ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 318 ตายใจ
ตอนที่ 318 ตายใจ
อากาศหนาวแล้ว ถึงฤดูกาลตงซิว[1] จะพลาดข่าวซุบซิบร้อนแรงแบบนี้ได้อย่างไร
ไม่ได้แน่นอน!
ทันใดนั้นคนกลุ่มใหญ่ก็เดินตามไป
โรงน้ำชาห่างจากจวนเถาระยะหนึ่ง
เมื่อคนที่อยู่ตามทางเห็นขบวนกลุ่มนี้ ตามประสบการณ์อาศัยในเมืองหลวงที่สะสมมานาน พวกเขาก็ถามคนที่เดินตามข้างหลังทันที
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
“จวนรองเจ้ากรมเถาแห่งศาลต้าหลี่ไปถอนหมั้นกับจวนแม่ทัพใหญ่ลั่ว สุดท้ายคุณชายใหญ่เถานัดคุณหนูใหญ่ลั่วออกมา หลอกล่อให้คุณหนูมาเป็นอนุของเขา ก็เลยถูกคุณหนูลั่วจัดการ…”
“จุ๊ๆ แบบนี้ใจร้ายเกินไปแล้ว”
สถานะอย่างแม่ทัพใหญ่ลั่ว เกิดเรื่องทั้งทีทุกคนในเมืองหลวงล้วนจับตามอง ทันทีที่ได้ยินก็รู้ว่าเป็นเรื่องของจวนไหนแล้ว
“ก็นั่นน่ะสิ ถอนหมั้นก็ถอนหมั้นสิ ทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร ไม่ต่อยไม่ได้จริงๆ”
คนที่ได้ยินพยักหน้าไม่หยุด “ใช่แล้ว สมควรต่อย!”
ฝูงชนที่มามุงดูจำนวนมหาศาลรู้ที่มาที่ไปอย่างรวดเร็ว และล้วนเห็นพ้องต้องกันว่าคุณชายใหญ่เถาสมควรถูกจัดการ
ขบวนกลายเป็นขบวนยาว เร่งมุ่งไปทางจวนเถาอย่างยิ่งใหญ่
บังเอิญเป็นวันหยุดพอดี รองเจ้ากรมเถากำลังดื่มชากับเถาฮูหยิน
“เหตุใดวันนี้นายท่านไม่ออกไปพบปะเพื่อนฝูงเล่า”
รองเจ้ากรมเถาถอนหายใจ “ถอนหมั้นไม่ใช่เรื่องน่ายินดี อยู่บ้านเงียบๆ สักพักดีกว่า”
หากไม่มีเรื่องประจบประแจงแม่ทัพใหญ่ลั่วเพื่อขึ้นเป็นรองเจ้ากรมแห่งศาลต้าหลี่ในครานั้น ครอบครัวที่หมั้นหมายกันแล้วเกิดปัญหา การถอนหมั้นก็คงไม่ต้องกลัวผู้อื่นจะมีความเห็น
แต่เนื่องจากเคยมีเหตุการณ์เช่นนี้ แม้แม่ทัพใหญ่ลั่วจะไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น แต่ตระกูลเถาถอนหมั้นเวลาแบบนี้ก็ต้องถูกคนอื่นซุบซิบนินทาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ครานั้นไม่ควรหมั้นหมายกับครอบครัวแบบนี้เลย” เถาฮูหยินคิดถึงเรื่องเหล่านี้แล้วก็รู้สึกแย่
รองเจ้ากรมเถาหรี่ตามองนาง พูดเสียงราบเรียบว่า “แล้วเจ้าไม่ใช่ฮูหยินรองเจ้ากรมหรืออย่างไร”
เถาฮูหยินพูดไม่ออก
ทั้งสองดื่มชาเงียบๆ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าชาไร้รสชาติ
ขณะที่กำลังเงียบ คนใช้คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ “นายท่าน ฮูหยิน แย่แล้วขอรับ!”
“เรื่องอะไรหรือ” รองเจ้ากรมเถาวางจอกชาลง ขมวดคิ้วถาม
“คะ คุณหนูลั่วมาแล้ว…”
เถาฮูหยินหน้าเย็นชา “นางมาทำไม”
สองครอบครัวไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว นังหนูนั่นจะมาอาละวาดอะไรอีก
ถอนหมั้นไปแล้ว หากอาละวาดต่อไปอย่าหาว่าจวนเถาไม่เกรงใจ!
“นาง นางต่อยคุณชายใหญ่ และยังมีฝูงชนตามมาดูมากมาย!”
