ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 313-1 ย้ายบ้าน
ฮว๋าเหวินไป่ยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่ที่สำนักหมอหลวง ได้ยินว่าหลี่หมิงอวินมาหาเขา จึงนำภาระงานในมือมอบให้ลูกศิษย์ แล้วออกมาพบเจอ
หลี่หมิงอวินกำลังชะเง้อมองเบื้องหน้า เมื่อเห็นฮว๋าเหวินไป่เดินออกมา จึงเดินเข้าไปดึงเขาให้เดินตามไป “น้องเหวินไป่ เจ้าต้องรีบไปพร้อมกับข้าเดี๋ยวนี้”
เห็นเขารีบร้อน ฮว๋าเหวินไป่จึงรู้สึกกังวลขึ้นมาเช่นกัน “เกิดเรื่องอันใดขึ้นแล้วหรือ ใคร ใครไม่สบายแล้วหรือ คงไม่ใช่เอ้อร์เส้าหน่ายนายหรอกใช่หรือไม่ขอรับ”
“ไอ้หยา! เจ้าไปเดี๋ยวก็รู้แล้ว” หลี่หมิงอวินทำเพียงดึงเขาให้เดินตามไป
“คงไม่ใช่สะใภ้รองตระกูลเจ้าไม่สบายหรอกกระมัง” ฮว๋าเหวินไป่คาดเดาเช่นนี้ จึงร้อนรนใจขึ้นมาจริงจัง
หลี่หมิงอวินบอกกล่าวเป็นนัยๆ “จะ จะว่าเช่นนั้นก็ได้กระมัง!”
ฮว๋าเหวินไป่กล่าว “ท่านรอประเดี๋ยวหนึ่ง ข้าขอไปสั่งการธุระบางอย่าง แล้วเดี๋ยวจะรีบไปพร้อมกันท่านทันที”
ฮว๋าเหวินไป่ซักถามอาการป่วยของหลินหลันระหว่างเดินทาง “เอ้อร์เส้าหน่ายนายไม่สบายตรงไหนหรือ มีอาการป่วยอันใดบ้าง เริ่มมีอาการเมื่อใด” แม้แต่หลินหลันเองยังไม่อาจรับมือได้ด้วยซ้ำ อาการป่วยนี่คงหนักเอาการเป็นแน่
หลี่หมิงอวินกล่าวตะกุกตะกัก “เป็น…เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นวันนี้ หลันเอ๋อร์นาง…” หลี่หมิงอวินลังเลใจอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วถึงกล่าวออกมา “นางอาเจียน”
เอ่อ! ฮว๋าเหวินไป่ชะงัก แล้วชำเลืองมองหลี่หมิงอวิน ใบหน้าหลี่หมิงอวินเต็มไปด้วยอาการลนลาน ท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก ฮว๋าเหวินไป่พ่นลมหายใจ แล้วหัวเราะขึ้นมาเบาๆ
“เจ้าหัวเราะอันใดหรือ หลันเอ๋อร์นาง…นางสีหน้าแย่มาก และนางอาเจียนออกมาด้วย” หลี่หมิงอวินกล่าวอย่างจริงจัง
หัวไหล่ทั้งสองของฮว๋าเหวินไป่สั่นเทิ้มอย่างรุนแรง เนิ่นนานพอตัวกว่าจะหยุดหัวเราะได้ “เอาละๆ ข้าจะไปตรวจดูให้ รับประกันได้ว่าหลันเอ๋อร์ของท่านไม่เป็นอันใดหรอก”
“เจ้ารับประกันได้หรือ เจ้ามั่นใจว่านางจะไม่เป็นอันใดแน่หรือ แล้วสิบเดือนจากนี้ล่ะ เจ้าก็รับประกันได้ว่านางจะคลอดอย่างราบรื่นใช่หรือไม่” หลี่หมิงอวินเอ่ยถามอย่างเก้ๆ กังๆ จากนั้นกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ข้าไม่อาจมั่นใจได้ว่านี่คือความจริง ดังนั้นจึงเชิญเจ้าไปตรวจดูหน่อย”
