ตอนที่ 46: การประลองแบบตัวต่อตัว
“ให้สู้กันเหรอครับ?”
อัลเบิร์ตถามด้วยความไม่แน่ใจ เหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้าแสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด และอย่างหนึ่งที่แน่ใจคือเขาได้แต่หวังว่าจะสิ่งที่ได้ยินเป็นการเข้าใจผิด
แต่การส่ายหน้าปฏิเสธของออก้าก็ทำลายความหวังนั้นลงไปต่อหน้าต่อตาอัลเบิร์ต หรืออาจหมายรวมถึงชินด้วย
“ถึงพวกเธอจะเป็นแค่เด็กฝึกงาน แต่ตำแหน่งก็เป็นถึงผู้ช่วยของรองหัวหน้าหน่วยสืบสวนอย่างไทริก” ออก้าเดินเข้ามาใกล้ชินกับอัลเบิร์ตที่ยังมองตามด้วยความสงสัยกันอยู่ก่อนจะพูดต่อ
“ในตำแหน่งที่ต้องตามไทริกไปทำงานอย่างใกล้ชิด ก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้เผชิญหน้ากับการต่อสู้ เพราะงั้นคงไม่ต้องบอกหรอกใช่ไหมครับว่าความสามารถในการป้องกันตัวเองมันสำคัญขนาดไหน”
กระทั่งอยู่ตรงหน้าของพวกเขาออก้าก็ยังเค้นเสียงหนักแน่น แสดงให้เห็นว่าเขาจริงจังมากแค่ไหน
สู้กัน ไม่สิ… ประลองกันงั้นเหรอ?
ก็เข้าใจเรื่องที่พูดอยู่ แต่พวกเขาคิดจะให้เด็ก ม.ปลาย ไปเจอสถานการณ์แบบนั้นจริง ๆ เหรอ?
ไม่สิ… ที่จริงก็มีความเป็นไปได้สูงอยู่ เพราะยังไงเราก็เป็นคนกรอกข้อมูลลงไปเองว่ารับความเสี่ยงได้ทุกอย่างและมีเป้าหมายในการทำงานที่นี่ต่อ
เพราะงั้น การฝึกงานในสถานการณ์ทำงานจริงก็ถือเป็นการเตรียมใจอย่างหนึ่ง ไม่อย่างนั้นฝ่ายบุคคลคงไม่คิดว่าเราอยากมาทำงานนี้จริง ๆ
บางทีอัลเบิร์ตเองก็คงตั้งใจแบบเดียวกัน ออก้าถึงไม่ลังเลเรื่องนี้เลย
เพราะงั้นคงเลี่ยงที่จะสู้ไม่ได้แน่ ๆ
ประเด็นที่ต้องคิดต่อจึงควรจะเป็น ‘ควรจะแสดงออกแบบไหนดี’ ต่างหาก
เพราะถึงจะบอกให้สู้กัน แต่เรื่องนี้ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะไม่ได้มีจุดประสงค์อย่างที่บอก————
“ไม่มีเรื่องอย่าง ‘นี่เป็นการทดสอบแฝง คนที่เอาชนะคนอื่นโดยไม่มีความเห็นใจไม่มีสิทธิเป็นพนักงานสืบสวน’ หรืออะไรทำนองนั้นหรอกนะครับ เพราะงั้นสู้กันแบบเอาจริงได้เลย” ออก้าเอ่ยขัดความคิดชินราวกับอ่านใจออก
เรื่องนั้นเขาคงเดาได้จากประสบการณ์เมื่อเห็นทั้งชินและอัลเบิร์ตขมวดคิ้วครุ่นคิด
ถึงแบบนั้น การที่เขาเดาเรื่องที่ทั้งสองคนคิดไว้ได้มันก็ยังสุดยอดอยู่ดี
