ปฏิญญาค่าแค้น - ตอนที่ 285 ชิงลงมือก่อนแล้วค่อยรายงานทีหลัง
ยามที่นางเฝิงกล่าวเช่นนี้ ภายในหัวใจรู้สึกเจ็บแปลบ นางรู้เพียงแค่ว่านางควรพูดแบบนี้ ควรกระทำแบบนี้ เพราะนางไม่อาจไปขัดขวางสามีได้ เช่นนั้นมีแต่จะทำให้สามีรู้สึกนางไม่ใจกว้างมากพอ ไม่มีเหตุมีผลมากพอ และไม่มีคุณธรรมมากพอ นอกจากนี้สำนึกผิดชอบชั่วดีของนางที่ได้รับการอบรมสั่งสอนก็ไม่อนุญาตให้นางไปขัดขวางเช่นกัน ผู้เสียชีวิตไปแล้วเป็นใหญ่ เจ้าไม่มีวันเอาชนะคนหนึ่งที่เสียชีวิตไปแล้ว และไม่อาจเปลี่ยนแปลงเรื่องราวได้ มีเพียงต้องปล่อยไปตามทางที่มันควรจะเป็น ถึงเป็นการกระทำที่ชาญฉลาด ทว่า ภายในใจมันช่างรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งจริงๆ!
หลินจื้อย่วนมองดูคนในอ้อมกอดรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง “ขอบใจฮูหยินมากที่เข้าใจกัน อดีตผ่านพ้นไปแล้ว ที่ข้าทำเพื่อนางเฉินได้ก็มีเพียงเท่านี้แล้วเช่นกัน”
หลินหลันอดกลั้นความอึดอัดใจจนถึงช่วงเวลาประมาณห้าทุ่ม หลี่หมิงอวินถึงเดินเข้ามาพักผ่อนอย่างใจเย็น
ขณะกำลังจะเปิดม่านมุ้ง ม่านมุ้งกลับถูกคนเปิดขึ้นกะทันหัน เห็นเพียงหลินหลันกำลังลงจากเตียงอย่างเชื่องช้า โอบกอดผ้านวมผืนหนึ่งแล้วโยนไปยังม้านั่งเบาะนวมตัวยาวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นทิ้งประโยคหนึ่งที่เอื้อนเอ่ยอย่างแผ่วเบาโดยไม่มองเขาแม้แต่นิดเดียว “คืนนี้เจ้านอนตรงนั้นแล้วกัน” แล้วตนเองปีนกลับไปบนเตียงและนอนลงดังเดิม
หลี่หมิงอวินมองดูม่านมุ้งที่ยังคงแกว่งไกวไปมาด้วยความงุนงง นี่เป็นอะไรไปอีกหรือ โกรธที่เขามาดึกดื่น? หรือโกรธที่เขาไปพบพ่อตา?
หลี่หมิงอวินลูบสันจมูกพลางเดินไปหน้าม่านมุ้งด้วยรอยยิ้มระรื่น “หลันเอ๋อร์…”
หลินหลันหันหน้าไปด้านใน กล่าวด้วยน้ำเสียงห้วนๆ “ข้าอารมณ์ไม่ดี อย่ารบกวนข้า”
หลี่หมิงอวินยังคงฉีกยิ้ม จากนั้นกล่าวปลอบประโลมอย่างดิบดี “เหตุใดภรรยาข้าถึงอารมณ์ไม่ดีล่ะ รีบบอกสามีมาเร็วเข้า มีปัญหาใหญ่โตอันใด สามีจะช่วยเจ้าแบกรับมันเอง” หลี่หมิงอวินกล่าวพลางขึ้นไปบนเตียงนอนแล้วโอบกอดนาง
“ถอยไปๆ ข้าอารมณ์ไม่ดีก็เพราะเจ้านั่นละ เจ้าถอยไปเลย…” หลินหลันบิดตัวไม่ให้เขาเข้าใกล้
