หลินหลันรู้สึกแน่นหน้าอกจนพะอืดพะอม จึงแสดงท่าทีให้แม่โจวช่วยรินน้ำให้
สำหรับนาง เงินจำนวนหนึ่งพันกว่าตำลึงเงินไม่ใช่จำนวนที่มากมาย แต่พี่ใหญ่มีรายได้เฉลี่ยทุกเดือนหนึ่งร้อยกว่าตำลึงเงินเท่านั้น แล้วจะให้เหยาจินฮวาใช้เงินมือเติบเพียงนี้ได้ที่ไหนกัน
หลินหลันดื่มน้ำเข้าไปอึกหนึ่ง แล้วพ่นลมหายใจออกมาจาก “เรื่องนี้ พวกเราแสร้งทำเป็นไม่รู้ก็พอ นางต้องการเท่าใด ก็ให้นางไปเท่านั้น”
พอนับๆ วันดู พี่ใหญ่ก็ใกล้กลับมาแล้ว วันคืนสุขสบายของเหยาจินฮวาจึงใกล้สิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน
แม่โจวเป็นอันเข้าใจได้ “บ่าวรับทราบแล้วเจ้าค่ะ”
“สถานการณ์ของฮานเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้างหรือ” หลินหลันยังคงเป็นห่วงฮานเอ๋อร์มากที่สุด ฮานเอ๋อร์มีมารดาเช่นนี้ นับเป็นความโชคร้ายร้ายชั่วชีวิต
“คุณชายน้อยฮานเอ๋อร์มีผู้ดูแลวัยกลางคนที่เฝิงฮูหยินส่งไปคอยอบรมสั่งสอนอยู่เจ้าค่ะ เอ้อร์เส้าหน่ายนายวางใจได้เจ้าค่ะ” แม่โจวกล่าว
วางใจ นางจะวางใจได้หรือ การมีมารดาประเภทนี้ สู้ไม่มียังจะดีเสียกว่า! หลินหลันหมดคำจะพูดอย่างสุดขีด
กำหนดวันมงคลขึ้นบ้านใหม่เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็คือวันที่หกเดือนหก เดิมทีอยากรอจัดการงานมงคลของหมิงจูให้เรียบร้อยแล้วค่อยโยกย้าย ทว่าในเดือนหกมีวันมงคลสำหรับการเข้าอยู่บ้านใหม่เพียงสามวันเท่านั้น อีกทั้งล้วนเป็นช่วงก่อนหน้าวันงานมงคลของหมิงจูทั้งสิ้น เมื่อถึงเดือนหก อากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ ร้อนจนหลินหลันอยู่ไม่สุขตลอดทั้งวัน กลางคืนก็นอนไม่หลับ หมิงอวินเอ่ยว่าบ้านใหม่ทางด้านนั้น เย็นสบายกว่าเรือนหลั้วเซี๋ยจายมาก จึงตัดสินใจโยกย้ายเข้าไปโดยเร็วไว
แม่โจวนำผู้คนช่วยกันขนย้ายสิ่งของมีค่าทางด้านนี้ย้ายไป หรูอี้แวะไปบ้านหลังใหม่แล้วเช่นกัน เมื่อกลับมาจึงกล่าวอย่างตื่นตาตื่นใจ “บ้านหลังใหม่จัดแต่งอย่างงดงามเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะสระบัวนั่น ในช่วงเวลานี้ ดอกบัวในสระล้วนผลิบานเต็มไปหมด เอ้อร์เส้าเหยียเลือกที่อยู่อาศัยได้เลิศเลอจริงๆ เจ้าค่ะ เพียงเปิดหน้าต่างก็มองเห็นสระบัวได้แล้ว สวยสดงดงามอย่าบอกใครเชียวเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินหรูอี้พูดเยี่ยงนี้ หลินหลันจึงเกิดความสนอกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย อยากย้ายเข้าไปอยู่อาศัยจนแทบอดทนรอไม่ไหว
วันที่สองเดือนหก ในที่สุดพี่ใหญ่ก็กลับมาจากหมู่บ้านเจี้ยนซี และปฏิบัติตามความประสงค์ของหลินหลัน โดยการอัญเชิญป้ายวิญญาณไปไว้ที่บ้านของตนเอง
ตั้งแต่ตั้งครรภ์ หลินหลันก็ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนมาไหนเลย แต่เรื่องใหญ่อย่างการรับป้ายดวงวิญญาณมานี้ แม้นางจะมีเรี่ยวแรงเพียงน้อยนิดก็ต้องไปให้จงได้