“อะไรนะ” รองเจ้ากรมเถาและเถาฮูหยินลุกพรวด สีหน้าตื่นตระหนก
ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่งแล้วรีบเดินออกไปโดยไม่สนใจอย่างอื่น
ด้านนอกประตูมีผู้คนมากมายวิพากวิจารณ์และชี้ไปที่ประตูสีแดง
ลั่วเซิงยืนอยู่ด้านหน้าสุด มองประตูด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
ลั่วอิงผู้สวมหมวกผ้าโปร่งยืนอยู่ข้างนาง ข้างหลังคือโค่วเอ๋อร์และหงโต้วที่จับตัวคุณชายใหญ่เถาไว้
ใช่แล้ว ตอนที่ใกล้จะถึงจวนเถา ในที่สุดหงโต้วก็แสดงความแข็งแกร่งของสาวใช้ใหญ่ของนาง แย่งผลงานในมือของสืออี้มา
แม้นางจะไม่ได้เป็นคนจัดการคนๆ นี้ แต่ผลงานอยู่ในมือของนางก็ไม่เลว
ส่วนสืออี้ เขาถูกเบียดไปข้างๆ นานแล้ว จนแทบจะกลืนหายไปกับฝูงชน
เถาฮูหยินเดินออกมาอย่างเร่งรีบ ทันทีที่สายตาหยุดอยู่ที่ลูกชาย นางก็โถมตัววิ่งเข้าไป “ต้าหลัง…”
พวกเขากล้าดีอย่างไร!
“ต้าหลัง ต้าหลังเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
เมื่อได้ยินเสียงร้องห่มร้องไห้ของเถาฮูหยิน คุณชายใหญ่เถาก็ขยับเปลือกตาเบาๆ
เขาไม่ได้สลบ แค่ไม่สามารถดิ้นหนีไปได้ ถูกคนมองมากมายเช่นนี้ เขาทำได้เพียงแกล้งสลบ จะได้ไม่ขายหน้า
หงโต้วไม่อนุญาตให้คุณชายใหญ่เถาหนีปัญหาแบบนี้แน่นอน ทันทีที่เห็นเถาฮูหยินร้องห่มร้องไห้ นางก็รีบพูดว่า “เถาฮูหยินร้องราวกับลูกชายตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น ลูกชายท่านแค่บาดเจ็บนิดหน่อยเท่านั้น”
“นิดหน่อย? นิดหน่อยจะเป็นเช่นนี้…”
ยังไม่ทันพูดจบ คุณชายใหญ่เถาก็ถูกหงโต้วหยิกอย่างแรง จนเขาร้องอุทานออกมา
หงโต้วเบ้ปาก “เถาฮูหยินดูสิ ข้าไม่ได้โกหกใช่หรือไม่”
จากประสบการณ์ในการต่อสู้กับนักสู้ไร้เทียมทานทั่วเมืองหลวงของนางยามติดตามคุณหนู แค่ดูก็รู้ว่าคนๆ นี้แกล้งสลบ
สือซื่อหั่วทึ่มเกินไป คุณหนูบอกให้เขาต่อยคนให้กลายเป็นหัวหมู เขาก็ทำตามโดยต่อยแค่ที่หน้า ไม่ได้ทำให้บาดเจ็บภายในเลย
เจ้าหมอนี่ได้เปรียบจริงๆ
“ต้าหลัง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เถาฮูหยินไม่มีจิตใจสนใจเรื่องต่อสู้ นางกังวลเพียงอาการบาดเจ็บของลูกชาย
คุณชายใหญ่เถามองนางอย่างอ่อนแรง
เถาฮูหยินตกใจกับใบหน้าที่บวมปูดของลูกชายจนกรีดร้องออกมา “รีบเชิญหมอมา!”
คนจวนเถาทะลักเข้ามา ทำท่าจะหามคุณชายใหญ่เถาไป
“ช้าก่อน”
เถาฮูหยินมองเด็กสาวที่เอ่ยขึ้น
“เถาฮูหยินหามคนกลับไปแบบนี้ ไม่ต้องอธิบายอะไรให้จวนลั่วฟังหน่อยหรือ”
เถาฮูหยินเดือดดาล “คุณหนูลั่ว เจ้าอย่ารังแกคนเกินไป เรื่องที่ทำให้ลูกชายข้าบาดเจ็บไม่จบแค่นี้แน่ เราเจอกันที่ศาลาว่าการ!”
