ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 370 ดึงตัวคน
ตอนที่ 370 ดึงตัวคน
ฉางชุนโหวไม่รอฟังจนจบ สีหน้าก็เปลี่ยนไป เขาถลึงตามองบุตรสาวด้วยแววตาที่เจือไปด้วยความกลัวหลายส่วน “เจ้าไปทำอะไรที่มีหอสุรา”
มีหอสุรานั่นราคาตั้งเท่าไร นึกว่าเขาไม่รู้หรือ
ไปก็ไปสิ ทำไมถึงไม่จ่ายเงิน!
สวี่ฟางก้มหน้าเล็กน้อย “ลูกเคยไปกินเป็นเพื่อนท่านน้าหลายครั้ง รู้สึกว่ารสชาติดีมากจึงไปอีกเจ้าค่ะ…”
ฉางชุนโหวชะงัก
ท่านน้าที่สวี่ฟางเอ่ยถึง ก็คือฮูหยินหนิงกั๋วกง
สามารถกล่าวได้ว่า การที่เขามีความอดทนต่อบุตรสาวคนนี้มากขนาดนี้ก็เพราะเบื้องหลังบุตรสาวมีคนผู้นี้สนับสนุนอยู่
ฉางชุนโหวมองบุตรสาวที่หลุบตาอย่างอ่อนน้อมก็พลันนึกถึงเมื่อหลายปีก่อน
ความสงสัยเหล่านั้น แม้ว่าความกังวลซึ่งซ่อนเร้นอยู่ในใจจะค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลาทีละเล็ก ทีละน้อย แต่สุดท้ายก็ยากจะทำให้เขามีความรู้สึกผูกพันระหว่างบิดากับบุตรสาวผู้นี้
“ติดเงินเท่าใด เงินพอหรือไม่” ฉางชุนโหวข่มโทสะ เอ่ยถาม
สูญเสียเงินไปหนึ่งหมื่นตำลึงอย่างไม่มีเหตุผล เงินคงเหลือของจวนโหวในปีนี้นั้นอยู่ในสภาวะยากจนข้นแค้น นังเด็กนี่ยังจะสร้างความวุ่นวายเพิ่มขึ้นมาอีก!
สวี่ฟางหลุบตาไม่พูดอะไร
ฉางชุนโหวถอนหายใจ “ช่างเถอะ เจ้าไปเบิกเงินห้าสิบตำลึงแล้วกัน วันนี้จำเป็นต้องคืนเงินค่าสุราให้ได้”
เทียบกับการล่วงเกินปีศาจเช่นคุณหนูลั่ว ห้าสิบตำลึงเงินจะนับเป็นอะไรได้
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ” สวี่ฟางโค้งมุมปากเล็กน้อย
“เอาเถอะ ออกไปได้แล้ว” ฉางชุนโหวเห็นแล้วหงุดหงิดใจจึงโบกมือให้
สวี่ฟางออกมาจากห้องหนังสือแล้วก็พ่นลมหายใจออกมา
ท้องฟ้าสดใสหลังหิมะตก ทุกสรรพสิ่งล้วนถูกคลุมไปด้วยอาภรณ์สีเงิน แม้ว่าจะเป็นต้นหญ้าแห้งเหี่ยวต้นหนึ่งก็ยังทำให้ผู้คนที่เห็นประทับใจขึ้นมาได้
สวี่ฟางอมยิ้มมุมปาก เดินไปไกลทีละก้าวๆ
เมื่อกินอาหารกลางวันเสร็จ สวี่ฟางก็พาสาวใช้หงเย่ว์เดินออกประตูไปอย่างเชื่องช้า
“คุณหนู ระวังพื้นลื่นนะเจ้าคะ”
