ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 345 ผู้มาเยือน
ตอนที่ 345 ผู้มาเยือน
เสียงนั้นอ่อนโยนเกินไป อ่อนโยนเสียจนลั่วฉิงไม่ทันได้รู้สึกตัว ทั้งร่างก็ร่วงลงไปเสียแล้ว
การตกจากหลังม้าลงบนพื้นหิมะ ระยะห่างสั้นๆ เท่านั้น สำหรับเด็กสาวที่ร่วงลงมานั้นกลับยาวนานราวกับชั่วชีวิตหนึ่ง
แต่ความจริงแล้วช่างสั้นนัก
ม้าพันธุ์ดีที่ห้อตะบึง ลมหนาวสะท้าน หลังจากลั่วฉิงตกลงบนพื้นมาเนิ่นนาน ถึงได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดทั่วร่าง
นางนอนอยู่บนพื้น ขยับตัวไม่ได้ สมองขาวโพลน เงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างงุนงง
หิมะประหนึ่งขนห่านร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าสีขมุกขมัวและร่วงลงเต็มศีรษะ เต็มดวงหน้านางอย่างรวดเร็ว
นางนึกว่าจะหมดสติไปแล้ว แต่ว่าไม่ หยาดน้ำตาหยดหนึ่งรินไหลจากหางตา
ม้าแบกคนไว้บนหลังน้อยลงคนหนึ่ง ความเร็วจึงเพิ่มขึ้นทันที
ผิงลี่กำบังเหียนแน่น โดยไม่ได้หันหน้ากลับไปตลอดทาง
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางพาลั่วฉิงไปด้วย
พาสตรีอ่อนแอ บอบบาง ไร้แม้แต่แรงจะเชือดไก่คนหนึ่งหนีไปไกลสุดขอบฟ้าด้วยกันนั้น เกรงว่าใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันก็ต้องถูกคนของพ่อบุญธรรมจับกลับไปแล้ว
ตั้งแต่หนีออกมาจากคุกได้ ลั่วฉิงก็สูญเสียประโยชน์ของการเป็นตัวประกันไปแล้ว หากพานางไปด้วยก็เป็นแค่ภาระเท่านั้นเอง
โยนลั่วฉิงลงจากม้า รอจนอวิ๋นต้งตามมาทัน จะยังมีประโยชน์ในการทำให้ทหารที่ติดตามมาล่าช้าลงด้วย
ไม่ใช่ว่าเขาใจดำ มนุษย์เรา เมื่อเจอทางตัน ก็ไม่มีเวลามาสนใจอะไรมากขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้นบนพื้นก็มีหิมะหนา ตกลงไปจากม้าก็ไม่มีทางเอาชีวิตนางได้
เมื่อคิดเช่นนี้ หัวใจของผิงลี่ก็ยิ่งโหดเหี้ยมและแข็งกระด้างขึ้นไปอีก เขาเร่งม้าพันธุ์ดีให้ห้อตะบึงไปด้านหน้าสุดชีวิต
หิมะโปรยปรายลงมากลบร่องรอยที่ทิ้งเอาไว้บนพื้นหิมะอย่างรวดเร็ว
อวิ๋นต้งนำองครักษ์จิ่นหลินหน่วยหนึ่งควบม้าห้อตะบึง จู่ๆ ก็ดึงบังเหียนแล้วกระโดดลงจากม้า
คนอื่นๆ เห็นเหตุการณ์ก็พากันรั้งบังเหียนให้ม้าหยุด
เด็กสาวซึ่งนอนอยู่ท่ามกลางหิมะเหมือนกับรูปปั้นน้ำแข็งที่เสียชีวิตไปแล้ว ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ
อวิ๋นต้งสีหน้าย่ำแย่ยิ่ง ยื่นมือออกไปอังลมหายใจลั่วฉิง
