ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 285 ทะเลาะวิวาท
ตอนที่ 285 ทะเลาะวิวาท
ด้วยความโกรธ เว่ยเหวินพูดด้วยน้ำเสียงรุนแรง “พี่รอง พี่ดื่มสุราหรือ”
ไฟแห่งความเดือดดาลที่ยังไม่ดับสิ้นของเว่ยเฟิงลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
พี่ใหญ่เป็นเช่นนี้ แม้แต่น้องสาวผู้อ่อนโยนและเป็นมิตรยังพูดเช่นนี้กับเขา!
“ข้าดื่มสุรายังต้องขออนุญาตจากน้องหรือ”
การย้อนถามของเว่ยเฟิงทำให้เว่ยเหวินโมโหแทบหงายหลัง นางพูดด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “พี่รอง พี่คงไม่ได้ลืมว่าตนเองออกไปทำอะไรนะเจ้าคะ พี่เป็นคนบอกว่าจะไปซื้ออาหารให้เสด็จแม่ที่มีหอสุรา สุดท้ายกลับดื่มจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ถึงจะกลับมาแล้วอาหารที่ซื้อให้เสด็จแม่เล่า”
สายตามึนเมาของเว่ยเฟิงกระจ่างขึ้นวูบหนึ่ง
อาหารที่ซื้อให้เสด็จแม่?
เขาหันคอที่แข็งทื่อไปมองเด็กรับใช้
เด็กรับใช้เองก็ตกตะลึงไป
แน่นอนว่าเขารู้ว่านายท่านไปมีหอสุราเพื่อซื้ออาหาร แต่ตอนนั้นนายท่านเกือบจะลงมือกับรัชทายาทแล้ว เพื่อชีวิตน้อยๆ ของเขาแล้ว เขาคิดเพียงอย่างเดียวว่าต้องรีบเกลี้ยกล่อมนายท่านให้ออกมา ยังมีเวลาไปคิดถึงอาหารที่ไหนอีกเล่า
เว่ยเหวินเห็นดังนั้นไหนเลยจะไม่เข้าใจ นางอดยิ้มหยันไม่ได้ “พี่รองลืมไปแล้วใช่หรือไม่”
“ข้า…” เว่ยเฟิงรู้สึกเวียนศีรษะ จู่ๆ ก็พูดไม่ออก
เว่ยเหวินจะยอมง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร นางพูดด้วยความโมโหว่า “พี่รองเก่งจริงๆ หากพี่อยากออกไปดื่มสุราก็ไปดื่มสิ เหตุใดต้องสร้างเรื่องว่าจะไปซื้ออาหารให้เสด็จแม่มาหลอกข้าด้วย เสียแรงที่ข้ายังบอกเสด็จแม่เรื่องความกตัญญูของพี่เพื่อเอาใจท่าน ตอนนี้จะให้เสด็จแม่คิดอย่างไร”
แม้เว่ยเฟิงจะรู้ว่าตนเองทำผิด แต่เขาก็เมามากจนไม่สามารถทนต่อความก้าวร้าวของน้องสาวได้ เขาหัวเสียทันที “เจ้าคิดว่าข้าอยากลืมหรือ หากไม่ใช่พี่ใหญ่…”
จู่ๆ คำพูดที่เหลือก็ชะงักลง
แม้เว่ยเฟิงไม่ค่อยมีสติมากนัก แต่ก็รู้ว่าหากชายาผิงหนานอ๋องและคนอื่นๆ รู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในมีหอสุราคงเป็นปัญหาแน่ เขาจึงพูดส่งๆ ไปว่า “ไม่มีอะไร ข้าดื่มมากเกินไปแค่เอ่ยถึง…”
“แค่เอ่ยถึงจริงๆ หรือ” เสียงราบเรียบเสียงหนึ่งดังขึ้น
เว่ยเฟิงและเว่ยเหวินมองไปตามเสียงพร้อมกัน
พระชายาผิงหนานอ๋องยืนอยู่ไม่ไกลโดยมีสาวใช้คนหนึ่งคอยประคอง สีหน้านางขาวซีดดุจหิมะ
“เสด็จแม่ เหตุใดท่านจึงมาเล่า” เว่ยเหวินไม่มีจิตใจทะเลาะกับเว่ยเฟิงต่อ นางรีบเดินเข้าไปหา
พระชายาผิงหนานอ๋องกลับไม่ได้มองบุตรสาว แต่มองตรงไปที่เว่ยเฟิง “เฟิงเอ๋อร์ เจ้าพูดให้ชัดเจน เจ้าออกไปดื่มสุรา เหตุใดจึงเกี่ยวกับรัชทายาทได้”
