ปรมาจารย์หญิงยอดนักปรุงยา - ตอนที่ 91-92
ตอนที่ 91+ 92
ตอนที่ 91 เขาคือคนรักของข้า
ลูกศรทั้งหมดถูกหักเหด้วยดาบสองคมสามแฉก พวกมันแตกสลายหรือถูกทําลาย และทั้งหมดก็ร่วงลงสู่พื้นพร้อมกับเสียงแตกหักกรอบแกรบ แต่ไม่มีใครสักคนที่บาดเจ็บเพราะมันเลย
เมื่อลูกธนูตกลงสู่พื้น หยางเจี้ยนก็หยุดนิ่ง
ทุกคนได้ยินเสียงดังลั่น! เมื่อปลายด้ามของดาบสองคมสามแฉกแตะพื้นด้วยพลังจากข้อมือของเขาที่จับดาบสองคมสามแฉก หยางเจี้ยนดูเหมือนเทพเจ้าแห่งสงครามที่ไม่เคยแพ้ในขณะที่เขายืนต่อหน้าทุกคน
ฉากนี้ทําเอาทุกคนตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าคนๆหนึ่งจะสามารถเบี่ยงเบนลูกศรเกือบร้อยลูกทั้งหมดที่ยิงพร้อมกันด้วยตัวคนเดียว
เล่ยซูมองทุกอย่างที่เกิดตรงหน้าอย่างตื่นตระหนก เขารู้ว่าหลิงเหอและคนของเขาค่อนข้างมีทักษะ ดังนั้นเขาจึงต้องการจัดการกับพวกนั้นก่อน แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าชายหน้าตาประหลาดผู้นี้จะมาขัดขวางแผนของเขา!
“จเพิ่งเยียน! อย่าบอกนะว่าเจ้าตั้งใจจะก่อจลาจล?” เล่ยซูตะโกน
จี้เฟิงเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ นางยกมือขึ้นเพื่อผลักหลิงเหอที่ยืนอยู่ตรงหน้าให้ออกไป เบา ๆ และเดินด้วยความเร็วปานกลางจนกระทั่งนางอยู่ข้างๆหยางเจี้ยน นางค่อยๆ เคลื่อนฝ่ามือเล็ก ๆ ของเธอลงบนไหล่ของหยางเจี้ยน นางเลิกคิ้วเล็กน้อยขณะที่ยิ้มจาง ๆ ให้เล่ยซูซึ่งมีสีหน้าบิดเบี้ยวและพูดว่าเล่ยซู เจ้าพูดค่าสั่งเสียจบแล้วสินะ ต่อไปก็เป็นตาของข้าแล้ว”
เล่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย “หลักฐานอยู่ที่นี่แล้ว เจ้ายังต้องพูดอะไรอีก โกหกเพื่อปกป้องตัวเองหรือ”
“โกหกป้องกันตัวเอง?” ทันใดนั้น จี้เฟิงเยี่ยนก็ปิดปากของนางและหัวเราะอย่างสนุกสนาน ดวงตาของนางเริ่มมีน้ําเอ่อขึ้นและน้ําตาของเธอส่องแสงในประกายจันทราท่ามกลางความมืด
“ขออภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจจะหัวเราะหรือแก้ตัว แต่ข้ามาที่นี่เพื่อประกาศอะไรบางอย่าง”
เล่ยซูรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
จี้เฟิงเยี่ยนไม่ได้แก้ตัวจริงหรือ?
นางโง่จริงๆหรือรู้ว่าไม่มีโอกาสพลิกโอกาสกันแน่ นี่คือเหตุผลที่นางตัดสินใจยอมแพ้หรือ?