ลมหายใจอ่อนแรงทำให้เขาสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย จากนั้นก็รีบอุ้มเด็กสาวที่นอนอยู่ท่ามกลางหิมะขึ้นมา
ตั้งแต่ถูกอุ้มขึ้นมาจนถึงวางไว้บนหลังม้า ลั่วฉิงไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
ชายกระโปรงนางทิ้งตัวลง บนนั้นมีคราบโลหิตที่แข็งตัวแล้ววงใหญ่
อวิ๋นต้งมือหนึ่งคุ้มครองลั่วฉิงเอาไว้ มือหนึ่งคว้าบังเหียน พลางออกคำสั่งกับผู้ใต้บังคับบัญชา “พวกเจ้าตามต่อไป ข้าจะคุ้มครองคุณหนูรองกลับไปส่งก่อน”
เขาเชื่อว่า ในใจท่านพ่อบุญธรรม ชีวิตของคุณหนูรองสำคัญกว่าการไล่ตามผิงลี่ให้กลับไป
“ขอรับ”องครักษ์จิ่นหลินหน่วยหนึ่งควบม้าออกไป
อวิ๋นต้งหันศีรษะม้าพาลั่วฉิงตรงกลับไปทันทีอย่างไร้ซึ่งความลังเล
ท่ามกลางสายลมที่โหมพัดและหิมะที่ตกหนัก เด็กสาวที่ถูกปกป้องอยู่ในอ้อมแขนนั้นเหมือนกับน้ำแข็งก้อนหนึ่ง ทำให้ผู้คนเป็นกังวล
“ย่าห์…” อวิ๋นต้งเร่งม้าพันธุ์ดีใต้ร่างไม่หยุด
ม้าพันธุ์ดีทิ้งรอยเท้าลึกไว้บนพื้นหิมะ แต่ก็ถูกหิมะที่ตกหนักกลบทับไปอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดก็ถึงศาลาว่าการองครักษ์จิ่นหลิน
อวิ๋นต้งพลิกร่างลงจากม้า อุ้มลั่วฉิงพุ่งเข้าไปข้างใน พุ่งไป พลางตะโกนไปว่า “เชิญท่านหมอมา!”
แม่ทัพใหญ่ลั่วเร่งฝีเท้าเดินออกมา เมื่อเห็นอวิ๋นต้งอุ้มลั่วฉิงเอาไว้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ฉิงเอ๋อร์เป็นอะไรไปหรือ”
อวิ๋นต้งเดินเข้าไปด้านใน พลางตอบว่า “ตอนที่ลูกตามไปก็พบว่า คุณหนูรองนอนอยู่กลางพื้นหิมะขอรับ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วคิดอะไรขึ้นมาได้ทันทีจึงเอ่ยอย่างโมโหว่า “เจ้าเดรัจฉานนั่น! เจ้าห้า เจ้าตามต่อไป”
เขารับตัวลั่วฉิงจากมืออวิ๋นต้งแล้วเดินก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปข้างใน
ท่านหมอมารออยู่นานแล้ว
ลั่วเซิงมองท่านหมอตรวจอาการบาดเจ็บให้ลั่วฉิงเงียบๆ แล้วเดินไปข้างกายแม่ทัพใหญ่ลั่ว พลางถามเสียงเบาว่า “ผิงลี่ทิ้งพี่รองหรือเจ้าคะ”
ท่ามกลางสายลมรุนแรงและหิมะที่ตกหนัก ต่อให้เป็นม้าที่ดีเพียงใดก็พาคนสองคนวิ่งไปได้ไม่ไกล ผิงลี่ทิ้งลั่วฉิงเอาไว้นั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เพียงแต่ตอนนั้น แม้ว่านางจะเอ่ยเตือน ลั่วฉิงก็ไม่มีทางเชื่อ
แม่ทัพใหญ่ลั่วพยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าย่ำแย่ยิ่ง
