ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 109 จิงเฉินก็ทำตัวติดดินเหมือนคนธรรมดาได้นินา
บนทางม้าลายในเมืองHนี้ มีผู้หญิงที่แต่งหน้าอ่อนๆใสๆ ใส่ไว้เสื้อยืดสีขาวธรรมดา ท่อนล่างมีกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม ผมบนหัวเพียงแค่มัดทรงหางม้าปล่อยแบบธรรมดา ดูไปแล้วเหมือนเด็กนักศึกษาที่ยังไม่จบปริญญา มีใบหน้าที่สะอาดสะอ้านสะสวยเหมือนนางฟ้า
และชายที่ยืนอยู่ข้างเธอ ใส่ไว้เสื้อเชิ้ตสีดำ ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มเช่นเดียวกัน เสื้อเชิ๊ตสีดำนั้นใส่เข้าไปในกางเกงแบบหลวมๆ แสดงให้เห็นถึงร่างที่ลีนและขาที่เรียวยาว แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความสมาร์ทหล่อเหลาเอาการ ผมที่ยาวและค่อนข้างจะไม่เรียบร้อย ดูแล้วมีความแบดหน่อยๆ แต่ก็มีความเป็นวัยรุ่นในขณะเดียวกันด้วย
ทั้งสองคนเดินข้างกันบนท้องถนน นอกจากใบหน้าที่ดูจะโดนเด่นกว่าคนอื่น ทั้งสองก็เหมือนคู่รักมหาลัยที่เดินบนท้องถนนทั่วไป
ภาพนี้เป็นภาพที่สวยเอามากจริงๆ
"ท่านประธานเยี่ยคะ อีกนานไหมคะกว่าจะถึง?" ซินเหยาหันไปถามจิงเฉิน มือทั้งสองข้างไขว้ไปด้านหลัง เดินสับขาอย่างเร็วและเดินตามหลังเขาไป
แววตาของจิงเฉินประกายขึ้น แต่สีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนและพูดขึ้นว่า : "จะถึงแล้ว"
"คุณพูดคำว่าจะถึงแล้วมา3รอบแล้วนะคะ นี่เป็นรอบที่4แล้ว ยังต้องพูดอีกกี่ครั้งกว่าจะถึง?" ซินเหยาพูดอย่างไม่ค่อยจะอารมณ์ดีนัก
อยู่บนท้องถนนที่เงียบสงบเช่นนี้ ฟังไปฟังมาเหมือนกับคู่รักฝ่ายหญิงที่กำลังงอนฝ่ายชายอยู่เล็กน้อย
"คุณอยากกินอาหารที่มันอร่อย แต่คุณกลับไม่ยอมทุ่มเทลงแรงอะไรเลย นี่คุณก็ใช้วิธีแบบนี้ในการทำงานและใช้ชีวิตอย่างนั้นหรอ?" ตาของจิงเฉินมันดำและวาวขึ้น มันวาวส่องประกายมากกว่าดาวบนท้องฟ้าที่ส่องประกายยามราตรีที่มืดมิดเสียอีก
ฮัลโหล……เธอก็แค่ถามว่าอีกนานแค่ไหนกว่าจะถึงแค่นั้น
ต้องถามและสงสัยถึงขั้นที่เธอมีวิธีการใช้ชีวิตและทำงานแบบไหนด้วยหรอ?