วันนี้หลี่หมิงอวินขอลางานเป็นการเฉพาะ เพื่อเดินทางไปเป็นเพื่อนหลินหลัน ในการรับป้ายดวงวิญญาณของนางเฉิน
นางเฉินถูกบรรจุเข้าสุสานใหม่อีกครั้ง โดยสุสานที่เลือกตั้งอยู่ตอนใต้ของเขตชานเมืองหลวง เบื้องหลังติดกับภูเขาเขียวขจี รายล้อมไปด้วยหญ้าเขียวชอุ่มและธารน้ำไหล เป็นทำเลที่หวงจุ้ยดีที่สุดก็ว่าได้ หลินจื้อย่วนซื้อมันไว้หลายแปลง แล้วสร้างสุสานที่สง่างามโอ่อ่า เพื่อให้นางเฉินได้อยู่ในสุสานอย่างสงบสุข
พื้นที่สุสานดีงาม ตัวสุสานก็สร้างอย่างสง่างามโอ่อ่า ทว่าหลินหลันมองเห็นมารดายังคงต้องนอนเดียวดายอยู่ตรงนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดดวงใจ
หลี่หมิงอวินพยายามปลอบประโลมนาง “ในที่สุดก็ได้มาอยู่ใกล้กันหน่อยเสียที จากนี้หากเจ้าคิดถึงท่านแม่ จะแวะมาเยี่ยมเยียนก็สะดวกสบายขึ้นมาก”
นั่นสิ! ก็มีดีแค่ประเด็นนี้เท่านั้นละ
หลินจื้อย่วนกลับไปบ้านเกิดพร้อมหลินเฟิงครั้งนี้ ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันเป็นเวลาสองเดือน ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกจึงพัฒนาขึ้นไปมาก ตอนนี้ก็มีเพียงหลันเอ๋อร์ที่ยังคงไม่แยแสเขา
“หลันเอ๋อร์ อย่าเสียใจไปเลย ท่านแม่เจ้าอยู่ตรงนั้นโดยรับรู้ทุกสิ่งอย่าง ได้เห็นเจ้าและเฟิงเอ๋อร์มีชีวิตที่สุขสบายเฉกเช่นทุกวันนี้ นางก็คงปลาบปลื้มใจเช่นกัน เจ้าไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว คำนึงถึงสุขภาพร่างกายของตนเองเป็นสำคัญเข้าไว้เถิด” หลินจื้อย่วนกล่าวปลอบประโลมนางบ้างเช่นกัน
หลินหลันมองบนใส่เขา แล้วเปลี่ยนตำแหน่งกับหลี่หมิงอวิน เพื่อให้ห่างจากเขาขึ้นมาหน่อย
หลินจื้อย่วนเอาอกเอาใจไม่สำเร็จ จึงเดินจากไปอย่างเศร้าสลด เฝิงซูหมิ่นได้แต่มองดูสามีอย่างเห็นใจ
หลังจัดการปิดประตูสุสานฝังศพ ทุกคนพากันคารวะเบื้องหน้าสุสาน โดยก้มศีรษะลงแตะพื้นสามครั้ง เหยาจินฮวายังอุตส่าห์เสแสร้งบีบน้ำตาจระเข้ออกมาสองสามหยด และสะอึกสะอื้นเล็กน้อย หลินหลันเห็นดังกล่าวก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาทันที คนอย่างเจ้ายังมีหน้ามาร้องไห้อีกหรือ หากไม่ใช่เพราะเจ้าสตรีปากตลาดผู้นี้ ไม่แน่ว่ายามนี้ท่านแม่อาจยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้!
หลี่หมิงอวินมองดูสีหน้านางผิดปกติ จึงเขยิบเข้าไปแล้วเอ่ยกระซิบข้างใบหูนาง “สุขภาพร่างกายของตนเองสำคัญยิ่ง อย่าโกรธเกรี้ยวให้กับคนที่ไม่คุ้มค่าเหล่านั้นเลย”
ยามนี้เองหลินหลันถึงได้กลืนความเดือดดาลกลับลงไป
หลังจากนั้นหลินเฟิงจึงโอบกอดป้ายวิญญาณไว้ ส่วนหลินหลันเป็นผู้ถือธูป ขบวนคนกลุ่มพากันมุ่งหน้าไปยังบ้านของหลินเฟิง
หลังยุ่งวุ่นวายตลอดหนึ่งวันเต็ม หลินหลันรู้สึกอ่อนเพลียอย่างยิ่ง หากไม่ตั้งครรภ์คงไม่มีทางรู้ได้เลยว่า แท้จริงแล้วตนเองก็มีช่วงเวลาที่อ่อนแอปานนี้ได้เช่นกัน หรือว่าเป็นบุตรในครรภ์ที่อ่อนแอเกินไปแล้วกันแน่?
