ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 429 งานเลี้ยงชมดอกเบญจมาศ
ตอนที่ 429 งานเลี้ยงชมดอกเบญจมาศ
องค์หญิงฉางเล่อเชื้อเชิญสตรีชนชั้นสูงไปจวนองค์หญิงเพื่อชมดอกเบญจมาศ ท่านหญิงน้อยแห่งจวนผิงหนานอ๋องย่อมอยู่ในลำดับการได้รับเชิญ
เว่ยเหวินบีบเทียบเชิญที่ประทับตราบุปผางดงาม ขณะจมลงสู่การตรึกตรอง
นางกล้ายืนยันว่า งานเลี้ยงชมดอกเบญจมาศครั้งนี้พุ่งเป้ามาที่นาง
ความชื่นชอบขององค์หญิงฉางเล่อเป็นเอกลักษณ์ ไม่อาจเล่นสนุกร่วมกับสตรีชนชั้นสูงในเมืองหลวงได้ ในอดีตถึงขั้นเคยบอกนางว่า แบบนี้น่าเบื่อมาก ไหนเลยจะเป็นคนที่หลงใหลในการจัดงานรวมตัวกัน
จู่ๆ ก็จัดงานเลี้ยงชมดอกเบญจมาศขึ้นมา เพราะล้มเหลวจากคุณชายซู โมโหแล้วไม่มีที่ระบาย จึงมาหาเรื่องนางหรือ
“ท่านหญิง บอกปัดไปว่า ท่านไม่สบายไหมเจ้าคะ” จื่อซูเกลี้ยกล่อมด้วยความระมัดระวัง
เว่ยเหวินได้สติคืนมา เหลือบมองสาวใช้อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “ไปเตรียมอาภรณ์และเครื่องประดับสำหรับเข้าร่วมงานเลี้ยงของข้าให้เรียบร้อย”
จื่อซูไปรื้อค้นหีบเงียบๆ และไม่กล้าเกลี้ยกล่อมอีก
เว่ยเหวินเม้มปาก ใช้มือกดเทียบเชิญไว้
ไม่ว่าจวนผิงหนานอ๋องจะตกอับเพียงใด นางก็มีศักดิ์เป็นท่านหญิง ครั้งนี้บุคคลที่องค์หญิงฉางเล่อเชื้อเชิญล้วนเป็นสตรีชนชั้นสูงแนวหน้า หากนางไม่ไปก็จะกลายเป็นเรื่องขบขันของผู้คนเหล่านั้น หลังจากนี้ ก็ไม่สามารถยืนหยัดในแวดวงได้อย่างมั่นคงอีก
ยิ่งไปกว่านั้น องค์หญิงฉางเล่อยังคิดหาวิธีเอาชนะใจคู่หมั้นของนางด้วย นางจะท้อถอยและหลบเลี่ยงได้อย่างไร
แววตาเว่ยเหวินมีประกายเย็นเยียบพาดผ่าน สีหน้าค่อยๆ แน่วแน่
นางอยากจะเห็นว่า องค์หญิงฉางเล่อจะทำอะไรนางได้
คุณชายซูเป็นบัณฑิตจอหงวนคนใหม่ หากบอกว่าองค์หญิงฉางเล่อตั้งใจให้เขาเป็นพระสวามี นางยังจะเครียดอยู่บ้าง เพียงแต่น่าเสียดายที่องค์หญิงฉางเล่อรู้คุณค่าและให้ความสำคัญกับชีวิตมาก ไม่กล้าแต่งงานกับผู้อื่น
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ องค์หญิงฉางเล่อนึกจริงๆ หรือว่าจะสามารถอาศัยฐานะองค์หญิงมาบีบบังคับให้คุณชายซูเป็นนายบำเรอได้
เว่ยเหวินยิ้มเยาะ โยนเทียบเชิญลงพื้น