ด้านนอกล้วนปกคลุมไปด้วยอาภรณ์สีเงิน พื้นหินโบราณเรียบง่ายซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมานานถูกหิมะกลบทับจนหมด ผู้คนเดินไปเดินมาไม่น้อย เด็กๆ จำนวนมากปั้นตุ๊กตาหิมะรูปร่างต่างๆ อยู่ริมถนน และไล่ปาหิมะกัน
สวี่ฟางเดินไปบนพื้นถนนไม่เรียบนี้จนถึงมีหอสุรา
“คุณหนูใหญ่สวี่มาหาเถ้าแก่ของพวกข้าน้อยหรือเจ้าคะ” ผู้ดูแลหญิงแย้มรอยยิ้มใจดีให้สวี่ฟาง “เถ้าแก่ของพวกข้าน้อยมาหอสุราแล้วก็ออกไปอีก คาดว่าอีกสักพักหนึ่งถึงจะกลับมาเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร ข้าจะรอ”
“เช่นนั้นคุณหนูใหญ่สวี่เข้าไปนั่งในห้องโถงใหญ่เถอะเจ้าค่ะ”
สวี่ฟางเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ สอดส่ายสายตามองไปรอบๆ แล้วถามผู้ดูแลหญิงอย่างอดไม่ได้ “ได้ยินมาว่า คุณหนูลั่วไถ่ตัวสวี่ซีออกมาจากหอคณิกาชาย ไม่ทราบว่าผู้ดูแลสะดวกแจ้งหรือไม่ว่า ตอนนี้สวี่ซีอยู่ที่ใด”
ผู้ดูแลหญิงลอบเอ่ยในใจว่า คุณหนูใหญ่สวี่ช่างรู้จักพูด
ฟังดูสิ ไม่ได้พูดว่าเถ้าแก่ซื้อตัวคน แต่พูดว่าไถ่ตัวคน เห็นได้ชัดว่า เถ้าแก่พวกเขาเป็นคนสวยและมีจิตใจดีเพียงใด
เถ้าแก่เคยกำชับเอาไว้ว่า หากคุณหนูใหญ่สวี่หรือคุณชายรองหลินมาเยี่ยมน้องชายก็ไม่จำเป็นต้องขวาง
ผู้ดูแลหญิงเอ่ยยิ้มๆ “ตอนนี้คุณชายใหญ่สวี่น่าจะกำลังทำงานอยู่ที่ลานด้านหลังเจ้าค่ะ”
“ทำงานหรือ” สวี่ฟางพึมพำสองคำนี้ด้วยจิตใจซับซ้อนยิ่ง
นางคิดไม่ถึงว่า น้องชายจะมีวันที่ทำงานอย่างจริงจังกับเขาด้วย
ไม่รอให้สวี่ฟางเอ่ยขอร้อง ผู้ดูแลหญิงก็เอ่ยอย่างฉับไวว่า “หากคุณหนูใหญ่สวี่ต้องการพบคุณชายใหญ่สวี่ก็ตามข้าน้อยมาเถอะเจ้าค่ะ”
สวี่ฟางค้อมกายเล็กน้อย “ขอบคุณผู้ดูแล”
สองคน หนึ่งหน้าหนึ่งหลัง เดินไปทางประตูลานด้านหลัง
ประตูถูกม่านประตูซึ่งทำจากผ้าฝ้ายผืนหนาปิดเอาไว้ เมื่อเลิกม่านประตูขึ้น ลมหนาวก็พัดมาปะทะใบหน้า
สวี่ฟางยืนอยู่ตรงนั้น สายตาจ้องไปยังบริเวณมุมกำแพง
เสียงผ่าฟืนอันน่าเบื่อหน่ายดังลอยมาเป็นระลอกๆ เด็กหนุ่มกำลังยกขวานใช้แรงงานผ่าฟืน
เศษไม้ร่วงเกลื่อนพื้น ฟืนเล็กๆ กองหนึ่งวางกองอยู่บริเวณไม่ไกลอย่างไม่เป็นระเบียบนัก
นอกจากนี้แล้ว ยังมีชายร่างสูงใหญ่ ดวงหน้าอวบอูมไปด้วยเนื้อกำลังจ้องเด็กหนุ่มที่ผ่าฟืนอยู่เขม็ง