“ลูกแค่พูดถึงเท่านั้นจริงๆ…” ต่อหน้าพระชายาผิงหนานอ๋อง เว่ยเฟิงรู้สึกเวียนศีรษะกว่าเดิม
พระชายาผิงหนานอ๋องสีหน้าเคร่งขรึม “แม่รู้จักลูกดีที่สุด เฟิงเอ๋อร์ หากเจ้าไม่พูดความจริง เช่นนั้นข้าจะถามเด็กรับใช้ของเจ้า หรือไม่ก็ส่งคนออกไปถาม”
เว่ยเฟิงทำได้เพียงพูดออกมา “ข้าไปซื้ออาหารให้เสด็จแม่ที่หอสุรา เพราะว่าหม้อไฟอาหารจานใหม่ของหอสุรามีหลากหลายแบบก็เลยคิดว่าจะลองชิมเองดูก่อนว่าแบบไหนอร่อยที่สุด ต่อมาพี่ใหญ่…”
“เรียกรัชทายาท!” พระชายาผิงหนานอ๋องขมวดคิ้วเตือน
เทียบกับบุตรชายคนโตแล้ว บุตรชายคนรองใจไม่นิ่งเลย
เดิมบุตรคนเล็กไม่จำเป็นต้องสืบทอดกิจการของครอบครัว จะมีนิสัยแตกต่างไปเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร แต่บุตรชายคนโตดันได้กลายเป็นรัชทายาท จวนผิงหนานอ๋องอันใหญ่โตต้องให้เฟิงเอ๋อร์ดูแลรับผิดชอบ
เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พระชายาผิงหนานอ๋องจะเปรียบเทียบและจับผิด
เว่ยเฟิงแก้ไข “ต่อมารัชทายาทเสด็จมา เราก็เลยนั่งดื่มสุราด้วยกัน จากนั้นดื่มมากเกินไป ข้าลืมเรื่องที่ต้องซื้ออาหารให้เสด็จแม่…”
“แค่นี้หรือ”
เว่ยเฟิงพยักหน้าส่งๆ
พระชายาผิงหนานอ๋องมองเด็กรับใช้ “เจ้าพูดซิ”
เด็กรับใช้อดมองเว่ยเฟิงไม่ได้
เว่ยเฟิงส่งสายตาเตือนเด็กรับใช้
เด็กรับใช้ห่อไหล่เล็กน้อย จู่ๆ ก็ไม่กล้าพูดอะไร
พระชายาผิงหนานอ๋องตะโกนว่า “ไม่ต้องมองเจ้านายเจ้า หากบังอาจปิดบังข้า ข้าจะถลกหนังเจ้าทิ้งเสีย!”
เด็กรับใช้คุกเข่าลงทันที เขาเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างกล้าๆ กลัวๆ
พระชายาผิงหนานอ๋องโมโหจนสีหน้าซีดขาว ถามเสียงหอบเล็กน้อย “เจ้าทะเลาะกับรัชทายาทต่อหน้าทุกคนหรือ”
เว่ยเฟิงอดโต้กลับไม่ได้ “ข้าไม่ได้ทะเลาะ ข้าแค่บอกให้รัชทายาทกลับมาเยี่ยมพวกท่านกับข้า…”
“เยี่ยมอะไร!” เสียงพระชายาผิงหนานอ๋องดังขึ้น นางง้างมือขึ้นตบหน้าเว่ยเฟิง
เสียงตบหน้าดังสนั่นไม่ได้หยุดอยู่ที่ใบหน้าเว่ยเฟิงเท่านั้น แต่ยังดังขึ้นในใจของเขา ทำให้หัวใจของเขากลายเป็นน้ำแข็ง
“รัชทายาทตบหน้าข้า ท่านแม่ก็ตบหน้าข้า พวกท่านเห็นข้าเป็นอะไรกันแน่ เสด็จแม่คิดว่าข้าเรียกรัชทายาทกลับมาดูท่านที่จวนอ๋อง เป็นเรื่องผิดหรือ”
เมื่อเผชิญกับคำถามของบุตรชาย พระชายาผิงหนานอ๋องเดือดดาล “แล้วเจ้าไม่ผิดหรือ เฟิงเอ๋อร์ เจ้าช่างไม่รู้เรื่องจริงๆ! รัชทายาทนั้นอยู่ในฐานะอะไร เจ้าเคยคำนึงถึงความลำบากใจของเขาหรือไม่ ลูกเวรลูกกรรม เจ้าบังคับเขาต่อหน้าสาธารณะชนเช่นนี้ ทำให้เขาตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก…”
