ประธานสาวโหดมว๊าก - ตอนที่ 71 ถูกเสี่ยเลี้ยง
ผมขมวดคิ้ว ในตอนที่กำลังอยากจะไปถามโจงหลิงกับหลี่ฟางเฟย ห้องห้องนอนใหญ่ก็ถูกเปิดออก โจวเมี่ยวเหลือบมองเข้าไปก่อนแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็ด่ากราดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างโกรธเกรี้ยวไปยังนอกห้อง"ไอ้ผู้ชายเหี้ย ยังจะกล้ามาหาถึงที่อีก"
อู๋เฉิงจื้อที่อยู่ด้านหลังโจวเมี่ยวรีบเข้ามาเกลี้ยกล่อมให้เธอเบาเสียงลง จากนั้นก็ฝืนส่งยิ้มให้กับผม แล้วพยักหน้าเป็นการทักทาย
ผมยิ่งงุนงงมากขึ้นไปอีก การแสดงออกของอู๋เฉิงจื้อค่อนข้างแปลก นอกจากจะกลัวและประหม่าแล้ว ดูเหมือนจะร้อนตัวเล็กน้อย
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?ทำไมเขาต้องร้อนตัวขนาดนี้?เขากับโจงหลิง หรือกับผู้ชายที่อยู่ด้านนอกเกี่ยวข้องอะไรกัน?
นอกจากนี้ ในตอนที่โจวเมี่ยวเปิดประตูเดินออกมา ใช้สายตาแบบนั้นมองมาที่ผม แววตาดูเหมือนจะแปลกเล็กน้อย
แต่ผมไม่เข้าใจ ตกลงมีอะไรผิดปกติ
อาจจะเป็นเพราะดูออกว่าผมงุนงง โจวเมี่ยวจึงพูดด้วยเสียงกระซิบว่า"คนที่อยู่ข้างนอกคือผู้ชายเหี้ย ตามจีบโจงหลิงมานานแล้ว โจงหลิงเตรียมจะเปิดใจให้เขาแล้ว แต่เมื่อกี้มีผู้หญิงแก่คนหนึ่งโทรศัพท์มาด่าโจงหลิงว่าหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายของหล่อน ด่าได้หยาบคายมาก โจงหลิงร้องไห้เลยแหละ จากนั้นโจงหลิงก็โทรศัพท์ไปถามผู้ชายเหี้ยคนนั้น บอกว่าจะเลิกติดต่อกับเขา ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะด่าโจงหลิง ว่าเขารักโจงหลิงมากขนาดไหน ให้ความรักไปมากขนาดไหน แต่โจงหลิงกลับบอกเลิกกับเขาอย่างไม่ไยดี พึ่งวางสายได้ไม่นาน ไอ้ผู้ชายเหี้ยคนนั้นก็มาถึงที่แล้ว"
"ผู้ชายคนนั้นพวกเรารู้จักกันดี เคยมากินข้าวด้วยกันหลายครั้ง ไม่มีใครรู้ว่าเขามีภรรยาแล้ว โจงหลิงเคยได้ยินมาก่อนว่าเขาโสด แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้ชายเหี้ยที่มีครอบครัวแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าเขาจะมาถึงที่อีก"
ผมเข้าใจได้ในทันที ว่านี่คือเหตุการณ์ที่คนเป็นสามีนอกใจภรรยา แล้วถูกภรรยาพบเข้า จากนั้นภรรยาเลยตามหามือที่สามเพื่อระบายความโกรธแค้น มือที่สามคนนั้นจึงขอเลิกกับผู้ชายเหี้ย แต่ผู้ชายเหี้ยไม่ยอม เลยมาหาถึงที่
แต่โจงหลิงไม่ถือว่าเป็นมือที่สาม เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายมีภรรยาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังไม่ได้ยอมรับตกลงปลงใจกับผู้ชายชั่วคนนี้เลย
หลังจากที่เข้าใจแล้ว ผมก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า"ในเมื่อรู้ว่าเป็นผู้ชายเหี้ย ในเมื่อมาหาถึงที่แล้ว ทำไมพวกคุณไม่ไล่เขาออกไปล่ะ?"