สวี่ฟางยืนมองนิ่งๆ
ผู้ดูแลหญิงถอยไปอีกด้านอย่างรู้ความ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด สวี่ฟางเลิกม่านประตูซึ่งทำจากผ้าฝ้าย เดินกลับไปห้องโถงใหญ่เงียบๆ
“คุณหนูใหญ่สวี่ไม่พูดคุยกับคุณชายใหญ่สวี่สักหน่อยหรือเจ้าคะ”
สวี่ฟางยิ้มให้ผู้ดูแลหญิง “ไม่จำเป็นหรอก ข้าจะรอคุณหนูลั่วกลับมาที่นี่แล้วกัน”
ตอนนี้ลั่วเซิงอยู่ที่บ่อนทองพันชั่ง
ในบ่อนทองพันชั่งมีเสียงร้องตะโกนไม่ขาดสาย เป็นช่วงที่เริ่มครึกครื้นหลังเวลากลางวัน
ลั่วเซิงสวมเสื้อผ้าบุรุษ ไม่ได้ตั้งใจแต่งกายเป็นพิเศษ ขอแค่ตั้งใจสังเกตเล็กน้อยก็สามารถมองออกว่าเป็นแม่นางผู้หนึ่ง
แต่บ่อนพนันแตกต่างจากสถานที่อื่น ล้วนเป็นคนที่หมกมุ่นกับการเล่นพนันไม่หยุดจึงมีไม่กี่คนที่สังเกตเห็นนาง
นี่ก็คือวัตถุประสงค์ที่ลั่วเซิงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าบุรุษ อย่างน้อยเข้ามาแล้วก็ไม่ได้ดึงดูดสายตาผู้คนในทันที
สำหรับการถูกคนมองออกว่าเป็นสตรี ก็ไม่เป็นไร กระทั่งหอคณิกาชาย คุณหนูลั่วยังสามารถไปมาได้ มาเที่ยวเล่นบ่อนพนัน จะไม่เป็นการให้เกียรติพวกเขาหรือ
ความจริงแล้ว ตอนที่นางมาก็ถูกมองออกถึงฐานะแล้ว มีคนของบ่อนพนันยืนอยู่เป็นเพื่อนตลอดทางด้วยท่าทางระมัดระวัง
ทว่าความระมัดระวังนั้นเปลี่ยนเป็นแววตาเปล่งประกายตามการเล่นพนันอย่างไม่ใส่ใจหลายตา แพ้ไปหลายร้อยตำลึงแล้วก็ยังไม่กะพริบตา ไม่โมโหของนาง
“คุณหนูลั่วสนใจอะไรมากที่สุดขอรับ ข้าน้อยสามารถแนะนำให้ท่านได้”
“ข้าไม่เคยเล่นอะไรทั้งนั้น เดินดูก่อนแล้วกัน” ลั่วเซิงเอ่ยอย่างขอไปที มองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นหลายส่วน
นางกำลังมองหาคนที่นางบังเอิญเหลือบไปเห็นเมื่อวานผู้นั้น
แน่นอนว่า นี่ต้องดูโชคด้วย หากคนผู้นั้นเป็นนักพนัน ก็ไม่แน่ว่าวันนี้จะมา
ทันใดนั้นก็มีเสียงโหวกเหวกโวยวายขึ้นมา คนในโต๊ะพนันตัวหนึ่งวิวาทกันแล้ว
ลั่วเซิงมองไปก็นัยน์ตาหดวูบ
บุรุษในเสื้อตัวยาว อายุประมาณสามสิบปีคนหนึ่งเร่งฝีเท้าเดินไปที่โต๊ะตัวนั้นและเริ่มจัดการข้อพิพาท
ก็คือคนผู้นั้น!