ทั้งโมโหที่ผิงลี่โหดเหี้ยมและโมโหลั่วฉิงที่เลอะเลือน
ท่านหมอตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินมาตรงหน้าแม่ทัพใหญ่ลั่ว
“เป็นอย่างไรบ้าง” แม่ทัพใหญ่ลั่วถาม
“อวัยวะภายในทั่วร่างได้รับความกระทบกระเทือน จำเป็นต้องบำรุงให้ดี ที่สาหัสที่สุดก็คือขาซ้ายหักจากการตกลงมา บวกกับถูกแช่แข็งอยู่ท่ามกลางหิมะเป็นระยะเวลาหนึ่ง เกรงว่า…” นึกถึงเด็กสาวประหนึ่งบุปผาที่นอนอยู่บนตั่งแล้ว ท่านหมอก็ไม่กล้าพูดต่ออีก
“พูดมาให้ชัดเจน” แม่ทัพใหญ่ลั่วเอ่ยเสียงเข้ม
ท่านหมอก้มหน้าลงต่ำ ไม่กล้ามองสีหน้าแม่ทัพใหญ่ลั่ว “เกรงว่าจะเดินกะโผลกกะเผลกขอรับ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วจมอยู่ในความนิ่งเงียบ
ท่านหมอค้อมกายเล็กน้อย ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ครู่หนึ่งหลังจากนั้น แม่ทัพใหญ่ลั่วก็เอ่ยนิ่งๆ ว่า “รบกวนท่านหมอแล้ว”
ท่านหมอไม่กล้าแม้กระทั่งจะขานรับ
รอจนท่านหมอถูกพาออกไปแล้ว แม่ทัพใหญ่ลั่วก็ทอดสายตามองไปยังเด็กสาวที่อยู่บนตั่ง
ลั่วฉิงหลับตาสนิท สีหน้าซีดเผือด แม้ว่าจะสลบไสลอยู่ ก็ยังสามารถมองเห็นถึงความทุกข์ทรมานของนางได้
แม่ทัพใหญ่ลั่วสั่งการองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ไปเชิญหมอหลวงโคว่มา”
ในบรรดาหมอหลวงที่มีชื่อเสียง หมอหลวงโคว่เชี่ยวชาญเรื่องอาการบาดเจ็บจากการถูกกดทับจนกระดูกหักและอาการบาดเจ็บจากการฟกช้ำที่สุด
องครักษ์จิ่นหลินที่ไปเชิญหมอหลวงออกไปได้ไม่นาน ก็มีองครักษ์จิ่นหลินอีกนายหนึ่งรีบร้อนเข้ามารายงาน “แม่ทัพใหญ่ ทางไคหยางอ๋องส่งคนมาขอรับ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วได้ยินแล้วก็เอ่ยกับลั่วเซิงว่า “ดูแลพี่รองเจ้าสักหน่อย พ่อไปจัดการงานราชการประเดี๋ยวหนึ่ง”
ลั่วเซิงย่อเข่าเล็กน้อย “ท่านพ่อวางใจไปทำงานเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนพี่รองเอง”
ภายในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นยาเข้มข้น ลั่วเซิงยกม้านั่งตัวเล็กมาตัวหนึ่ง แล้วเฝ้าอยู่ข้างเตียงเงียบๆ
ลั่วฉิงสลบไสลไม่ได้สติ จนกระทั่งหมอหลวงโคว่มาถึงก็ต่อกระดูกให้นางใหม่
เสียงกรีดร้องน่าเวทนาดังสะท้อนภายในห้อง ลั่วฉิงเหงื่อเย็นไหลโทรมกาย หอบหายใจหนัก