“ที่แท้เป็นข้าเองที่ทำให้หลันเอ๋อร์ไม่สุขใจเสียแล้ว ข้าสำนึกแล้ว ข้ายอมรับผิด ทว่าช่วยเปลี่ยนวิธีการลงโทษได้หรือไม่ อากาศหนาวเย็นเพียงนี้ นอนคนเดียวมันไม่อุ่นเอาเสียเลย มา ข้าให้เจ้าทุบตีข้า หากยังไม่อาจระบายความหงุดหงิดได้ ข้าให้เจ้ากัดหนึ่งทีก็ย่อมได้” หลี่หมิงอวินปลอบนางอย่างใจเย็นและยื่นแขนไปจ่อบริเวณริมฝีปากนาง
หลินหลันคว้ามาไว้อย่างไม่เกรงใจและกัดเข้าไปหนึ่งที แต่กลับไม่อาจทำใจกัดลงไปเต็มแรงได้ จากนั้นปัดแขนเขาทิ้งอย่างอ่อนใจ แล้วกระชับผ้าห่มไว้แน่นไม่สนใจเขา
หลี่หมิงอวินแอบดีใจ หลันเอ๋อร์ยังถือว่าทะนุถนอมเขาอยู่บ้าง จึงใจหาญกล้าเข้าไปคว้าตัวนางมาไว้ในอ้อมกอด “มา ข้าขอเดาหน่อยสิว่าหลันเอ๋อร์กำลังหงุดหงิดเรื่องอะไร”
หลินหลันขัดขืนอยู่ชั่วครู แต่ไม่อาจต่อต้านพละกำลังท่อนแขนที่เขามีอยู่ได้ จึงทำได้เพียงยอมจำนนด้วยความอึดอัดใจ พ่อหนุ่มนี่ ไม่เจอะเจอกันเกือบปี พละกำลังเพิ่มขึ้นมากทีเดียว
“หลันเอ๋อร์ต้องกำลังหงุดหงิดว่า เหตุใดแม่ทัพหลินผู้นี้ถึงได้น่ารำคาญเพียงนี้เป็นแน่? ไม่จบไม่สิ้นเสียที ต่อให้เขามีเหตุผลแล้วอย่างไรหรือ ทำให้คนที่เสียชีวิตไปแล้วฟื้นชีพคืนกลับมาได้หรือไม่ ทำให้เวลาย้อนกลับไป แล้วเริ่มใหม่อีกครั้งได้หรือไม่ มันเป็นไม่ได้ ดังนั้น จะยอมให้อภัยเขาโดยง่ายดายเพียงนี้หรือ ไม่ได้ แต่เกิดเจ้ารับมือไม่ไหวขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ นี่มิเท่ากับเสียเปรียบเขาแล้วหรือ ดังนั้น เจ้าจึงรำคาญใจอย่างยิ่ง ข้าพูดถูกหรือไม่” หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ
หลินหลันชำเลืองมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ผิด ข้าไม่เคยคิดจะให้อภัยเขาเลยสักนิด ไม่มีทางให้อภัยเด็ดขาด และไม่มีทางให้อภัยตลอดไปด้วย”
“ตกลง เจ้าเอ่ยว่าไม่ให้อภัยก็ไม่ให้อภัย ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเลย ใครใช้ให้เขาหูเบาเชื่อคำพูดคนอื่นล่ะ ใครใช้ให้เขาไม่รู้จักใช้สมองสักหน่อย ใครใช้ให้เขาแต่งภรรยาใหม่รวดเร็วเพียงนี้ สมน้ำหน้าเขา หาเรื่องใส่ตนเองแท้ๆ ท้ายสุดถึงได้จบไม่สวยเยี่ยงนี้…” หลี่หมิงอวินพูดเอาใจหลันเอ๋อร์
หลินหลันสบถฮึอย่างเย็นชา “เจ้าไม่ได้พูดเช่นนี้ต่อหน้าเขาเป็นแน่ ในใจเจ้ามิได้คิดเช่นนี้เป็นแน่”
“จะได้อย่างไรล่ะ ข้าคิดเช่นนี้จริงๆ” หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมา
“ใครเขาจะเชื่อเจ้า” หลินหลันกลอกตามองบนใส่ กล่าวด้วยความหงุดหงิด
“เฮ้อ! เจ้าว่า เหตุใดชะตาชีวิตพวกเราสองคนถึงได้ย่ำแย่เพียงนี้นะ ล้วนเกิดจากบิดาที่ไม่ได้เรื่องได้ราวเยี่ยงนี้ ทว่าเมื่อเทียบกันแล้ว ท่านพ่อเจ้ายังมีความแตกต่างจากท่านพ่อข้า ท่านพ่อข้าเลวร้ายกว่ามาก ความคิดเขานั่นเจ้าเล่ห์เจ้ากลเสียยิ่งอะไรดี คิดแต่ว่าจะหลอกเอาทรัพย์สินและหลอกล่อให้หลงเสน่ห์อย่างไรดี เป็นการจงใจกระทำเรื่องผิดๆ โดยตั้งใจจึงไม่อาจให้อภัยได้ แต่ท่านพ่อเจ้า ทำผิดไปด้วยความไม่รู้เท่าทัน แต่จะว่าไปแล้ว หากเปลี่ยนเป็นข้า ต่อให้รู้อยู่แล้วว่าพี่สาวของตนเองไม่ใช่คนดีเด่อะไร ก็ยากจะคาดคิดได้ว่าพี่สาวแท้ๆ ของตนเองจะเอาความเป็นความตายของคนเรามาโกหกหลอกลวงตนเอง ข้าได้ฟังพี่ชายเจ้าเคยบอกเล่าว่า ตอนนั้นมีภัยแล้งอดยากปากแห้งและมีคนล้มตายจำนวนมากจริงๆ จึงดูไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากหยิบยกเอาเหตุที่ว่าอดยากจนเสียชีวิตมากล่าวอ้าง ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น ท่านพ่อเจ้าหลงเชื่อพี่สาวก็เป็นเรื่องที่พอให้อภัยได้” หลี่หมิงอวินวิเคราะห์อย่างใจเย็น
หลินหลันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกระลอก “เจ้ายังพูดอยู่ว่าจะช่วยข้า แต่ดูเจ้าพูดเข้าสิ นี่มันเข้าข้างเขาไปหมดเห็นๆ”
หลี่หมิงอวินหลุดหัวเราะ “ข้าเข้าข้างเขาที่ไหนกัน ก็แค่วิเคราะห์จากมุมมองของคนนอกที่มีต่อเรื่องนี้ก็เท่านั้น”
“ตามที่เจ้าพูดเช่นนี้ เขามีเหตุผลอย่างนั้นหรือ ในเมื่อเขารู้ว่าภรรยาและบุตรชายบุตรสาวไม่อยู่แล้ว จะอย่างไรก็ควรไว้ทุกข์ให้ท่านแม่ข้าสักหนึ่งปีสิ! นี่มันเป็นหลักพื้นฐาน แต่ดูเขาสิ ผ่านไปไม่กี่เดือนก็แต่งงานมีครอบครัวใหม่แล้ว นี่จะให้เรียกว่าอะไรหรือ นี่มันเรียกว่าไร้หัวจิตหัวใจ ได้ใหม่ลืมเก่าโดยง่ายดาย ความทุกข์ระทมเหล่านั้นที่ท่านแม่ข้าได้รับ มันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย” หลินหลันโต้แย้งอย่างเป็นจริงเป็นจัง
หลี่หมิงอวินยิ้มขมขื่น “เจ้าก็รู้ว่าท่านแม่ทัพหลินกลับบ้านเกิดไปเยี่ยมญาติเป็นระยะเวลาที่ไม่ได้ยาวนานแต่อย่างใด ไม่ทันไรก็ต้องกลับไปสู้รบนองเลือดในทะเลทรายที่แนวเขตชายแดน วันๆ เห็นแต่มีดดาบ เจ้าก็เคยเห็นแล้ว ไม่มีใครรู้ได้ว่าตนเองจะกลายเป็นร่างไร้วิญญาณเมื่อใด แม่ทัพหลินอยากทิ้งผู้สืบทอดตระกูลหลินไว้สักหน่อย ความนึกคิดประเภทนี้ไม่ดูผิดต่อหลักคุณธรรมหรอกกระมัง!”