หลี่หมิงอวินเกรงว่านางจะเหน็ดเหนื่อย จึงขอตัวลากลับจวน
หลินหลันเอนกายนอนทันทีที่กลับถึงบ้าน ปวดเมื่อยช่วงเอวเสียยิ่งอะไรดี หมิงอวินเป็นห่วงอย่างยิ่ง จึงต้องการไปเรียนเชิญฮว๋าเหวินไป่มาตรวจดู ผู้คนต่างกล่าวว่าช่วงสามเดือนแรกเป็นช่วงเวลาที่อันตรายมากที่สุด หลินหลันกลับห้ามไว้ไม่ยอมให้ไป หลี่หมิงอวินจึงทำได้เพียงตามใจนาง และให้นางนอนตะแคง เพื่อช่วยบีบนวดให้นาง
“เช่นนี้สบายขึ้นหน่อยหรือไม่” หลี่หมิงอวินเอ่ยถามระหว่างบีบนวด
“อืม ดีขึ้นมาหน่อยแล้วละ” หลินหลันขานรับอย่างอ่อนแรง
“เช่นนั้นข้านวดให้เจ้ามากๆ หน่อย เจ้าหลับตานอนหลับเถอะ!”
“นอนไม่หลับ ข้าหลับตาแล้วก็คิดถึงท่านแม่ข้าขึ้นมาทันที ท่านแม่อยู่กับท่านพ่อข้า ไม่เคยได้ใช้ชีวิตที่สุขสบายสักวัน ลำบากตรากตรำอย่างยิ่ง” หลินหลันกล่าวด้วยความเศร้าสร้อย
“การเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องที่ฟ้าดินกำหนดมาแล้ว เจ้าก็อย่าได้เศร้าโศกเกินไปเลย” หลี่หมิงอวินเกลี้ยกล่อม
หลินหลันกำหมัดด้วยความโกรธเคือง แล้วเอ่ย “เป็นเพราะเหยาจินฮวาสตรีร้ายการผู้นั้น ทำให้ท่านแม่ข้าเดือดดาลครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระอักเลือด พี่ชายข้าก็หัวอ่อน ดีแต่พูดเกลี้ยกล่อมทั้งสองฝ่าย แต่หาได้เด็ดขาดเอาจริงเอาจังไม่ แต่อย่างไรก็ตาม พอเขาเด็ดขาดเอาจริงเอาจังขึ้นมาได้เฉกเช่นปัจจุบันนี้ เหยาจินฮวานางก็ไม่กล้าวางมาดบาตรใหญ่เช่นนั้นอีกแล้วเช่นกัน”
หลี่หมิงอวินกล่าวอย่างอ่อนใจ “ล้วนเป็นเรื่องราวที่ผ่านไปแล้วทั้งนั้น อย่าได้คิดถึงมันอีกเลย คนกระทำอย่างไรไว้ ฟ้าดินมองเห็น พี่สะใภ้เจ้าไม่รู้จักปรับเปลี่ยนนิสัย ไม่ช้าก็เร็วจะได้รับผลของการกระทำ”
หลินหลันนึกถึงเรื่องที่เหยาจินฮวายืมเงินขึ้นมาได้กะทันหัน จึงหันไปเอ่ยถามหลี่หมิงอวิน “เหยาจินฮวาขอยืมเงินเจ้า ไยเจ้าถึงใจดีเพียงนั้น ห้าร้อยตำลึงเงิน นั่นเป็นเงินเดือนสองเดือนของเจ้าเชียวนะ”
หลี่หมิงอวินอมยิ้ม “เจ้าเพิ่งนึกขึ้นได้ตอนนี้ว่าต้องถามไถ่ข้าหรือ ต่อให้นางไม่ดีเพียงใด ถึงอย่างไรก็เป็นพี่สะใภ้เจ้า ก็ถือเสียว่าเห็นแก่หน้าพี่เขย ข้าจะไม่ให้ก็ไม่ได้มิใช่หรือ หากนางยืมเงินไปทำธุระทางการ ข้าก็ต้องให้นางสิ! หากนำเงินไปทำเรื่องไม่ดี ข้าก็ยิ่งต้องให้มากขึ้นอีกมิใช่หรือ”
หลินหลันมองดูเขาที่กำลังเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ จึงเลิกคิ้วใส่ แล้วกล่าว “เจ้าไปรู้อะไรบางอย่างมาแล้วใช่หรือไม่”
