ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 114 ความเข้าใจผิดที่แสนงดงาม
"ได้ครับ ซินเหยา" ซือชิงยื่นเมนูให้ถังซินเหยาแล้วพูดว่า "ซินเหยาคุณอยากกินอะไรเลือกดูเลยนะครับ"
ถังซินเหยาไม่รู้จะสั่งอะไรเลยสั่งสเต๊ก เธอไม่ชอบอาหารตะวันตกอยู่แล้ว กินอะไรก็ได้ที่สามารถอิ่มท้องก็พอแล้ว
เธอไม่ชอบกินอาหารตะวันตกจริงๆ หลังจากใช้ชีวิตที่ต่างประเทศเธอแทบจะกินแฮมเบอร์เกอร์เนื้อทุกวัน กินจนเบื่อ หลังจากที่ลั่วหลิงค้นพบความสามารถในการทำอาหารของเขา ทำให้ทุกวันของถังซินเหยากินแต่แฮมเบอร์เกอร์ สเต๊กเนื้อและมันฝรั่ง
เนื่องจากยังมีงานที่ต้องทำในช่วงบ่ายทั้งสองคนจึงไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์
ถังซินเหยาสั่งน้ำผลไม้หนึ่งแก้ว ดื่มไปคุยไป
"ซินเหยา คุณทำงานกับประธานเยี่ยเหนื่อยไหม?"ซือชิงถามถังซินเหยาด้วยน้ำเสียงที่แจ่มชัดขณะรับประทานอาหาร
ถังซินเหยากลืนเนื้อวัวเข้าปากแล้วพูดว่า "เอ่อ ก็พอได้ค่ะ จริงๆแล้วฉันก็เพิ่งมาทำงานกับเขาไม่นาน"
"คุณดูอายุยังน้อย คุณน่าจะเพิ่งเรียนจบมาใช่ไหมครับ คุณน่าจะทุ่มเทมากถึงมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ ซือชิงถามอย่างไม่แน่ใจ
"เอ่อ…… " เธอจิบน้ำผลไม้แล้ววางมีดและส้อมในมือลง"ที่จริงก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันเข้าเรียนเร็วและเรียนจบมหาวิทยาลัยเพียงอายุสิบแปดปี ต่อมามีปัญหาวุ่นวายฉันถูกส่งตัวไปอยู่ต่างประเทศเพื่อเรียน เพิ่งกลับมาในปีนี้นี่เองค่ะ "
"แล้วทำไมคุณถึงเลือกทำงานที่เยี่ยหวง?"ซือชิงถาม
ถังซินเหยาเริ่มรู้สึกว่าซือชิงถามเยอะเกินไป
แม้ว่าเขาจะหล่อ แต่ก็ไม่ใช่จะถามไปซะทุกเรื่อง
แต่เธอดูเป็นคนเรียบร้อยอ่อนหวานในสายตาคนอื่น และมักจะมีรอยยิ้มที่อ่อนหวานอยู่บนใบหน้าของเธอเสมอ
"เอ่อเพราะ……" รอยยิ้มของถังซินเหยาจางลง"ฉันทำหน้าที่แทนเลขาหลี่ชั่วคราว จริงๆแล้วฉันเป็นหัวหน้านักออกแบบของบริษัทซีเคของสาขาในเอเชีย เพราะเคยร่วมงานกันหลายครั้งกับเยี่ยหวงและฉันก็สนิทกับเลขาหลี่อยู่บ้างเลยมาช่วยทำแทนเลขาหลี่ไม่กี่วันค่ะ"
นี่ไม่ใช่ความลับอะไรที่ไม่สามารถรู้ได้ เรื่องนี้ถังซินเหยาไม่ได้กังวลที่จะซ่อนมัน
"คุณสามารถเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงินตั้งแต่อายุยังน้อย ถ้าให้ฉันเดาต้องมีที่ไปที่มาไม่ธรรมดาแน่เลยใช่ไหมคะ" ถังซินเหยาเช็ดปากของเธอรู้สึกเลี่ยนเล็กน้อย เธอเกลียดการถามแบบนี้แต่เป็นการให้เกียรติอีกฝ่ายเลยต้องถามออกไป
เธอไม่ชอบที่ต้องวางท่าในขณะรับประทานอาหาร มื้อนี้เป็นมื้อที่แย่มาก
เธอรู้สึกดีต่อความหล่อเหลาของซือชิง แต่หลังจากรับประทานอาหารร่วมกันความรู้สึกนี้มันก็หายไปทันที