หลินหลันลุกพรวดขึ้นนั่ง เอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างยิ่ง “เช่นนั้นข้าขอถามเจ้าบ้าง หากต้องเปลี่ยนเป็นตัวเจ้า คนที่เสียชีวิตเป็นข้า เจ้าก็จะไปแต่งงานกับคนอื่นเพื่อให้ตระกูลหลี่ของพวกเจ้ามีทายาทรุ่นหลังหรือไม่”
หลี่หมิงอวินกล่าวสวนทันควัน “นั่นมันจะเทียบกันได้อย่างไร เจ้าและข้าเป็นคู่รักที่มั่งคงต่อกันอย่างยิ่ง ผ่านอะไรต่อมิอะไรมาด้วยกันนับไม่ถ้วน เจ้าเป็นคนที่ข้าเลือกไว้อย่างชัดเจนแล้วในชั่วชีวิตนี้ และจะขอเป็นสามีภรรยาที่รักเดียวใจเดียว นอกจากเจ้า ข้าก็ไม่ต้องการผู้อื่นแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ข้าล้วนหาผู้อื่นมาแทนที่ไม่ได้อีก”
“ก็ใช่อย่างไร เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้ายังให้อภัยเขาได้อีกหรือไม่” หลินหลันกล่าวด้วยอารมณ์เดือดปุด
หลี่หมิงอวินดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด กล่าวด้วยความสะเทือนใจ “หลันเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าบนโลกนี้จะมีคู่สามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ผ่านมรสุมมาด้วยกันมากมาย แต่กลับมั่นคงไม่แยกจากไปไหนเช่นข้าและเจ้าสักกี่คู่ ในใจเจ้าและข้ามีเพียงกันและกัน ถึงขั้นเห็นชีวิตของอีกฝ่ายสำคัญยิ่งกว่าตนเอง หลันเอ๋อร์ ดังนั้นพวกเราโชคดีอย่างยิ่งที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนที่ตนเองรัก ทว่าบนโลกนี้คู่สามีภรรยาส่วนมาก พวกเขาอยู่ร่วมกันก็เพื่อให้เรื่องที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตมนุษย์เป็นอันสมบูรณ์ เพื่อรับคำฝากฝังของบรรพบุรุษด้วยการสืบทอดวงศ์ตระกูล ให้กำเนิดชีวิตคนรุ่นหลังไว้ ระหว่างสามีภรรยาให้เกียรติกันเสมือนต้อนรับแขกที่มาเยือน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามที่ตกระกำลำบากก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น คนเราต่อให้นอนร่วมเตียงเดียวกันก็ยังฝันแตกต่างกันไป สามภรรยาสี่อนุภรรยาก็ถือเป็นเรื่องปกติ เจ้าคิดว่าแม่ทัพหลินได้ใหม่ลืมเก่า ไม่มั่นคงต่อคู่รัก ข้าเพียงแค่อยากกล่าวว่า เขารักมารดาเจ้า เพียงแต่รักนี้มันไม่ลึกซึ้งมากพอ บางทีเขาอาจรู้สึกต่อมารดาของเจ้าแค่ความรู้สึกอย่างคู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง ข้ามิได้หมายความว่าเขาเป็นฝ่ายถูก แต่ในสายตาคนส่วนมาก นี่เป็นอะไรที่เข้าใจได้”