…และน่ากลัวด้วยในมุมมองของชิน
แต่ไม่ว่าออก้าจะเป็นยังไงก็ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่า ทั้งสองตระหนักเรื่องนั้นถึงหันมาเผชิญหน้ากันด้วยสีหน้าที่ตึงเครียดกว่าเดิม
แต่ที่เหมือนกัน คือความจริงจังที่สะท้อนผ่านดวงตา
ว่าต่อให้อะไรจะเกิดขึ้น พวกเขาก็จะไม่ยอมถอยออกไปจากตรงนี้แม้เพียงก้าวเดียว
“ขอโทษด้วยนะครับคุณชิน แต่ผมเองก็มีเหตุผลที่ถอยไม่ได้อยู่เหมือนกัน” อัลเบิร์ตถึงหันมามองชินด้วยสายตาคมกริบแตกต่างจากท่าทีสงบเสงี่ยมที่แสดงให้เห็นมาตลอดตั้งแต่ที่พบกันครั้งแรก
สายตานั่นแลขมขู่ก็ไม่ปาน แม้ร่างกายของเขาจะเล็กกว่าชินแต่ก็สัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณนั้นเข้มแข็งดุดันราวราชสีห์
“อา… นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เพราะงั้นอย่าเคืองกันล่ะ”
ชินเองก็สัมผัสเรื่องนั้นได้ถึงไม่ยอมให้ข่มอยู่ฝ่ายเดียว แต่สิ่งที่สามารถโต้ตอบความรุนแรงนั้นได้ดีที่สุดก็มีแต่ท่าทีนิ่งสงบเยือกเย็นที่เขาแสดงออกมาตลอดตั้งแต่แรก
ราวกับความมุ่งมั่นของอัลเบิร์ตไม่ส่งผลอะไรกับเขาเลย
“ต้องแบบนั้นสิทั้งสองคน”
ในขณะที่ออก้านั้นกลับพยักหน้าพึงพอใจกับสถานการณ์ตึงเครียดที่เขาเป็นคนก่อเอง
เห็นแบบนั้นแม้แต่ไทริกที่เป็นคนเงียบขรึมยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย
และเพราะออก้าตัดสินใจแบบนั้น ชินกับอัลเบิร์ตถึงเดินไปอยู่กลางห้องแล้วเริ่มวอร์มอัพกล้ามเนื้อด้วยระยะห่างกันพอควร ส่วนออก้ากับไทริกนั้นยืนดูอยู่ห่าง ๆ ชิดผนังห้องในฐานะผู้ชม
“คิดจะทำอะไรกันแน่ครับ” นั่นเลยเป็นโอกาสให้ไทริกเอ่ยถาม
แม้น้ำเสียงเขาจะดูเหนื่อยอ่อนเหมือนไม่ค่อยให้ความสนใจ แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงเขาก็คงไม่ถามออกมา
“เจตนาผมก็ชัดเจนดีอยู่แล้วนี่นา” ในขณะที่ออก้านั้นยังคงบ่ายเบี่ยงด้วยรอยยิ้มที่อ่านเป้าหมายไม่ออกตามเคย
“…แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ต้องข่มขู่กันนะครับ” ไทริกตอกกลับด้วยน้ำเสียงที่เข้มข้นกว่าเดิม แต่นั่นยิ่งทำให้ออก้าฉีกยิ้ม
“อ่อนโยนจังเลยนะไทริก นั่นเป็นเหตุผลที่ผมเลือกให้เธอเป็นรองหัวหน้าเลยล่ะ”
“ช่วยอย่าเบี่ยงประเด็นด้วยครับ”
