เคยมีคนกล่าวไว้ว่าความฝันคือการจัดเรียงความทรงจำของมนุษย์ และแม้ในปัจจุบันจะยังไม่มีทฤษฎีในการพิสูจน์ความจริงข้อนี้ หรือมันอาจเป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล
แต่ว่าอย่างน้อยในตอนนี้… มันก็กำลังเกิดขึ้นกับชิน
ภาพตัวเขาในสภาพภายนอกที่ยังหนุ่มอายุแทบไม่ต่างจากตัวเขาในตอนนี้ ยืนตกตะลึงท่ามกลางเปลวเพลิงทั้งสองข้างทางโดยมีโอลิเวียยืนอยู่ด้านหลังของเขาด้วยสีหน้าตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกเช่นเดียวกับชิน
เสียงของเหล็กปะทะกันก้องไปทั่วทุกสารทิศ ทำเอาชินกับโอลิเวียหวาดผวาและตื่นตระหนก
ทุกคน… จะเป็นอะไรรึเปล่า
ชินคิดราวกับภาวนา ทว่าพริบตาที่ก้าวเท้าต่อไป ภาพของคนรู้จักก็ปรากฏขึ้นบนทางเดินที่เขากำลังก้าวไป เหล่าคนรู้จักที่สนิทชิดเชื้อทุกคนจะทั้งเพื่อนบ้านหรือคนสนิทคุณหน้า ต่างนอนอย่างน่าสังเวชเวทนาบนพื้นที่เต็มไปด้วยเลือดของพวกเขาเอง
นั่นทำเอาชินเบิกตาโพลง และทำเอาโอลิเวียที่สีหน้าเย็นชาถึงกับยกมือขึ้นป้องปากด้วยความผวาอีกครั้ง
นี่มัน… เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกัน!
ชินสบถอยู่ในใจด้วยความหงุดหงิดและสับสนปนเปกัน ก่อนจะกุมมือของโอลิเวียแน่นแล้ววิ่งตรงต่อไปข้างหน้า โดยทำใจเมินศพของคนรู้จัก ความรู้สึกคับแน่นที่น่าอกก่อตัวรุนแรงขึ้น แต่เขาก็ทนไว้ในขณะที่วิ่งต่อไปในแต่ละก้าว
ชินวิ่งไปจนถึงห้องๆนั่นคือห้องนอนของพ่อและแม่ของเขา ชินไม่แม้แต่จะสังเกตประตูที่ถูกแง้มอยู่ก่อนแล้วเลยซักนิด เขาออกแรงผลักประตูนั้นในทันที กระแสลมร้อนพัดเข้ามาจากในห้องทันที นั่นเป็นพริบตาก่อนที่ภาพอันแสนสะเทือนใจได้ปรากฏเข้ามาในดวงตาของเขาและโอลิเวีย
ภาพของชายวัยกลางคนที่ใบหน้าดูท่าทางใจดี กับหญิงสาวผู้เป็นภรรยานอนหงายกับพื้นราวกับภาพประติมากรรมนูนสูง ทว่าพื้นหลังของภาพวาดนั้นถูกอาบฉาบด้วยโลหิตสีแดงฉานแทน นั่นทำเอาชินและโอลิเวียแทบหยุดหายใจ
แต่นั่นคงไม่เท่ากับจิตรกรที่รังสรรค์สิ่งนี้ขึ้น… ฆาตกรผู้สังหารบิดาและมารดาของเขาได้ยืนสงบภายใต้เสื้อคลุมรัดกุม แถมยังสวมหน้ากากปิดบังใบหน้ารูปตัวตลกยิ้มปานจะเยาะเย้ยชินที่มาไม่ทันในช่วงวินาทีที่พ่อและแม่บังเกิดเกล้าสิ้นลม
มันหันใบหน้าตัวเองมาทางชินและโอลิเวียช้าๆ ก่อนจะสะบัดดาบที่อาบด้วยเลือดของเหล่าคนที่ชินรู้จัก เคารพและรักยิ่งฉาบลงบนพื้น ทั้งยังเผยให้เห็นสิ่งที่ยืนยันตัวตนของมัน
…รอยสักรูปมงกุฏ
ไม่ว่าจะเป็นเพราะเปลวเพลิงที่ย้อมห้องนี้ หรือเป็นเพราะความทรงจำมันเรือนราง แต่ชินรู้สึกเหมือนกับรอยสักนั้นกำลังส่องแสงสีแดงฉานออกมา
มันอาบสติของชิน… กลืนกินความรู้สึกของเขาให้เต็มไปด้วยความรุนแรง… และเปลี่ยนความรู้สึกทั้งหมดของเขาให้กลายเป็นแรงแค้น ความรู้สึกสูญเสียก่อตัวขึ้นในอกจนแน่นทะลัก
จะฆ่า… ฉันจะฆ่าแกให้ได้!
ชินตะโกนเช่นนั้นอย่างโกรธเกรี้ยว
บ้าน… เพื่อน… คนรู้จัก…
พ่อ… แม่… ประเทศ… วิถีชีวิต…
ความสุขของฉัน… แล้วก็ตัวฉัน…
แกแย่งมันไปจากฉันจนหมดเลยไอ้บัดซบเอ้ย!
ชินตะโกนเช่นนั้นภายในใจของตัวเองที่กำลังร้อนรุ่มอีกครั้ง แต่แน่นอนว่ามันเหมือนกับเป็นการระบายอารมณ์ เพราะมีเพียงเขาเท่านั้นที่สัมผัสความรุนแรงนี้ได้
แต่เพราะแบบนั้น มันจึงยิ่งรุนแรงขึ้น… หน้ากากของมันชัดขึ้นในสติของชิน ยิ่งย้ำเตือนถึงความรู้สึกที่ชินมีต่อมัน แต่พริบตานั้นมันก็หายไป สร้างความร้อนรนให้กับชินไปแทน
อยู่ไหน! แกคิดจะหนีฉันไปไหน!
ชินมองหาไปทั่วทุกทิศ ทว่าสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยตาก็มีแต่ความมืดมิดเพียงอย่างเดียว
ออกมา ออกมาซะ! ฉันจะฆ่าแก!
ฉันจะตามล่าแกไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน… ต่อให้อยู่สุดขอบขุมนรกหรือจะเป็นเทวทูตสถิตอยู่บนสวรรค์
ฉันก็จะลากแกมา… ขย้ำคาเท้าสังเวยกับทุกชีวิตที่แกช่วงชิงไปให้ได้
ได้ยินไหมวะไอ้บัดซบ!!!!
เสียงตะโกนดังกึกก้องด้วยแรงแค้น นั่นไม่ช่วยบรรเทาความทุกข์ของเขาเลยซักนิด นอกเสียจากสุมไฟให้ร้อนขึ้น
และมันก็ร้อนเกินกว่าห้วงภวังค์จะทนไหว… นั่นจึงทำให้ชินตื่นขึ้นจากความฝันอันแสนทรมานในที่สุด
❖❖❖❖❖
ความร้อนรุ่นที่สุมอยู่ในอกปานจะทะลักออกมา ได้ปลุกชินขึ้นจากความฝันหรือเรียกอีกอย่างนึงว่าเป็นม้วนความทรงจำก็คงไม่ผิด ความแสบร้อนนั่นทำให้ชินแทบจะอาเจียน
ทว่าที่ไม่เป็นเช่นนั้น ดูเหมือนจะเป็นเพราะมีบางสิ่งเยียวยาความเจ็บปวดให้เขาในปริมาณที่พอกัน… มือของโอลิเวียซึ่งเขากำลังหนุนตักอยู่ได้เอื้อมเข้ามากุมมือของเขาไว้แน่น
มือของชินกำแน่นและสั่นมาตลอดจนถึงตอนที่ค่อยๆลืมตา เผยดวงตาสีแดงฉานอันปรากฏขึ้นเพราะความรู้สึกรุนแรงของชิน
“ ชิน… ฝันร้ายอีกแล้วเหรอคะ? ” โอลิเวียถามขึ้นด้วยสีหน้าที่เหมือนกับจะเย็นชา แต่กล้ามเนื้อใบหน้าที่มีความแตกต่างจากปกติเล็กน้อยนั่น คงมีเพียงชินเท่านั้นที่รู้
ว่าเธอกำลังมองเขาด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดๆ มือของโอลิเวียกุมมือเขากลับแน่น นั่นทำให้ดวงตาสีโลหิตค่อยเปลี่ยนกลับเป็นสีดำ
ชินถอนหายใจออกมาอย่างแรงราวกับโล่งอก