ลั่วเซิงโล่งใจ รู้สึกโชคดีหลายส่วน
“ที่นี่มีเรื่องวิวาทกันบ่อยๆ หรือ”
คนที่อยู่เป็นเพื่อนอธิบายยิ้มๆ “สถานที่แห่งนี้ของพวกข้าน้อยไม่เหมือนที่อื่น การวิวาทกันเป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อยมากขอรับ”
“คนที่สวมเสื้อสีฟ้าผู้นั้นเป็นคนของบ่อนพนันหรือ ดูเหมือนจะจัดการปัญหาได้เก่งมากทีเดียว”
“ใช่ขอรับ นั่นคือผู้ดูแลจูของพวกข้าน้อย”
“เรียกเขามา”
คนที่มาอยู่เป็นเพื่อนนางอึ้งไป
หงโต้วถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง “ไม่ได้ยินที่คุณหนูของพวกข้าพูดหรือ ดีแต่เหม่อลอย”
คนที่มาอยู่เป็นเพื่อนลอบยิ้มเจื่อน
ไม่ใช่ว่าเขาอยากเหม่อลอย แต่การกระทำของคุณหนูลั่วอยู่เหนือความคาดหมายของผู้คนเกินไปแล้ว
แต่ทว่าก็ทำได้เพียงแค่ทำตามเท่านั้น
คนที่มาอยู่เป็นเพื่อนรีบวิ่งเข้าไป กระซิบข้างหูชายผู้นั้นสองสามประโยค
บุรุษผู้นั้นมองมา ลังเลเล็กน้อยแล้วก้าวเท้ายาวเดินเข้ามา
“คารวะคุณหนูลั่วขอรับ” ชายซึ่งเดินมาตรงหน้าประสานมือคารวะ
“ผู้ดูแลจูสินะ”
“ขอรับ”
ลั่วเซิงแย้มรอยยิ้ม “ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นคนมีความสามารถ และหอสุราของข้าก็ขาดคนเช่นเจ้าคนหนึ่งพอดี ไม่รู้ว่าเจ้ายินยอมที่จะไปทำงานที่หอสุราของข้าหรือไม่”
ชายหนุ่มตะลึง
คนที่มาอยู่เป็นเพื่อนก็ตะลึง
ทำไมถึงได้มีการดึงตัวคนไปตรงๆ แบบนี้ด้วย ผู้ดูแลจูเป็นพี่น้องร่วมสาบานของนายจ้างพวกเขานะ
หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ชายหนุ่มก็ประสานมือให้ลั่วเซิง “ขอบคุณคุณหนูลั่วที่ชื่นชม ทว่านายจ้างของบ่อนทองพันชั่งมีบุญคุณต่อข้าน้อย ข้าน้อยจึงไม่สะดวกที่จะเลือกพึ่งพาบุคคลซึ่งมีตำแหน่งฐานะสูงกว่าอื่นๆ ได้ ทำได้แค่ละอายใจต่อความปรารถนาดีของคุณหนูลั่วแล้วขอรับ”
“แบบนี้เอง เช่นนั้นข้าก็ไม่ฝืนใจแล้ว ผู้ดูแลจูไปทำงานของท่านเถอะ” ลั่วเซิงเอ่ยเรียบๆ ด้วยท่าทางหมดความสนใจ
ชายหนุ่มโล่งใจเล็กน้อย หมุนตัวจากไป
ลั่วเซิงอ้อยอิ่งอยู่อีกสักพักหนึ่งแล้วพาหงโต้วออกจากบ่อนทองพันชั่งไป
สวี่ฟางรออยู่ในห้องโถงใหญ่ของหอสุรา ใบหน้าเรียบเฉย แต่ดื่มน้ำชาไปถึงสองถ้วยแล้ว
วันนี้นางมีเวลามากพอที่จะรอ เพียงแต่หลังจากเอ่ยกับคุณหนูลั่วไปแล้วจะมีผลลัพธ์เช่นไรนั้น ไม่สามารถคาดเดาได้
บนโลกใบนี้ สิ่งที่คาดเดาได้ยากมากที่สุดของคือจิตใจมนุษย์
ตอนนี้เองที่เด็กสาวซึ่งสวมเสื้อคลุมสีเขียวเดินเข้ามาจากด้านนอก