“แหม ๆ ความแตกซะแล้ว”
แม้ไทริกจะพยายามเค้นคอแต่ออก้าก็ไม่ยอมเปิดปากง่าย ๆ
เป็นเรื่องที่รู้กันอยู่ว่าเขาเป็นพวกกวนประสาทที่ยิ่งรูดซิบปากแน่นเมื่อมีคนอยากรู้
นั่นเลยเป็นเหตุผล ที่พอไทริกถอนหายใจเหมือนกับยอมแพ้ ออก้าก็เปิดปากต่อด้วยรอยยิ้มขี้เล่นทันที
“ก็อยากเห็นพวกเขาเอาจริงกันนี่นา เหตุผลก็มีแค่นั้นแหล่ะ”
ทั้งที่เหตุผลไม่ได้มีอะไรซับซ้อนแท้ ๆ ทำเอาไทริกยิ่งเหนื่อยใจเข้าไปใหญ่เมื่อหัวหน้าตัวเองมีนิสัยเหมือนกับเด็ก ๆ แบบนี้
และเพราะการกระทำแบบเด็ก ๆ นั่น เลยทำให้เหล่าเด็กฝึกงานต้องมาห้ำหั่นชิงอนาคตของตัวเองด้วยกำลัง
“เอ้า! พร้อมกันรึยังครับทั้งสองคน”
แถมยังไม่สำนึกด้วย ออก้าถึงปรบมือราวเร่งเร้าด้วยสีหน้าสนุกเอาเรื่องทีเดียว
แต่… นั่นก็ไม่ได้ทำให้ชินกับอัลเบิร์ตหวั่นไหวมากไปกว่าคู่ประลองที่อยู่ตรงหน้า
“พร้อมเสมอครับ”
“ผมเองก็เหมือนกันครับ”
สายตาทั้งสองคนที่จ้องไปยังเป้าหมายฝั่งตรงข้ามยังคงนิ่งไม่สั่นไหวเหมือนเหยี่ยวจ้องเหยื่อจากเหนือเวหา
ชินเริ่มแยกเท้ายื่นมือข้างหนึ่งออกมาแล้วเก็บมืออีกข้างหนึ่งไว้ด้านหลัง
ในขณะที่อัลเบิร์ตนั้นกระชับเท้าแล้วเริ่มกระโดดกับที่ ก่อนตั้งการ์ดขึ้นด้วยสองมือที่กำแน่น
ทั้งสองจัดท่าทางของตัวเองให้อยู่ในสภาพพร้อมสู้ที่สุด ด้วยศิลปะที่ตัวเองถนัดที่สุดแบบไม่คิดปิดบังเพราะไม่มีใครคิดออมมือ
“ถ้างั้นก็…” สิ่งที่รอคอยมีเพียงสัญญาณจากออก้า เขาจึงชูมือขึ้นสูงก่อนจะสับลง
“เริ่มได้!”
นั่นคือพริบตาที่การต่อสู้เริ่มขึ้น และเป็นพริบตาเดียวกับที่อัลเบิร์ตถีบพื้นพุ่งเข้าหาชินก่อนด้วย
เห็นดูเงียบ ๆ เรียบร้อยแต่เอาเรื่องเหมือนกันนะ
ชินทั้งแปลกใจและชื่นชมแต่ไม่ได้ผิดจากที่คาดเอาไว้ เขาถึงไม่ได้ออกตัวก่อนเหมือนอีกฝ่ายแล้วรอตั้งรับแทน
ในจังหวะที่อัลเบิร์ตออกหมัดขวาใส่ใบหน้าของชินหวังปิดฉากในหมัดเดียว ชินถึงปัดป้องมันออกไปได้โดยง่ายพร้อมกับเตรียมเคาน์เตอร์กลับ
…ถ้ามันจบง่ายขนาดนั้นก็คงดี แต่แน่นอนว่าไม่ใช่
ติดกับแล้ว!
เป็นฝ่ายอัลเบิร์ตที่เล็งจังหวะเคาน์เตอร์กลับของชิน เขาออกหมัดหวังผลก็จริงแต่ก็ไม่ได้หวังผลแค่อย่างเดียว
พอหมัดขวาถูกเบี่ยงออกไป อัลเบิร์ตถึงเหวี่ยงขาซ้ายเตะเข้าไปที่สีข้างขวาของชินเต็มแรง
“!!?”