“เจอกันที่ศาลาว่าการหรือ” ลั่วเซิงยิ้ม “พอดีเลย รู้เช่นนี้แต่แรกว่าเถาฮูหยินเด็ดขาดเช่นนี้ ข้าก็ไม่ควรไว้หน้าจวนท่าน พาคุณชายใหญ่เถาไปศาลาว่าการรอตั้งนานแล้ว”
เห็นลั่วเซิงหันหลังจะเดินไป รองเจ้ากรมเถาก็เรียก “คุณหนูลั่ว มีอะไรคุยกันให้ชัดเจน”
ลั่วเซิงหยุดเดิน หันกลับมามองรองเจ้ากรมเถา ยิ้มพูดว่า “ที่แท้รองเจ้ากรมเถาก็อยู่หรือ ไม่ได้ออกไปพบปะเพื่อนฝูงหรือเจ้าคะ”
รองเจ้ากรมเถาหน้าแดง
คำพูดนี้ฟังแล้วปกติดี แต่พูดในยามนี้แล้วรู้สึกเหมือนกำลังประชดเขา
“เหตุใดคุณหนูลั่วถึงลงมือกับลูกชายข้า”
รองเจ้ากรมเถาถามอย่างเข้มงวด ลั่วเซิงก็ตอบอย่างตั้งใจ “เพราะเขาวอนโดน”
เถาฮูหยินโมโหจนคลั่ง “ต้าหลังของเรานิสัยดี ปกติพูดกับใครไม่เคยขึ้นเสียง ขัดเคืองคุณหนูลั่วอย่างไรกันแน่ ถึงทำให้เจ้าลงมือหนักเช่นนี้”
ลั่วเซิงยิ้มหยัน “จวนท่านลุกลี้ลุกลนมาถอนหมั้นในยามครอบครัวข้าเดือดร้อน ลูกชายท่านนอกจากจะไม่รู้จักอับอายแล้ว ยังมาหลอกให้พี่ใหญ่ข้าไปเป็นอนุในอนาคตของเขา ทุกคนคิดว่าคนสารเลวที่ไร้ยางอายแบบนี้สมควรตีหรือไม่”
“สมควร!” ผู้คนที่มุงดูไม่กลัวเรื่องจะบานปลาย พากันประสานเสียง
“ต้าหลัง เจ้าไปพบคุณหนูใหญ่ลั่วมาหรือ” เถาฮูหยินมองบุตรชายอย่างตะลึง
คำพูดเหล่านั้นของนางแค่ต้องการเกลี้ยกล่อมให้บุตรชายตั้งใจอ่านหนังสือ เป็นแค่แผนการถ่วงเวลา บุตรชายกลับแอบไปเจอนังสารเลวสกุลลั่วนั่น
เถาฮูหยินถลึงตามองลั่วอิง พูดประชดว่า “จวนแม่ทัพใหญ่เป็นครอบครัวใหญ่โตมีชื่อเสียง ลูกชายข้าอยากเจอคุณหนูใหญ่ลั่วก็เจอได้หรือ คุณหนูลั่วบอกว่าลูกชายข้าหลอกพี่สาวเจ้า เหตุใดไม่ถามพี่สาวเจ้าว่าเหตุใดจึงอยู่กับลูกชายข้า คุณหนูลั่วอาจจะเข้าใจผิดไปแล้ว ใครจะไปรู้ว่าพี่สาวเจ้าเป็นคนอยากเจอลูกชายข้ามากกว่าหรือเปล่า”
เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น เสียงเซ็งแซ่ก็หยุดลงในทันใด ดวงตาหลายคู่หยุดอยู่ที่หญิงสาวที่สวมหมวกผ้าโปร่ง
เถาฮูหยินพูด… มีเหตุผล
ลี่ว์เอ้อร้อนรนจนน้ำตาคลอ
นางว่าแล้วว่าเรื่องแบบนี้คนที่เสียเปรียบคือคุณหนูของพวกนางอยู่ดี คุณหนูสามผลีผลามเกินไปแล้ว
ลั่วอิงยอมทนคำพูดทิ่มแทงของเถาฮูหยินผ่านผ้าโปร่งของหมวก ปล่อยให้สายตามากมายมองอย่างตำหนิ นางมองเพียงชายสภาพทุลักทุเลคนนั้น
แต่คนๆ นั้นไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
จู่ๆ นางก็ยกมือขึ้นถอดหมวกผ้าโปร่งโยนลงพื้น เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าซีดเซียว
[1] ตงซิว หมายถึง ช่วงว่างของฤดูหนาวที่ไม่ต้องทำนา