โจวเมี่ยวจึงหันกลับมามองไปที่อู๋เฉิงจื้อ สีหน้าของอู๋เฉิงจื้อจึงลำบากใจเล็กน้อย"ผู้ชายคนนั้นตัวค่อนข้างใหญ่ ผมกลัวว่าถ้าเปิดประตูแล้วเขาจะบุกเข้ามาทำให้โจงหลิงได้รับบาดเจ็บ"
"อย่าเปิดประตู เปิดไม่ได้ อย่าให้เขาเข้ามาได้นะ"หลี่ฟางเฟยเองก็วิ่งออกมาจากข้างในห้องเช่นกัน จึงรีบพูดอย่างตื่นเต้น
ผมจึงส่ายหัวไปมาอย่างหมดคำพูด"งั้นแจ้งตำรวจเถอะ ให้ตำรวจไล่เขาไปก็พอแล้ว"
"ใช่ๆ แจ้งความ รีบแจ้งความเร็วเข้า"พวกของโจวเมี่ยวรีบตามหาโทรศัพท์
ในเมื่อพวกเธอกลัวขนาดนี้ แม้แต่คนตัวสูงร่างกำยำสูงใหญ่อย่างอู๋เฉิงจื้อยังไม่กล้าออกหน้า ผมเองก็ขี้เกียจสนใจเหมือนกัน
แต่ในตอนที่จะไปอาบน้ำนั้น จู่ๆที่ประตูก็มีเสียง"ปังๆๆ"ดังขึ้นมา แล้วไอ้เหี้ยนั่นก็เริ่มเตะประตู
ผมขมวดคิ้ว วางผ้าเช็ดตัวและเสื้อลง แล้วเดินไปทางประตู
ถ้าขืนยังปล่อยให้เขาเตะต่อไป ถึงจะเป็นประตูรักษาความปลอดภัยก็ต้องพังแน่
"ฟางหยาง อย่าเปิดประตูนะ"โจวเมี่ยวกับหลี่ฟางเฟยกรีดร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้นอยู่ด้านหลัง
ผมไม่ได้สนใจพวกเธอ เปิดประตูออก ด้านนอกประตูมีร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่ง ผู้ชายอายุประมาณยี่สิบกว่าวิ่งเข้ามา แล้วตะโกนไปด้วยว่า"โจงหลิง คุณออกมานะ คุณมาพูดกับผมให้รู้เรื่องนะ ทำไมต้องเลิกกับผมด้วย?ทำไม?"
ผมกดไปที่หน้าอกของเขาไว้ แล้วพูดว่า"อย่าใจร้อนสิ ผมขอแนะนำคุณอย่าหุนหันพลันแล่น"
"มึงเป็นใคร?อย่าแตะต้องกูนะ"ผู้ชายคนนั้นผลักผมออกไป
ผมถอยหลังไปหนึ่งก้าว อยากรอให้เขาเข้ามาแล้วค่อยจัดการลงมือ
ผู้ชายคนนั้นเหลือบมองมาที่ผม จากนั้นสีหน้าของเขาก็บิดเบี้ยว"นายเป็นแฟนใหม่ของโจงหลิงใช่ไหม?"
"เหอะๆ"ผมไม่ตอบ ได้เพียงแต่หัวเราะอย่างเย้ยหยัน
"ไอ้เย็ดแม่ โจงหลิง ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ"
ผู้ชายคนนั้นพุ่งเข้ามาแล้วก่นด่า มือทั้งสองข้างใช้แรงผลักผมไปด้วย อยากผลักผมออกไป
ผมยกมือขึ้น แล้วจุดจากกลางแขนของเขาทั้งสองข้าง มือของเขาเฉียดไหล่ของผมไป แต่ทั้งตัวของเขาด้วยความที่เกิดแรงเฉื่อยจึงพุ่งตัวเข้ามา
ผมจึงพุ่งตัวเข้าไป ใช้แรง ชนไปที่ศีรษะของเขาอย่างแรง
วิธีนี้ใช้มามากแล้ว ซึ่งมันแน่นอนว่ามันทำได้อย่างราบรื่น ผลลัพธ์จึงดีขึ้นเรื่อยๆ ผู้ชายเหี้ยคนนั้นร้อง"อ้าก"หนึ่งครั้ง ร่างกายที่สูงหนึ่งเมตรแปดสิบกว่าเซนติเมตร จึงล้มลงกับพื้นเสียงดัง"ปึ้ง" จากนั้นก็ร้องโวยวายอย่างเจ็บปวดและกลิ้งไปมาไม่หยุด
โจวเมี่ยว อู๋เฉิงจื้อ หลี่ฟางเฟยทั้งสามคนยืนอยู่อีกด้านของห้องรับแขก มองฉากนี้อย่างอ้าปากตาค้าง
โจงหลิงโผล่หัวออกมาจากห้อง จากนั้นก็ปิดปากด้วยความตกใจ
ผมแตะไปที่หน้าปากของตัวเอง ลืมไปเลยว่าบริเวณไรผมเมื่อไม่นานมานี้พึ่งเย็บไปหลายเข็ม บาดแผลยังไม่หายดี ตอนนี้จึงรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
เมื่อกี้ลืมไปเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช้ศีรษะโม่ง