จี้เฟิงเยี่ยนยิ้มหวานแล้วมองไปที่เจ้าของร้านขายอัญมณีที่กาลังคุกเข่าอยู่หน้าม้าของเล่ยซูและประกาศอย่างน่าสงสารว่าเขามี “ความสัมพันธ์” กับนาง นางยกมือขึ้นไป “แม้ว่าข้ากําลังมองหาใครสักคน แต่รสนิยมของข้าก็ไม่เลวร้ายเช่นกัน คนน่าเกลียดขนาดนี้…ต่อให้เหลือคนสุดท้ายของคนข้าก็ไม่ลดตัวไปยุ่งด้วยหรอก”
เจ้าของร้านอัญมณีปากกระตุกหลังจากที่จี้เฟิงเยี่ยนชี้หน้าเขาและบ่นว่าน่าเกลียด
ด้วยการพลิกข้อมือเบาๆของนาง จี้เฟิงเยี่ยนก็ชี้ไปยังหลิวฮาว ที่ยืนอยู่ข้างหลังอย่างสะดวก” เล่ยซูเจ้าสับสนจริงๆแล้ว ข้าเคยบอกเจ้าไปก่อนแล้วว่านี่คือคนรักของข้า ใช่ เขาคือว่าที่สามีที่ข้าซ่อนไว้จากทุกคน เขาคือ หลิวฮ่าว พวกเจ้าจาให้ดีว่าเขานั้นดีกว่าลูกชายที่ไร้ประโยชน์ของเจ้าหลายร้อยเท่าในทุกๆด้าน เว้นแต่ข้าจะตาบอด ไม่สิ ต่อให้ตาข้าบอด ข้าก็จะไม่สนใจเลยมินที่โง่เง่า”
“นางเด็กสารเลว” เล่ยซูโกรธมาก เขาไม่พอใจกับคําพูดที่ค่อนข้างแปลกใหม่ของ จี้เพิ่งเยี่ยน แม่ไม่ค่อยรู้ความหมาย แต่มันน่าจะแปลว่าถูกด่าแน่นอน
พฤติกรรมแปลก ๆ ของจี้เพิ่งเยี่ยนทําให้ทุกคนสับสน
“และก็เช่นกัน” จี้เฟิงเยี่ยนดึงมือนางกลับและมองไปที่ชายวัยกลางคนที่กล่าวหาว่านางมีเจตนาที่จะฆ่าเขา
“ไม่มีคนที่ข้าต้องการฆ่าคนไหน ที่สามารถหลบหนีข้าได้”
ในขณะที่จี้เฟิงเยี่ยนกล่าว เจตนาฆ่าเย็นยะเยือกก็ปรากฏออกมาจากดวงตาของนาง ทันใดนั้นล่าแสงก็พุ่งออกจากนิ้วของนางและตรงไปยัง “พยาน” คนนั้น
รังสีเรืองแสงนั้นเร็วเกินไป แม้แต่โจวฉีก็ไม่มีเวลาตอบสนอง เมื่อทุกคนรู้ว่าจี้เฟิงเยี่ยนต้องการทําร้ายคน ๆ นั้น แสงนั่นก็มาถึงแล้ว …
สายเกินไป.
แสงนั่นหายไปแล้ว มันหายเข้าไประหว่างคิ้วของคนๆนั้น ใบหน้าของเขากลายเป็นแผ่นสีขาวด้วยความตื่นกลัว และเขาก็ยกมือขึ้นแตะบริเวณนั้น แต่เขาไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่างใดๆที่ผิดปกติ
เล่ยซ์เห็นว่าไม่มีความผิดปกติใด ๆ บนหน้าผากของบุคคลนั้น ก่อนที่เขาจะเตรียมสร้างปัญหาให้จี้เฟิงเยี่ยนต่อไป
ชายวัยกลางคนคนนั้นก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
แสงสีทองมากมายพุ่งออกมาจากข้างในร่างของชายคนนั้น แสงนั่นออกมาจากอวัยวะภายในร่างกาย มันเริ่มแพร่กระจายและเผาผลาญทุกเซลล์ในร่างกายของเขา!
ตอนที่ 92 ข้าจะทําให้คําพูดของเจ้าเป็นจริง
เปลวไฟสีทองกระจายไปทั่วร่างกายของเขา มันทําให้ทุกคนตื่นตกใจ และโชคดีที่ปฏิกิริยาตอบสนองของโจวจีนั้นรวดเร็ว เขาสั่งให้คนของเขาดับไฟในทันที
แต่…
ไม่ว่าน้ําจะสาดเข้าหาไฟสีทองกี้ถัง เปลวไฟบนร่างของคน ๆ นั้นก็ไม่ได้ลดลงเลย มิหนําซ้ํายังเผาไหม้อย่างรุนแรงยิ่งขึ้น
เปลวไฟสีทองเป็นเหมือนฝันร้ายที่ปรากฏต่อหน้าของทุกคน ทุกคนต้องทนดูชายวัยกลางคนผู้นั้นค่อยๆถูกไฟไหม้จนเหลือแต่ผิวหนังและอวัยวะเขรอะขระ มีเพียงกองกระดูกสีทองที่น่าหวาดกลัวกระจัดกระจายอยู่บนพื้นแทน จากนั้นเปลวไฟสีทองประหลาดกองนั้นก็หายไปพร้อมกับความตายของชายวัยกลางคนผู้น่าสงสาร
ตรงนั้นเหมือนไม่เคยมีใครมาก่อน……
มีเพียงความรู้สึกกลัวเท่านั้น ที่ไม่สามารถลบล้างหรือลืมเลือนไปได้ เบื้องหน้าที่ทุกคนเห็นมีเพียงกระดูกที่ถูกเผาไหม้ กระดูกยังคงปล่อยคลื่นความร้อนออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว
“เจ้าเห็นชัดเจนรึยัง!?” ทันใดนั้นเสียงของจี้เฟิงเยี่ยนก็ดังออกมาจนทุกคนได้ยิน นางพูดด้วยน้ําเสียงที่อ่อนโยนมาก แต่ก็เหมือนเสียงฟ้าร้อง ที่ปลุกทุกคนจากความหวาดกลัว
ไม่มีใครรู้ว่าจี้เฟิงเยี่ยนทําอะไร พวกเขาไม่ทราบที่มาของเปลวไฟสีทองที่ไม่สามารถดับได้กองนั้น
เล่ยซูมองไปที่กองกระดูกที่ถูกเผาไหม้นั้นด้วยแววตาแข็งกร้าว กลิ่นของเนื้อจากผิวหนังและเนื้อสดๆที่ถูกไฟไหม้ไม่ได้หายไป แม้เวลาจะผ่านไปนานมาก กลิ่นก็ยังคงโชยเข้าจมูกทําให้ท้องของเขาเริ่มปั่นป่วนจนรู้สึกไม่สบายใจตัว
เจ้าของร้านขายอัญมณีอยู่คุกเข่าอยู่ใกล้ๆกับกระดูกมากที่สุด เมื่อเปลวไฟสีทอง เริ่มลุกไหม้เขาก็กลัวจนไม่รู้จะทํายังไง ขาของเขารีบขยับหนีและเขาก็ล้มลงกับพื้น จากนั้นร่างกายของเขาสั่นสะท้านเหมือนนกกระทาที่ตกใจกลัว
“อีก” เจ้าของร้านขายอัญมณีอาเจียนหลังจากได้กลิ่นแปลก ๆ ของสกปรกกระเซ็นออกมาทุกที่จากจมูกและปากของเขา ของเสียเหล่านั้นส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวและเหม็นคาวไปทั่ว
“เจ้าบอกว่าข้ามีความสัมพันธ์กับเจ้า?” ดวงตายิ้มของเฟิงเยี่ยนจับจ้องไปที่เจ้าของร้านอัญมณีคนนั้น
ร่างกายของเจ้าของร้านพลันแข็งขึ้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมาและพบกับดวงตาที่เย็นชาของจี้เพิ่งเยี่ยน เลือดของเขาเหมือนถูกแช่แข็ง เขาไม่สนใจที่จะเช็ดสิ่งสกปรกที่อาเจียนออกมาบนเสื้อผ้าของเขาแต่อย่างใด เขาทําได้เพียงส่ายหัวระรัวปฏิเสธจนตัวสั่น ขาของเขาเหยียบลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง ตอนนี้ที่เขาต้องการ มีเพียงหนีให้ห่างจากผู้หญิงบ้าคนนี้เท่านั้น
“เจ้านี่ดู … น่าเบื่อจริงๆ เจ้าไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะช่วยหลิวฮาวของข้าถือรองเท้าด้วยซ้ํา เสียชาติเกิดจริงๆ” จี้เฟิงเยี่ยนยกมือขึ้นอย่างลวก ๆ แสงสีทองที่ทําให้ผู้คนสิ้นหวังพุ่งออกมาจากนิ้วของนางอีกครั้งและเข้าไปในหัวของเจ้าของร้านทันที เจ้าของร้านตกใจจนกรีดร้องอย่างทรมาน
ความรู้สึกอบอุ่นเริ่มกระจายไปทั่วหัวสมอง สิ่งที่เขาได้เห็นก่อนหน้านี้ ทําให้เขาสูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว ทันใดนั้นเขาก็ส่งเสียงร้องดังลั่น เขาเอามือของเขามาปิดหน้าผาก จากนั้นเขาก็คลานไปหาจี้เฟิงเยี่ยนและคุกเข่าขอร้องทั้งน้ําตาว่า “คุณหนู ข้าผิดไปแล้ว! ข้าไม่ควรใส่ร้ายเจ้า…ข้าขอร้อง…ได้โปรดปล่อยข้าออกไป…อ้า าาา!”
เสียงกรีดร้องอย่างทรมานของเขาสอดแทรกไปด้วยค่าวิงวอน
เปลวไฟสีทองปรากฏต่อหน้าต่อตาทุกคนอีกครั้ง ทุกคนเห็นได้เพียงเปลวไฟสีทองที่ห่อหุ้มเจ้าของร้านขายอัญมณี จากนั้นเปลวไฟได้เผาไหม้ทั้งตาหูจมูกและปากของเขา ลามมายังเสื้อผ้าของเขาจนกลายเป็นขี้เถ้า ความร้อนทําให้ผิวหนังของเขาเป็นสีแดงก่าดั่งมะเขือเทศ
เสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชทะลุเข้าหูของทุกคน ภาพแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นติดต่อกันเหล่านี้ท่าให้แม้แต่เล่ยซูผู้โหดเหี้ยมทําได้เพียงจ้องมองในขณะที่เจ้าของร้านขายอัญมณีดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์อยู่ท่ามกลางเปลวไฟสีทอง และความกลัวและความเกลียดชังปรากฏใบหน้าที่ถูกไฟไหม้นั้น
“เจ้าเมืองเลย ท่านเจ้าเมืองเลย ช่วยข้าที่ ข้าไม่อยากตาย” เจ้าของร้านขายอัญมณียกข้อศอกที่เหลือแต่กระดูก เพราะถูกเผาจากไฟ เอื้อมไปหาเล่ยซอย่างสิ้นหวัง