“ โทษทีนะ ” ชินว่าแบบนั้นก่อนจะค่อยๆยันตัวเองขึ้นจากตัก ผละมือออกจากโอลิเวีย และเป็นจังหวะเดียวกับที่โอลิเวียส่ายหน้าปฏิเสธ
“ ไม่ใช่ความผิดคุณซักหน่อยค่ะ… ดิฉันแค่เป็นห่วงเท่านั้นเอง ”
โอลิเวียพูดเช่นนั้นออกมาด้วยสีหน้าโล่งอกที่ชินกลับมาปกติ ในขณะเดียวกันชินกลับทำท่าทางกังวลด้วยความรู้สึกผิดไปแทน
“ ฉันหลับไปนานแค่ไหนเหรอ? ” ชินเอ่ยถามในขณะที่ ขยับตัวเข้าไปนั่งติดกับโต๊ะเล็กเหมือนเดิม เช่นเดียวกับโอลิเวียที่จัดท่าทางตัวเองเสียใหม่
“ 4 ชั่วโมง 35 นาที 28 วินาทีค่ะ ”
“ ยังละเอียดเหมือนเดิมเลยนะ ” ชินขมวดคิ้วด้วยความลำบากใจเล็กๆ
“ ดิฉันต้องจับเวลาเพื่อให้รู้ว่าชินนอนหลับเพียงพอนี่คะ ”
ทว่าโอลิเวียก็เอียงคอกลับมา ด้วยสีหน้าที่เหมือนกับจะถามออกมาว่า “แปลกเหรอคะ?” เหมือนอย่างเคย
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์แรกที่เคยพบ อันเกิดจากการที่โอลิเวียแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเขามากเกินไป(หากใช้เกณฑ์จากคนทั่วไป) นั่นถึงทำให้ชินลำบากใจไม่น้อย
แต่สาเหตุที่ลำบากใจไม่ใช่เพราะว่าเธอยุ่งไม่เข้าเรื่อง กลับกัน… มันน่าจะใกล้เคียงกับความรู้สึกผิดมากกว่า เพราะตัวเขาเป็นคนดึงเธอเข้ามาพัวพันกับการล้างแค้นของตัวเอง แม้เจ้าตัวจะบอกว่าเต็มใจก็ตามที แต่เช่นไรชินก็อดรู้สึกผิดไม่ได้อยู่ดี เขาเป็นคนแบบนั้น
“ เธอเองก็นอนพักบ้างเถอะ… ถือว่าเปลี่ยนกะกัน ” คำถามของชินทำให้โอลิเวียมองมาทางเขาด้วยสายตาแปลก ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
“ …ทราบแล้วค่ะ ถ้าเป็นความต้องการของชิน ดิฉันจะทำตาม ”
ชินยังไม่ทันจะได้คำตอบของสายตานั้น โอลิเวียก็ลุกขึ้นแล้วเดินจ้ำเข้าหาเตียงของชินอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะนั่งลงที่ขอบเตียง แล้วลูบสัมผัสของผิวหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ มีกลิ่นของชินด้วย ” เธอพึมพำแบบนั้นในลำคอ และไม่รู้ว่าเป็นการจงใจหรือไม่ แต่คำพูดของเธอนี้ชินยังพอได้ยินอยู่ ก่อนที่สาวน้อยนามโอลิเวียจะทิ้งตัวลงนอนเอาหน้าซุกเตียงที่ชินใช้นอนประจำจนเตียงถึงกับสั่นเลยทีเดียว
เสียงหายใจที่กระทบกับเตียงเพราะใบหน้าแนบกับหมอนที่ชินใช้หนุนทุกวัน เกิดเสียง “ฟรืด” แบบแปลกๆจากโอลิเวีย มันทั้งดูน่าสงสัย น่าประหลาดใจและน่าอัศจรรย์?