ผู้ชายเหี้ยที่อยู่บนพื้นหยุดกลิ้งไปมา เขาเช็ดไปที่จมูก หลังจากที่เห็นเลือดเต็มมือก็ร้องโวยวายด้วยความโกรธ พร้อมใช้มือดันตัวเองจากพื้นอยากลองลุกขึ้นยืน
ผมจึงเตะไปที่มือของเขาที่ใช้ยันตัวไว้ แล้วเตะไปที่หน้าอกของเขาอีกที เตะเขาล้มกลับไปที่พื้นใหม่ จากนั้นก็ใช้ฝ่าเท้าเหยียบไปที่เป้ากางเกงของเขา
"อย่าขยับ อย่าร้องโวยวาย ไม่อย่างนั้นฉันเหยียบไข่นายเละแน่"
เขาจึงหุบปากอย่างว่าง่าย ไม่กล้ากลิ้งไปมาอีก และไม่กล้าลุกขึ้นมา ได้เพียงแต่มองผมด้วยความหวาดกลัว
หลังจากที่ผมมั่นใจแล้วว่าบาดแผลบนหน้าผากไม่มีเลือดไหลออกมา ผมก็ชะโงกหัวไปกวักมือเรียกโจงหลิงที่หลบอยู่"โจงหลิง มานี่สิ"
เธอส่ายหัวไปมาเหมือนกลองป๋องแป๋ง ใบหน้าอันบอบบางของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ผมส่งยิ้มให้เธอแล้วพูดว่า"วางใจเถอะ มีผมอยู่ ผมไม่มีทางปล่อยให้เขาทำร้ายคุณหรอก คุณมาคุยกับเขาให้รู้เรื่อง อีกเดี๋ยวตำรวจก็มาจับเขาไปแล้ว"
โจงหลิงกัดริมฝีปาก เหลือบมองไปที่พวกหลี่ฟางเฟยกับโจวเมี่ยว หลังจากที่เห็นพวกเธอพยักหน้าแล้ว จึงเดินออกไปทางประตู
หลี่ฟางเฟยกับโจวเมี่ยวเดินขนาบซ้ายขวาของเธอแล้วค่อยๆเดินเข้าไป
ผมจึงเพิ่มแรงกดลงไปที่เท้าเล็กน้อย เพื่อเหยียบอัณฑะของผู้ชายคนนั้นไว้"นอนอยู่กับพื้นแล้วพูดกับโจงหลิงให้รู้เรื่อง ถ้ากล้าขยับล่ะก็ ไข่ทั้งสองใบของนายได้ระเบิดแน่"
ผู้ชายเหี้ยพยายามอดทนกับความเจ็บปวด แล้วพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าว
โจงหลิงยังคงหวาดกลัวไม่กล้าเอ่ยปาก แต่โจวเมี่ยวกับหลี่ฟางเฟยใช้ความกล้าหาญ เริ่มดุด่าผู้ชายเหี้ยคนนั้น แล้วถามเขาว่าตกลงมีภรรยารึยัง
ผู้ชายเหี้ยคนนั้นบอกจนหมดเปลือก เขายังไม่ได้แต่งงาน แต่มีผู้หญิงแก่คนหนึ่งจริงๆ อีกทั้งยังเป็นเศรษฐินีคนหนึ่งอีกด้วย
นั่นก็หมายความว่า ผู้ชายเหี้ยคนนี้ถูกเศรษฐินีเลี้ยงดู เป็นแมงดาที่เกาะผู้หญิงกิน
เขาบอกว่าเขาชอบโจงหลิงจริงๆ ยังบอกว่าตัวเองได้ออกจากเศรษฐินีคนนี้มานานแล้ว แต่อีกฝ่ายมีความปรารถนามากเกินไป เอาแต่เกาะแกะเขาไม่ยอมเลิกกับเขา
อาจเป็นไปได้ว่าเขาใช้ชีวิตในทางที่ผิดมาเป็นเวลานาน จึงทำให้จิตใจของเขาวิปริต ยังซึมซับอิทธิพลจากเศรษฐินีเรียนรู้ในการใช้ความปรารถนา เพราะฉะนั้นในตอนที่โจงหลิงตัดขาดความสัมพันธ์จากเขา เขาจึงรู้สึกโกรธมาก
ผ่านไปไม่นาน ตำรวจก็มา พอถามรายละเอียดเหตุการณ์แล้วจดบันทึกพวกเราทีละคน จากนั้นก็เอาผู้ชายเหี้ยไป
เขาน่าจะถูกคุมขังอยู่หลายวัน เพราะเขาไม่เพียงแต่เสียงดังโหวกเหวกโวยวาย ยังเตะประตูด้วย
สำหรับผมแล้ว ถือว่าเป็นผู้พิทักษ์รักษาหรือเป็นคนที่กล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ถึงอย่างไรซะก็ไม่ได้ถูกตำรวจพาไป
หลังจากที่ปิดประตูใหม่อีกครั้ง และสงบลงมาได้ ในที่สุดเพื่อนร่วมห้องหลายคนจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก