ค่ำคืนอันแสนวุ่นวายและสับสนอลหม่านดังเช่นทุกทีของเด็กหนุ่มและเด็กสาวได้จบลง เช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นโดยไม่รอให้ผู้ใดเตรียมใจทั้งสิ้น เป็นดังการคัดกรองตามธรรมชาติ ซึ่งหากผู้ใดเตรียมใจไม่ทันก็ไม่อาจก้ามข้ามวันใหม่มาได้อย่างปกติสุข
ชิน… เด็กหนุ่มผู้ซึ่งกำลังนอนหลับสนิทในห้องส่วนตัวของตัวเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เมื่อวานหลังเหตุการณ์ที่ชินได้สัมผัสกับรอยสักเรืองแสงสีแดงของชายหนุ่มปริศนา ตราสัญลักษณ์อันแสนน่าชิงชัง… รอยสักรูปมงกุฎที่ฝังอยู่ในความทรงจำของเขาและโอลิเวียกลับปรากฏขึ้นที่หลังมือขวาของเขาอย่างไม่ทราบสาเหตุไปเสียอย่างงั้น
แม้จะยังสับสน แต่ทั้งคู่ก็ประเมินสถานการณ์กันทันทีว่าหากอยู่ที่นี่นานคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
หลังจากทำลายหลักฐานทั้งหลายของโอลิเวีย รวมถึงย้ายร่างของชายหนุ่มที่สวมหน้ากากเสือโคร่งไปไว้ในโรงงาน สร้างหลักฐานเท็จให้เห็นว่าเขาถูกนักเลงท้องถิ่นทำร้ายร่างกาย ทั้งคู่ก็รีบออกมาจากสถานที่นั้นในทันที
อนึ่ง แม้ในความเป็นจริงการปิดปากไปเลยอาจจะเป็นเรื่องดีกว่า แต่มองในอีกแง่นึง หากยังไม่รู้ว่าศัตรูเป็นใครก็ไม่ควรสร้างเรื่องบาดหมางให้มากเกินไปกว่านี้ ทั้งอีกฝ่ายยังไม่รู้ตัวจริงของทั้ง Angry Clown และ Golden Dog เมื่อชั่งน้ำหนักความเสี่ยงดังกล่าว ทั้งสองคนจึงลงความเห็นว่าครั้งนี้ปล่อยให้เขาคนนี้มีชีวิตต่อไปจะดีกว่า
และแน่นอนว่าไม่ได้ปล่อยไปเปล่าๆปลี่ๆ เพราะชินได้แอบติดเครื่องติดตามขนาดพิโกเมตร(ขนาดเล็กกว่านาโนพันเท่า) เพื่อใช้ติดตามการเคลื่อนไหวของเป้าหมาย
จากนั้นโอลิเวียก็รีบพาชินกลับไปยังห้องพักโดยไม่ผ่านฐานลับก่อนด้วยซ้ำ เธอจัดการส่งชินเข้านอน รวมถึงแอบใช้ยานอนหลับกับเขาเพื่อให้ชินหลับสบาย เพราะเธอรู้ดีอยู่แล้วว่าชินคงนอนไม่หลับแน่หากไม่ทำเช่นนี้ ก่อนที่จะค่อยกลับไปฐานลับที่ใกล้ที่สุดเพื่อเก็บหลักฐานให้เข้าที่ เรียกได้ว่าเป็นคนจัดการธุระทุกอย่างด้วยตัวเองแทนชินที่เป็นเจ้านาย
ไม่สิ ไม่ใช่เพราะเธอเป็นข้ารับใช้ของชินเสียหน่อย… ความจริงสาเหตุมันก็แค่ เธอเป็นห่วงชินในฐานะที่เธอเป็นผู้หญิงคนนึงเหมือนอย่างทุกทีเท่านั้น นั่นคือบทสรุปของเรื่องเมื่อคืน
“ …. ”
สติของเด็กหนุ่มค่อยๆฟื้นคืน แม้จะยังมีอาการเวียนศีรษะอยู่เล็กน้อยจากผลกระทบของยานอนหลับที่โอลิเวียแอบเอาให้เขาทานก่อนนอนเมื่อคืน
แต่ถึงจะบอกว่าโอลิเวียแอบให้เขาทาน แต่ความจริงก็คือชินนั้นรู้ตัวอยู่แล้วว่าโอลิเวียตั้งใจเช่นนั้นจึงไม่ได้ขัดความตั้งใจของเธอ แม้ความจริงแล้วตัวเขาในตอนที่รู้ว่าตัวเองมีรอยสักอันน่าชิงชังปรากฏขึ้นจะอยากรีบรวบรวมหลักฐานและเบาะแสที่พบเมื่อคืนมากเท่าใดก็ตาม
เขาคิดแบบนั้นทั้งที่สติยังกลับมาไม่เต็มที่ แต่กระนั้นก็ยังค่อยๆชันตัวเองขึ้น
“ อรุณสวัสดิ์ค่ะชิน ”