ถ้าพวกผู้ชายในโรงเรียนมาเห็น “ราชินีน้ำแข็ง” ในสภาพนี้คงจะตกใจกันแน่ๆเลยแฮะ
ชินคิดแบบนั้นในขณะที่มองภาพตรงหน้า และอดคิดแบบนั้นไม่ได้เพราะมันช่างแตกต่างจากภาพลักษณ์ที่เธอแสดงออกในโลกภายนอกเป็นอย่างมาก
ภาพของโอลิเวียที่ค่อยเข้าสู่ห้วงภวังค์ เปลือกตาปิดลง ใบหน้าของเธอค่อยหันข้างนอนหนุนหมอนของชินมากอดแทนที่จะใช้หนุน และเริ่มเผยรอยยิ้มเล็กๆออกมา
คงมีแค่เวลาที่ได้อยู่กับโอลิเวียนี่แหล่ะมั้งที่จะมาสามารถมีความสุขไปพร้อมๆกับมีความเป็นตัวเองไปด้วย
ชินมองภาพนั้นแล้วก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เก็บของข้างห้องน้ำ แล้วยกพัดลมออกมาวางไว้ และเปิดให้มันโดนโอลิเวียด้วย
เนื่องจากประเทศเขต 66 เป็นเมืองร้อน(แบบสุดๆ) เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องปรับอากาศจึงเป้นหนึ่งในสิ่งจำเป็นของแต่ละบ้าน แต่ชินคิดว่ามันเกินความจำเป็น ไม่ใช่ปัญหาในเรื่องสภาพทรัพย์แต่อย่างใด
ปล่อยให้โอลิเวียได้พักผ่อนเสียบ้าง ส่วนทางชินก็เปิดการบ้านที่ถูกป้อนมาให้วันหยุดด้วยโฮโลวอชแบบมาตรฐานของเขา แต่ก็ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็ทำเสร็จ
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนมาสวมโฮโลวอชรูปร่างกระเบนสีดำลายแดงแทน ตามด้วยการเข้าเครือข่าวอินเทอร์เน็ต ตรวจสอบข่าวทั้งหมดทั่วโลกด้วยหน้าต่างกว่า 10 บานพร้อมกัน
เขตที่ 1 ก็ยังคงมีปัญหากับเขต 7 อยู่ตลอดเลยแฮะ
การเมืองไม่ใช่เรื่องถนัดของเราจริงๆนั่นแหล่ะ ถึงจะชอบอ่านก็เถอะ
ชินเลื่อนหน้าต่างไปเรื่อย ควานหาข่าวเกี่ยวกับอาชญากรรม ทั้งในประเทศและนอกประเทศ
พวกผู้ก่อการร้ายตัวเป้งๆนี่ก็ยังเคลื่อนไหวเหมือนเดิมไม่ผิด น่ากลัวจริง…
แต่เราจะเข้าหาพวกนั้นสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เราเลือกเหยื่อที่ไม่ใหญ่มาก
ก็ไม่ใช่ว่ากลัวความเสี่ยงหรืออะไร เพียงแต่ข้อมูลของศัตรูมีน้อยเกินไปต่างหาก
เพราะงั้นถึงต้องค่อยๆดำเนินการไล่ล่าอย่างรัดกุม แม้จะใช้เวลานาน แต่สำหรับเรากับโอลิเวียนั้นไม่มีปัญหา
สำหรับเรา… ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่มีต่อพวกเราเป็นตัวแปรหลัก
ชินคิดแบบนั้นด้วยสีหน้าจริงจัง ในขณะที่เหลือบมองใบหน้ายามหลับของโอลิเวีย