แต่ในขณะที่อัลเบิร์ตวางแผนซ้อนแผนชิน ชินเองก็คาดเดาได้ว่าอัลเบิร์ตไม่ได้คิดจะจู่โจมแบบไร้แผน
ชินถึงยกขาขวาขึ้นแล้วใช้หน้าแข้งกันลูกเตะนั้นเอาไว้ได้ทัน เสียงหน้าแข้งของทั้งสองปะทะกันดังสนั่นเอาเรื่องจนไทริกกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บ
นั่นยังไม่น่ากังวลเท่ากับเรื่องที่ชินกระเด็นออกไปจากแรงกระแทก
“ไม่เลวเลยนี่” แต่ทั้งที่สภาพการณ์น่ากังวล ชินกลับเผยยิ้มออกมาเสียอย่างนั้น
“คุณเองก็เหมือนกัน”
ไม่เว้นแม้แต่อัลเบิร์ตผู้เรียบร้อย เขาเองก็ยังฉีกยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจแบบเดียวกัน
ราวกับลึก ๆ แล้วทั้งคู่อาจคิดว่ามันคงไม่สนุกเท่าไหร่หากศึกนี้จบลงในเวลาอันสั้น แต่ทั้งคู่ก็กระหายในชัยชนะมากพอที่อยากจะจบศึกเร็ว ๆ
หนนี้ทั้งสองถึงพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายพร้อมกัน
แม้เพิ่งจะแลกหมัดกันไปแค่สองครั้ง แต่มันก็มากพอแล้วสำหรับการวิเคราะห์สไตล์การต่อสู้ของอีกฝ่าย
อย่างน้อย ๆ สำหรับชินก็เป็นแบบนั้น
ทั้งวิธีการตั้งการ์ด การใช้เท้าและสเต็ปเท้า… ถึงจะไม่ใช่แบบแท้ ๆ แต่อัลเบิร์ตกำลังใช้มวยไทยแน่นอน
แม้เพิ่งปะทะกันไปครั้งเดียว แต่ชินก็เริ่มมองรูปแบบของอัลเบิร์ตออกแล้ว
แต่… ก็ต้องคิดเผื่อไว้ด้วยว่านี่อาจไม่ใช่อย่างเดียวที่เขาใช้เป็น
ชินไม่ติดประมาท พยายามเตือนตัวเองแบบนั้นในจังหวะที่เข้าคลุกวงใน
หนนี้ชินจึงเป็นคนเริ่มลงมือก่อน เมื่อเข้าระยะประชิดได้ชินก็จัดการเตะตัดขา แต่ดูเหมือนอัลเบิร์ตจะคาดไว้ก่อนแล้วเขาถึงชักเท้าหนีได้อย่างง่ายดายทันเวลา
นอกจากนั้น อัลเบิร์ตยังมีเวลาออกหมัดใส่ท้องน้อยของชินอย่างแรงด้วย
“อึก!”
ตัวแค่นี้แต่หมัดหนักชะมัด
ชินบ่นอุบ เพราะนั่นคือเรื่องที่เขาคาดการณ์ผิด
แต่ก็มีอย่างนึงที่ถูกคือเรื่องที่อัลเบิร์ตจะโต้กลับ… ชินถึงรับหมัดนั้นเอาไว้ได้
“อะไรกัน!?”
อัลเบิร์ตส่งเสียงแปลกใจ ไม่รู้มาจากการที่ชินอ่านการเคลื่อนไหวของเขาออกหรือเป็นเพราะชินรับหมัดของเขาไว้ได้
แต่เพราะความตกตะลึงนั่นแหล่ะที่ทำให้มีช่องว่าง
ชินอาศัยจังหวะนั้นจับข้อมือข้างนั้นไว้แน่น แล้วใช้เท้าเตะขาข้างไกลสุดจนร่างของอัลเบิร์ตหมุนคว้างกลางอากาศหวังให้ล้มลงหงายกับพื้น
“จบกันที”
“ไม่ยอมง่าย ๆ หรอกครับ!”
แต่ในพริบตาก่อนที่อัลเบิร์ตจะลงหลังกระแทกพื้น เขากลับใช้เท้าทั้งสองข้างเหยียบพื้นโดยไม่เสียสมดุลแถมยังใช้แรงหมุนที่ชินกะทุ่มเขาลงกับพื้นเหวี่ยงชินออกไปแทน
แต่ก็เหมือนกับอัลเบิร์ตที่ใช้มือยันพื้นขึ้นมายืนได้ ชินเองก็พลิกตัวกลับมายืนได้โดยไม่เสียจังหวะเหมือนกัน
มองจากภายนอกแล้ว การต่อสู้ระดับสูงพวกนี้ไม่ใช่ของสำหรับนักเรียน ม.ปลาย ธรรมดาเลย
ไทริกกับออก้าถึงเลิกคิ้วมองภาพตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ… และประทับใจเอาเรื่อง
