ประธานสาวโหดมว๊าก - ตอนที่ 70 รอดูแล้วกัน
"ฉันกลัวว่าวันหนึ่งคุณจะทำให้ฉันโกรธจนตาย"
"คุณไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะอีกไม่นานคุณก็จะตกหลุมรักผม และมีความสุขไปกับความรู้สึกนี้"
"เป็นไปไม่ได้"
"ถ้าไม่เชื่อ คุณรอดูก็แล้วกัน"
"ฮ่าๆ พูดประชดฉันเหรอ?"
"ไม่ใช่ มันเป็นแค่ความจริง คุณลองถามใจตัวเอง เมื่อสักครู่คุณรู้สึกตื่นเต้นและดีใจใช่ไหม?"
"ฉันไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น"
"ประธานไป๋ เป็นคนต้องซื่อสัตย์และพูดความจริง"
"หึ! ฉันบอกแล้วว่าไม่รู้สึกไง!"
เธอหันศีรษะและมองออกไปนอกหน้าต่าง และไม่สนใจผมอีก
ผมถามเธอไปหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่ยอมตอบ สุดท้ายผมก็ทำได้แค่ตั้งใจขับรถยนต์
เมื่อถึงคอนโดของไป๋เวย ผมจอดรถยนต์ไว้ในที่จอดรถตามที่เธอบอก ผมลงจากรถยนต์และคืนกุญแจรถให้เธอ จากนั้นเธอไม่กล่าวคำอำลาใดๆออกมา หันหน้าและเดินจากไป
"ประธานไป๋ คืนนี้ขอให้คุณฝันดีนะ"
ผมโบกมือให้กับแผ่นหลังของเธอ
เธอหยิบคีย์การ์ดเปิดประตู ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป
"ถ้าให้ดี ช่วยฝันถึงผมด้วย"
ก่อนที่ประตูจะปิดสนิท ผมพูดคำนี้ออกไป
เธอไม่ได้หันหน้ากลับมามอง และหายไปจากทางเดินอย่างรวดเร็ว
ผมอดไม่ไหวก็เลยหัวเราะอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ และเดินออกจากที่จอดรถอย่างช้าๆ
เดินออกมาถึงหน้าประตูคอนโด ขณะที่ผมกำลังจะเรียกแท็กซี่เพื่อกลับไป มีรถมาเซราติ ควอตโตรปอร์เต้คันหนึ่งขับเข้ามาจอดอยู่ด้านหน้าผมอย่างเงียบๆ
ประตูด้านคนขับถูกเปิดออก มีผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่งที่เป็นคนขับลงจากรถแล้วเดินอ้อมมายังข้างๆผม เขาเปิดประตูหลัง หลังจากนั้นก็มองผมด้วยสีหน้าปกติ
ผมอึ้งไปชั่วครู่ นึกว่ามีเศรษฐีคนหนึ่งกำลังจะลงจากรถยนต์ ขณะที่ผมกำลังจะหลีกทางให้ เบาะหลังของรถมาเซราติก็มีผู้ชายที่มีหน้าตาหล่อเหลาที่ผมรู้จักเดินลงมา เขามองผมและพูดด้วยรอยยิ้ม "ฟางหยาง เป็นไงบ้าง สบายดีไหม"
ผมอดไม่ได้ก็เลยหัวเราะออกมา คนที่ทั้งหล่อทั้งรวยคนนี้คือกงเจิ้งเหวิน
"ประธานกงมาหาผมโดยเฉพาะเลยเหรอ?"ผมถามอย่างเบาๆ
"มันเป็นเรื่องบังเอิญ ฉันผ่านมาทางนี้พอดี"
"อ้อ? ไม่รู้ว่าเมื่อสักครู่ประธานกงบังเอิญเห็นผมสารภาพรักกับไป๋เวยหรือเปล่า จากนั้นผมก็จูบเธอกลางถนนด้วย?"
ใบหน้าที่ดูเฉยเมยและมั่นใจของกงเจิ้งเหวินค่อยๆเปลี่ยนไป และดวงตาของเขาก็ฉายแววความโหดเหี้ยมด้วย
ผมไม่รอให้เขาตอบ ผมมองผู้ชายที่มีสีหน้าปกติและยืนอยู่ด้านหน้าผม เขาเป็นคนขับรถยนต์ที่สูงกว่าผมครึ่งหัวและพูด "เหอะๆ ประธานกง บอดี้การ์ดคนนี้ร่างกายสูงใหญ่ คุณจะให้เขามาซ้อมผมใช่ไหม?"