ป๊ะป๋า คุณเกินไปมากจริงๆ
ถึงแม้จะเป็นคนจน ก็ยังมีศักดิ์ศรีของความเป็นคนอยู่ ไม่สามารถให้ใครมาเข้าใจผิดๆแบบนี้ได้นะ
แต่ว่าเพื่อของกิน เธอตัดสินใจที่จะอดทน
ถูกแล้วจ่ะ ดึกๆดื่นๆไม่ยอมนอน ออกมาเดินเที่ยวแบบนี้ก็เป็นซินเหยาและจิงเฉินเอง
ตอนที่ซินเหยาอยู่ที่โรงเเรม เธอเหมือนจะบ้าขนหัวลุกไปหมดแล้ว
ตอนที่มือข้างนั้นกำลังยื่นมาที่เธอนั้น เธอลืมตาทันที กำลังจะใช้เข่าพิฆาตของเธอในการต่อกรกลับไป
แต่ว่ามีกลิ่นหอมและสดชื่นส่งผ่านมากับอากาศ ใต้แสงจันทร์อากาศหนาวเหน็บในราตรีนี้ เธอมองเห็นเค้าโครงใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามที่แค่เห็นเรือนลางก็รู้ว่าต้องหล่อมาก รู้ทันทีว่าคนคนนั้นไม่ใช่คนและก็ไม่ใช่ผี แต่เป็นเทพบุตรในชีวิตจริงต่างหาก—เยี่ยจิงเฉิน
ตอนนั้นระยะห่างระหว่างมือของจิงเฉินกับหน้าของเธอห่างกันเพียงแค่หนึ่งฝ่ามือเท่านั้น
แต่เป็นเพราะว่าเธอลืมตาขึ้นมากะทะหัน วินาทีนั้นเหมือนโดนกดพอส มันนิ่งไปชั่วขณะ
"ท่านประธานเยี่ยคะ……" ซินเหยาเบิกตาให้กว้างมากที่สุด พยายามที่จะมองใบหน้านั้นให้ชัดภายใต้แสงจันทร์นี้ และสุดท้ายก็มองเห็นจิงเฉินด้วยความตกใจ
จิงเฉินเอามือข้างนั้นของเธอลงด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยน เพียงแต่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า 'อืม' คำเดียว
ใบหน้าที่เย็นชาของเขาสาดส่องไปด้วยแสงจันทร์ในค่ำคืนนี้ มันช่างหล่อเหลาดุจดั่งเทพบุตรที่ไม่ใช่คนธรรมดาเดินดินยังไงยังงั้น เหมือนเทพบุตรที่อาศัยอยู่บนสวรรค์ชั้นเก้าจุติลงมายังพื้นโลก ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขามันไม่สามารถมองอย่างตรงๆได้เลย เพราะมันสามารถทำให้คนตาบอดได้เบอร์นั้น
"ทำไมคุณถึงมาอยู่นี่?" ซินเหยาลุกขึ้นมาจากเตียงและอยู่ในท่านั่ง ทำหน้าเจ๋อๆและกอดไว้ผ้าห่มของตัวเองเหมือนกำลังดูเทพบุตรอยู่
จิงเฉินตอบกลับด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนว่า : "เมื่อตอนเย็นเห็นคุณไม่ได้กินอะไร กลัวดึกๆดื่นๆคุณจะหิวเอา ได้ยินมาว่าเมืองHนี้มีร้านลับที่รสชาติไม่เลวเลย เพราะงั้นจะมาถามคุณว่าจะไปกินกับผมหรือป่าว"
พอจิงเฉินพูดขึ้นมันก็ทำให้เธอหิวขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
โดยเฉพาะหลังจากนอนมาหนึ่งตื่นก็รู้สึกว่ามีพลังขึ้นมามากแล้ว
สำหรับคนที่บูชาอาหารอย่างซินเหยาไม่สามารถที่จะพลาดโอกาสทองแบบนี้ไปได้แน่
แน่นอนว่าป๊ะป๋าก็น่าจะอร่อย ถ้าเกิดเป็นไปได้ว่าสามารถแบ่งความหล่อของป๊ะป๋ามาไว้ในมื้ออาหาร คงจะทำให้อาหารนี้อร่อยมากน่าดู
เธอผงกหัวรับ แววตาที่ดูใสวาวมองไปที่จิงเฉินและพูดว่า : "ได้สิคะ ขอบคุณท่านประธานมากค่ะ"
"ตอนเลิกงานไม่ต้องเรียกชื่อผมทางการแบบนี้ก็ได้ เรียกชื่อจริงผมก็พอ" เวลาที่จิงเฉินใจดีแบบนี้มันหาได้ยากมากจริงๆ
ซินเหยาเปลี่ยนวิธีการเรียกอย่างเป็นธรรมชาติและพูดขึ้นว่า : "จิงเฉิน"
จิงเฉินนิ่งเงียบไปสักพัก คงจะไม่ได้เสียใจที่ตัวเองบอกให้ซินเหยาเรียกแบบนั้นกระมัง