เว่ยเฟิงรู้สึกเพียงว่าคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของพระชายาผิงหนานอ๋องรุนแรงราวกับมีดแหลมคมทิ่มแทงลงไปในหัวใจของเขา
สติถูกโทสะและความไม่เต็มใจเข้าครอบงำในครานี้เอง
“ข้าบังคับเขาอย่างไร ข้าแค่ถามเสียงเบาๆ เขาก็ตบหน้าข้าต่อหน้าสาธารณชนและสะบัดแขนเสื้อจากไป! เสด็จแม่ ท่านเรียกข้าว่าลูกเวรลูกกกรมแล้วเขาคืออะไร ข้าคิดว่าเขาคือคนใจร้ายและหน้าซื่อใจคด…”
เสียง เพี๊ยะ ดังขึ้น ใบหน้าของเขาถูกฝ่ามือหนึ่งตบอีกครั้ง
“เจ้าคนบัดซบ!” พระชายาผิงหนานอ๋องชี้เว่ยเฟิงตัวสั่นไม่หยุด จู่ๆ ข้างหน้าก็ดับวูบ นางล้มหงายหลังลงไป
เว่ยเหวินตั้งตัวทัน นางรีบประคองพระชายาผิงหนานอ๋องไว้ พูดด้วยความโมโหว่า “พี่รอง พี่ต้องทำให้เสด็จแม่โมโหจนเป็นอะไรไปใช่หรือไม่ เสด็จพ่อเป็นแบบนั้นแล้ว ต้องให้เสด็จแม่เป็นอะไรไป พี่ถึงจะพอใจใช่หรือไม่”
“ข้า… ข้าจะพอใจอะไร” เว่ยเฟิงปากสั่น ความเป็นห่วงที่ผุดขึ้นมาเมื่อเห็นพระชายาผิงหนานอ๋องโซเซถูกความโมโหครอบงำเพราะคำพูดของเว่ยเหวินทันที
“ท่านมันไร้เหตุผลจริงๆ!” เว่ยเหวินกระทืบเท้าพลางปลอบประโลมพระชายาผิงหนานอ๋อง “เสด็จแม่ พี่รองดื่มมากเกินไปแล้ว ท่านอย่าโมโหเขาเลย ข้าประคองท่านกลับไปพักผ่อนนะเจ้าคะ”
พระชายาผิงหนานอ๋องสงบอารมณ์ลง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “รอเจ้าสร่างเมาแล้วค่อยมาหาข้า”
เว่ยเหวินประคองพระชายาผิงหนานอ๋องจากไป เด็กรับใช้ก็ถูกลากตัวไปเพราะไม่ได้ดูแลเจ้านายให้ดี
ในห้องเหลือเพียงเว่ยเฟิงที่ยืนนิ่งด้วยใบหน้าไร้อารมณ์และคนใช้สองสามคนที่ยืนอยู่บริเวณมุมห้องไม่กล้าส่งเสียง
“พวกเจ้าออกไปให้หมด!”
เด็กรับใช้คนหนึ่งรวบรวมความกล้าพูดว่า “ซื่อจื่อ ให้ข้าน้อยปรนนิบัติท่านอาบน้ำเถอะ”
“ไสหัวออกไปให้หมด!”
ภายใต้เสียงคำรามของเว่ยเฟิง เหล่าคนใช้รีบถอยกรูออกไปและยังไม่ลืมปิดประตูห้องให้
ในห้องเงียบสงัด สิ่งที่ดังขึ้นเพียงสิ่งเดียวคือเสียงหายใจฟืดฟาดของเว่ยเฟิง
จากนั้นตามมาด้วยเสียงแจกันตกแตก
เว่ยเฟิงทิ้งตัวนั่งบนตั่ง กลิ่นสุราเหม็นหึ่งไปทั้งตัว มือของเขาจับขอบเตียงแน่น
บอกว่าเขาเป็นลูกเวรลูกกรรมที่ไม่รู้เรื่อง บอกว่าเขาบังคับรัชทายาท…
เขาบังคับเว่ยเชียงอะไรกัน!
เขาบังคับเว่ยเชียงให้ใส่ร้ายจวนเจิ้นหนานอ๋องหรือ หรือว่าเขาบังคับเว่ยเชียงไปเป็นรัชทายาท
ทั้งๆ ที่เว่ยเชียงได้รับประโยชน์ทั้งหมด ครอบครัวยังคอยเตือนให้เขาต้องขอบคุณ ขอบคุณที่เว่ยเชียงได้เป็นรัชทายาท เขาจึงได้เป็นซื่อจื่อ
ในเมื่อเว่ยเชียงรัชทายาทคนนี้ไม่เต็มใจเป็นรัชทายาท เหตุใดปีนั้นจึงไม่เป็นผิงหนานอ๋องซื่อจื่อต่อไปเล่า
เกิดเป็นบุตรชายคนโตของพระชายาเอกกลับไปเป็นบุตรชายของผู้อื่น หากไม่ใช่เพราะความปรารถนาอยากจะเป็นรัชทายาทมันเอ่อล้นแล้วเสด็จลุงบังคับให้เขาเป็นหรืออย่างไร