ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 121: วิ่งเร็ว เทศกิจมา!
“คุณเพิ่งทำอะไร?” เยี่ยจิงเฉินถามอย่างเย็นชา
“โอ้ะ อย่าใส่ใจเรื่องรายละเอียดพวกนี้เลยค่ะ สิ่งสำคัญคือเรากำลังจะมีเงินทองไหลมาเทมา” ถังซินเหยาจับมือของเยี่ยจิงเฉิน และพูดว่า “ท่านประธานเยี่ยสู้ๆ วันนี้จะได้เงินมากเท่าไหร่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่ที่คุณแล้ว”
ทันทีที่เสียงพูดเงียบลง สองมือเธอก็อุ้มเอาดอกกุหลาบช่อใหญ่ขึ้นมา พร้อมพูดเสียงดัง “ปล่อยผ่านไปก็ถือว่าพลาดแล้วนะคะ เร่เข้ามา เร่เข้ามาดูเร็ว ดอกไม้สดมีโปรโมชั้นสิบแถมหนึ่ง ซื้อสิบแถมอีกหนึ่ง และด้านในยังมีหนุ่มหล่อ เหล่าสาวๆห้ามพลาดกันเลยนะคะ!”
น้ำเสียงของถังซินเหยาคมชัดและหวานแหวว สำเนียงชัดถ้อยชัดคำกระจุ๋มกระจิ๋ม ราวกับพิธีกร ช่างไพเราะ
เช่นนั้นไม่นานคู่รักจำนวนมากก็มาทยอยกันเข้ามารอชมความน่าตื่นเต้น เหล่าสาวๆเข้ามามุงดูด้านในที่มีหนุ่มหล่อสวมหูและหางแมว จนไม่อาจเดินผ่านเข้าไปได้
เพราะไม่มีกระจก เยี่ยจิงเฉินจึงไม่รู้เรื่องอะไรกับวิธีการของถึงซินเหยา เขาไม่คิดว่าเพื่อเงินถังซินเหยาจะยอมเสียศักดิ์ได้ขนาดนี้ และศักดิ์ศรีของเขาก็ถูกขายไปด้วยเช่นกัน เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกใดๆ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น
อันที่จริงแล้วเยี่ยจิงเฉินไม่มีจิตวิญญาณของการเป็นแมวเลยสักนิด แข็งทื่อ ไม่สมบทบาทเลยจริงๆ
แต่ก็ไม่อาจต้านทานใบหน้างดงามของเยี่ยจิงเฉินได้ เพียงแค่เขากลอกตาไปมา ผู้คนก็พากันหลั่งไหลเข้ามาซื้อ
“สุดหล่อซื้อดอกไม้สักดอกให้แฟนสิคะ แฟนสวยขนาดนี้” ถังซินเหยาที่ถือกุหลาบช่อใหญ่กำลังโปรโมทการขายด้วยรอยยิ้มแสนหวาน
ชายหนุ่มมองความสวยของถังซินเหยา และแฟนสาวคนสวย ใบหน้าเล็กๆ ขาวๆ ถ้าไม่ซื้อคงเสียหน้าแย่ จึงซื้อไปหนึ่งช่อ
เริ่มต้นได้ดี ขั้นตอนต่อไปคงไปได้สวย
ดอกไม้ของถังซินเหยามีราคาค่อนข้างแพง และผู้ชายบางคนก็ไม่ได้ใจป้ำเหมือนคนเมื่อครู่ บางคนซื้อไปแค่ดอกสองดอกก็มี
“ฉันต้องการดอกไม้สักช่อค่ะ” สาวโสดคนหนึ่งซื้อดอกไม้ไปหนึ่งช่อใหญ่
ถังซินเหยาแทบอยากจะให้เธอซื้อไปทั้งหมด ยื่นช่อดอกกุหลาบให้เธออย่างกระฉับกระเฉง และยังอีกหลายช่อ
สุดท้ายดอกไม้ที่เธอเพิ่งให้หญิงสาวไป ก็ถูกส่งต่อให้เยี่ยจิงเฉินด้วยใบหน้าแดงกล่ำ
สีหน้าของเยี่ยจิงเฉินเย็นชา เขาไม่ได้ยื่นมือออกมารับแม้แต่นิด
เขาเป็นคนเย็นชาเช่นนี้มาโดยตลอด อย่าหวังจะเข้าถึงได้ง่ายๆ เมื่อชายหนุ่มไม่รับดอกไม้ไป หญิงสาวก็รู้สึกอายขึ้นมา
“ดอกไม้ช่อนี้เดี๋ยวฉันช่วยรับแทนเขาให้นะคะ เขาเป็นคนขี้อาย พอเห็นสาวสวยเข้าหน่อยก็ทำอะไรไม่ถูก” ถังซินเหยารับดอกไม้มาแทนเยี่ยจิงเฉิน และกล่าวกับหญิงสาวอย่างใจดี
หญิงสาวมองไปยังใบหน้างดงามของถังซินเหยา แล้วเอ่ยถามว่า “คุณเป็นอะไรกับเขา ทำไมต้องรับแทน?”