สายตาของคนขับรถยนต์หรี่ลงเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ลงมือ
กงเจิ้งเหวินหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้ง และพูดเบาๆ "ฟางหยาง ถ้าฉันอยากทำร้ายคุณ มันเป็นเรื่องง่ายมาก คนขับรถยนต์คนไหนก็สามารถซ้อมจนคุณสะบักสะบอมได้ง่ายๆ แต่ฉันไม่ใช่คนป่าเถื่อน และไม่ชอบวิธีการป่าเถื่อนแบบนี้"
"ฮ่าๆๆ ประธานกงคุณชำนาญเรื่องอย่างอื่นจริงๆ อย่างเช่น ใส่ร้ายป้ายสี ใช่ไหม? แต่คุณแน่ใจได้ยังไงว่าคนขับเพียงคนเดียวจะซ้อมจนผมสะบักสะบอมได้เหรอ? คุณอยากลองดูไหม"
ขณะพูด ผมก็เงยหน้าหาเรื่องคนขับที่มีสีหน้าปกติที่คิดว่าตัวเองเป็นยอดฝีมือ
คนขับหันหน้ากลับไปมองกงเจิ้งเหวิน เมื่อเห็นเขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา ในที่สุดเขาก็ทำได้แค่จ้องมองผม
"ฮ่าๆ"ผมอดไม่ไหวก็เลยหัวเราะออกมาอีกครั้ง"ประธานกง คุณกลัวเหรอ คุณกลัวว่าเขาจะสู้ผมไม่ได้ใช่ไหม และกลัวผมจะทำร้ายคุณใช่ไหม? คุณน่าจะจำความรู้สึกตอนที่คุณโดนซ้อมจนเลือดเต็มหน้าที่เชียงใหม่ได้ ความรู้สึกนั้นมันคงแย่มากๆใช่ไหม"
สีหน้าของกงเจิ้งเหวินยังคงเป็นปกติ "ฟางหยาง ฉันไม่ได้มาเถียงกับคุณ แต่มาเพื่อเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้าย ออกไปจากชีวิตของไป๋เวยเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นคุณจะเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน อย่าคิดว่าคุณมีคนรู้จักที่ประเทศไทยแล้วฉันจะจัดการคุณไม่ได้ คุณต้องดูให้ชัดๆ ตอนนี้พวกเราอยู่ในประเทศ"
ผมไม่ได้ตอบ แต่ชูนิ้วกลางให้เขา
คนขับรถยนต์คนนั้นกำหมัดไว้แน่น แล้วมองไปที่กงเจิ้งเหวิน
กงเจิ้งเหวินมองมาที่ผมสักพักและหัวเราะอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็ขึ้นไปในรถมาเซราติ
คนขับรถคนนั้นก็เหลือบมองผมอีกครั้ง จากนั้นก็ปิดประตู แล้วเดินอ้อมไปยังที่นั่งคนขับ
เมื่อเห็นรถมาเซราติจากไป ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงเวลาที่ต้องชำระแค้นแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงว่ากงเจิ้งเหวินจะหาคนมาจัดการผมหรือเปล่า แค่พูดถึงเรื่องที่เขาหาเรื่องผมที่เชียงใหม่ ผมก็ไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่นอน
ยังมีเฉาเหวินหวยด้วย เขาน่าจะจัดการได้ง่ายกว่ากงเจิ้งเหวิน งั้นลงมือจัดการเขาก่อน ควรสั่งสอนเขาก่อน
ระหว่างทางกลับคอนโด ผมโทรศัพท์ไปหาโล๋อีเจิ้ง ถามเขาว่าสืบข้อมูลของกงเจิ้งเหวินไปถึงไหนแล้ว
ผมกำลังยุ่งกับการหาคอนโดเมื่อสองสามวันมานี้ ทำให้ผมลืมเรื่องนี้ไป
โล๋อีเจิ้งบอกว่าเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน เขาได้โอนเงินค่ามัดจำหนึ่งหมื่นหยวนให้หน่วยงานนักสืบแห่งหนึ่ง และหน่วยงานนักสืบแห่งนี้มีความสัมพันธ์กับตำรวจและอันธพาลด้วย ตอนนี้พวกเขากำลังสืบข้อมูลอยู่ แต่เนื่องจากพวกเราจ่ายเงินแค่สามหมื่นหยวน อีกฝ่ายคงไม่ดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด เวลาที่ใช้ในการสืบหาข้อมูลก็คงไม่นาน ประมาณครึ่งเดือนเท่านั้น ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ พอถึงสัปดาห์หน้าพวกเราก็คงได้ข้อมูล แต่ไม่รู้ว่าจะได้ข้อมูลมากน้อยแค่ไหน