ในไม่ช้าก็ถึงวันที่นัดหมายบนเทียบเชิญ
เช้าตรู่ ข้ารับใช้ของจวนองค์หญิงยุ่งวุ่นวายยิ่ง เพื่อเตรียมพร้อมงานเลี้ยงชมดอกเบญจมาศ
ตอนนี้เป็นเวลาสวดมนต์ทำวัตรเช้าองค์หญิงฉางเล่อ
ไอหอมอบอวลภายในห้อง รูปโฉมงดงามของโซ่วเซียนเหนียงเหนียงที่จับจ้องไปทางสตรีผู้ศรัทธาซึ่งกำลังสวดมนต์อย่างอ่อนโยนปรากฏเลือนราง
องค์หญิงฉางเล่อคุกเข่าก้มกราบแล้วลุกขึ้น จับจ้องรูปปั้นโซ่วเซียนครู่หนึ่งแล้วเดินออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อออกมาจากห้องบูชา สีหน้าเคร่งขรึมขององค์หญิงฉางเล่อเปลี่ยนเป็นเกียจคร้าน พลางสั่งสาวใช้ที่เดินเยื้องอยู่ข้างกายว่า “ข้าจะกลับไปงีบพักผ่อน หากอาเซิงมาถึงแล้ว จำเอาไว้ว่าต้องเรียกข้า”
สาวใช้ยอบเข่ารับคำ
เทียบกับห้องบูชาเทพเจ้าแล้ว ห้องบรรทมขององค์หญิงฉางเล่อมีสภาพอีกอย่างหนึ่ง
พื้นอ่อนนุ่ม ม่านหลายชั้น เครื่องหอมชวนให้ผู้คนรื่นรมย์ ไม่มีส่วนใดที่ไม่สบายและหรูหรา
องค์หญิงฉางเล่อเดินเท้าเปล่าตรงไปยังเตียงสี่เสาซึ่งมีผ้าแพรสีหมอกควันแขวนอยู่แล้วล้มตัวลงบนตั่งอย่างสบายๆ และเข้าสู่นิทราอย่างรวดเร็ว
ควันหอมซึ่งพ่นออกมาจากเตากำยานเป็ดบนโต๊ะวางกระถางฉุนยิ่งขึ้น องค์หญิงฉางเล่อที่นอนฝันอยู่ขมวดคิ้ว
ไม่นานนัก นางพลันผุดลุกขึ้นนั่ง ดวงหน้าขาวซีดหอบหายใจเฮือกใหญ่
สาวใช้ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็ถามผ่านฉากบังลม “องค์หญิง พระองค์ไม่เป็นอะไรนะเพคะ”
“ไม่เป็นไร” องค์หญิงฉางเล่อตอบ มือที่คว้าผ้านวมออกแรงกำมากกว่าเดิม
นางฝันอีกแล้ว
พื้นที่ในความฝันกว้างใหญ่ไพศาล นางกับพี่สาวหลายคนกำลังควบม้าห้อตะบึง
นั่นคือสถานที่สำหรับขี่ม้ายิงธนูขององศ์หญิงในราชวงศ์โดยเฉพาะ
พี่สาวใกล้จะออกเรือนแล้ว นางทอดถอนใจ แต่งงานแล้วก็ไม่ได้มีอิสระเหมือนในตอนนี้ และยิ่งไม่มีโอกาสแข่งขันขี่ม้ายิงธนูกับเหล่าน้องสาว
พวกนางหัวเราะโวยวาย วิ่งมาขี่ม้า
พี่สามวิ่งอยู่ด้านหน้าสุด
แม้ว่านางจะอายุยังน้อย แต่มีพรสวรรค์ในการขี่ม้าและยิงธนูกว่าเหล่าพี่สาวจึงวิ่งตามติดๆ อยู่ในลำดับที่สอง
ในตอนที่นางตัดสินใจจะวิ่งแซงขึ้นไป ม้าขนสีแดงอมม่วงรูปร่างสูงใหญ่พลันคลั่งขึ้นมา เหวี่ยงพี่สามซึ่งอยู่บนหลังม้าออกไป
