ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 286 กลยุทธ์ต่อเนื่อง
“เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ ด้านนอกมีคนมาหาพี่ชายของท่านเจ้าค่ะ” หรูอี้มารายงาน
หลินเฟิงเผยสีหน้างุนงง “ใครกัน! รู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่”
หรูอี้ส่ายหน้า “คนผู้นั้นเอ่ยเพียงว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน อย่างอื่นก็มิได้พูดอะไรไว้เจ้าค่ะ”
หลินหลันกล่าว “ท่านพี่ ท่านออกไปดูก่อนเถอะ อาจเป็นทางค่ายทหารมีธุระกับท่านก็เป็นได้”
หลินเฟิงลังเลชั่วครู่ จากนั้นลุกขึ้นยืนและกล่าว “เช่นนั้นข้าไปดูก่อนละ”
หลินหลันรออยู่ในโถงรับแขกส่วนหน้าชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นหรูอี้ถึงเข้ามาบอกกล่าว “เอ้อร์เส้าหน่ายนาย พี่ชายของท่านไปแล้วเจ้าค่ะ”
“ไปแล้ว? ไปไหนหรือ”
“พี่ชายของท่านมิได้บอกกล่าวอันใดไว้เลยเจ้าค่ะ คนที่มาพูดกับเขาไม่กี่ประโยค จากนั้นพี่ชายของท่านก็ตามเขาไปเจ้าค่ะ ข้าน้อยเองก็ถามไถ่พี่ชายของท่านไปด้วย แต่ดูเหมือนเขาจะรีบร้อนอย่างยิ่ง เลยเดินไปราวกับไฟไหม้หางเจ้าค่ะ”
หลินหลันเลิกคิ้ว อาจมีราชกิจทางการทหารที่เร่งด่วนอะไรกระมัง!
ในจวนแม่ทัพฮ๋วยหยวน สายตาหลี่หมิงอวินยังถือว่าสงบนิ่ง น้ำเสียงมีความเยือกเย็นเล็กน้อย “ท่านแม่ทัพหลิน ท่านทำแบบนี้ เป็นการสร้างความลำบากใจให้แก่หลันเอ๋อร์อย่างยิ่งนะขอรับ ตอนนี้นางโกรธเกรี้ยวแทบคลั่งแล้วก็ว่าได้ขอรับ”
หลินจื้อย่วนกลับเผยสีหน้าเรียบเฉย กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อหลันเอ๋อร์ ข้าป่าวประกาศให้รู้กันถ้วนหน้าว่าหลันเอ๋อร์เป็นบุตรสาวของข้าหลินจื้อย่วน คนที่คิดจะแตะต้องนาง หรือจ้องกระทำไม่ดีต่อนางเหล่านั้น จะได้พินิจพิจารณาให้ดีๆ ว่ามันคุ้มที่จะหาเรื่องคนอย่างข้าหลินจื้อย่วนหรือไม่”
สายตาของหลี่หมิงอวินคมกริบขึ้นมากะทันหัน “ท่านแม่ทัพคิดว่าข้าหลี่หมิงอวินไม่มีความสามารถในการปกป้องภรรยาของตนเองหรือขอรับ”
หลินจื้อย่วนหัวเราะร่า กล่าวว่า “หมิงอวินอ่า เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าจะคิดเยี่ยงนั้นได้อย่างไร นี่คือความบริสุทธ์ใจที่บิดาอย่างข้าผู้หนึ่งห่วงใยบุตรสาวของตนเอง เจ้าก็รู้นี่ว่า ข้ารู้สึกละอายแก่ใจต่อหลันเอ๋อร์อย่างสุดซึ้งมาโดยตลอด ข้าเพียงอยากปกป้องนาง ข้าคิดว่าเจ้าเองก็น่าจะเข้าใจได้”
“ทว่าท่านทำเช่นนี้ ผลที่ได้มันจะตรงข้ามกับความคาดหวังเอาได้นะขอรับ” หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หลันเอ๋อร์โกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เขาห้ามไว้ ด้วยอุปนิสัยของหลันเอ๋อร์ ยามนี้นางคงได้มาโวยวายตำหนิถึงที่เป็นแน่