ในตอนนั้นโอลิเวียก็ปรากฏตัวขึ้นข้างเตียงอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ไม่สิ… ความจริงคือเธอนั่งรอที่โต๊ะเล็กข้างเตียงอยู่แล้ว แล้วพอเห็นว่าชินเริ่มได้สติจึงค่อยๆขยับเข้าไปนั่งข้างเตียงดูอาการของชินต่างหาก
แต่พอเห็นโอลิเวียฝืนแบบนี้ ชินเองกลับรู้สึกลำบากใจยิ่งกว่า
“ ไม่ต้องทำหน้าเป็นห่วงแบบนั้นหรอก ” ชินชิงพูดแบบนั้นออกมาก่อน เพราะแม้สีหน้าของโอลิเวียจะดูเรียบเฉยเหมือนทุกที แต่เช่นไรก็ตาม… ชินก็เดาได้อยู่แล้วว่าเธอคงคิดถึงเขาเป็นอันดับหนึ่งเหมือนทุกที
“ เห็นทีจะไม่ได้หรอกค่ะ ก็เมื่อวาน… ”
โอลิเวียพูดแบบนั้นทำให้ชินขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในมุมมองของโอลิเวีย คงจะคิดว่าชินกำลังทรมานกับรอยสักที่น่ารังเกียจ และเป็นสัญลักษณ์แห่งความเคียดแค้นของตนกลับสถิตอยู่กับเขาแทนราวกับเป็นคำสาปอยู่กระมั้ง
“ ช่างเถอะ… แล้วอย่างน้อยมันก็จะไม่แสดงออกมาถ้าฉันไม่เพ่ง “จิต” ไปยังมือขวา ” เห็นโอลิเวียกังวลกับความรู้สึกของตน ชินก็ยกมือขวาขึ้นและแสดงหลังฝ่ามือที่ไร้รอยสักใดๆให้เธอเห็น
ใช่… ในตอนนี้รอยสักมันไม่ได้ปรากฏอยู่บนหลังมือของฉันอีกแล้ว
ดูเหมือนมันจะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อฉันเพ่ง “จิต” ซึ่งเป็นพลังงานธรรมชาติในร่างกายให้มาอยู่ที่มือขวา
เพราะงั้นอย่างน้อยมันก็มีข้อดีตรงที่ไม่มีใครมองเห็นหรือจำได้ถ้าเราไม่เผยให้เห็นด้วยตัวเอง
ไม่รู้ว่าใครมันเป็นคนคิดค้นรอยสักนี่ แต่ก็ต้องขอบคุณที่มีฟังก์ชั่นแบบนี้ติดมาด้วย
แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ก็ใช่ว่าจะวางใจได้ 100% เพราะเราไม่รู้ข้อมูลอะไรเลยซักนิดเกี่ยวกับรอยสักบ้านี่
เพราะงั้น การที่โอลิเวียจะออกอาการกังวลเกินเหตุมันก็คงเป็นเรื่องปกติ
ชินเห็นท่าทางของโอลิเวียที่นั่งก้มหน้าอยู่ตลอดก็เผลอถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วเข้าครัวเหมือนทุกที เขาพยายามแสดงให้เห็นว่าตัวเขายังคงเป็นตัวเขาเหมือนทุกที ด้วยการพยายามไม่เผยความกังวลและอ่อนแอออกมาเพื่อไม่ให้โอลิเวียกังวล ซึ่งโอลิเวียก็ตามชินเข้าครัวเหมือนทุกทีโดยไม่ได้พูดอะไรต่อกันอีก
ทั้งสองคนทานอาหารที่โต๊ะเล็กด้วยชุดลำลองแบบสบายๆเหมือนทุกทีด้วยบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบกว่าปกติ
“ ชิน… คิดจะทำยังไงต่อเหรอคะ? ” โอลิเวียถามออกมาเช่นนั้นด้วยสีหน้ากังวลกว่าทุกที หากถามว่ามากขนาดไหน คงมากถึงขนาดที่คนอื่นสามารถสังเกตได้ทั้งที่ปกติมีแค่ชินที่รู้ นั่นแหล่ะความกังวลของเธอในตอนนี้
ว่าแต่ สุดท้ายก็ไม่พ้นประเด็นนี้จริงๆสินะ
“ พรุ่งนี้จะเริ่มกลับมาเรียนตามปกติ… เลยคิดว่าจะใช้เวลาทั้งวันวิเคราะห์เบาะแส ”
“ งั้นเหรอคะ ” โอลิเวียตอบกลับด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่ยังไงมันก็ไม่เกินกว่าที่เธอคาดเท่าไหร่
“ แต่เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังก็ได้ ”