“ฉันเป็นน้องสาวเขาค่ะ” สีหน้าของถังซินเหยาไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่สายตาของเธอมองเห็นสีหน้าของเยี่ยจิงเฉิน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจอยู่เล็กน้อย เธอรีบเอื้อมมือไปจับแขนของเยี่ยจิงเฉินทันที “จิงเฉิน ฉันพูดถูกไหม”
อย่าเพิ่งหมดความอดทนนะ มิฉะนั้นเงินจากดอกไม้ที่อยู่ในมือนี้ปลิวหายไปแน่ๆ
เยี่ยจิงเหยียนเห็นแก่การอ้อนวอนของถังซินเหยา น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยขึ้นอย่างไม่เต็มใจ “อืม…”
ถังซินเหยาซาบซึ้งใจจนแทบอยากร้องไห้ จริงๆแล้วป่าปี้ก็เป็นคนใจอ่อนคนหนึ่ง
แต่ท่าทางสูดลมหายใจอย่างเย็นชาของป่าปี้ ช่างหล่อเหล่าจริงๆ ยิ่งเหมือนแมวมากขึ้นเรื่อยๆ
เยี่ยจิงเฉินไม่ได้โกรธถังซินเหยา เขากลับถลึงตาใส่หญิงสาวคนนั้น
หญิงสาวมองป่าปี้ด้วยสายตาหยาดเยิ้ม ใบหน้าแดงระเรื่อ หันหน้าหนีแล้ววิ่งออกไป
ถังซินเหยาวางดอกไม้ไว้ที่เดิม แล้วนำมาขายต่อ
หนึ่งคืน เยี่ยจิงเฉินได้รับดอกมาสิบกว่าห่อ นอกจากนี้ยังมีคนที่ไม่ค่อยมีเงินก็ยังส่งมาให้สองสามดอก ทั้งหมดถูกรับไว้ด้วยน้องสาวคนนี้ ถังซินเหยา สุดท้ายดอกไม้ก็กลับเข้าสู่ที่เดิมและนำมาขายต่อเช่นเคย
เพราะมีป่าปี้น่ารัก ดังนั้นธุรกิจจึงไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะในหมู่สาวๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีป่าปี้และฮอตขนาดนี้ ดอกไม้ที่ขายไปแล้ว ก็คงไม่ถูกส่งกลับมาให้ขายต่ออีกรอบ
ในช่วงที่ไม่มีคน ถังซินเหยาไปซื้อชานมไข่มุกมาสองแก้ว
คืนนี้ถูกสาวๆจ้องตาเป็นมันขนาดนี้ แต่สีหน้าของเยี่ยจิงเฉินไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษเลยสักนิด เขารับชานมไข่มุกมา ดูดจนแก้มพอง ยิ่งทำให้น่ารักเข้าไปอีก
ถังซินเหยาไม่เคยคิดมาก่อนว่า คำว่าน่ารักจะใช้กับผู้ชายเย็นชาและเยือกเย็นอย่างเยี่ยจิงเฉินได้
ชานมไข่มุกไม่ดื่มไม่หมด ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมาว่า “วิ่งเร็ว เทศกิจมา!”
