มืออาหารนี้ซินเหยารู้สึกสะอิดสะเอียนแทบจะขาดใจตาย หนุ่มน้อยลั่วหลิงผู้ที่ไม่สามารถที่จะทนดูหม่ามี๊ของตัวเองเจ็บปวดต่อไปได้ก็ได้ช่วยเธอออกมาจากอาหารที่มีพิษทำลายล้างสูงนั่น
พูดกันว่าคนที่เกิดเป็นลูกสาวต่างเป็นหัวแก้วหัวแหวนของคนเป็นแม่ แต่เมื่อมาถึงซินเหยากลับเป็นลูกชายที่เป็นหัวแก้วหัวแหวนแทน
สำหรับลูกสาวเธอแล้วนั้น……หึหึ ทำได้แค่อ้อนทำตาแบ๊วไปวันๆ
เมื่อซวี่เจ๋อขับรถมาถึงเขตบ้านของเธอแล้ว ซินเหยาได้กระซิบข้างหูของเข่อหลานให้พาน้องสาวกลับขึ้นไปก่อน เธอยังมีเรื่องที่ต้องคุยกับซวี่เจ๋อ ถึงแม้วันนี้ซวี่เจ๋อไม่มาหาเธอเอง เธอก็จะเป็นคนที่ไปหาเขาเองอยู่ดี
เมื่อซวี่เจ๋อเห็นซินเหยาหยุดรอคนเดียวเพื่อที่จะมาพูดกับตนแล้ว ใจของซวี่เจ๋อก็เต้นไม่หยุดจริงๆ อีกอย่างมันยังเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
ความรู้สึกนี้เขาไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน มันทำให้เขาใจหวิวๆแปลกๆ
"ซวี่เจ๋อ วันนี้ขอบคุณนายมากนะ" เสียงของซินเหยาพูดขึ้นแต่เสียงนี้มันกำลังสื่อถึงว่าเธอกำลังรักษาระยะห่างของเธอกับเขาไว้อยู่
"พูดคำว่า 'ขอบคุณ' คำนี้กับผมตลอด" และพูดต่อว่า "ระหว่างเราไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องพวกนี้กันหรอก"
หึ……เขาเชื่อหรอว่าตัวเองจะเชื่อคำพูดเหล่านี้ได้?
สำหรับผู้หญิงที่EQเป็นเลิศอย่างเธอ ถึงแม้ว่าจะสนิทกับใครขนาดไหน เธอก็ยังรักษาระยะห่างและยังเคารพเหมือนเดิม
ถึงแม้ว่าซวี่เจ๋อจะดีกับเธอมาก แต่เธอคงไม่พลั้งพลาดการกระทำของตนเองในการทำลายฟัดเหวี่ยงความรู้สึกของซวี่เจ๋อหรอกกระมัง
การกระทำของลั่วหลิงเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อได้ยินซินเหยาบอกให้นำกล่องของขวัญสีแดงกล่องนั้นมาเขาก็สามารถเอาลงมาให้ได้อย่างรวดเร็ว และซินเหยาก็บอกให้ลั่วหลิงกลับขึ้นไป เธอไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นเป็นเพราะเหตุจากความรู้สึกส่วนตัวของตนเองจนต้องลากลูกของเธอเข้ามาเกี่ยวพันด้วย อีกอย่างก็ไม่อยากสะสางความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงนี้ต่อหน้าลูกๆของเธอ
"ซวี่เจ๋อ ของขวัญชิ้นนี้ที่นายให้มามันแพงเกินไป ฉันรับเอาไว้ไม่ได้" ซินเหยายื่นกล่องขอขวัญคืนซวี่เจ๋อและพูดอย่างจริงจัง
สายตาของซวี่เจ๋อคล้อยต่ำลง รอยยิ้มที่ตอนนี้กำลังอมความทุกข์ไว้อย่างไม่อาจเปิดเผย และพูดตอบด้วยน้ำเสียงที่เศร้าใจหดหู่ว่า : "ของขวัญชิ้นนี้ผมใช้เวลาหามานานมากกว่าครึ่งเดือนเต็ม ตอนนั้นผมมืดมัวมากไม่รู้ว่าจะให้ของขวัญอะไรแก่คุณดี ผมแค่อยากจะหาของขวัญชิ้นหนึ่งที่เหมาะกับคุณ ตอนที่ผมกำลังจะถอดใจในการหานั้น ผมก็ได้เจอกับชุดนี้เข้า