หลี่หมิงอวินไม่ตอบรับ “มีคำกล่าวหนึ่งที่ว่า เยินยอให้หลงระเริงได้ใจ แล้วค่อยทำให้ถดถอย กระทั่งนำไปสู่ความเสื่อมเสียและล้มเหลว เจ้าเคยได้ยินกระมัง”
หลินหลันชำเลืองตามองเขา “ก็ว่าแล้วว่าเจ้าผู้นี้มันร้ายลึก”
หลี่หมิงอวินกล่าวอย่างหน้าใสซื่อ “ทั้งๆ ที่เป็นคนเขาหาเรื่องใส่ตนเองแท้ๆ ไยถึงกลายเป็นข้าร้ายลึกไปได้ พี่สะใภ้เจ้าไปเล่นพนันไพ่จนสิ้นเนื้อประดาตัว หากข้าไม่ให้นางยืมเงิน นางก็จะเดินไปในทางที่ผิด และคงโบ้ยมาที่พี่เขยเป็นแน่ เฮ้อ! ข้าได้ยินมาว่า คนเขาส่งของขวัญมาให้ถึงที่ นางรับเอาไว้ทั้งหมด แล้วยังร้องห่มร้องไห้พรรณนากับคนเขาว่ายากจน นี่มิเท่ากับแสดงออกว่าต้องการเงินของคนเขาหรือ ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วคงได้เกิดเรื่องขึ้นเป็นแน่”
หลินหลันขมวดคิ้ว แล้วกล่าว “แต่จะรอให้เกิดเรื่องราวขึ้นแล้วค่อยจัดการมิได้เชียว หากชื่อเสียงของพี่ชายข้าถูกนางทำลายก็คงสายเกินไปแล้ว ยามนี้ข้าดันมาตั้งครรภ์อยู่อีก มิเช่นนั้นข้าจัดการนางไปตั้งนางแล้ว”
หลี่หมิงอวินกล่าวอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน “ต้องการจัดการคนอย่างนาง ใช่เรื่องที่ต้องเปลืองแรงกายแรงใจเสียที่ไหนกัน ไว้อีกเดี๋ยว ข้าจะให้คนไปพูดเปรยกับพี่เขยไว้ก่อน แล้วค่อยให้คนของโรงพนันไปทวงนี้หนี้สินกับพี่เขยถึงบ้าน หากพี่ชายเจ้ายังมีพอมีสมองก็คงเข้าใจได้ว่าสตรีผู้นี้จะเอาไว้มิได้เป็นอันขาด”
“ก็นั่นน่ะสิ ขืนเอาไว้ มีหวังไม่ช้าก็เร็วได้เกิดหายนะเป็นแน่ ข้าเกรงก็แต่ว่าพี่ชายข้าจะใจอ่อนขึ้นมาอีก เจ้าไม่ใช่ไม่รู้ว่าเหยาจินฮวารู้จักใช้ลูกไม้ต่อพี่ชายข้าเสียยิ่งอะไรดี” หลินหลันกล่าวด้วยความกังวล
หลี่หมิงอวินครุ่นคิด “เรื่องนี้เจ้าอย่าสนใจเลย มอบให้ข้าไปจัดการก็เป็นพอ”
หลี่หมิงอวินจะลงมือทั้งที หลินหลันจึงรู้สึกวางใจได้เป็นธรรมดา
ภายในจวนแม่ทัพ
นางเฝิงเห็นว่าสามีตนเองห่างบ้านไปสองเดือน ดูผอมลงไปเป็นเท่าตัว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ จึงให้คนไปตุ๋นน้ำแกงโสมมาให้สามีบำรุงร่างกาย
“ท่านพี่ไปครั้งนี้คงเหน็ดเหนื่อยแย่เลยสินะเจ้าคะ ดีที่เรื่องราวลุล่วงไปได้ด้วยดี คงสบายใจขึ้นมาหน่อยแล้วนะเจ้าคะ”
หลินจื้อย่วนรำพึงรำพันความรู้สึกอย่างหดหู่ “การไปหมู่บ้านเจี้ยนซีครั้งนี้ ได้เห็นบ้านที่นางเฉินพักอาศัยเมื่อในอดีต เป็นบ้านที่ทรุดโทรมมากที่สุดในหมู่บ้านเจี้ยนซีก็ว่าได้ ได้ยินผู้นำหมู่บ้านกล่าวถึงสถานการณ์ในตอนนั้นของพวกเขาแม่ลูก ในใจข้านี้ รู้สึกแย่อย่างยิ่ง!”