“เฮ้อ…ข้ามิได้คิดเยี่ยงนี้ ข้าเป็นบิดาของหลันเอ๋อร์ ประเด็นนี้เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ณ ตอนนี้หลันเอ๋อร์ให้อภัยข้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ข้ารอได้” หลินจื้อย่วนกล่าวด้วยท่าทีจริงใจอย่างมาก
หลี่หมิงอวินรู้สึกอึดอัดใจอย่างยิ่ง นี่น่ะหรือเรียกว่ารอได้ เห็นๆ อยู่ว่าเป็นการจับหลันเอ๋อร์ลงไปย่างในกองไฟแล้วราดน้ำมันใส่ เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าผลที่ทำมาของการกระทำเช่นนี้คืออะไร ไม่มีผู้ใดไปตำหนิการประพฤติของหลินจื้อย่วนที่เข้าใจผิดว่าภรรยาและบุตรชายบุตรสาวเสียชีวิตแล้วจึงแต่งงานใหม่กับนางเฝิง ไม่มีผู้ใดเข้าใจความทุกข์ยากลำบากของหลันเอ๋อร์ ผู้คนกล่าวเพียงว่าเรื่องราวนั้นพอให้อภัยแม่ทัพหลินได้ แม่ทัพหลินป่าวประกาศอย่างชัดเจนเช่นนี้ว่ามีบุตรชายและบุตรสาว เพียงพอที่จะเห็นถึงความรักความสัมพันธ์ของแม่ทัพหลินที่มีต่อบุตรชายและบุตรสาว ผู้คนมีแต่จะกล่าวว่าหลันเอ๋อร์ไม่มีเหตุมีผลและใจแคบ หลี่หมิงอวินรู้สึกโกรธมากจริงๆ เขาทนรับการวิพากษ์วิจารณ์แง่ลบที่ผู้อื่นเอ่ยถึงตนเองได้ แต่เขาไม่อาจทนให้ผู้อื่นมาว่ากล่าวหลันเอ๋อร์ได้แม้เพียงประโยคเดียว
หลินจื้อย่วนมองดูสีหน้าบุตรเขยที่เคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ ภายในใจรู้สึกถึงความดีใจและเศร้าสลดในเวลาเดียวกัน ดีใจที่หมิงอวินใส่ใจต่อความรู้สึกหลันเอ๋อร์อย่างลึกซึ้ง เศร้าสลดที่หลันเอ๋อร์ต่อต้านเขาเพียงนี้เชียวหรือ
“นางอยู่ไหน เรียกนางออกมาเดี๋ยวนี้ ข้าจะพากลับไปเดี๋ยวนี้” เสียงตะโกนดังลั่นของคนผู้หนึ่งดังลอยมาจากด้านนอก
“คุณชายใหญ่ ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลยเจ้าค่ะ นายหญิงสะใภ้ใหญ่และคุณชายเล็กก็อยู่ในจวน ยามนี้กำลังพูดคุยกับฮูหยินอยู่เจ้าค่ะ!” เหล่าอวี๋กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
“ไม่ต้องมาเรียกข้าคุณชายใหญ่ ข้าไม่ใช่คุณชายใหญ่ของเจ้า เจ้าช่วยพูดเพ้อเจ้อให้มันน้อยๆ หน่อย พาตัวคนออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้เลย…”
หลี่หมิงอวินตื่นตกใจทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ หลินเฟิงมาได้อย่างไรกัน
หลินจื้อย่วนกลับคลายปมคิ้วที่ขมวดอยู่ในตอนแรกและกล่าวด้วยน้ำเสียงเบิกบาน “เหล่าอวี๋ ยังไม่รีบเชิญคุณชายใหญ่เข้ามาอีก”