แม้แต่ยามหลับเธอยังไม่พ้นที่จะต้องหันหน้ามายังจุดที่ชินอยู่… จะเรียกว่าสมกับเป็นผู้รับใช้ผู้ซื่อสัตย์ก็คงได้ แต่นั่นแหล่ะที่ทำให้ชินกังวลมาตลอด
ตัวเขาจะเผชิญหน้าอันตรายขนาดไหนก็ไม่หวั่นเพราะนี่เป็นเรื่องของเขาเอง แต่ไม่ใช่สำหรับโอลิเวีย
ชินคิดแบบนั้นก่อนจะหาข่าวต่อ จนกระทั่งหมดหัวข้อก็ยังไม่มีจุดที่น่าสนใจ เขาเลือกที่จะปิดมันลง แล้วหันไปอ่านเว็บบอร์ดชื่อดังของแต่ละประเทศแทน
ข่าวสารว่าเป็นตัวหลักในการค้นหาความจริงแล้ว แต่ “ข่าวลือ” นี่แหล่ะคืออีกเครื่องมือนึงที่น่าสนใจยิ่งกว่า
เพราะมันไวยิ่งกว่าข่าวจริง(ก็ข่าวจริงต้องผ่านการกรองก่อนนี่นะ) แม้ว่าส่วนใหญ่จะไร้ซึ่งมูล แต่มันก็มีบ้างที่สาวไปถึงเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง
แล้วก็… ถึงจะบอกว่าข่าวลือส่วนใหญ่ไม่มีมูลก็เถอะ แต่ส่วนใหญ่ความน่าจะเป็นที่มันจะเป็นเรื่องจริงดันพอๆกับเป็นเรื่องโกหกเสียอย่างงั้น
ไม่มีไฟก็ไม่มีควันนั่นแหล่ะนะ… เพราะงั้นแหล่งข่าวอีกอย่างที่สำคัญก็คือข่าวลือนี่แหล่ะ
ถ้าไม่นับข่าวที่ขายกันในตลาดมืดหล่ะก็นะ
…ว่ากันตามตรง นั่นเป็นที่ที่ดีที่สุดที่ใช้หาข้อมูลดีๆเลยหล่ะ
แต่เพราะช่วง 3-4 ปีก่อน พวกเราต้องการทุนในการสร้างฐานทัพ จัดหาอุปกรณ์ทางทหารรวมถึงอาวุธ เลยจัดการล่าค่าหัวควบคู่ไปกับการตามหาเป้าหมาย
ถึงนั่นจะทำให้ได้เงินทุนมหาศาล แต่ก็เพราะเหตุนั้นเลยทำให้พวกใต้ดินเองก็จับตาดูเราอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เพราะยำเกรงพวกเรานั่นแหล่ะ
ถ้าเกิดซื้อข่าวแบบหว่านแหไปทั่ว จะต้องถูกสงสัยจนสร้างศัตรูขึ้นโดยไม่รู้ตัวแน่นอน
แต่ขนาดตอนนี้ที่ไม่ได้ล่าค่าหัวอีกแล้ว พวกใต้ดินยังเรียกมองพวกเราเป็น “นักล่าค่าหัวที่อันตรายเป็นอันดับต้นๆ” อยู่เลย
ชินคิดแบบนั้นในขณะที่เลื่อนอ่านเว็บบอร์ดไปเรื่อยๆ สะสมข่าวลือให้มากที่สุดแล้วกั่นกรองจัดอันดับสิ่งที่มีมูลที่สุด ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ชินหามากที่สุด จัดเป็นลิสต์ตามลำดับ
และแน่นอนว่าอันดับหนึ่งก็คือการใช้คีเวิร์ดคำว่า “รอยสัก” กับ “มงกุฎ” เป็นคำค้นหา