หลินหลันเศร้าเสียใจมากขึ้นมากะทันหัน นางไม่อาจปฏิเสธได้ว่าที่หมิงอวินพูดนั้นมันมีเหตุมีผล คงต้องโทษสภาพสังคมที่เลวร้ายในยุคนี้ สตรีตั้งแต่ต้นจนท้ายสุด หากสามีเสียชีวิตแล้ว ตนเองจึงเปลี่ยนคู่ครอง เป็นเรื่องที่จะได้รับคำตราหน้าเลวร้ายจากคนยุคสมัยนี้ ทว่าบุรุษจะมีสามภรรยาสี่อนุภรรยากลับเป็นภาพลักษณ์ที่แสดงถึงฐานะและอำนาจความสามารถ หากภรรยาเสียชีวิตก็สแต่งงานใหม่ได้ เจ้าไม่แต่ง คนในครอบครัวจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเจ้าอีกด้วย นี่มันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย และช่างย่ำแย่อย่างยิ่ง ทว่านางดังหลุดมาในยุคสมัยเช่นนี้
คนที่อยู่ในอ้อมกอดนิ่งเงียบไปเสียดื้อๆ หลี่หมิงอวินก้มหน้ามอง ปลายนิ้วเรียวงามช้อนคางของนางให้เงยขึ้น แล้วสบตาเข้ากับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง หลี่หมิงอวินจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ผู้อื่นจะคิดเช่นไรข้าไม่สน ข้ารู้เพียงแต่ว่าชั่วชีวิตนี้มีเพียงเจ้าก็พอแล้ว เคียงคู่กันหนึ่งเดียวตลอดไป นี่ไม่ง่ายเลยนะ ดังนั้น ข้าจะรักษาไว้อย่างดี”
“หมิงอวิน...” หลินหลันรู้สึกเสียใจและซาบซึ้งใจในเวลาเดียวกัน นั่นสิ! มันไม่ง่ายเลย โชคดีแค่ไหนที่นางได้พบเจอคนเช่นนี้ คนที่เข้าใจตนเอง รักและทะนุถนอมตนเอง
หลี่หมิงอวินลูบไล้พวงแก้มของนางด้วยความรัก สายตาอ่อนโยนหยาดเยิ้ม พลางส่งเสียงกระซิบ “หลันเอ๋อร์ อย่าเสียใจไปเลย ข้าคิดว่าความปรารถนาสูงสุดของท่านแม่เจ้า มิใช่การได้อยู่ร่วมกันระหว่างสามีภรรยา แต่เป็นเจ้ากับพี่ชายเจ้าได้มีชีวิตที่ดี หากนางรับรู้ได้ จะต้องปลื้มปริ่มใจอย่างมากเป็นแน่”
หลินหลันมุดศีรษะซุกอยู่ในอ้อมแขนของเขา หวังบดบังแววตาไม่สบายใจ ท่านแม่ หากท่านรับรู้ได้ ท่านจะยอมให้อภัยเขาหรือไม่
หลี่หมิงอวินลูบเส้นผมนุ่มลื่นของนางพลางกล่าวอย่างอบอุ่น “หลันเอ๋อร์ มิต้องทำให้ตนเองรู้สึกทุกข์ไปหรอก ไม่ว่าเจ้าตัดสินใจเช่นไร ข้าล้วนสนับสนุนเจ้าทั้งสิ้น”
หลินจื้อย่วนใช้วิธีการอย่างนายทหาร แข็งแกร่งและเด็ดขาด ไม่ถึงสองวัน ก็มีข่าวแพร่งพรายออกไปว่า ตามหาหลินซานพบแล้ว ในเวลาเดียวกันก็จับคนร้ายที่ลักพาตัวหลินซานไปได้ด้วยเช่นกัน ตามคำบอกกล่าวของคนร้าย เป็นพวกตระกูลฉินที่สั่งการให้พวกเขาทำเยี่ยงนี้ หลินจื้อย่วนนำคำสารภาพไปถวายต่อหน้าพระพักตร์เพื่อให้ฮ่องเต้เป็นผู้ตัดสิน ทั้งยังทิ้งระเบิดลูกใหญ่ออกไปอีกหนึ่งลูกด้วยการกราบทูลว่าหลินหลันสะใภ้รองแห่งตระกูลหลี่ เป็นบุตรสาวที่หายสาบสูญไปหลายปีของเขา