ทันใดนั้นหลินเฟิงก็เดินเข้ามาด้วยความฉุนเฉียว สองดวงตาเผยประกายเย็นชา จ้องมองหลินจื้อย่วนด้วยความเดือดดาล “ท่านส่งตัวจินฮวาและฮานเอ๋อร์มาเดี๋ยวนี้นะขอรับ”
หลินจื้อย่วนไม่รู้สึกหงุดหงิดเลยสัดนิด เขากลับเผยรอยยิ้มเมตตาเอ็นดูออกมา “เฟิงเอ๋อร์ นั่งลงเร็วเข้า พอจินฮวาและฮานเอ๋อร์มาถึงที่นี่ พ่อก็ให้คนไปตามเจ้าทันที เด็กน้อยฮานเอ๋อร์นี่ รูปร่างท่าทางกำยำและน่าเอ็นดู ถอดแบบเจ้าในตอนเด็กๆ มาหมด ใครๆ ต่างเอ็นดูเขาเสียยิ่งอะไรดี”
หลินเฟิงเห็นว่าน้องเขยก็อยู่ด้วยเช่นกัน สีหน้าของน้องเขยไม่ค่อยสุขใจนัก จึงกล่าวขึ้นทันทีโดยไร้ความเกรงใจ “ข้าเป็นเด็กบ้านป่าที่ไม่มีบิดามารดา เป็นแค่คนธรรมดาๆ ไร้ชื่อเสียงเรียงนามผู้หนึ่ง มิบังอาจใฝ่สูงตั้งตนเป็นญาติของท่านแม่ทัพกั๋วหนิงหรอกขอรับ ข้าจะพาจินฮวาและฮานเอ๋อร์ไปเดี๋ยวนี้ ภรรยาของบุตรชายของข้า ข้าดูแลเองได้ขอรับ”
หลี่หมิงอวินถึงเป็นอันเข้าใจได้ ที่แท้แม่ทัพหลินรับเหยาจินฮวาและฮานเอ๋อร์มาถึงเมืองหลวงแล้วโดยไม่บอกไม่กล่าว คิดจะใช้พวกนางแม่ลูกมาหลอกล่อเอาใจหลินเฟิงสินะ เฮ้อ! พ่อตาผู้นี้ ที่แท้ไม่ได้ใช้กลยุทธ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ถึงขั้นสร้างสถานการณ์ไว้อย่างต่อเนื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สตรีอย่างเหยาจินฮวาผู้นั้น ละโมบโลกมากไม่มีใครเกิน เมื่อมีพ่อสามีเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ เกรงว่าคงได้พยายามทุกวิธีทางเพื่อเกลี้ยกล่อมให้หลินเฟิงยอมรับบิดาให้จงได้
“เฟิงเอ๋อร์ เลิกเอาแต่ใจตนเองได้แล้ว พ่อมีส่วนผิดก็จริง พ่อยอมรับทั้งหมด พ่อจะพยายามสุดความสามารถเพื่อชดเชยความละอายแก่ใจที่มีต่อพวกเจ้าเช่นกัน แต่จะอย่างไรพวกเจ้าก็ควรให้โอกาสพ่อสักครั้ง พวกเจ้าจะตัดขาดไร้เยื่อใจกับพ่อจนตายจากไปจริงๆ หรือ” หลินจื้อย่วนกล่าวด้วยความเศร้าเสียใจ
หลินเฟิงสบถฮึด้วยความอึดอัดใจ “ท่านแม่ทัพทำเช่นนี้เพื่ออันใด ท่านก็ทำเป็นว่าพวกเราตายไปนานแล้วก็สิ้นเรื่องมิใช่หรือ”
หลินจื้อย่วนกล่าวขึ้นทันควัน “เฟิงเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าหลายปีมานี้พ่อสุขกายสบายใจมากนักหรือ ทุกครั้งที่คิดถึงพวกเจ้าแม่ลูก หัวใจพ่อนี้มัน…เจ็บปวดนัก พวกเจ้าเป็นความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตพ่อ พ่อคิดอยู่บ่อยๆ ว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ พ่อจะไม่เข้าร่วมกองทัพทหารเป็นอันขาด จะอยู่ที่ชนบทนั่น คอยดูแลพวกเจ้าและเป็นนายพรานล่าสัตว์ไปชั่วชีวิต ครอบครัวพวกเราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข น่าเสียดาย บนโลกนี้ไม่มียาตัวใดที่ลบล้างความเสียใจภายหลังได้…เฟิงเอ๋อร์ เจ้าต้องเชื่อพ่อ หากพ่อรู้ว่าพวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่ พ่อไม่มีทางปล่อยปละละเลยพวกเจ้าอย่างเด็ดขาด”