…จนกระทั่งชินหยิบตั๋วบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ วางมันลงตรงหน้าของโอลิเวียที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
นั่นทำให้โอลิเวียเลิกคิ้วขึ้น เป็นท่าทางแปลกใจแบบที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ และไม่ใช่ความแปลกใจในความหมายว่า “เจ้านี่มันคืออะไร” หากแต่เป็น “เพราะรู้ว่าเจ้านี่เป็นอะไรถึงได้แปลกใจ” ต่างหาก
“ บ่ายนี้มีหนังที่เธอชอบเข้าด้วยนะ… ถ้าเป็นที่จังหวัดข้างๆ นั่งรถไฟความเร็วสูงไปคงไม่ต้องกลัวว่าจะมีนักเรียนจากโรงเรียนเราเห็น เพราะงั้นถือว่าเป็นการผ่อนคลายจากภารกิจต่อเนื่องในช่วงหลายวัน… ไปดูด้วยกันเถอะ ”
ใช่… ตั๋วที่ชินเอาออกมา มันคือตั๋วภาพยนตร์ที่จองล่วงหน้ามาแล้วหลายวัน มันแสดงให้เห็นว่าชินตั้งใจจะชวนเธออยู่แล้ว ก็แค่หาโอกาสเหมาะๆไม่ได้เท่านั้น
ชินที่พูดแบบนั้นออกมาราวกับท่องโพย แต่หารู้ไม่ว่าใบหน้าของตัวเองก็แอบแดงก่ำเล็กน้อย
แต่ทางด้านโอลิเวีย… พริบตาที่รู้ว่าถูกชินชวนไปดูหนัง หรือในอีกแง่นึงมันคือการชวนออกเดท นั่นทำให้แก้มของเธอแดงก่ำไปจนถึงหูเลยทีเดียว(ถึงใบหน้าจะดูเรียบเฉยเหมือนทุกทีก็ตาม)
“ อะ… ”
โอลิเวียเริ่มทำปากพะงาบๆด้วยความประหม่า ถึงขนาดตอบรับไม่ถูกเลยทีเดียว
อนึ่ง… แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองคนไปดูหนังด้วยกัน แต่สุดท้ายมันก็ไม่เคยกลายเป็นความเคยชินของทั้งคู่เสียที
แต่ว่าหนนี้… โอลิเวียกลับสงสัยชินในบางจุดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ใบหน้าของเธอค่อยเย็นยะเยือกขึ้นระหว่างพินิจพิเคราะห์บางสิ่ง หลังเห็นสีหน้ากังวลระหว่างรอคำตอบของชิน
เธอค่อยๆจิบน้ำด้วยสีหน้าตามปกติ ก่อนที่จะวางมันลงแล้วจ้องเขม็งไปยังชิน
“ ขออภัยด้วยค่ะชิน… ดิฉันคงต้องขอปฏิเสธ ”
“ … ”
กับสายตาเย็นยะเยือกของโอลิเวียที่ไม่ค่อยได้เห็น ชินถึงกับไหล่กระตุกไปเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นสีหน้าของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยน น่าจะมีเพียงจุดนี้ที่ทั้งคู่คล้ายคลึงกัน
“ มีธุระเหรอ ” ชินถามอย่างกังวล ราวกับกำลังกุมความผิดบางอย่างไว้อยู่
“ ต่อให้มีธุระ แต่ถ้าชินชวนยังไงดิฉันก็เลือกที่จะไปกับชินอยู่แล้วค่ะ ”
คำตอบนั้นไร้ซึ่งความลังเลเหมือนกับทุกที แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ชินรู้สึกเหมือนถูกจับได้ว่าทำผิดเข้าไปใหญ่
ในตอนนั้นโอลิเวียก็เริ่มถอนหายใจออกมาอย่างที่ไม่ได้ทำมานาน
“ ชิน… ดิฉันบอกหลายหนแล้วนะคะ ว่าการตายของดิฉันไม่เคยเป็นความผิดของคุณแม้แต่ครั้งเดียว… และการที่คุณรู้สึกผิดจนอยากชดใช้ด้วยการทำแบบนี้ มันไม่เคยทำให้ดิฉันรู้สึกดีใจเลยซักนิดค่ะ ”
โอลิเวียพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก แฝงด้วยความโกรธแบบที่ไม่ค่อยจะได้เห็น
แต่นั่นมันก็สมเหตุสมผลกับเรื่องที่ชินทำผิดซ้ำซากแบบนี้ เป็นใครก็คงโกรธเป็นเรื่องธรรมดา
