ปลายฝนต้นเหมันต์ - ตอนพิเศษ 1 ฤดูร้อน ฤดูรัก 1/3
แสงแดดแรงยามบ่ายในฤดูร้อนของเมืองไทยทำวัสสานต้องยกมือขึ้นป้องใบหน้า ขณะที่ก้าวเท้าลงจากรถที่จอดหน้าร้านขนมร้านโปรดของลูกชาย
“ไดฟูกุสตรอว์เบอร์รี่หนึ่งกล่องครับ” หลังจากสั่งเสร็จก็ไปนั่งรออยู่ตรงโต๊ะเล็ก ๆ มุมหนึ่งของร้าน
ดวงตาหวานกวาดมองลูกค้า ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นที่นั่งจับคู่กันอยู่ตามโต๊ะต่าง ๆ แต่แล้ววัสสานก็สะดุดตากับใบหน้าด้านข้างของผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงมุมด้านใน
วัสสานจ้องมองอยู่นานจนมั่นใจ ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วรีบเข้าไปทักทาย
“พี่น่านฟ้า”
แม้จะไม่ได้เจอกันนานแต่วัสสานก็จำได้ไม่ลืม ชายหนุ่มผู้ช่วยชีวิตเขาไว้เมื่อหลายปีก่อน
“เฮ่ คุณวัสสาน” น่านฟ้าหันมายิ้มอย่างยินดีเช่นกัน เมื่อเห็นหน้าคนที่คุ้นเคย ในช่วงเวลาหนึ่งเขาต้องติดตามวัสสานอยู่ลับ ๆ โดยที่เด็กหนุ่มไม่รู้ตัว
“สวัสดีครับ ดีใจจังที่ได้พบพี่น่านฟ้าอีก” วัสสานเก็บอาการดีใจไว้ไม่ไหวจึงเข้าไปประชิดโดยไม่รู้ตัว หนุ่มน้อยนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ น่านฟ้าทันทีเมื่อเห็นว่าอีกคนนั่งอยู่คนเดียว
น่านฟ้าเหลียวมองออกไปรอบ ๆ เพราะคิดว่าเหมันต์น่าจะอยู่แถวนี้ด้วย
“มาคนเดียวเหรอครับ?”
“ครับ” ไม่ได้อยากจะปกปิด แค่คิดว่าไม่อยากเสียเวลาอธิบาย ทั้ง ๆ เหมันต์นั่งรออยู่ในรถกับลูกชายวัยสองขวบ
“พี่น่านฟ้าอยู่แถวนี้เหรอครับ?”
“ใช่ครับ นี่ร้านขนมของบ้านพี่เอง”
“จริงเหรอครับ?” วัสสานอุทานอย่างดีใจ “เรนแวะซื้อขนมร้านนี้เกือบทุกวัน แต่ไม่เคยเจอพี่น่านฟ้าเลย”
“พี่ทำงานอย่างอื่น ก็เลยไม่ค่อยได้เข้ามาช่วยที่ร้านเท่าไร พอดีช่วงนี้พี่สาวใกล้คลอด ก็เลยมาอยู่เป็นเพื่อน”
วัสสานมองตามสายตาของน่านฟ้าก็พบกับผู้หญิงท้องแก่เจ้าของร้านที่เขาคุ้นเคย “อ้อ พี่แสงดาวเป็นพี่สาวของพี่น่านฟ้านี่เอง มิน่าล่ะครับ”
“มิน่าอะไรครับ?”
“มิน่าถึงได้ใจดีเหมือนกัน”
น่านฟ้ายิ้มให้วัสสาน ทั้งสองคุยกันอย่างถูกคอจนลืมเวลา ขนาดว่าพนักงานเรียกให้ไปรับขนมที่สั่งไว้ วัสสานก็ยังไม่ได้ยิน พนักงานคนนั้นเห็นว่าลูกค้านั่งคุยอย่างออกรสอยู่กับเจ้านายจึงไม่ได้เรียกซ้ำ จนเวลาล่วงเลยไปอีกหลายนาที
เหมันต์ส่งสายตาจับจ้องไปที่หน้าประตูร้าน แปลกใจว่าทำไมวัสสานเข้าไปนานกว่าทุกวัน รถยนต์ที่จอดหน้าร้านก็ไม่ได้มากนัก แสดงว่าลูกค้าไม่ได้แน่นจนต้องรอนานขนาดนี้
“เข้าไปตามหม่ามี้กันดีกว่านะน้องเหนือ”
“หม่ามี้ หม่ามี้ หาหม่ามี้”
ลูกชายตัวเล็กออกอาการดี๊ด๊า เพราะตอนแรกร้องตามวัสสาน แต่เหมันต์เห็นว่าแดดมันแรงไม่อยากให้ลูกชายลงไปจากรถ จึงหลอกล่อเอาไว้ด้วยของเล่น
หลังจากอุ้มลูกน้อยเข้ามาในร้าน เหมันต์ก็มองหาร่างของคนรัก หน้าเคาท์เตอร์ก็ไม่พบ ตรงโต๊ะสำหรับนั่งรอก็ไม่มี แล้วพ่อตัวดีหายไปไหนกัน
แล้วเสียงใส ๆ ที่คุ้นเคยก็ดังออกมาจากมุมหนึ่ง เหมันต์จึงรีบหันขวับไปตามเสียงนั้นจนได้พบกับคนที่ตามหา
เมื่อเห็นว่าคนรักนั่งคุยอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่งในลักษณะใกล้ชิดชนิดที่เข่าชนเข่า อารมณ์หึงหวงก็ปะทุขึ้นมาจนตาพร่ามัว ไม่ทันสังเกตว่าผู้ชายนั้นเป็นใคร
ใบหน้าหวานที่เขาหลงใหล รอยยิ้มกระชากใจที่เขาหวงแหน แต่เจ้าของมันกำลังมอบให้คนอื่นทำเหมันต์ขาดสติ ร่างสูงจึงพุ่งตัวเข้าไปหา เมื่อไปถึงก็กระชากไหล่น่านฟ้าซัดหมัดเข้าใบหน้าโดยที่น่านฟ้าไม่มีโอกาสได้ตั้งตัว
“อาเหม!”
วัสสานตกใจที่คนรักเหวี่ยงหมัดใส่น่านฟ้าทั้ง ๆ ที่ยังอุ้มเหนือนทีอยู่อีกมือ เด็กน้อยจึงร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ
“หม่ามี้” เหนือนทีอ้าแขนทั้งสองข้างแล้วโน้มตัวเข้าไปหาวัสสาน รายนั้นก็รีบรับลูกน้อยเข้าไปกอดอย่างปลอบขวัญ
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร” ปลอบลูกน้อยพลางก็ส่งสายตาตำหนิคนรัก
“คุณเหม!” น่านฟ้ายกมือขึ้นแตะมุมปากพร้อมกับมองเหมันต์อย่างงง ๆ
“น่านฟ้า!”
เหมันต์เองก็ตกใจเช่นกันเมื่อชายคนนั้นหันกลับมาแล้วเป็นน่านฟ้าอดีตบอดี้การ์ดที่เขาเคยจ้างให้ดูแลวัสสาน