ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 123: ต้นไม้ล้มระเนระนาด
งานในเมืองเสร็จสิ้นไประดับหนึ่งแล้ว ที่เหลือก็แค่ตรวจสอบพื้นที่ในชนบทที่จะใช้สร้างรีสอร์ท
และก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญของสำนักงานสิ่งแวดล้อมและสำนักงานที่ดินมาช่วยตรวจสอบด้วย เพื่อทำการตรวจสอบสภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาของสถานที่แห่งนั้น ดูว่าสภาพแวดล้อมจะได้รับความเสียหายไหม พื้นที่นี้จะพัฒนาเป็นรีสอร์ทได้หรือไม่
ครั้งนี้หลิวซื่อหรงไม่ได้ไปด้วย เป็นซือชิงที่ได้รับมอบหมายมาเป็นผู้ช่วยเยี่ยจิงเฉิน
ถังซินเหยาคิดว่าควรแยกแยะระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว แม้ว่าซือชิงจะแสดงความรู้สึกที่มีต่อเธออย่างชัดเจน และต้องไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน แม้จะรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่ถังซินเหยาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยง
นั่งรถไปกันทั้งหมดสี่คัน ทั้งหมดต่างเป็นรถส่วนตัว
ถังซินเหยาและเยี่ยจิงเฉินแค่มาปฎิบัติงานนอกสถานที่ที่เมืองH ไม่ได้นำรถมาด้วย ดังนั้นทั้งถังซินเหยาและเยี่ยจิงเฉินจึงต้องขึ้นรถไปกับคนอื่น
เยี่ยจิงเฉินถูกผู้เชี่ยวชาญดึงเข้าไปในรถอีกคัน ถังซินเหยาเห็นว่าในรถคันนั้นมีคนนั่งสามคนแล้ว ในฐานะเป็นผู้หญิงจะให้เธอเข้าไปนั่งเบียดด้วยคงไม่เหมาะสม เธอจึงฝืนใจได้แต่มองหารถคันอื่น
ซือชิงที่มองเห็นความต้องการของเธอ เขาเดินไปตรงหน้าถังซินเหยา แล้วพูดว่า “ซินเหยา คุณไปนั่งรถผมสิ เดี๋ยวผมขับให้”
“เอ่อ…” ถังซินเหยาคิดอยู่สักพัก แม้ว่าเธอจะก็กำลังมองหารถ แต่นั่งรถของใครไม่นั่ง ถ้าเพราะการชี้แจงให้ทราบในครั้งนั้นบิดเบี้ยวไป หากปฏิเสธอาจจะไม่ค่อยสุภาพนัก เธอปรับความคิดของตนเอง แล้วพยักหย้า “โอเค ขอบคุณนะซือชิง”
ซือชิงเปิดประตูรถให้ถังซินเหยา แล้วตัวเองก็เข้าไปนั่ง จากนั้นหันกลับมาพูดกับถังซินเหยาว่า “ซินเหยา คุณรู้ว่าผมคิดยังไงกับคุณ คุณให้โอกาสนี้กับผม ผมควรจะชอบคุณคุณมากกว่า”
“ฉันไม่อยากพูดเรื่องส่วนตัวเวลาทำงาน” รอยยิ้มบนใบหน้าถังซินเหยาจางหายไป เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ครับ ผมไม่คิดให้ดีเอง รอให้โครงการนี้เสร็จสิ้นลง ผมหวังว่าคุณจะให้คำตอบผมได้” ซือชิงกลับไม่สนใจในคำพูดเย็นชาของถังซินเหยา ยังคงยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“ถ้าคุณอยากได้คำตอบ อันที่จริงตอนนี้ฉันมีคำตอบให้กับคุณแล้ว” ถังซินเหยาหันไปมองซือชิงอย่างจริงจัง
ซือชิงยิ้ม จัดผมที่ยุ่งเหยิงอยู่ด้านหลังให้แก่ถังซินเหยา “คุณยังมีเวลา ไม่จำเป็นต้องพูดตอนนี้”
การเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดของซือชิง มีความไม่พอใจอยู่เล็กน้อย แต่ถังซินเหยาไม่ได้พูดอะไร สำหรับปัญหานี้ ทั้งสองคนมองข้ามมันไปแล้ว
ตอนที่เยี่ยจิงเฉินเห็นว่าถังซินเหยาเข้าไปในรถของซือชิง เขาไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก
คิดว่าในฐานะเลขาส่วนตัวถังซินเหยาควรจะติดตามเจ้านายตัวเองอย่างใกล้ชิด ใครจะรู้ว่าเพียงชั่วขณะ จะวิ่งเข้าไปในรถของซือชิงจริงๆ ไม่รู้เหรอว่าซือชิงผู้ชายคนนั้นคิดไม่ซื่อกับเธอ? หรือความคิดของเธอไม่เหมือนกันซือชิง?