ทั่วทั้งเมืองหลวงเต็มไปด้วยความโกลาหล ทุกคนต่างรับรู้ว่าภรรยาหลี่หมิงอวินเดิมทีเป็นสตรีสาวบ้านป่าเมืองเขาที่ไร้ชื่อเสียง ตอนนี้กลายเป็นบุตรสาวที่หายสาบสูญไปหลายปีของท่านแม่ทัพหนิงกั๋ว กลายเป็นสตรีตระกูลชนชั้นสูง เรื่องราวกลับตาลปัตรเช่นนี้ แล้วจะไม่ให้ผู้คนตื่นตกใจได้อย่างไร จะไม่ชวนให้บรรดาผู้คนรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งได้อย่างไร นี่มันมีอะไรไม่ชอบมาพากลในเรื่องราวเหล่านี้หรือไม่
หลังได้รับรู้เรื่องราวนี้ หลินหลันก็เดือดดาลอย่างยิ่ง ตาเฒ่านี่ ถึงขั้นใช้กลยุทธ์ชิงลงมือก่อนแล้วค่อยว่ากันภายหลังต่อนาง เขาเล่นป่าวประกาศทั่วทั้งหล้าก่อนแล้ว หากนางยืนหยัดไม่รับเขาเป็นบิดา ไม่ใช่กับจะถูกผู้คนกล่าวว่าอกตัญญูหรอกหรือ ตาเฒ่านี่คิดจะใช้คำวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนมากดดันข้าเช่นนั้นหรือ
หลี่หมิงอวินนึกตำหนิแม่ทัพหลินที่กระทำการอย่างใจร้อนเกินไปเช่นกัน ด้วยอุปนิสัยของหลันเอ๋อร์นี้ หากเจ้าค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากับนาง ใช้ความรู้สึกแท้จริงพิสูจน์ อีกหน่อยบางทีอาจพอช่วยให้พูดคุยกันได้ การเล่นป่าวประกาศทั่วหล้าขึ้นมากะทันหันเช่นนี้ มีแต่จะผลักดันหลันเอ๋อร์ตกเป็นขี้ปากของผู้อื่น ทำให้หลันเอ๋อร์ยิ่งรู้สึกต่อต้าน หลี่หมิงอวินพูดเกลี้ยกล่อมหลินหลันจนปากเปียกปากแฉะ จนท้ายที่สุดก็ยอมให้เขาไปถามไถ่แม่ทัพหลินว่าที่ทำเช่นนี้มันหมายความเช่นไร
หลินเฟิงได้ยินข่าวคราวแล้วเช่นกัน จึงรีบถ่อมาจากค่ายกองทัพซีซานทันที
“น้องพี่ แล้วนี่จะทำอย่างไรดี” หลินเฟิงร้อนรนใจ เพิ่งเข้าปฏิบัติหน้าที่วันแรก ในค่ายก็เกิดข่าวคราวนี้แพร่งพรายไปทั่วเสียแล้ว ทุกคนต่างมาถามไถ่เขาว่าเป็นความจริงหรือ ทำให้เขาไม่รู้เลยว่าจะพูดเช่นไร จะกล่าวว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้เช่นกัน เขาจึงรู้สึกกระวนกระวายอย่างยิ่ง
หลินหลันกล่าวด้วยความหงุดหงิด “ไม่ต้องสนใจเขา เขาอยากพูดอะไรก็ให้เขาพูดไป ถึงอย่างไรบิดาผู้นี้ ข้าก็ไม่ขอยอมรับ”
“แต่ว่า…จะทำเช่นนี้มันก็ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องเช่นกันมิใช่หรือ” หลินเฟิงกล่าวด้วยความกลัดกลุ้ม
หลินหลันกัดฟันแน่น “เขาจะบีบบังคับผู้อื่นเกินไปมิได้ มิเช่นนั้น ข้าจะไม่ไว้หน้า”
“เรื่องนี้ น้องเขยว่าอย่างไรบ้างหรือ”
หลินหลันกล่าวด้วยความขุ่นเคือง “ยังไม่รู้สิ ยามนี้เขาไปจวนแม่ทัพ ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ตาเฒ่านั่นมิใช่ว่าไม่มีบุตรชายเสียหน่อย ทำไมต้องมาราวีพวกเราไม่เลิกรา ทำเสมือนว่าเขาแยแสพวกเรานักหนา ใครต้องการให้เขามาแยแส ใครเขายินดีที่เขาสนใจกัน”