ความรู้สึกตอนนั้นคือผมตกลงกับตัวเองอย่างหนักแน่นและแน่วแน่มากว่าผมจะต้องนำมันมาให้คุณเป็นของขวัญให้จงได้ ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับตอนที่ผมเจอคุณครั้งแรก ผมมีความหนักแน่นและแน่วแน่แบบนี้เหมือนกันที่จะใช้เวลาทั้งชีวิตของผมในการที่จะดูแลคุณให้มีความสุขมากที่สุด ความจริงตอนนี้ชุดนี้มันไม่ขายหรอก แต่ผมใช้ทุกวิธีทางเพื่อที่จะได้มันมา ผมก็แค่อยากจะมอบสิ่งที่ดีให้กับคุณ"
เห้อ…..ความโรแมนติกของซวี่เจ๋อนี้มันเกินต้านจริๆ
คำพูดแค่ประโยคเดียวมันก็ทำให้เข่าทรุดได้จริงๆ
"ถึงแม้มันจะเหมาะกับฉันมากเพียงใด แต่มันก็แพงเกินไปสำหรับคนอย่างฉัน" ถ้าเกิดครั้งนี้เธอรับชุดนี้ไว้ ครั้งหน้าคงไม่มีทางปฏิเสธซวี่เจ๋อได้ง่ายๆแน่
"ชุดนี้มันเหมาะกับคุณเพียงแค่คนเดียว ถ้าเกิดคุณไม่รับไว้ ก็โยนมันทิ้งได้เลย" ซวี่เจ๋อพูดอย่างหนักแน่นและไม่ได้ยื่นมือไปรับกล่องของขวัญคืนมา
แม่เจ้า นี้มันเป็นการคุกคามกันชัดๆ
"ขอโทษจริงๆค่ะ" ซินเหยาพูดพรางหัวเราะกลบเกลื่อน
เธอหัวเราะจริงๆหรอ? มันไม่ควรจะหัวเราะออกมาไหม?
ชุดนี้ถึงแม้จะแพง แต่ก็ไม่ใช่ใช้เงินเธอซื้อมานินา ถึงแม้โยนทิ้งแล้วจะรู้สึกเสียดายหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บใจอะไร เธอหนักแน่นในการที่จะไม่รับของขวัญชิ้นนี้ คิดว่าถ้าไม่รับก็จะติดหนี้ซวี่เจ๋อน้อยลง
เธอพูดตั้งแต่เนิ่นๆแล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างใจแข็งหนักแน่น ไม่ใช่เป็นพวกไก่กาอาราเร่เล่นขายของเหมือนเด็กป.3
"นายเอามันไปทิ้งให้หน่อย" ซินเหยาพูดปฏิเสธอย่างใจหินทำลายความรู้สึกที่ซวี่เจ๋อมีให้เธออย่างราบคาบ
ความจริงที่เขาอุตส่าห์แบกของขวัญที่ไม่รู้ว่าเสียเหงื่อไปกี่หยดกลับมาจากต่างประเทศให้ สุดท้ายเธอไม่รับเอา มันก็ทำให้เขาปวดใจมากๆอยู่หรอก
แต่ถ้าหากเธอรับของขวัญชิ้นนี้ไปแล้ว เธอก็คงจะไม่ต่างจากนางเอกแอ๊บแบ๊วใสซื่อละครหลังข่าว อีกอย่างนี่มันชีวิตจริง ไม่ใช่ในละครน้ำเน่า ยังไงเธอก็ไม่สามารถรับมันไว้ได้อยู่ดี
เธอรู้ดีว่าสิ่งที่ซวี่เจ๋อต้องการมันคืออะไร ถึงแม้จะไม่มีค่าเป็นเงิน แต่เธอก็ไม่สามารถให้มันได้อยู่ดี
ซวี่เจ๋อเหงยหน้าขึ้น มองไปที่ใบหน้าอันสะสวยของซินเหยาด้วยสายตาที่เศร้าหม่นและพูดขึ้นว่า : "ผมคิดว่าถ้าผมหนักแน่นไม่ละเลิก คุณจะยอมอ่อนให้ผม"
ซินเหยา : หึหึ……
ใครบอกคุณว่าวิธีนี้มันจะใช้ได้ผลกับเธอ
บอกให้เอาบุญนะ วิธีนี้โยนทิ้งคูคลองไปได้เลย
"ชุดนี้ตอนนี้เก็บรักษาไว้ที่คุณก่อน มันไม่นับว่าเป็นของขวัญของคุณ รอถึงวันที่โปรเจคออกแบบเครื่องประดับของเยี่ยหวงเสร็จสิ้นก็นับว่าเป็นรางวัลตอบแทนให้คุณ ถึงเวลานั้นมันจะคิดเป็นงบของบริษัทเอง" ซวี่เจ๋อพูดหาวิธีจนได้
เพราะงั้นสุดท้ายเจ้าของชุดนี้ ก็คือเธอ?