ไม่อยากอึดอัดใจ คิดแล้วยิ่งไม่สบายใจ
ตลอดทางซือชิงพยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้ถังซินเหยาคุยด้วย แต่การแสดงออกของถังซินเหยาบอกอย่างชัดเจนว่าไม่สนใจ คำพูดของซือชิงก็ค่อยๆ จางหายไป
เดินทางมาได้ครึ่งทาง จู่ๆ รถของเยี่ยจิงเฉินและผู้เชี่ยวชาญก็เกิดยางแตก
โชคดีที่ยังมีอะไหล่และยางเส้นใหม่อยู่ในรถ เพียงแค่เปลี่ยนก็ใช้ได้แล้ว
ซือชิงที่เห็นว่าริมฝีปากของถังซินเหยาแห้งและแตก จึงหยิบขวดน้ำและลิปสติกออกมา “ซินเหยา ดื่มน้ำสักหน่อย ปากคุณแห้งหมดแล้ว และดูเหมือนว่าหนังจะลอกออกมาด้วยนะ ยี่ห้อนี้ลูกพี่ลูกน้องผมใช้มาตลอด ให้ความชุ่มชื้นค่อยข้างดี คุณลองดูสิ”
ถังซินเหยาจิบน้ำ แล้วเลียริมฝีปากของตนเอง ปากแห้งเล็กน้อย ริมฝีปากแห้งแตก
“อืม ขอบคุณนะ” ถังซินเหยารับเอาลิปสติกมา แล้วถามว่า “เท่าไหร่ แล้วฉันจะจ่ายคืนให้ทีหลัง”
“ไม่ต้องหรอก เป็นความตั้งใจเล็กๆน้อยๆของผม ราคาไม่ได้มากมายอะไร” ซือชิงยิ้ม “ปากคุณไม่แห้งแล้ว สำหรับผมก็ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่ดีมากๆ”
ถังซินเหยายิ้ม แต่ไม่ได้ตอบกลับไป
เยี่ยจิงเฉินที่ยืนอยู่ไม่ไกลคอยเฝ้าดูท่าทีของซือชิงที่มีต่อถังซินเหยา แววตาหม่นลงเล็กน้อย โดยเฉพาะถังซินเหยาที่ไม่ได้ปฏิเสธซือชิงแม้แต่น้อย แค่น้ำขวดเดียวกับลิปสติกก็ทำให้ผู้หญิงคนนี้พอใจแล้วงั้นเหรอ?