อย่างที่รู้ว่าโอลิเวียนั้นไม่ได้เพิ่งจะเสียชีวิตแบบเมื่อวานเป็นหนแรก… หากนับช่วงเวลาก่อนที่จะได้พบกับชิน แม้จะไม่ใช่ในกรณีที่เกิดขึ้นได้บ่อยนัก แต่น่าจะเรียกได้ว่าเธอตายมานับครั้งไม่ถ้วนเสียด้วยซ้ำ
ทว่าการตายครั้งนานมาแล้วไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับเธอ… หากแต่เป็นการตายที่เธอช่วยชินในภารกิจต่างหากที่มีนัยยะสำคัญ เพราะมันทำให้ชินรู้สึกผิดทุกครั้งและรู้สึกว่าตัวเองต้องรับผิดชอบ
แต่สำหรับมุมมองของโอลิเวียที่ถูกชินเอาอกเอาใจด้วยความรู้สึกผิดแบบนั้น มันกลับทำให้เธอเจ็บใจที่ไม่สามารถทำให้ชินรู้สึกอยากทำแบบนี้ได้ในสถานการณ์ปกติทั่วไป
ใช่… โอลิเวียก็แค่อยากให้ชินเข้าหาเธอด้วย “ความรักและเอาใจใส่” มากกว่า “ความรู้สึกผิด”
เธอแค่อยากให้ชินเข้าหาเธอเหมือนที่เธอทำเท่านั้นเอง… มันเป็นเรื่องง่ายๆเช่นนั้น แต่ชินกลับไม่ยอมเข้าใจเสียที นั่นถึงทำให้โอลิเวียอดมีน้ำโหไม่ได้
“ ดิฉันอยากไปเที่ยวกับคุณด้วยความรู้สึกเป็นสุขทั้งสองฝ่ายมากกว่าค่ะ… ไม่ใช่ว่าบอกไปแล้วเหรอคะ ”
“ …ขอโทษ ”
กับโอลิเวียที่เอ็ดชินด้วยสีหน้าขึงขัง ชินก็ทำได้แค่ก้มหน้ารับผิดเท่านั้น
มุมมองของโอลิเวียก็ว่าไปอย่าง แต่สำหรับชิน…
ก็มันช่วยไม่ได้ไม่ใช่เหรอ
ต่อให้อ้างเหตุผลสารพัด แต่ความจริงที่เราลากเธอมาเป็นส่วนหนึ่งของการแก้แค้นนั้นยังไงก็ไม่เปลี่ยน
แล้วการยอมรับอะไรอย่าง “ฉันไม่มีส่วนกับการตายของโอลิเวียซักหน่อย” อย่างที่เธอว่าแบบนั้นมันก็ออกจะเห็นแก่ตัวเกินไป
ถึงโอลิเวียจะบอกว่าไม่เป็นไรและไม่เคยคิดมาก แต่เรื่องนี้เท่านั้นที่ฉันยอมไม่ได้
ตัวเองเป็นสาเหตุแท้ๆ จะให้ยิ้มหน้าระรื่นไม่รับผิดชอบได้ยังไง
แล้วที่สำคัญเธอยังเป็นคนที่ฉัน…
ให้ตายสิ เธอเองก็ไม่ยอมเข้าใจฉันเหมือนกันไม่ใช่เหรอ
ถ้าฉันยอมให้ตัวเองคิดแบบนั้นหล่ะก็… ตัวฉันในอนาคตที่มองย้อนกลับมาคงไม่ยอมยกโทษให้ตัวเองอย่างแน่นอน ได้โปรดเข้าใจฉันซักทีเถอะโอลิเวีย
ชินคิดแบบนั้นพลางขมวดคิ้วแน่น แต่ถึงกระนั้นก็มีท่าทีระแวดระวังในการมองตาโอลิเวียกลับไปอยู่
แม้ภายในใจจะคิดอย่างมีหลักการเพียงใด แต่สายตาของโอลิเวียที่จดจ้องมายังเขาไม่ได้ทำให้ชินรู้สึกว่าจะโต้เถียงชนะได้เลยซักนิด
ผู้หญิงตอนโกรธนี่น่ากลัวจริงๆแฮะ… ชินแอบคิดแบบนั้นอยู่ในใจ
แต่ดูเหมือนบรรยากาศแสนกระอักกระอ่วนจะดำเนินไปได้ไม่นาน โอลิเวียก็เป็นฝ่ายกระแอมเสียงดังออกมาก่อน
“ แต่ว่านะคะ… การทำให้ค่าใช้จ่ายของเจ้านายเสียเปล่าเป็นเรื่องน่าอับอายในฐานะข้ารับใช้เป็นอย่างมาก นี่เองก็เป็นเรื่องให้น่าขบคิดอยู่นะคะ ”
ได้ยินคำพูดราวเสียงกระดิ่งแห่งความหวังเช่นนั้น ชินก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบตากับโอลิเวีย ดูเหมือนอารมณ์ของเธอจะเริ่มเย็นลงแล้ว
“ เพราะงั้น… ถึงแม้จะไม่ค่อยพอใจ แต่ดิฉันจะขอยอมรับความอ่อนโยนที่ชินมีต่อข้ารับใช้อย่างฉันไว้ก็แล้วกันนะคะ ” โอลิเวียว่าแบบนั้นด้วยสายตาเรียบเฉย… แต่ไม่เหมือนทุกที หนนี้แก้มของเธอยังคงแดงระเรื่อไม่หาย
…เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ ว่าแม้ชินจะชวนเธอด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สุดท้ายเธอก็ดีใจอยู่ดี
พูดอ้อมค้อมซะจริงนะแม่คุณ
“ แปลว่าจะไปด้วยกันสินะ ”
ชินถามย้ำแบบนั้นด้วยรอยยิ้มแห้งๆ โอลิเวียก็พยักหน้ารับเบาๆ ทำให้ชินยิ้มแห้งๆรับ
เพราะสุดท้าย… ดูเหมือนก็ยังคงเป็นฝ่ายโอลิเวียที่ช่วยให้เขาสบายใจ แม้จุดมุ่งหมายของการเดทจะเป็นการทำให้โอลิเวียผ่อนคลายก็ตามที
ถึงจะรู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพชอยู่หน่อยๆก็ตาม
แต่ถ้ามันทำให้เธอยิ้มได้… ก็ช่างมันเถอะ
❖❖❖❖❖
หลังจากการเชิญชวนของชินประสบความสำเร็จ ทั้งสองคนก็นัดเจอกันที่หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า จังหวัดชลบุรี
อนึ่ง ในปัจจุบันระบบขนส่งค่อนช้างมีประสิทธิภาพกว่าแต่ก่อน ด้วยรถไฟความเร็วสูงทำให้ร่นระยะเวลาเดินทางลงไปได้โข ถึงขนาดที่ว่านักเรียนที่บ้านอยู่เชียงใหม่สามารถเดินทางไปกลับโรงเรียนที่อยู่กรุงเทพมหานครได้สบาย
ทางชินออกมารอตามสถานที่นัดก่อนแล้ว ซึ่งก็คือร้านกิ๊ฟชอปเล็กๆที่ตั้งอยู่แถวลานกว้างด้านหน้าเพื่อรอโอลิเวีย แม้ความจริงแล้วทั้งสองสามารถมาด้วยกันได้ แต่เช่นไรก็ตาม การแยกกันมาน่าจะลดความเสี่ยงได้มากกว่า
ในตอนนั้นเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าจาก “โฮโลวอช” ก็ดังขึ้น ชินรีบเปิดขึ้นดูก็พบว่ามีข้อความมาจากผู้หญิงสองคนนั่นคือโอลิเวียและเกวน
ชินเลือกเปิดอ่านของโอลิเวียก่อน
“ อีกไม่เกิน 10 นาทีค่ะ ขออภัยที่ล่าช้านะคะชิน ” เธอเขียนแบบนั้นพร้อมกับส่งสติ๊กเกอร์ก้มกราบไม่สมบุคลิกตัวจริงเธอเท่าไหร่ ทำเอาชินอดหัวเราะไม่ได้
ก่อนจะส่งข้อความกลับไปว่า “ ช่างเถอะ ไม่เป็นไรหรอก ” กลับไป แล้วตามด้วยการเปิดข้อความของเกวนขึ้นอ่าน
“ ทำอะไรอยู่เหรอ? มีธุระอะไรรึเปล่า? ” เกวนส่งข้อความมาเช่นนั้น ซึ่งคงเป็นการถามอย่างอ้อมๆว่า “ นายไปทำอะไรต่างจังหวัดกันหล่ะเนี่ย? ” เสียมากกว่า
จะว่าไป เกวนนี่ชอบคุยกับเราอยู่ตลอดเลยแฮะ
ก็ไม่ใช่ว่าจู้จี้หรืออะไรหรอก มองในมุมมองของเธอ เธอก็คงแค่เป็นห่วงเราเท่านั้นแหล่ะ
เป็นคนดีจริงๆนะ
ชินคิดแบบนั้น… โดยไม่รู้ว่าสาวเจ้ามีความนัยแอบแฝงที่ส่งข้อความมาหาเขาบ่อยๆ
“ มีธุระนิดหน่อยหน่ะ แล้วก็กะว่าจะหางานพิเศษดีๆทำด้วย ” ชินอ้างไปแบบนั้น
“ งานพิเศษเหรอ? อยู่คนเดียวลำบากแย่เลยเนอะ ” เกวนส่งมาแบบนั้น ทำให้ชินคิดว่า เกวนเป็นห่วงเราอย่างที่คิด และเป็นอีกครั้งที่คิดว่าเกวนช่างเป็นหญิงสาวที่ใจดีเสียนี่กระไร
“ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ หรือถ้าอยากได้เพื่อนไปทำงานพิเศษฉันก็พร้อมนะ ” เธอส่งข้อความมาแบบนั้นพร้อมกับสติ๊กเกอร์ยิ้มแย้มสมเป็นเธอ
“ อื้ม ขอบคุณมากนะ ” ชินตอบกลับไปสั้นๆเหมือนอย่างเคย
แล้วบทสนทนาก็จบลงตรงนั้นพอดี