พี่สามตกลงตรงหน้านาง
เสี้ยววินาทีนั้น สมองนางขาวโพลน ทุกอย่างล้วนอาศัยสัญชาตญาณในการควบคุมม้าพันธุ์ดีให้ทะยานข้ามไป
เมื่อลงจากม้า นางก็รีบวิ่งเข้าไปก็เห็นภาพราวกับฝันร้าย พี่สามนอนอยู่บนพื้น ลำคอบิดไปในมุมประหลาด ดวงหน้าหวาดกลัวกับทุกข์ทรมานแข็งค้างบนใบหน้าและไร้ลมหายใจไปแล้ว
พี่สามตายแล้ว
องค์หญิงสูงศักดิ์ถึงกับถูกม้าเหวี่ยงตกลงมาตาย ตายอย่างกะทันหันและง่ายดายเช่นนี้
ถึงตอนนี้ องค์หญิงฉางเล่อยังจำเสียงกรีดร้องของตัวเองได้ เสียงกรีดร้องน่าเวทนาด้วยความหวาดกลัวสุดขีดอย่างไร้ความเหมาะสม
องค์หญิงฉางเล่อนั่งเบื่อหน่ายนิ่งเงียบบนเตียง ไอหอมที่ช่วยให้จิตใจสงบถูกสูดเข้าปอดเฮือกใหญ่ ค่อยๆ ทำให้อารมณ์เย็นลง
ความจริง นางไม่ได้ฝันถึงเรื่องนี้มานานมากแล้ว วันนี้ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ฝันอีก
“เรียกลี่ว์ฉี่กับตู๋โยวเข้ามา”
ไม่นานนัก เด็กหนุ่มรูปงามสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องนอนขององค์หญิงฉางเล่อ
องค์หญิงฉางเล่อไม่พูดอะไร เพียงแค่ยื่นแขนออกไปอย่างเหนื่อยหน่าย
เด็กหนุ่มสองคนก้าวมาข้างหน้า คนหนึ่งบีบนวดไหล่ คนหนึ่งบีบนวดปลีน่อง การกระทำเชี่ยวชาญและนุ่มนวล
องค์หญิงฉางเล่อปรือตาลงเล็กน้อย พ่นลมหายใจออกมาแผ่วเบา
ว่าแล้วเชียวว่า คืนวันที่มีหนุ่มรูปงามล้อมรอบ มีอาหารเลิศรส อาภรณ์สวยหรูนั้นเหมาะกับนาง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด เสียงรายงานของสาวใช้ถึงได้ดังขึ้นข้างนอก
“องค์หญิง คุณหนูลั่วมาถึงแล้วเพคะ”
องค์หญิงฉางเล่อยกมือขึ้น เด็กหนุ่มสองคนก็ถอยไปอยู่อีกด้านหนึ่งอย่างรู้ความ
องค์หญิงฉางเล่อผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ไปพบแขกเหรื่อแล้วก็ก้าวเท้ายาวออกไป
นี่คือปลายฤดูใบไม้ร่วง อากาศเย็นสบาย
องค์หญิงฉางเล่อเห็นเด็กสาวชุดขาวที่เดินตามสาวใช้ได้จากที่ไกลๆ ก็ตะโกนเรียกอย่างมีความสุข “อาเซิง”
ลั่วเซิงยกชายกระโปรง พลางเร่งฝีเท้า
องค์หญิงฉางเล่อพิจารณามองลั่วเซิงแวบหนึ่งแล้วส่ายหน้าไม่พอใจ “อาเซิง ทำไมตอนนี้เจ้าถึงได้ชอบสีเรียบๆ กันนะ”
ลาจากกันไปสองปี ดูเหมือนอาเซิงจะไม่เหมือนเดิมอยู่บ้าง