“แม่นางอย่าขยับ ขยับแล้วจะยิ่งยุ่งยาก” หมอหลวงโคว่เตือนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ลั่วฉิงรู้สึกเพียงว่ากระดูกทุกนิ้วล้วนเจ็บปวด กระทั่งแรงจะพูดจาก็ไม่มี
หมอหลวงโคว่จัดการเรื่องที่ควรทำเรียบร้อยแล้วก็ถอยออกไป
ลั่วเซิงถือน้ำร้อนแก้วหนึ่ง ยื่นให้ลั่วฉิง “พี่รองดื่มน้ำหน่อยเถอะ”
ลั่วฉิงเหม่อลอย ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
ลั่วเซิงเห็นเหตุการณ์ก็วางแก้วน้ำลงเงียบๆ แล้วสั่งการองครักษ์จิ่นหลินที่เฝ้าอยู่นอกประตู “เตรียมเกี้ยว ข้าจะพาคุณหนูรองกลับจวนแม่ทัพใหญ่”
เรื่องเช่นการปลอบใจคน ให้ลั่วอิงกับลั่วเย่ว์ทำเถอะ
นางไม่เชี่ยวชาญเรื่องนี้นักและไม่มีอารมณ์อย่างยิ่ง
ในไม่ช้าองครักษ์จิ่นหลินหลายนายก็ยกกระดานไม้เข้ามา
“หงโต้ว อุ้มคุณหนูรองขึ้นมา”
หงโต้วม้วนแขนเสื้อแล้วอุ้มลั่วฉิง
ลั่วฉิงหลุดปากถามเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน “ที่นี่คือที่ไหน”
หงโต้วเม้มปากตอบ “คุณหนูรอง ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรือ ที่นี่คือศาลาว่าการองครักษ์จิ่นหลินไงเจ้าคะ”
ไม่เคยเห็นคนโง่งมเช่นคุณหนูรองมาก่อน หนีไปกับบุรุษก็หนีไปเถอะ สุดท้ายถึงกับถูกทิ้งเอาไว้เสียอย่างนั้น
หากเปลี่ยนเป็นคุณหนูของพวกนาง จะหนีไปกับบุรุษทำไม ไหนเลยจะสะดวกเท่าชิงตัวกลับมาเลี้ยงดูที่บ้าน
จุ๊ๆ คุณหนูรองช่างเทียบไม่ได้กระทั่งนิ้วเท้านิ้วหนึ่งของคุณหนูพวกนาง
สาวใช้ใช้สายตาดูแคลนมองไปทางลั่วฉิง
ลั่วฉิงได้ยินคำพูดของหงโต้วก็มีสีหน้างุนงง “ข้า ข้ามาอยู่ที่ศาลาว่าการได้อย่างไร เห็นชัดๆ ว่าข้า…”
วาจาด้านหลังพลันชะงักไป
นางนึกออกแล้ว!
ลมพัดแรงมาก เกล็ดหิมะปลิวว่อนคล้ายกับใบมีดกรีดลงบนใบหน้า นางกัดฟันยืนหยัด คิดเพียงแต่อยากจะหนีไปให้ไกลกับคนที่จับมือนางเอาไว้
แต่เขาพลันคลายมือออกแล้วจากไปคนเดียว
ลั่วเซิงฉวยโอกาสที่ลั่วฉิงเหม่อลอย ส่งสายตาให้หงโต้ว
หงโต้วอุ้มลั่วฉิงขึ้นไปวางราบบนกระดานไม้ด้วยความระมัดระวังแล้วยกออกจากประตู ส่งเข้าไปในเกี้ยว มุ่งหน้าไปยังจวนแม่ทัพใหญ่
คนที่แม่ทัพใหญ่ลั่วเจอก็คือสือหั่ว
หลังเกิดเรื่องกับแม่ทัพใหญ่ลั่ว เว่ยหานก็สั่งให้สี่พี่น้องตระกูลสือรั้งตัวอยู่ข้างกายลั่วเซิงเพื่อช่วยเหลือ หลังจากแม่ทัพใหญ่ลั่วออกมา นอกจากสือเยี่ยนที่รั้งตัวอยู่ที่หอสุราต่อไป ลั่วเซิงก็ให้สามพี่น้องคนอื่นๆ กลับไปแล้ว
เพียงแต่ว่าสามพี่น้องที่คุ้นชินกับการกินอาหารของหอสุราไม่เบิกบานใจนักเท่านั้นเอง