ถึงแม้ว่าจะเป็นเธอที่เป็นคนรับชุดนี้ไว้ แต่ว่าชื่อเสียงไม่เหมือน ความหมายมันก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นเดียวกัน
ชุดนี้ชนะเลิศที่งานออกแบบชุดเสื้อผ้า เพราะงั้นมันไม่มีทางจะดูไม่ดี
คนที่เกิดเป็นหญิงก็ชอบเสื้อผ้ากันทั้งนั้น โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่สวยสะดุดตายิ่งไม่สามารถที่จะปล่อยผ่านไปได้ ถึงแม้ว่าเธอบางครั้งจะมีนิสัยเหมือนผู้ชายไปบ้าง แต่ใครจะไปรู้ว่าภายในได้ซ่อนความเป็นผู้หญิงที่อยู่ในสายเลือดไม่รู้เท่าไหร่
งบบริษัท งั้นก็ไม่เกี่ยวกับซวี่เจ๋อล่ะนะ
อย่าให้ได้เม้าท์นะ แค่บริษัทบอกว่าให้เสื้อผ้าราคาเจ็ดหลักกับเธอเธอยังเอา แล้วนับภาษาอะไรกับถ้าบริษัทบอกว่าจะให้เธอเป็นเงินพันล้านแล้วเธอจะไม่เอา เธอสามารถเอาได้อย่างสบายใจไม่คิดอะไรด้วยแหละขอบอก
"ฮืมมม…… งั้นชุดนี้รองานCESAที่ฉันทำอยู่เสร็จก่อนค่อยเอามาให้" ซินเหยาพูดขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวลและพรางยิ้มเบาๆ
"คุณนี่มันไม่สามารถที่จะรู้สึกตนเองเป็นผู้เสียเปรียบจริงๆ" ซวี่เจ๋อพูด
แหง๋อยู่แล้วสิ ถึงแม้เธอจะตระกละ แต่เธอก็เลือกกินนะ
เธอไม่ได้ชอบกินทุกอย่าง รวมถึงรสชาติของการเสียเปรียบ
ถึงแม้จะมีคำโบราณที่บอกไว้ว่า การเสียเปรียบคือโชคอันใหญ่
แต่ว่า……
บอกสวรรค์นั้นดีนัก ใยชิชักไม่ยอมไป
บอกสตรีนั้นคือไฟ ใยตั้งใจก้าวลงหา
บอกพนันนั้นคือผี ใยไม่เกรงเล่นชีวา
บอกยาพิษคือเงินตรา ใยงมหาไม่คลาคลอน
บอกความสูงนั้นหนาวเหน็บ ใยยอมเจ็บปีนไป่หอน
บอกเสียเปรียบคือโชคทอง ใยไม่พ้องยอมทำตาม
"คุณชมเกินไปแล้วล่ะค่ะ" ซินเหยาพูดอย่างถ่อมตัวพรางยิ้ม
ซวี่เจ๋อคุยกับซินเหยาไปได้สักพัก นภาเริ่มจะคล้อยดับ สกุญญาต่างบินกลับรัง อากาศตอนนี้ก็เริ่มที่จะเย็นขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้จะไม่อยากละทิ้งห้วงเวลาอันมีคุณค่านี้ที่จะได้อยู่กับซินเหยาตามลำพัง แต่ก็ไม่สามารถที่จะทนเห็นเธอหนาวสั่นอยู่ตรงนี้ได้ จึงได้จบการสนทนากับเธอในครั้งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ซวี่เจ๋อเปิดประตูรถ สายตามองลงต่ำ เห็นกล่องของขวัญที่ตนให้กับเด็กสองคนนั้นไปวางอยู่บนที่นั่งหลังเบาะ ตอนนี้รู้สึกไปไม่ถูกมาก
ซวี่เจ๋อหยิบกล่องของขวัญออกมา พรางยิ้มกลบเกลื่อนและพูดขึ้นว่า : "ผมเชื่อแล้วแหละว่าลูกสองคนนี้เป็นลูกคุณจริงๆ ของขวัญที่ผมให้พวกเขาต่างเอามาคืนผมหมด"
พูดไปเรื่อย เด็กสองคนนั้นเป็นลูกเธอจริงๆ ทำไมตอนนี้พึ่งจะเชื่อ?
MANGA DISCUSSION