หลังจากนั้นเพียงแค่ 2 นาทีเศษ เด็กสาวผู้สวมชุดเดรสสีขาวดูสบายตาพร้อมกระเป๋าสะพายเล็กๆได้ย่างเข้าหาชินอย่างช้าๆ
สีขาวของชุดเข้ากับได้ดีกับผิวสีขาวราวเกล็ดหิมะ กลมกลืนกับเรือนผมสีเงิน แถมท่าทางยังทำให้ดูสงบเสงี่ยมและสูงศักดิ์… เจ้าของความงามที่ทำให้ชายหนุ่มทุกคนที่เดินผ่านไม่แม้แต่ผู้ที่กำลังควงแฟนสาวยังต้องหยุดมอง ก็คือโอลิเวีย
“ ขออภัยที่ให้คอยนานค่ะชิน ”
เธอกล่าวสั้นพร้อมโค้งให้ชินเล็กๆ แต่แน่นอนว่าชินไม่เคยโกรธ
กลับกัน… สภาพของโอลิเวียในตอนนี้ต่างหากที่ทำเอาชินลืมหายใจ
ใบหน้าของโอลิเวียนั้นจัดได้ว่าเป็นสาวงามเหนือสาวงามแม้จะไม่ต้องจัดผมหรือแต่งหน้า เรียกได้ว่าเป็นคนสวยโดยธรรมชาติ และไม่บ่อยนักที่เธอจะจัดหน้าแต่งผม แม้แต่ตอนที่เธอไปเดินเล่นกับกลุ่มเพื่อนสนิทของเธอ(แม้จะไม่บ่อยนัก)ก็ยังไม่ทำเช่นนั้น
ผิดกับทุกครั้งที่เธอออกไปเที่ยวกับชิน… เธอจะแต่งหน้าและทำผมมาอย่างดี แถมยังจัดเต็มชนิดที่ว่าคนส่วนใหญ่อาจเข้าใจผิดว่าเธอกำลังจะเดินทางไปประกวดนางงามที่ไหนเสียอีก
เรื่องที่ต้องการทำให้ตัวเองดูภูมิฐานที่สุดเพื่อไม่ให้ชินที่เป็นเจ้านายน้อยหน้าใครนั้นก็อีกเรื่องนึง แต่ประเด็นสำคัญก็เหมือนเคย เธอพยายามมัดใจชิน
แล้วมันก็ได้ผล ความประทับใจแรกเห็นของเธอทำให้แก้มของชินแดงระเรื่อ แม้จะพยายามตีหน้าเรียบเฉย แต่ยังไงความหวั่นไหวก็หลุดออกมาเสมอ… เหมือนกับทุกที
“ งั้นก็… ไปกันเถอะ ”
ชินเกาแก้มตัวเองราวกับแก้เขิน โอลิเวียเห็นท่าทีแบบนั้นของชินก็ยกมือขึ้นสัมผัสริมฝีปากและหัวเราะอย่างสงบเสงี่ยมเช่นเคย แน่นอนว่าด้วยความดีใจที่แผนเอาคืน&ทำคะแนนของเธอประสบความสำเร็จเหมือนเคย
❖❖❖❖❖
หลังจากนั้นการดูหนังก็เริ่มและจบลงด้วยดี
หนังที่พวกเราดูเป็นอนิเมชั่นภาคต่อที่โอลิเวียชื่นชอบ เรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยของเด็กสาวสอดแทรกรักโรแมนติก เรื่องราวประเภทที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของตัวละคร
จะเรียกว่าสมเป็นเด็กผู้หญิงทั่วไปก็ได้… แต่อนิเมชั่นเรื่องนี้มีกลุ่มผู้ชมเป็นคนทั่วไปและไม่ได้เฉพาะทางเหมือนเรื่องอื่น เรียกว่าใครๆก็คงดูได้
สำหับเจ้าตัวอย่างโอลิเวียเอง มันสนุกถึงขนาดที่หนังจบแล้วเธอยังพูดไม่หยุดเลยทีเดียว
แต่แบบนี้แหล่ะจุดประสงค์หลัก… ได้แลกเปลี่ยนความเห็นของหนังด้วยรอยยิ้มก็ถือว่าเดทประสบความสำเร็จแล้ว
แต่จะว่าไปก็เหลือเวลาอีกหน่อย พวกเราก็เลยเดินเล่นกันในย่านการค้าต่อ
เดินผ่านไปนู่นไปนี่… แวะตามร้านค้าที่สนใจ แล้วก็ได้ใบปลิวจากหนุ่มแว่นคนนึงที่ดูเหมือนจะกำลังทำงานพิเศษอยู่
“ ทั้งสองคนลองไปคาเฟ่เปิดใหม่ดูสิครับ มีโปรโมชั่นสำหรับคู่รักด้วยนะครับ! ” ว่าแบบนั้นพร้อมกับยิ้มแบบแปลกๆมาให้
นี่สำหรับคนอื่นคงมองพวกเราเป็นคู่รักอย่างที่คาดจริงๆสินะ…
แต่ถ้ามองกันแค่ภายนอก ไอ้ที่ออกไปเดทกันบ่อยๆ เข้ามาเที่ยวเล่นในห้อง แถมยังสนิทสนมถึงขนาดทานข้าวเช้า-เย็นด้วยกันนี่ ก็คงไม่แปลกหรอกมั้งที่จะคิดแบบนี้กัน… ขนาดเราเองยังแอบคิดเลย