"ความจริงผมเตรียมตัวมาดีในสายงานนี้มันไม่มีทางลัดที่จะสามารถขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ นอกจากการทุ่มเทมากกว่าคนอื่นเป็นสิบเท่าและขยันมากกว่าร้อยเท่า ทุกอย่างต้องพึ่งพาความขยันของตัวเองมาโดยตลอด……บลาบลาบลาๆๆ……"
ถังซินเหยาฟังด้วยความตื่นเต้น แต่อันที่จริงเธอไม่ได้สนใจประวัติความขยันของคนอื่น
ตรงนี้ไม่ใช่รายการเดอะวอยซ์ออฟไชน่าซะหน่อย เธอไม่ต้องการประสบการณ์สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง
การรับประทานอาหารมื้อนี้ของถังซินเหยาเธอรู้สึกปวดกระเพาะเป็นอย่างมาก และปวดมากขึ้นเมื่อเธอต้องเผชิญเรื่องราวหลังจากรับประทานอาหาร
แม้ว่าตอนเที่ยงจะไปที่ร้านอาหารตะวันตกซึ่งบรรยากาศดีมากและราคาก็ไม่ถูกอย่างแน่นอน แต่ถังซินเหยากลับรู้สึกว่าเธอไม่ได้กินอิ่มอะไรเลย
เธอสัญญากับตัวเองว่าต้องถามให้ชัดเจนก่อนจะไปทานข้าวกับคนที่เพิ่งรู้จักกัน อาหารที่เธอกินเข้าไปค่อนข้างย่อยยาก เธอกลัวว่าถ้าเธอไปกินอีกครั้งเธออาจเป็นนิ่วได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การมองคนที่หน้าแต่เป็นการมองด้านจิตใจของคนคนนั้น
เธอซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งถ้วยที่ร้านสะดวกซื้อแล้วแช่ทิ้งไว้
เพิ่งแช่ไปก็ได้กลิ่นหอมของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้ว และเธอกำลังจะอ้าปากกินแต่ประตูห้องประชุมก็มีคนผลักเข้ามา
คนที่เข้ามาเป็นเยี่ยจิงเฉิน แม้ว่าเธอจะเคยสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่มองคนที่หน้าตา แต่เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของเยี่ยจิงเฉินอดไม่ได้ที่มอง ป่ะป๊าหล่อระดับดาราดัง หล่อเท่ที่สุดในระบบจักรวาลเลย
เยี่ยจิงเฉินกวาดตามองไปที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่อยู่ตรงหน้าถังซินเหยาและถามด้วยใบหน้าเย็นชา "คุณไปไหนมาตอนเที่ยง?"
ถังซินเหยาวางตะเกียบในมืออย่างไม่เต็มใจ และปิดฝาถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเอาไว้ ขออย่าให้มันเย็นเลยเธอยังจะต้องกินต่อในภายหลัง
"อ๋อ ฉันออกไปทานอาหารเที่ยงกับผู้จัดการซือมาค่ะ" ถังซินเหยาลุกขึ้นยืนเดินห่างจากเยี่ยจิงเฉินไปสามก้าวและมองมาที่เยี่ยจิงเฉิน
ดวงตาของเยี่ยจิงเฉินเคร่งขรึมและมีไฟกำลังสุมอยู่ภายใน
"ดีมาก ดูท่าว่าคุณจะว่างมากและคุณยังมีเวลาว่างในการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับคนอื่น สิ่งที่ผมคุยกับประธานหลิวเมื่อตอนเช้าคุณทำสรุปเสร็จหรือยัง? แล้วความคิดเห็นและแนวคิดที่พวกเราคุยกันคุณเขียนแบบแผนแล้วหรือยัง?"เยี่ยจิงเฉินถามอย่างเย็นชาและมีสีหน้าที่เรียบนิ่ง
เริ่มเขียนแบบแผนใหม่?