ถังซินเหยาลากเยี่ยจิงเฉินที่กำลังดูดชานมไข่มุกอยู่ และยังมีดอกไม้สามห่อที่ยังขายไม่หมด เข็นรถสามล้อไปตามถนน
“เราวิ่งทำไม?” เยี่ยจิงเฉินขายาว แม้ไม่ได้วิ่งมาสักพัก แต่เพียงแค่ก้าวไม่กี่ก้าวก็เร็วกว่าแล้ว
“เทศกิจมา ถ้าไม่วิ่งแล้วถูกจับขึ้นมา ทั้งของทั้งเงินก็จะถูกยึดไปหมด” ถังซินเหยาวิ่งเร็วมาก แต่เทียบไม่ติดกับเยี่ยจิงเฉินที่ไม่มีความตกใจแม้แต่น้อย ถังซินเหยาพูดว่า “ถ้าเทศกิจรู้จักคุณ พรุ่งนี้คุณก็จะถูกรายงาน กล่าวว่าอดีตประธานบริษัทเยี่ยหวง ตกอับถึงขั้นต้องเดินขายดอกไม้ตามตลาดกลางคืนเพื่อประทังชีวิต ช่างน่าเวทนา แค่ได้ยินฉันก็จะร้องไห้แล้ว”
เยี่ยจิงเฉินหน้าเปลี่ยนสี รับรถสามล้อจากถังซินเหยา
ขายาวๆ เข็นสามล้อที่อยู่ด้านหน้า แล้วพูดกับถังซินเหยาว่า “มาเร็วสิ”
ถังซินเหยาจับรถสามล้อ ใช้แรงจากข้อมือ แล้วค่อยๆกระโดดขึ้นไปนั่งเตะขาอยู่บนรถ
ขายาวๆของเยี่ยจิงเฉินเข็นรถสามล้อวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
“เหนื่อยไหม? มาฉันช่วยเช็ดเหงื่อให้” ในที่สุดก็ทิ้งห่างจากผู้คน ถังซินเหยาหยิบทิชชู่ออกมาจากกระเป๋า ช่วยเยี่ยจิงเฉินเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก
เยี่ยจิงเฉินคว้าข้อมือของถังซินเหยา ใช้แรงดึงเธอเข้ามาที่ตรงหน้าอกของตนเองแล้วกักตัวเธอเอาไว้ เขาจับข้อมือของถังซินเหยาไว้ด้วยมือเดียว ส่วนอีกมือโอบเอวของเธอเอาไว้ จ้องมองไปยังถังซินเหยาด้วยสีหน้าเย็นชา “เธอเป็นน้องสาวของฉันเหรอ? ฉันขี้อายงั้นเหรอ? เมื่อเห็นสาวๆสวยๆแล้วก็จะทำอะไรไม่ถูกงั้นเหรอ?”
ดัชนีความหล่อเหลาของป่าปี้บวกกับอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนักของเขา ยิ่งเพิ่มความดุดันเข้าไปอีก เขายังจำประโยคเหล่านี้ได้ และคิดจะชำระบัญชีกับเธอ น่าแค้นใจจริงๆ
“ฮ่าๆๆๆ…” ถังซินเหยาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
ใบหน้าดุดันของป่าปี้และหูแมวที่ใส่อยู่ช่างน่ารักจริงๆ
ยิ่งไม่เข้ากัน ยิ่งน่ารักมาก เหมือนแมวกำลังโกรธที่โดนแย่งปลาย่างไป นี่อาจจะเป็นสิ่งเรียกว่าน่ารักก็ได้
“หัวเราะอะไร?” เยี่ยจิงเฉินที่เห็นถังซินเหยาหัวเราะ ใบหน้าก็หม่นลง
“ฮ่าๆ..ฮ่าๆ ไม่ๆ ไม่ได้หัวเราะ…” ถังซินเหยาหัวเราะราวกับคนบ้าไม่ยอมหยุด ทั้งๆที่เพิ่งบอกเองว่าตัวเองไม่ได้หัวเราะ “ฮ่าๆ..ก็..ฮ่าๆๆๆ ก็คือ..ฮ่าๆ วันนี้หา…เงิน ฮ่าๆๆ สนุกมาก ฮ่าๆๆๆ…”
คำพูดที่พูดออกมาเป็นระยะๆ ในที่สุดก็พูดออกมาจนจบประโยค
“ไม่อนุญาตให้หัวเราะ” เยี่ยจิงเฉินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“ฮ่าๆๆ” ถังซินเหยาหยักหน้า แต่เธอหยุดไม่ได้จริงๆ
“ฉันบอกว่าไม่อนุญาตให้หัวเราะ”
“อืม…ไม่…ฮ่าๆๆ…ไม่หัวเราะแล้ว”
“เธอหัวเราะอีกฉันจะจูบเธอ”