แต่ว่าสาบานได้… ฉัน(พยายาม)คิดว่าเธอเป็นครอบครัวคนสำคัญที่เหลืออยู่
เพราะถ้าว่ากันตามตรง ไอ้คนที่ตั้งเป้าหมายจะแก้แค้นคนอื่นอย่างเราไม่มีสิทธิมีคนรักหรอก… ยังไม่ใช่ตอนนี้
แต่จะยังไงก็ตาม… โอลิเวียที่ถูกเข้าใจผิดไปแบบนั้นเหมือนจะดีใจอยู่ แถมยังบอกให้แวะคาเฟ่ที่ว่าก่อนกลับ
เอาเถอะ ยังไงก็กะจะตามใจเธออยู่แล้วเลยไม่ขัดศรัทธา พวกเราเลยมุ่งหน้าไปยังร้านดังกล่าว
เป็นร้านเปิดใหม่ที่ดูดีไม่น้อย แถมภายในก็จัดได้ดูมีราคา
ในอีกความหมายนึงสินค้าเองก็มีราคาเช่นกัน
แต่เพราะมีโปรโมชั่น พวกเราเลยลดค่าใช้จ่ายไปได้ครึ่งนึง…
ถึงจะต้องพิสูจน์การเป็นคนรักด้วยการดื่ม “เครื่องดื่มหลอดคู่แบบต้องทำให้จมูกชนกัน” ของทางร้านอีกต่างหาก เป็นเงื่อนไขที่แปลกชะมัด
แต่ทำไงได้… ยังไงก็มีแต่ต้องทำเท่านั้นแหล่ะ
ไอ้ท่าทีเขินอายของพวกเรานี่ก็เป็นแบบนี้ตลอดศก ขนาดคุณพนักงานสาวยังยิ้มให้เลย
สงสัยคงคิดว่าเราสองคนเป็นคู่ที่น่ารักดีกระมั้ง… ขอทีเถอะ
ด้วยเหตุนั้น การผ่อนคลายของเราสองคนที่ไม่ได้ทำมานานก็ดำเนินมาเรื่อย
จนกระทั่งเวลาล่วงไปจนถึงเวลา 17.00 น. พวกเราจึงตัดสินใจเดินทางกลับกัน
❖❖❖❖❖
อาทิตย์อัสดงเผยแสงชวนฉงน ในระหว่างทางที่ทั้งสองคนเดินเท้ากลับไปยังห้องของชิน ความอบอุ่นของมันทำให้ตระหนักได้ความสุข แต่กระนั้นก็มอบความเหงาให้เช่นกันในเมื่อเวลาดังกล่าวกำลังจะจบลง
“ ชินสนุกไหมคะ? ” โอลิเวียที่เดินเคียงมาข้างๆเอ่ยถามชินด้วยรอยยิ้ม
“ แน่นอน… เธอเองก็ดูสนุกดีนี่ ” ชินเองก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“ แน่นอนค่ะ ”
โอลิเวียยังคงตอบโดยไร้ความลังเลราวกับจะบอกว่า ไม่มีเหตุผลที่การไปด้วยกันกับชินจะไม่ทำให้ตนมีความสุข ยังไงอย่างงั้น
อนึ่ง การเดินเคียงในย่านนี้ไม่ค่อยทำให้ทั้งคู่เป็นที่สังเกต ทั้งเป็นเรื่องของเวลาและสัดส่วนอายุของคนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นวัยชรา ทำให้ยากแก่การพูดปากต่อปากไปยังแวดวงคนรู้จักที่โรงเรียน ซึ่งหากจะว่าไปแล้ว นี่ก็เป็นสาเหตุหลักที่ชินและโอลิเวียเลือกย่านนี้เป็นที่อยู่
“ ชินจะวิเคราะห์เบาะแสต่อไหมคะ ดิฉันจะช่วยค่ะ ” ราวกับเธอตอบสนองกับเวลาที่กำลังคาบเกี่ยวเป็นกลางคืน โอลิเวียปรับความคิดตัวเองเช่นนั้นก่อนเอ่ยถามชินอย่างจริงจัง แต่ว่า…
“ วันนี้พอแค่นี้แหล่ะ ”
เพราะไม่อยากให้เธอเหนื่อยไปมากกว่านี้หน่ะนะ
“ งั้นเหรอคะ ”
โอลิเวียตอบกลับด้วยสีหน้าเสียดายเล็กน้อย เหมือนเธอจะสัมผัสได้อีกครั้งว่าชินเกรงใจเธอ
ทั้งคู่เดินเคียงกันไปเรื่อย แต่สัมผัสได้ว่าจังหวะช้าลง ราวกับต้องการให้เวลาแบบนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
ราวกับ… ไม่ปรารถนาให้เวลากลางคืนมาถึงยังไงอย่างงั้น
“ เช่นนั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ ” โอลิเวียโค้งให้ชินก่อนที่จะแยกตัวออกไปยังห้องของตัวเอง ซึ่งเป็นหอพักที่ห่างออกไปในระยะที่ทำให้ไม่ผิดสังเกต