ผมบอกให้โล๋อีเจิ้งส่งข้อมูลของหน่วยงานนักสืบมาให้ผม และบอกให้เขาแจ้งหน่วยงานนักสืบด้วย ผมจะเป็นคนติดต่อกับพวกเขาและเป็นคนดูแลเรื่องนี้เอง
โล๋อีเจิ้งยังบอกอีกว่า เขาได้หาเพื่อนหลายๆคนไปสืบเรื่องนี้ด้วย ร่วมถึงเพื่อนในร้านบาร์ เพราะมีลูกคนรวย ลูกของนักการเมืองไม่น้อยชอบมาเที่ยวที่ร้านบาร์ของเขา เขาก็พยายามตีสนิทกับคนพวกนั้น เขาก็พูดอ้อมๆเพื่อพยายามถามเรื่องที่มีประโยชน์ออกมา
หลังจากวางสายจากโล๋อีเจิ้ง ในระหว่างทางกลับคอนโด ผมครุ่นคิดตลอดเวลาว่าจะใช้วิธีไหนจัดการกงเจิ้งเหวิน
คนอย่างเขาไม่โปร่งใสอย่างแน่นอน ผมต้องหาจุดอ่อนของเขาให้ได้ ถ้าหาข้อมูลเรื่องที่เขาทำผิดกฎหมายหรือเรื่องที่เขาแอบทำและทำให้ยู่เฟิงกรุ๊ปเสียผลประโยชน์ได้ก็คงดี ถ้าใช้หน่วยงานนักสืบคงหาข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้อย่างแน่นอน ผมคงต้องหาวิธีอื่น
หรือใช้ประโยชน์จากเฉาเหวินหวย เพราะเขาเคยร่วมมือกับกงเจิ้งเหวินมาแล้ว เขาอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกงเจิ้งเหวิน และเขาอาจจะรู้ความลับของกงเจิ้งเหวินก็ได้
งั้นก็ลองดู เอาวิดีโอที่เฉาเหวินหวยเข้าบาร์เกย์ไปหาเรื่องเขา
ผมครุ่นคิดแผนการจนกลับถึงคอนโด เพื่อนร่วมคอนโดทุกคนปิดประตูและอยู่ในห้องของตัวเอง
ขณะที่ผมหยิบเสื้อผ้ากำลังจะไปอาบน้ำ ประตูห้องของผู้หญิงสองคนนั้นก็ถูกเปิดออก ผู้หญิงหนึ่งในนั้นที่มีชื่อว่าหลี่ฟางเฟยยกแก้วน้ำแล้วเดินออกมา เธอทักทายผม จากนั้นก็เดินไปเทน้ำเปล่าที่ห้องนั่งเล่น
ผมเกิดความสงสัย เพราะเห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเธอหดหู่เล็กน้อย และภายในห้องของเธอยังมีเสียงร้องไห้เบาๆดังออกมา คนที่ร้องไห้เป็นผู้หญิงที่น่ารักอีกคนที่มีชื่อว่าโจงหลิง
ถึงแม้ว่าพวกเราจะรู้จักกันยังไม่ถึงหนึ่งวัน และเพิ่งทานอาหารเย็นร่วมกัน แต่ในความทรงจำของผม โจงหลิงไม่เพียงแค่สวยเท่านั้น แต่เธอยังเป็นคนร่าเริงและใจกว้าง และก่อนผมออกจากคอนโดเธอยังไม่เป็นแบบนี้
ดูเหมือนว่าภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่ผมออกไป ต้องจะมีเรื่องน่าเศร้าอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับโจงหลิง อาจจะเป็นเรื่องของความรัก หลี่ฟางเฟยที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอก็รู้สึกหดหู่ด้วยเช่นกัน
ดูเหมือนผมจะช่วยอะไรพวกเธอไม่ได้ และผมก็ไม่สะดวกใจที่จะเข้าไปในห้องนอนของเด็กผู้หญิง
ผมกำลังครุ่นคิดว่าตัวเองไม่ควรไปยุ่งเรื่องนี้ ขณะที่ผมกำลังจะเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูอย่างแรงและมีเสียง"ตุบๆๆ"ดังขึ้น และมีเสียงตะโกนของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น "โจงหลิง เปิดประตู"
หลี่ฟางเฟยที่กำลังเทน้ำเปล่าอยู่ในห้องนั่งเล่นก็ตกใจขึ้นมาทันที เธอหน้าซีดและวิ่งเข้าห้องนอนของเธอ และเสียงร้องไห้ของโจงหลิงก็หยุดลงทันที แต่ยังมีเสียงสะอื้นดังออกมา
"โจงหลิง คุณรีบเปิดประตูให้ผมเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะพังประตูเข้าไป"
เสียงตะโกนของผู้ชายที่อยู่ด้านนอกดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงเคาะประตูก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