“ถังซินเหยามานี่” เยี่ยจิงเฉินเจ็บปวดกับสายตามีน้ำใจของถังซินเหยาที่ให้กับซือชิง เขาอดและทน แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหว
ถังซินเหยาใส่ลิปสติกเข้าไว้ในกระเป๋า แล้วค่อยๆเดินไปหาเยี่ยจิงเฉิน
“ท่านประธานเยี่ย เรียกหาฉันมีอะไรหรือเปล่าคะ?” ถังซินเหยาถามพร้อมกับเลียริมฝีปาก
ตอนที่ซือชิงไม่ได้พูด เธอก็ไม่ได้คิดอะไร แต่หลังจากที่ถูกซือชิงเตือนสติ เธอก็อดเลียริมฝีปากแห้งแตกนั้นไม่ได้
เยี่ยจิงเฉินมองลิ้นเล็กๆของถังซินเหยาที่ยื่นออกมาจากริมฝีปากสีชมพูของเธอ ริมฝีปากสีชมพูนั้น ฟันขาวเรียงกันอย่างน่าดึงดูดและอีกทั้งแววตานุ่มลึกของเขาจ้องมองไปยังริมฝีปากของเธอ ถังซินเหยามองเขาด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ
เอื้อมมือไปลากแขนของถังซินเหยา ให้เดินมาข้างๆ
ทั้งสองข้างทางเป็นป่าไม้ เยี่ยจิงเฉินกำลังลากถังซินเหยาเข้าไปในป่า
ซือชิงที่เห็นการกระทำหยาบคายของเยี่ยจิงเฉิน จึงรีบตามไปทันที เยี่ยจิงเฉินหันมามองเขาอย่างไม่แยแส แววตาที่บ่งบอกได้ถึงคำเตือน
แม้ว่าเยี่ยจิงเฉินจะไม่ได้พูดอะไร ก็ทำให้ซือชิงรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวจนไม่กล้าเดินตามไป ทำได้เพียงแค่เฝ้าดูถังซินเหยาที่ถูกเยี่ยจิงเฉินลากเข้าไปในป่า เขายืนอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าซีดเผือด
ถังซินเหยาที่ถูกเยี่ยจิงเฉินลากไป เธอกลับไม่ได้ดิ้นรนแม้แต่น้อย
สำหรับอาการป่วยของเยี่ยจิงเฉินที่กำเริบขึ้นเป็นครั้งคราว การแสดงออกของเธอจึงค่อยข้างใจเย็น
เยี่ยจิงเฉินลากเธอเข้าไปในป่าโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขากดเธอลงบนต้นไม้ แล้วประกบจูบลงมา
ถังซินเหยาไม่เข้าใจ เยี่ยจิงเฉินคิดจงใจหาเรื่องอะไรอีก เมื่อถูกเยี่ยจิงเฉินผลักเข้าต้นไม้ หลังของเธอก็เจ็บแปลบขึ้นมา
ยังไม่ได้พูดอะไรออกไป ก็ถูกเยี่ยจิงเฉินประกบจูบลงมา
ลิ้นของเยี่ยจิงเฉินที่คุ้นเคยเส้นทางเป็นอย่างดี ฟันของเธอถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย เขาดันลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ แรงตวาดที่รุนแรง การเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ถูกฝึกซ้อมมาแล้วกว่าสิบรอบ เมื่อไม่มีสติสัปปชัญญะแล้ว ที่อ่อนโยนกลับกลายดิบเถื่อนและหื่นกระหาย
สำหรับจูบนี้ ทั้งสองคนไม่ใช่คนแปลกหน้าของกันและกัน พวกเขาคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
ถังซินเหยาที่เต็มไปด้วยความโกรธ เธอกัดฟันลง หวังให้คนอ่อนหัดอย่างเยี่ยจิงเฉินได้เห็นเลือด
เยี่ยจิงเฉินดูเหมือนจะคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวของเธอ ก่อนที่ฟันจะปิดลง เขาก็ถอยออกมาจากริมฝีปากของเธอเรียบร้อยแล้ว
“เยี่ยจิงเฉิน คุณเป็นบ้าอะไร?” ถังซินเหยาสูดหายใจเข้า ริมฝีปากบวมแดง แต่ใบหน้ากลับหมองคล้ำ แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังโกรธจริงๆ
เยี่ยจิงเฉินกลับไม่ยอมปล่อยเธอ ยังคงกดร่างของเธอไว้บนต้นไม้…