"นี่เป็นเรื่องของฝ่ายวางแผนไม่ใช่เหรอคะ? ยิ่งไปกว่านั้นต้องขอความร่วมมือของฝ่ายการเงินและฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง" เยี่ยจิงเฉินมองดูถังซินเหยาถามด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก
"คุณได้ติดต่อฝ่ายวางแผนว่าต้องการกำลังคนไหมแล้วหรือยัง?"
"แต่ฉันไม่รู้ว่าต้องมีการกำหนดแผนโครงการขึ้นมาใหม่ และท่านประธานก็ไม่เคยพูดถึงสิ่งนี้
"นี่คืองานทั้งหมดของคุณ ผมต้องบอกคุณเป็นการส่วนตัวและต้องสอนคุณทุกอย่างเลยเหรอ? ถ้าเป็นแบบนี้เก็บคุณไว้จะมีประโยชน์อะไร?"
ถังซินเหยาหายใจเข้าลึกๆและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ"ฉันขอโทษนะคะท่านประธาน ฉันยอมรับว่าเป็นความประมาทของฉันทำให้เกิดช่องโหว่มากมายในการทำงานและฉันจะรีบแก้ไขโดยเร็วที่สุด"
"ก่อนพรุ่งนี้เช้าผมหวังว่าจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจ" เยี่ยจิงเฉินทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้และเดินออกไป
บ้าไปแล้วก่อนพรุ่งนี้เช้าเนี่ยนะ?
ป่ะป๊ามองว่าเธอเป็นซูเปอร์แมนหรือยังไง ถ้าเป็นหลี่เวยก็ว่าไปอย่างเชื่อว่าเธอจะทำได้อย่างง่ายดาย
เพียงแค่ว่าเธอไม่ได้เป็นมืออาชีพในด้านนี้ แม้ว่าเธอจะรู้เกี่ยวกับโครงสร้างบุคลากรของ บริษัทแต่เธอก็ไม่ได้รู้ลึกมากพอ ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีถึงจะหาคนมาช่วยได้เยอะก็ไม่สะดวกอยู่ดี
สรุปได้ว่าเธอเสียเปรียบเวลาที่เหมาะสมสถานที่ที่เหมาะสมและความสามัคคีของผู้คน
อยากจะส่งกระดาษคำตอบที่น่าพอใจ ดูจะพูดง่ายกว่าทำ
ถังซินเหยาถอนหายใจยาว
"ถ้าคุณไม่สามารถทำงานที่ผมสั่งให้สำเร็จ โบนัสของคุณสำหรับเดือนนี้จะถูกหักออกไป"เยี่ยจิงเฉินพูดกับถังซินเหยาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
หลังจากพูดจบก็หันหลังเดินออกไปโดยไม่รอให้ถังซินเหยาแสดงความคิดเห็นอะไร
ถังซินเหยา……
จะบ้าตายจะหักโบนัสงั้นเหรอ? ก่อนหน้านี้ป่ะป๊าขอค่าตอบแทนจากเธอ ให้หักในเงินเดือนของเธอหนึ่งหมื่นให้ป่ะป๊า
งั้นก็เป็นอย่างที่หลี่เวยบอก ถ้าหากไม่มีกำไรเธอต้องชดเชยเงินให้บริษัทใช่ไหม
ไม่ถามความคิดเห็นของเธอเลย เธอไม่เห็นด้วย……
ป่ะป๊าทำแบบนี้ได้ยังไง?
ดูเหมือนว่าคนจนไม่เพียงไร้ศักดิ์ศรี แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีสิทธิมนุษยชนด้วยซ้ำ
ถังซินเหยารู้สึกจุกจนพูดไม่ออก