ฮว๋าเหวินไป่ตบบ่าของเขาอย่างเบามือ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใต้เท้าหลี่ นี่เป็นเรื่องดี ท่านไม่ต้องวิตกกังวลปานนี้หรอกขอรับ”
หลี่หมิงอวินรำพึงรำพันในใจ มันก็จริงอยู่ที่ว่าเป็นเรื่องดี ทว่านี่เพิ่งตั้งครรภ์แท้ๆ หลันเอ๋อร์ก็ดูอาการแย่เพียงนั้นแล้ว แล้วยังต้องจมกับอาการแย่ๆ นี่อีกสิบเดือน แล้วยังต้องผ่านด่านการคลอดที่ยากลำบากอีก เขาจะไม่วิตกกังวลได้หรือ
หลินหลันเคยเห็นติงหลั้วเหยียนแพ้ท้อง เห็นคนเขาอาเจียนจนกระทั่งไม่มีอะไรจะให้อาเจียนออกมา นางยังอุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตาเกลี้ยกล่อมคนเขาว่า ต่อให้ไม่อยากรับประทานก็ต้องรับประทานเข้าไปสักนิด มิเช่นนั้น เด็กในครรภ์จะไม่ได้รับสารอาหาร ตอนนี้นางเพิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการพูดมันง่าย อย่าว่าแต่ให้รับประทานอะไรเข้าไปเลย นางในตอนนี้แม้แต่ได้ยินคำว่า ‘รับประทาน’ ก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว แม่โจวถือแกงปลาเข้ามา ยังไม่ทันเดินพ้นประตู เพียงได้กลิ่นนางก็เริ่มสะอิดสะเอียนแล้ว จึงปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่าไม่ให้แม่โจวถือซุปปลาเข้ามา แม่โจวทำได้เพียงไปทำข้าวต้มที่รสชาติจืดชืดมาให้ นางฝืนรับประทานเข้าไปคำหนึ่ง ก็เริ่มอาเจียนอีกระลอก
หลินหลันอดร้องขอชีวิตไม่ได้ ลูกเอ๋ยลูก เพิ่งจะให้มีอาการเมื่อเช้า ก็ให้อาการรุนแรงปานนี้แล้ว อีกเก้าเดือนนี้จะอดทนให้ผ่านพ้นไปอย่างไรดี...
“เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ ท่านจะเป็นเช่นนี้อยู่มิได้นะเจ้าคะ ถึงอย่างไรก็ต้องรับประทานอะไรเสียหน่อย หรือไม่ ท่านลองนึกดูว่าอยากรับประทานอันใด บ่าวจะให้กุ้ยซ่าวไปทำให้เจ้าค่ะ” แม่โจวกล่าวด้วยความห่วงใย พลางช่วยลูบแผ่นหลังระบายเลือดลมให้นาง
หลินหลันอาเจียนจนเนื้อตัวรู้สึกไร้เรี่ยวแรง สองดวงตาพร่ามัว นางโบกมืออย่างอ่อนแรง และกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “แม่โจว ข้าขอร้องท่านละ อย่าเอ่ยถึงเรื่องกินอาหารอีกเลย มิเช่นนั้นข้าก็จะอาเจียนอีก” ขณะกล่าว นางเป็นอันต้องก้มลงไปอาเจียนใส่กระโถนอีกครั้ง
แม่โจวกระวนกระวายใจเสียยิ่งอะไรดี! นายหญิงสะใภ้รองตั้งครรภ์แล้วถือเป็นเรื่องดีอย่างใหญ่หลวง ทว่าอาการแพ้ท้องหนักหนาเช่นนี้ ไม่ว่าอะไรล้วนรับประทานไม่ลง แล้วร่างกายจะรับไหวได้อย่างไรกัน เฮ้อ…ยังดีใจได้ไม่ทันไรก็กลัดกลุ้มเสียแล้ว เดิมคิดจะเกลี้ยกล่อมอีกสักสองสามประโยค แต่เห็นนายหญิงสะใภ้รองอาเจียนจนน่าสงสารเสียเหลือเกิน จึงทำได้เพียงหักห้ามใจไว้ แล้วรอให้คุณชายรองกลับมา ค่อยให้คุณชายรองเกลี้ยกล่อมดู
“เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ ยามที่ต้าเส้าหน่ายนายตั้งครรภ์ ท่านจ่ายยาระงับอาเจียนให้ต้าเส้าหน่ายนายด้วยมิใช่หรือเจ้าคะ พอต้าเส้าหน่ายนายได้รับประทานยาก็ดีขึ้นมาก ท่านก็รีบจ่ายยาให้ตนเองเช่นกันเถอะเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะได้ไปหยิบยาแล้วต้มให้เจ้าค่ะ” หรูอี้กล่าวด้วยความปวดใจ
“นั่นสิเจ้าคะ ท่านก็รับประทานยาด้วยเช่นกันเถิด ไม่แน่ว่าจะหายดีก็เป็นได้นะเจ้าคะ” แม่โจวกล่าวเสริม เหตุใดตนเองถึงคิดไม่ได้ล่ะ กลายเป็นหรูอี้เด็กสาวผู้นี้ที่มีไหวพริบมากกว่า
เมื่อนึกถึงกลิ่นยาที่ไม่น่าสูดดมเอาเสียเลย หลินหลันก็เริ่มพะอืดพะอมขึ้นมาอีกครั้ง พระเจ้าช่วย! เหตุใดการตั้งครรภ์มันถึงทรมานเพียงนี้นะ! มิน่าล่ะติงหลั้วเหยียนถึงได้อิจฉาเผยจื่อชิ่งที่กินอิ่มนอนหลับ ตอนนี้มาคิดๆ ดู นั่นช่างเป็นอะไรที่โชคดีจริงๆ
“เอ้อร์เส้าเหยียกลับมาแล้วเจ้าค่า….” ตู้จวน สาวใช้ที่มาใหม่ส่งเสียงบอกกล่าวจากด้านนอก
หลินหลันโบกมือ แสดงสัญญาณให้หรูอี้หยิบกระโถนออกไป หมิงอวินคงต้องเชิญหมอมาแล้วเป็นแน่ หากไม่ใช่โม่จื่อโหยว ก็คงเป็นฮว๋าเหวินไป่ นางไม่อยากให้พวกเขามองเห็นนางถือกระโถนอาเจียนหมดท่า
“น้องเหวินไป่โปรดรอสักครู่” หลี่หมิงอวินยกสองมือขึ้นคารวะต่อฮว๋าเหวินไป่
ฮว๋าเหวินไป่เข้าใจได้ จึงพยักหน้าให้
หมิงอวินเดินเข้ามา เห็นหลันเอ๋อร์ลุกขึ้นมาแล้ว โดยกำลังนั่งตัวงออยู่บนหัวเตียงเตาของทิศตะวันออก ดวงตาแดงก่ำแต่สีหน้ากลับซีดเผือด เขาเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นหย่อนตัวลงนั่งข้างหลันเอ๋อร์ แล้วกล่าวด้วยความห่วงใย “นี่เป็นอันใดไปแล้วหรือ ไยสีหน้าถึงย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ”
แม่โจวกล่าวอย่างเศร้าสร้อย “เอ้อร์เส้าหน่ายนายรับประทานอะไรก็อาเจียนออกมาหมดเจ้าค่ะ แล้วสีหน้าไม่สู้ดีอยู่ได้หรือเจ้าคะ”
หลินหลันหายใจเข้าออกอย่างเนิบช้า แล้วกล่าว “เจ้าอย่าไปฟังแม่โจว นี่มันเป็นอาการตอบสนองทั่วไป ผ่านไปสักระยะก็หายดีแล้ว เจ้าไปตั้งนานเนเพียงนี้ ไปเชิญใครมาหรือ”
“อ้อ! น้องเหวินไป่รออยู่ด้านนอก ให้เขามาตรวจดูอาการเจ้าแล้วกันนะ” หลี่หมิงอวินยกมือขึ้น ช่วยนางจัดแต่งไรผมที่ยุ่งเหยิงถัดไว้หลังใบหู “เดี๋ยวข้าจะไปเรียกเขาเข้ามา”