ชินเลื่อนหน้าต่างไปเรื่อยโดยไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์ใดๆเหมือนทุกที เพราะที่ผ่านมาถึงจะมีอาชญากรที่มีรอยสักรูปมงกุฎอยู่ แต่ก็ไม่ได้มีรูปร่างแบบเดียวกับที่ชินเคยเห็นแต่อย่างใด
จะว่าไป… เพราะว่าฝันเมื่อกี้เลยทำให้จำได้
ว่ารอยสักของไอ้เวรนั่นมันเรืองแสงได้ด้วย… เป็นสีแดงฉานอันน่ารังเกียจที่ทำเอานึกถึงเลือดของทุกคนที่เสียไปในวันนั้น
ชินคิดแบบนั้นพร้อมกับความโกรธกริ้วที่เพิ่มขึ้น เขาเพิ่มคำค้นหาเข้าไปอีกคำอย่างคำว่า “เรืองแสง” และค้นหาต่อไป แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ใช้คีเวิร์ดนี้(เพราะที่ผ่านมาก็คว้าน้ำเหลวเหมือนเคย) เขาจึงไล่ตามบอร์ดไปเรื่อย
…จนกระทั่งสายตาถูกหยุดไว้ที่หัวกระทู้หนึ่งเข้า
พบแสงประหลาดแถวชายแดนระหว่างเขต 66 และเขต 84… งั้นเหรอ
ชินกดเข้าไปอ่านด้วยความสนใจเล็กน้อย ภายในบรรจุด้วยความเห็นมากกว่า 500 ความเห็น แต่นั่นก็เป็นเพราะกระทู้นี้ถูกตั้งมาเกือบ 1 สัปดาห์ได้แล้ว
กระต่ายขี้กลัว(เจ้าของกระทู้) : “ มีแสงสีแดงสว่างวาบในหลายพื้นที่ ปรากฏขึ้นในตอนกลางคืนแถวๆชายแดนด้วยครับ น่ากลัวเหลือหลาย แถมยังได้ยินเสียงเหล็กกระแทกกันบ้าง เสียงเหมือนกับคนยิงปืนบ้างด้วย ”
คำว่าแสงสีแดงสะกดให้ชินอ่านคอมเมนต์ต่อไป
เกิร์ลน้อย : “ ฉันก็ได้ยินค่ะๆ แถวเดียวกันเลย ”
นักสู้พันธุ์ข้าวเจ้า : “ แถวชายแดนระหว่างไทยกับเวียดนามงั้นสินะครับ ใกล้ๆบ้านผมเลยนะเนี่ย ”
อ่านความเห็นมาตรงนี้ชินก็ถอนหายใจอย่างหน่ายๆว่ามันอาจจะเป็นแค่ปรากฏการณ์ธรรมชาติบางอย่างหรือไม่ก็มีคนเล่นพิเรนทร์ก็ได้
อนึ่ง มีอยู่หลายครั้งที่บางคนใช้ชื่อท้องถิ่นในการเรียกประเทศตัวเอง แต่เช่นไรก็ตาม การเรียกชื่อประเทศด้วยหมายเลขยังคงเป็นที่นิยมมากกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าใจยากหากยกมาใช้ เพราะไม่ว่าเช่นไร ชื่อท้องถิ่นของประเทศตัวเองย่อมต้องรู้เป็นสามัญสำนึกอยู่แล้ว
ดยุคแว่น : “ เอ… ผมเองก็เห็นเหมือนกันเลยครับ ผมเห็นจากที่ไกลๆ เหมือนว่าจะเห็นกลุ่มคนสู้กันด้วยครับ… ”
ชินอ่านต่อไปอย่างไม่คาดหวัง… ทว่า…
ดยุคแว่น : “ แล้วกลุ่มคนพวกนั้น เหมือนจะมีรอยสักเรืองแสงสีแดงด้วยแหล่ะครับ ”
“ !!!? ”
ความเห็นนี้ทำให้ชินถึงกับเบิกตาโพลงและรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว
รอยสักเรืองแสงงั้นเหรอ?