ชินเองก็โบกมือกลับ ก่อนที่จะออกเดินกลับไปยังหอของตัวเอง และขึ้นไปยังชั้นสองเหมือนทุกที
“ อ้าวชินกลับมาแล้วเหรอ!? ” ในตอนนั้นหญิงสาวอายุราว 30 ปีเศษที่ยังดูสวยสะพรั่งเอ่ยทักชินจากตรงเชิงบันได ชินจึงหยุดเท้าหันไปทักทาย
“ ครับ สวัสดีครับคุณผู้ดูแล ”
ชินพูดพร้อมกับพนมสวัสดีตามธรรมเนียม
“ แหมๆ นี่หรือว่าทำธุระหางานอีกแล้ว? เธอนี่ก็ลำบากใช่เล่นเลยนะ ” ผู้ดูแลพูดด้วยสีหน้าชื่นชมพลางเดินบันไดขึ้นมาหาชิน
อนึ่ง… ชินใช้ข้ออ้างแบบเดียวกันนี้สำหรับทุกสาเหตุที่ตนออกไปข้างนอก
“ ก็นิดหน่อยครับ มีแต่ต้องพยายามหล่ะนะครับ ”
“ นั่นสินะน่าชื่นชมจริงๆ อ๊ะ! นอกเรื่องอีกแล้วสิ… จริงๆแล้วว่าจะเอาเจ้านี่มาให้หน่ะ ”
ผู้ดูแลว่าพลางหยิบซองจดหมายฉบับนึงยื่นให้กับชิน ในขณะที่ผู้รับอย่างชินเอียงคอสงสัย
จดหมาย… ในยุคที่ใช้เมล์ส่งได้แบบเรียลไทม์เนี่ยนะ
…รวมถึงเริ่มรู้สึกกังวลแบบแปลกๆขึ้นมาเช่นกัน
“ ถึงจะไม่รู้ว่าใครส่งมาก็เถอะ แต่จ่าหน้าถึงชินยะ นัวรอย ก็คงไม่ผิดหรอกเนาะ ”
“ นั่นสินะครับ… ” ชินรับจดหมายมาพร้อมกับโบกมือลาผู้ดูแลหอที่กลับไปทำหน้าที่ตัวเองต่อ
เขาเดินขึ้นไปจนถึงหน้าห้อง โดยทีแรกหวังจะเปิดมันอ่านในห้อง แต่ราวกับว่ามีอะไรดลใจให้ความสงสัยทะลุขีดเอาตอนนี้ ชินฉีกซองจดหมายด้วยความร้อนรน ราวกับสัญชาตญาณป้องกันตัวเริ่มทำงาน
ชินยืนอ่านมันที่ระเบียงหน้าห้อง และพริบตาที่อ่านจนจบมือที่ถือจดหมายอยู่ก็เผลอออกแรงจนทำให้จดหมายยับยู่ยี่
…นี่มัน
ชินที่อ่านเนื้อหาจนจบหัวใจเต้นระรัวด้วยความรู้สึกปนเปทั้งความหวาดกลัว กังวลจนถึงขนาดที่มีเม็ดเหงื่อจำนวนมากผุดขึ้นบนใบหน้า แต่ก็ยังรวมถึงความสงสัยและใคร่รู้เช่นกัน
ดวงตาที่เริ่มสั่นระรัว รวมถึงมือเท้าเองก็สั่นเทา แต่ความรู้สึกทั้งหมดนั่นก็ยังออกแรงผลักเขาให้วิ่งออกไปจากหอโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาคิด…
❖❖❖❖❖
ถึง ชินยะ นัวรอย
สวัสดีครับคุณชินยะ หรือจะให้ผมเรียกว่า “ตัวตลกผู้เกรี้ยวกราด” ดีนะ
ยังไงก็ตามนั่นไม่ใช่สาระหรอกครับ… ผมรู้ เพียงแค่ขึ้นประโยคข้างต้นมันคงทำให้คุณรู้สึกระส่ำระส่ายน่าดู แต่ก็เอาเถอะครับ ผมคิดว่าประเด็นหลักที่คุณต้องการจากผมยังอยู่เหนือความหวาดกลัวที่จะเสียจุดยืนของตัวเองในยามกลางวันไป
ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้บอก “คนอื่น” เรื่องนี้ แต่นั่นก็จนกว่าเราจะได้คุยกัน
และอย่างที่บอก… คุณมีเรื่องที่ต้องรู้มากกว่าเรื่องที่ต้องกลัว
หากคิดว่าเรื่องที่ผมพูดกับเรื่องที่คุณคิดเป็นเรื่องเดียวกันแล้วหล่ะก็ ได้โปรดมาพบกับ “พวกผม” ที่อาคารร้างแถวชานเมืองตามแผนที่ด้านหลัง เวลา 18.30 น. และอย่าให้ “คนอื่น” ตามมาเด็ดขาดเลยนะครับ
ไม่อย่างงั้นผมไม่ขอรับประกันความปลอดภัยของความลับของคุณ ซึ่งอาจรวมถึงพวกพ้องของคุณด้วย
…แล้วผมจะรอนะครับ
❖❖❖❖❖
Facebook Page : https://www.facebook.com/HatthAnant
MANGA DISCUSSION