ภายใต้สายตาค้นหาขององค์หญิงฉางเล่อ ลั่วเซิงยิ้มสบายใจ “หม่อมฉันทำตามใจเสมอ ก็ไม่แน่ว่า ผ่านไปอีกระยะหนึ่งจะชื่นชอบสีสันแพรวพราวก็ได้”
องค์หญิงฉางเล่อได้ฟังก็รู้สึกว่าสหายสนิทไม่ได้เปลี่ยนไป
ก็ใช่ ชอบอะไรก็ช่างเถอะ ที่สำคัญก็คือ คิดจะชอบอะไรก็ชอบแบบนั้น
นางชอบเล่นสนุกกับอาเซิงก็เพราะอาเซิงไม่คิดมาก ไม่เคยทำให้ตนเองได้รับความไม่เป็นธรรมจากความคิดของคนทั่วไป
“คนพวกนั้นคาดว่าคงมาถึงกันหมดแล้ว พวกเราไปสวนบุปผากันเถอะ” องค์หญิงฉางเล่อยื่นมือออกไปให้ลั่วเซิง
ลั่วเซิงยื่นมือไปเงียบๆ
สำหรับงานเลี้ยงเช่นนี้ นางไร้ความสนใจ แต่องค์หญิงฉางเล่อเป็นสหายสนิทของคุณหนูลั่ว หากถูกฝ่ายตรงข้ามสังเกตเห็นถึงความผิดปกติก็จะเป็นการเพิ่มปัญหาโดยใช่เหตุ
ก็เหมือนกับที่องค์หญิงฉางเล่อพูด ตอนนี้สตรีสูงศักดิ์ที่ได้รับการเชื้อเชิญเกือบจะมาถึงกันหมดแล้ว เมื่อเห็นองค์หญิงฉางเล่อเข้ามาก็พากันแสดงความเคารพ
นัยน์ตาหงส์ขององค์หญิงฉางเล่อกวาดมองไปก็เห็นเว่ยเหวิน
สตรีสูงศักดิ์ในสวนล้วนอยู่กันเป็นกลุ่มๆ มีเพียงเว่ยเหวินที่ยืนอยู่ข้างดอกเบญจมาศพุ่มหนึ่งคนเดียวจึงดูโดดเดี่ยวหลายส่วน
เมื่อเห็นสายตาองค์หญิงฉางเล่อมองไปทางเว่ยเหวิน สตรีสูงศักดิ์ทุกคนมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ความจริงแล้วรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาระลอกหนึ่ง
เรื่องสนุกกำลังจะมาแล้ว
สตรีสูงศักดิ์ที่ได้รับเทียบเชิญรู้ดีแก่ใจว่า งานเลี้ยงชมดอกเบญจมาศคราวนี้ องค์หญิงฉางเล่อไม่ได้สนใจชื่นชมบุปผาตามชื่องาน แต่มุ่งไปทางท่านหญิงน้อยแห่งจวนผิงหนานอ๋องต่างหาก
องค์หญิงกับท่านหญิงแย่งชิงบัณฑิตจอหงวน ไม่ได้เป็นเรื่องสนุกที่พบเห็นได้ยากหรือ
“อาเหวินมาถึงเมื่อไรหรือ” องค์หญิงฉางเล่อถามอย่างเหนื่อยหน่าย
สายตาเว่ยเหวินกวาดผ่านมือขององค์หญิงฉางเล่อที่จับอยู่กับลั่วเซิง ขณะตอบด้วยท่าทางสงบนิ่ง “เพิ่งมาถึงได้ไม่นานเพคะ”
องค์หญิงฉางเล่อยิ้มๆ “ข้าก็ว่า ทำไมมาแล้ว ถึงได้เงียบเชียบนัก”
เว่ยเหวินเม้มปาก ไม่พูดอะไร
“ทุกท่านตามสบาย เล่นสนุกกันตามใจชอบเถอะ…“ องค์หญิงฉางเล่อเอ่ยวาจาสวยหรูสองสามประโยคแล้วถือจอกสุราซึ่งด้านในบรรจุสุราสีอำพัน เดินไปทางเว่ยเหวิน