หลินเฟิงอึดอัดใจอย่างยิ่ง จึงหลุดปากเอ่ยออกไปกะทันหัน “ท่านก็รู้ว่าบนโลกนี้มันไม่มียารักษาความเสียใจภายหลัง อยากให้ข้ายอมรับ ก็ต้องให้ท่านแม่มีชีวิตกลับคืนมา เมื่อท่านแม่ยอมรับ ข้าหลินเฟิงก็จะก้มลงคำนับให้ท่านโดยไม่โต้แย้งใดๆ”
สีหน้าของหลินจื้อย่วนหมองหม่นลงทันใด เขาจ้องมองสายตาบุตรชายของตนเองที่กำลังโกรธเกรี้ยว ความรู้สึกไร้ความสามารถที่จมอยู่ก้นบึ้งทำให้เขาหายใจหายคอไม่สะดวก ต้องเผชิญหน้าบุตรชายที่แสดงออกถึงจุดยืนชัดเจน เขามีพลังอำนาจแต่ไร้ที่ให้ใช้มัน มีความจริงใจแต่กลับไร้ประโยชน์ เฮ้อ! เหตุใดผลผลิตของตระกูลหลินถึงได้ดื้อรั้นเพียงนี้นะ
“ท่านพ่อสามี…” เหยาจินฮวาเร่งรีบออมาพบเจอ ทันทีที่ได้ยินเหล่าอวี๋ผู้ดูแลจัดการภายในบ้านเอ่ยว่าสามีนางมาแล้ว ต่อให้วาดฝันนางก็คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะเป็นถึงบุตรชายของท่านแม่ทัพใหญ่หนิงกั๋ว แม่ทัพใหญ่หนิงกั๋วเชียวนะ! นี่มันขุนนางขั้นใหญ่โต ลำพังพบเจอใต้เท้าผู้จัดการดูแลในเขตชนบท นางยังตัวสั่นเทิ้ม ตอนนี้นางกลับกลายเป็นลูกสะใภ้ของแม่ทัพใหญ่แห่งประเทศชาติบ้านเมือง วันคืนเช่นนี้ นางรู้สึกเสมือนกำลังฝันไปด้วยซ้ำ เดิมทีคิดว่าเป็นหลินเฟิงที่ต้องการรับนางพร้อมลูกเข้ามายังเมืองหลวง เมื่อถึงเมืองหลวงกลับเข้ามายังจวนแม่ทัพ ได้เจอะเจอพ่อสามี นั่นทำให้นางตระหนกตกใจอ้าปากค้าง ว่ากันว่าไม่มีของดีๆ ตกลงมาจากฟากฟ้าไปได้หรอก ทว่าครั้งนี้กลับเป็นอะไรที่ดีเสียยิ่งกว่าของดีๆ อีก อีกทั้งยังหล่นลงมาใส่ศีรษะนางจนทำให้นางสลบเลยทีเดียว แน่นอนว่าเป็นความดีอกดีใจจนเป็นลมล้มพับไป
หลินเฟิงกล่าวด้วยความดีใจ เมื่อเห็นเหยาจินฮวา “จินฮวา เจ้ามาแล้วจริงๆ ด้วย?”
เดิมทีเหยาจินฮวาอยากกระโจนเข้าไปโอบกอดสามีของตนเอง ไม่ได้เจอกันเกือบสองปีแล้วจึงคิดถึงเขาแทบแย่ ทว่า ติดที่พ่อสามีอยู่ด้วย จึงไม่ดีนักหากจะแสดงออกมากเกินไป ในเมื่อตอนนี้นางเป็นถึงลูกสะใภ้ของแม่ทัพหนิงกั๋วเชียวนะ!
ในดวงตาของเหยาจินฮวาเคลือบไว้ด้วยหยาดน้ำตาแห่งความสุขใจ ทั้งอยากร้องไห้ทั้งอยากยิ้มในเวลาเดียวกัน “พอเจ้าจากไปก็เป็นเวลาสองปีแล้ว ไม่รู้ว่าคะนึงถึงพวกเราแม่ลูกบ้างหรือไม่ หากครั้งนี้ท่านพ่อไม่รับพวกเรามา เจ้าวางแผนจะตัดขาดพวกเราสองแม่ลูกแล้วใช่หรือไม่” นางโอดครวญ