุณเล่น คุณอย่าถือเป็นเรื่องจริงจังเลย” ถังซินเหยาไม่อยากให้ซือชิงทำอะไรเพื่อเธอ จึงที่สารภาพความผิดต่อหน้าทุกคน รวมทั้งตำแหน่งผู้จัดการที่จะไม่มีแล้ว
อย่างไรก็ตามซือชิงเคยช่วยเหลือเธอ ส่วนการตัดสินใจของเยี่ยจิงเฉินนั้น เธอก็ไม่ได้อวดดีอะไร บางเรื่องในหัวก็เคยผ่านมันมาหลายครั้งแล้ว
เธอพูดเสมอว่าเยี่ยจิงเฉินเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง จะอยู่ในเมืองเล็กๆอย่างเมืองH ได้อย่างไร สำหรับการประนีประนอมครั้งก่อน ก็ถูกถอนออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการ ดาดเดาว่าเพราะต้องการประกาศก้าวถึงพลังอำนาจ
เขาคงไม่อยู่เมืองH ไปตลอด โครงสร้างบุคคลกรของสาขาในเมืองH เขาก็จะไม่เข้าไปยุ่งอีก เช่นนั้นหลิวซือหร่งก็จะได้เป็นรองประธานผู้จัดการ
ในเมื่อซือชิงสามารถเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงินได้ ฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเป็นคนไม่มีความสามารถ
ซือชิงเพียงแค่ทำให้เยี่ยจิงเฉินโกรธเยี่ย เยี่ยจิงเฉินจึงที่คิดจะเล่นงานเขาโดยตรง รอให้เยี่ยจิงเฉินหายสงบลง เพียงแค่ผู้จัดการฝ่ายการเงินสาขาเล็กๆคนหนึ่ง เดิมทีก็ไม่อาจขัดขวางเยี่ยจิงเฉินให้ทำเรื่องต่างๆได้อยู่แล้ว เยี่ยจิงเฉินเป็นผู้ดีที่ชอบวางมาดหยิ่งยโส ในระยะเวลาไม่ถึงสองจะซือชิงหรือใครก็ตาม รับประกันเลยว่าเขาคงจำไม่ได้แล้ว
เยี่ยจิงเฉินที่เห็นว่าถังซินเหยายังคงปกป้องซือชิง เขาไม่สบอารมณ์ แต่สุดท้ายใบหน้าของถังซินเหยาก็ไม่ได้มองมา
ใบหน้าเย็นชา และพลังงานที่แพร่ออกไปมองไปยังซือชิง “หลังจากนี้จะทำอะไรต้องคิดให้ดีๆ ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบเรื่องล้อเล่น!”