หลินหลันเผยรอยยิ้มอย่างจนปัญญา “ให้เขาเข้ามาเถอะ! ขืนไม่ให้เขาตรวจดูให้มั่นใจ เจ้าก็คงไม่อาจวางใจได้”
หลี่หมิงอวินกลับยิ้มไม่ออก เขาเดินไปเรียนเชิญฮว๋าเหวินไป่เข้ามา
ฮว๋าเหวินไป่หรี่ตาลงเล็กน้อยขณะช่วยตรวจจับชีพจรให้หลินหลัน เขาพูดไม่จาอยู่เนิ่นนาน หลี่หมิงอวินที่มองดูอยู่จึงร้อนรนใจ
“น้องเหวินไป่ เป็นอย่างไรบ้าง”
ขณะนี้เองฮว๋าเหวินไป่ถึงได้ชักมือออก แล้วลุกขึ้นคารวะให้หลี่หมิงอวินและหลินหลัน พลางกล่าวด้วยสีหน้าเบิกบาน “ข้าขอแสดงความยินดีต่อทั้งสองท่านด้วยขอรับ”
“หมายความว่า มีแล้วจริงๆ หรือ” หลี่หมิงอวินแทบพูดไม่ออก ท่ามกลางความรู้สึกประดุจอยู่ในความฝัน
ฮว๋าเหวินไป่ชำเลืองมองหลินหลัน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จากการตรวจจับชีพจร เอ้อร์เส้าหน่ายนายน่าจะตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือนกว่าแล้วขอรับ”
หลินหลันรู้สึกเกรงใจ “เขาไม่เชื่อในทักษะการแพทย์ของข้า ต้องการเชิญเจ้ามาเพื่อความมั่นใจให้จงได้” จากนั้นหันไปกล่าวต่อหมิงอวิน “คราวนี้เจ้าคงเชื่อได้แล้วสินะ”
หลี่หมิงอวินอยากจะยิ้มแต่ยิ้มไม่ออก จึงดูเป็นสีหน้าที่แปลกๆ ชอบกล “ใช่ๆ แต่ว่าข้ามิได้ไม่เชื่อเจ้าหรอกนะ ก็แค่คิดว่ามีอีกคนมาช่วยตรวจดู จะได้มั่นใจยิ่งขึ้น”
แม่โจวเอ่ยแทรกขึ้นมา “ท่านหมอหลวงฮว๋า เอ้อร์เส้าหน่ายนายตระกูลข้ามีอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง ท่านช่วยดูให้หน่อยนะเจ้าคะ ว่าท่านจะช่วยจ่ายยาเพื่อบรรเทาอาการลงสักหน่อยให้ได้หรือไม่”
ฮว๋าเหวินไป่พยักหน้า แล้วกล่าว “ช่วงแรกของการตั้งครรภ์ จะมีอาการแพ้บ้างถือเป็นเรื่องปกติ ข้าจะจ่ายยาบรรเทาอาการให้ก่อน หากยังมีอาการรุนแรงจริงๆ ค่อยรับประทานมันแล้วกันนะขอรับ”
“ตกลงๆ น้องเหวินไป่เชิญทางด้านนี้ได้เลย” หลี่หมิงอวินเดินไปห้องหนังสือพร้อมกับฮว๋าเหวินไป่ แล้วเอ่ยถามขึ้นระหว่างทาง “น้องเหวินไป่ เจ้าว่าหลันเอ๋อร์นาง…อาการไม่น่าเป็นห่วงจริงๆ ใช่หรือไม่ ยานั่นจะใช้ได้ผลหรือ คนที่ตั้งครรภ์ต้องระมัดระวังอันใดบ้าง ข้าควรช่วยเหลืออย่างไรบ้าง…”
แม่โจวเห็นท่าทางวิตกกังวลของคุณชายรอง อดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอ้อร์เส้าเหยียห่วงใยเอ้อร์เส้าหน่ายนายจริงๆ เลยนะเจ้าคะ ในที่สุดก็ได้เป็นพ่อคนกับเขาแล้ว บ่าวว่าเขาดีใจจนไม่รู้ว่าควรแสดงออกอย่างไรดีแล้วละเจ้าค่ะ”