"เอาล่ะ เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ผมรอคุณอยู่ข้างนอก" ตอนที่เธอกำลังเดาว่าสาเหตุที่จิงเฉินเงียบไปคืออะไร จิงเฉินก็ได้พูดขึ้นอีกรอบแล้ว
ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือป่าว รู้สึกว่าจิงเฉินดูนุ่มนวลอบอุ่นขึ้นมายังไงยังงั้น
ตอนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เธอก็เดินออกมาข้างนอก แต่สิ่งที่เห็นคือสไตล์การแต่งตัวของป๊ะป๋ามันไม่เหมือนครั้งก่อนๆเลย ตอนนี้เธอไม่อยากจะไปกินข้าวแล้ว อยากจะลากป๊ะป๋าเข้าห้อง จัดให้หนึ่งดอก จัดให้อีกหนึ่งดอกจริงๆ
ระหว่างทางที่เธอถามจิงเฉินว่าถึงยังมาเป็นพันรอบ ในที่สุดจิงเฉินก็เอ่ยปากขึ้นว่า : "ถึงแล้ว"
ซินเหยา : ……
หึหึ……ป๊ะป๋าล้มละลายจริงๆสินะ ครั้งต่อไปเธอก็ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าป๊ะป๋าล้มละลายจริงรึปล่าว
วันที่เธอมา เธอยังคิดกับตัวเองอยู่เลยว่าป๊ะป๋าแกล้งเธอเล่นหรือป่าว เธอยังแสดงทีท่าเป็นเด็กออกมาอีก แต่ป๊ะป๋าก็ไม่ได้โทษอะไรเธอ มิหนำซ้ำยังปลอบเธออีก พร้อมกับบอกเหตุผลที่ว่าทำไมตัวเองถึงล้มละลาย ตอนนี้เธอคิดอยู่ในใจว่าเธอต้องเป็นรักแท้ของป๊ะป๋าแน่ๆ
ถ้าเกิดว่าสิ่งนี้ไม่เรียกว่ารัก งั้นต่อไปเธอคงจะไม่เชื่อเรื่องความรักอีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้คือถนนเส้นหนึ่ง น่าจะเรียกว่าตลาดนัดกลางคืน
ถึงแม้จะดึกมากแล้ว แต่ตลาดกลางคืนนี้ยังคงคึกคัก คนเดินไปเดินมาอยู่
แม่เจ้า เธอรู้สึกไปไม่เป็นจริงๆ จิงเฉินจนถึงขั้นต้องมาเที่ยวตลาดนัดตอนกลางคืนเลยหรอ?
ไม่ใช่ว่าซินเหยาเธอไม่ชอบตลาดกลางคืนนะ แต่กลับกัน เธอชอบมันเอามากๆ แต่ว่าจิงเฉินที่เป็นท่านประธานรวยระดับพันล้านมาเดินในที่แบบนี้คงจะดูไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ อีกอย่างยังใช้ชีวิตติดดินเหมือนคนธรรมดาอย่างพวกเขาแบบนี้ในการมาเที่ยวตลาดกลางคืนงั้นหรอ?
นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่เมคเซ้นจริงๆ
"ท่าน……ท่านประธานคะ ที่ที่คุณบอกคือที่นี่หรอคะ?" ซินเหยายังไม่เชื่อกับตาของตัวเองที่เห็น เธอยอมเชื่อว่าจิงเฉินเดินมาผิดทาง
เรื่องเกี่ยวกับท่านประธานที่เธอวาดฝันไว้มันแตกต่างจากเขามาก ท่านประธานทั่วไปก็ควรที่จะนั่งอยู่ในร้านอาหารตะวันตกระดับ5ดาวพร้อมกับกินอาหารที่สดใหม่โดยการขนส่งทางอากาศไม่ใช่หรอ? มันไม่ใช่ที่จะมาเบียดเสียดกินของต่างๆในตลาดแห่งนี้
จิงเฉินกำมือขึ้นและป้องไปที่ปากตัวเองและไอออกมา พร้อมถามด้วยสีหน้าที่ดูนิ่งๆว่า : "ทำไมหรอ คุณรู้สึกไม่ชอบที่นี่หรือยังไง?"
จิงเฉินไม่มีทางบอกเธอหรอกว่าความจริงตัวเองอยากพาเธอไปภัตตาคารที่เป็นส่วนตัว เพียงแต่ไม่คุ้นชินเส้นทางในเมืองHนัก จึงได้หลงมาอยู่ที่นี่
"ไม่ใช่เลยค่ะ" ซินเหยาพูดขึ้นพร้อมส่ายหัวปฏิเสธ
"งั้นเข้าไปกันเถอะ" จิงเฉินเดินนำไปข้างหน้า ซินเหยาก็เดินตามตูดเขาไป
"ท่านประธานเยี่ยคะ ฉันอยากกินซุปหม่าล่าค่ะ" ซินเหยาหายใจเข้าอย่างลึกและได้กลิ่นอาหารที่ลอยมาในอากาศด้วยความหอมที่สามารถทำให้คนน้ำลายย้อยยาวแปดศอก
"อะไรคือซุปหม่าล่า?" จิงเฉินขมวดคิ้วและถามขึ้น