นางเฝิงรำพึงรำพันขึ้นมาเช่นกัน “ท่านพี่สาวช่างน่าสงสารจริงๆ เจ้าค่ะ เพราะความผิดพลาด สวรรค์จึงพรากมนุษย์อย่างเราๆ ให้แยกจากกันตลอดกาล ข้าได้ยินหลินหลันเอ่ยว่า ผู้คนหมู่บ้านเจี้ยนซีคอยช่วยเหลือเกื้อกูล ครอบครัวพวกนางได้รับการดูแลจากทุกคน ถึงอยู่รอดมาได้”
“เฮ้อ! ยิ่งข้านึกถึงยิ่งตำหนิตนเอง ตอนแรกหากข้าไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส บางที พวกนางแม่ลูกก็คงไม่เป็นเช่นนี้…”
“ท่านพี่ ท่านก็อย่าได้ตำหนิตนเองเกินไปเลยเจ้าค่ะ ฟ้าดินกำหนดไว้แล้ว ท่านก็ไม่ได้อยากให้เป็นเช่นนี้เหมือนกัน” นางเฝิงกล่าวปลอบใจ
“หากหลันเอ๋อร์คิดได้เช่นนี้ก็คงดี จริงสิ หลันเอ๋อร์ตั้งครรภ์แล้ว กี่เดือนแล้วหรือ สุขภาพร่างกายดีอยู่หรือไม่ ข้าเห็นนางผอมจนหนังหุ้มกระดูกแล้ว” หลินจื้อย่วนซักถามด้วยความห่วงใย
นางเฝิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยังไม่ถึงสามเดือนเจ้าค่ะ แต่แพ้ท้องรุนแรงทีเดียวเชียว! กินไม่ได้นอนไม่หลับ เกือบจะทำให้หลี่หมิงอวินย่ำแย่ตามๆ ไปด้วย ท่านเห็นนางตอนนี้ ถือว่าดีขึ้นหน่อยแล้วนะเจ้าคะ ครั้งก่อนข้าไปเยี่ยมนาง ตอนนั้นสิน่าสงสารอย่างยิ่ง พูดคุยไม่ถึงสามประโยคก็เป็นอันต้องอาเจียน ตอนที่ข้าตั้งท้องซานเอ๋อร์ ก็มีอาการแพ้ท้องค่อนข้างมากเช่นกัน แต่ก็ไม่รุนแรงเช่นนางเพียงนี้”
“เช่นนี้จะไหวได้อย่างไรล่ะ ไม่ได้เชิญหมอมาตรวจดูเลยหรือ” คิ้วเข้มทั้งสองของหลินจื้อย่วนขมวดขึ้น
“เหตุใดจะไม่ได้ให้มาตรวจดูล่ะเจ้าคะ หมอหลวงแห่งสำนักหมอหลวงอย่างท่านหมอฮว๋าแวะเวียนมาตรวจอาการนางตามกำหนด พวกตัวยาก็จ่ายไว้ให้แล้วเช่นกัน เพียงแต่ไม่เห็นผล หลินหลันนางเองก็มองโลกในแง่ดี กล่าวว่าอาเจียนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เคยชินเอง ถึงอย่างไรก็ยังไม่เคยเห็นคนตั้งครรภ์ผู้ไหนเสียชีวิตเพราะหิวมาก่อน” นางเฝิงยิ้มเจื่อน
หลินจื้อย่วนถอนหายใจ “เห็นทีว่าหลานข้าจะซุกซนเอาการ อยู่ในครรภ์มารดาก็แผลงฤทธิ์เพียงนี้แล้ว เจ้ามีเวลาว่างก็แวะเวียนไปเยี่ยมนางบ่อยๆ หน่อยแล้วกัน”
นางเฝิงเผยรอยยิ้มอ่อนหวาน “เรื่องนี้ยังต้องรอให้ท่านพี่บอกกล่าวด้วยหรือเจ้าคะ”
MANGA DISCUSSION