หลินหลันอมยิ้มเล็กน้อย นางไม่เห็นว่าหมิงอวินจะมีท่าทีดีใจเลยสักนิด และไม่รู้เช่นกันว่าสรุปแล้วเขาคิดเช่นไรกันแน่
“แม่โจว ช่วยประคองข้าไปนอนบนเตียงนอนทีสิ ข้าแน่นอกจนมึนงงไปหมดแล้ว”
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่ในห้องหนังสือพักใหญ่ จากนั้นหลี่หมิงอวินถึงได้ส่งฮว๋าเหวินไป่กลับไป ยามที่กลับเข้ามา หรูอี้กล่าว “ข้าน้อยปรนนิบัติเอ้อร์เส้าเหยียเปลี่ยนชุดนะเจ้าคะ! จิ่นซิ่วนำอาหารไปวางไว้ที่ห้องปีกตะวันตกแล้ว เอ้อร์เส้าเหยียเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็ไปรับประทานได้เลยเจ้าค่ะ”
“เหตุใดถึงไปจัดวางที่นั่นล่ะ” หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยความประหลาดใจ
หรูอี้กล่าว “เอ้อร์เส้าหน่ายนายได้กลิ่นของอาหารไม่ได้เลยเจ้าค่ะ พอได้กลิ่นก็อาเจียน ดังนั้นเอ้อร์เส้าเหยียจึงต้องลำบากสักหน่อยแล้วเจ้าค่ะ”
หลี่หมิงอวินรู้สึกปวดใจขึ้นมาอีกครั้ง เขานำใบจ่ายยาส่งให้หรูอี้ “ให้ตงจึรีบไปหุยชุนถางแล้วนำยากลับมา คืนนี้ก็ต้มให้เอ้อร์เส้าหน่ายนายรับประทานเลยแล้วกัน”
หรูอี้เตรียมเดินออกไป หลี่หมิงอวินกลับรั้งนางไว้ “เรื่องที่เอ้อร์เส้าหน่ายนายตั้งครรภ์ ไว้พรุ่งนี้ค่อยบอกกล่าวต้าเส้าหน่ายนายแล้วกัน!”
หลังเปลี่ยนชุดเป็นที่เรียบร้อย หลี่หมิงอวินมุ่งไปดูหลินหลันเป็นอันดับแรก เห็นนางนอนซมอยู่บนเตียงจึงกล่าวด้วยความสงสาร “รู้สึกแย่มากเลยใช่หรือไม่ ข้าให้ตงจึไปนำยามาแล้ว น้องเหวินไป่กล่าวว่า หลังกินยาแล้วจะดีขึ้นหน่อย น้องเหวินไป่ยังกล่าวอีกว่า เขาจะแวะเวียนมาตรวจอาการเจ้าตามกำหนด”
หลินหลันมองดูเขาอย่างสงบ แล้วกล่าวด้วยเสียงบางเบา “หมิงอวิน ข้ามีลูกแล้ว เจ้าไม่ดีใจใช่หรือไม่”
หลี่หมิงอวินหลุดหัวเราะเบาๆ “ได้อย่างไรกันล่ะ ข้าต้องดีใจอยู่แล้ว”
“แต่ท่าทีของเจ้าดูไม่ดีใจเลยสักนิด” หลินหลันบ่นอุบอิบ
“ที่ไหนกันล่ะ ในใจข้าดีใจแทบแย่ แต่ดูเจ้าทรมานเช่นนี้ หากข้ายังมัวแต่ดีใจหน้าชื่นตาบาน นั่นข้าจะไม่ดูไร้ความห่วงใยเจ้าเกินไปหรือ” หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
หลินหลันนิ่งเงียบ นางยินดีที่จะเห็นเขาดีอกดีใจจนทำอะไรไม่ถูกเสียมากกว่า
“เจ้าอย่าคิดเรื่อยเปื่อยไปเลย ข้าเพียงแค่เป็นห่วงเจ้าเท่านั้น เกรงว่าเจ้าจะทรมาน” หลี่หมิงอวินลูบพวงแก้มของนางอย่างอ่อนโยน
“เอาละ เจ้ารีบไปกินข้าวเถอะ! นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว คงหิวแย่แล้วกระมัง” หลินหลันดันเขาขณะกล่าวเร่งเร้า