ชินเร่งความเร็วในการอ่านคอมเมนต์มากขึ้น โดยเน้นคอมเมนต์ของคนที่ชื่อดยุคแว่น
อะรู้มิไร : “ สู้กันเหรอ? น่ากลัวจังเลย! ”
กระต่ายขี้กลัว(เจ้าของกระทู้) : “ พอมานึกดู ก็ได้ยินเสียงแบบนั้นจริงๆนั่นแหล่ะนะครับ ”
โรงนาพิฆาต : “ เมื่อวานฉันเองก็ได้ยินเหมือนกัน นึกว่าคิดไปเองนะเนี่ย ”
ดยุคแว่น : “ โอ้… มีคนมาช่วยยืนยันแบบนี้ผมคงไม่ถูกหาว่าบ้าแล้วสินะ 555+ ”
นักสู้พันธุ์ข้าวเจ้า : “ พอลองถามเพื่อนผมดู เหมือนว่าจะมีเสียงแบบนั้นทุกวันเลยแฮะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย อย่าบอกนะว่าทหารของไทย แอบรุกล้ำเข้ามาในเขตของเวียดนาม ? ”
เกิร์ลน้อย : “ แบบนั้นต้องเป็นข่าวไปแล้วหล่ะค่ะ ฉันว่าน่าจะเป็นแก๊งผิดกฎหมายในประเทศมากกว่า แถวนั้นเป็นพื้นที่สีแดงด้วยไม่ใช่เหรอ? ”
เรดสปอต : “ แถวนั้นมีพื้นที่สีแดงด้วยเหรอ? เช็คแปป… ”
ชินอ่านคอมเมนต์ไปเรื่อย การคาดการณ์ของแต่ละคอมเมนต์ไปคนละทางตามความคิดเห็นของตนจากข่าวลือเพียงแค่อย่างเดียว
แบบนี้ก็ไม่แปลกหรอกนะ ที่ข่าวลือจะเป็นจริงได้ยาก
ก็เพราะถูกแต่งแต้มก่อนจะไปบอกต่อคนละแบบนั่นแหล่ะ
แต่ไอ้ที่เป็นจริงแน่ๆ ก็คงจะเป็นเรื่องต้นฉบับที่เอามาเริ่มเรื่องนี่แหล่ะ… ที่น่าจะมีโอกาสเป็นเรื่องจริงมากที่สุด
แต่จะยังไงก็ตาม… ไอ้ข่าวลือที่ว่านี้ก็น่าสนใจมากเลยทีเดียว
ชินคิดเช่นนั้นในขณะที่เลื่อนอ่านคอมเมนต์แบบผ่านๆไปแล้ว เพราะเนื้อหาคอมเมนต์หลังจากนั้นมีแต่การคาดการณ์แบบส่งเดชไร้หลักฐานรองรับ
ดยุคแว่น : “ พวกคุณนี่คาดการณ์ได้น่าสนุกดีนะครับเนี่ย! แต่รู้ไหม ความจริงแล้วทุกอย่างมันอาจจะเหนือยิ่งกว่าที่พวกคุณคิดก็ได้นา ”
ชินอ่านคอมเมนต์แบบผ่านๆจนแทบจะปิดหน้าต่างลงไปกับความไร้สาระของผู้ให้ข้อมูลราวกับนักแต่งนิยายพวกนี้เมื่อไหร่ก็ได้
ดยุคแว่น : “ ยกตัวอย่างเช่น… มีคนกลุ่มนึงในโลกมืด กำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงสิทธิ์ในการปกครองโลกอยู่โดยที่ไม่มีใครรู้… อะไรแบบนั้นหน่ะ! ”
ชินอ่านมาถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะปิดหน้าต่างบอร์ดทั้งหมดลงในทันที
ทั้งเพราะได้เป้าหมายของคืนนี้แล้ว และก็เพราะเนื้อหาเริ่มออกทะเลเกินกว่าจะเก็บข้อมูลได้แล้วด้วย
เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว… เจ้าหมอนี่น่าจะไปแต่งนิยายนะ
ชินคิดแบบนั้นอย่างหน่ายๆ ในขณะที่เปลี่ยนไปตรวจสอบพื้นที่แถวบริเวณชายแดนเป้าหมายแทน
อนึ่ง… การลอบเข้าประเทศอื่นเพื่อไปล่าเป้าหมาย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของชินและโอลิเวีย
ด้วยเหตุนั้นเขาจึงรู้ว่าควรหาข้อมูลแบบไหนมาประกอบแผนในระหว่างที่รอให้โอลิเวียตื่น เพื่อแผนการในการลอบเข้าประเทศเขต 84 ในคืนนี้
❖❖❖❖❖
Facebook Page : https://www.facebook.com/HatthAnant
MANGA DISCUSSION