“เป็นเด็กที่สุดยอดกันเหลือเกินนะ” ไทริกยังคงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่น้ำเสียงของเขาดูแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด
“เห็นไหมล่ะ ถ้าไม่ได้สู้กันคงไม่รู้หรอกใช่ไหมล่ะครับ”
ออก้ากอดอกพร้อมกับยืดไปด้วย ถ้าไม่ติดเรื่องท่าทางขี้โอ่ ตัวเขาก็สมควรได้รับการชมเชยในเรื่องที่ทำให้เห็นศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ของชินกับอัลเบิร์ตอยู่
และดูเหมือนนั่นจะไม่ใช่ทั้งหมดที่สองคนนั้นทำได้ด้วย
โดยเฉพาะอัลเบิร์ต
“จะไม่ใช้พลังซะหน่อยเหรอครับอัลเบิร์ต”
ออก้าที่รู้เรื่องนั้นถึงพูดขึ้นมาทำให้จังหวะของทั้งชินและอัลเบิร์ตชะงักไปทั้งคู่
ทั้งชินที่ตระหนักแล้วว่าอีกฝ่ายมีไพ่อื่นซ่อนไว้อยู่อย่างที่คาดจึงคิดระแวง หรืออัลเบิร์ตที่แสดงสีหน้าลำบากใจออกมาในขณะที่มองสลับชินกับออก้า
“ไม่เอาครับ” แต่ครู่เดียวเขาก็ปฏิเสธชัดเจนก่อนกลับมาตั้งท่าเดิมของตัวเองอีกครั้งโดยไร้การลังเล
“แบบนั้น… มันไม่แฟร์ครับ”
อัลเบิร์ตยืนยันเสียงแข็งและมั่นคง สายตาของเขาบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ได้เก็บคำพูดนั้นมาคิดอีกแล้ว
สิ่งที่เขาสนใจกลับมายังจุดเดิมอีกครั้ง นั่นคือชินที่ตั้งท่าอยู่ตรงข้ามของเขา เห็นได้ชัดว่าอัลเบิร์ตไม่มีความสนใจที่จะใช้ไพ่ตายของตัวเอง
“…นายอาจประเมินฉันต่ำไปก็ได้นะอัลเบิร์ต” ชินเอ่ยในขณะที่ค่อย ๆ ขยับไปทางขวาเพื่อหาจังหวะ บังคับให้อัลเบิร์ตทำแบบเดียวกัน
“…ก็อาจใช่ครับ แต่ผมไม่เสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้แน่”
“ก็ขอให้เป็นแบบนั้น”
ไม่ว่าจะพูดอะไรไปก็ยังยืนยันคำเดิมทำเอาชินคิดว่าอัลเบิร์ตหัวแข็งกว่าที่คิด
ไม่สิ… บางทีเขาคงแค่เชื่อมั่นในหลักการของตัวเองมากกว่า เหมือนกับที่ชินเป็น
“!!!?”
ชินถึงเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งด้วยการถีบพื้นร่นระยะเข้าหาอัลเบิร์ตด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ทำอัลเบิร์ตตะลึงจนเบิกตาโพลงเพราะไม่คิดว่าชินจะเพิ่มความเร็วได้ขนาดนั้น
มือของชินพุ่งเข้าหาคอเสื้อของอัลเบิร์ตด้วยความเร็วที่มากจนน่ากลัว แต่ก็ไม่มากถึงขนาดที่ตอบโต้ไม่ทัน อัลเบิร์ตถึงกำลังยกมือขึ้นเพื่อจะจับมือของชินแล้วคิดจะเหวี่ยงลงกระแทกพื้นเป็นการตัดสิน
“หา!!?”
แต่ก็ต้องตะลึงอีกครั้งเมื่อชินที่ควรจะอยู่ตรงหน้ากลับหายไปจากสายตาของเขา
ครั้นพอรู้ตัวอีกทีอัลเบิร์ตก็รู้สึกว่าโลกหมุนคว้าง และพริบตาถัดมาก็กลับกลายเป็นหลังกระแทกพื้น
“เอ๊ะ!?”
เสียงแห่งความสงสัยหลุดออกมาผ่านลำคอ นั่นคือสิ่งที่อัลเบิร์ตทำได้หลังตระหนักว่าการต่อสู้จบลงแล้ว
“ผู้ชนะคือ ชินยะครับ!”
ยิ่งได้คำยืนยันจากออก้าที่เป็นผู้ตัดสินประกาศ เรื่องนั้นก็ยิ่งชัดเจนเข้าไปใหญ่
สายตาของอัลเบิร์ตถึงสั่นไหวในตอนที่ชันตัวขึ้นมานั่ง แม้ยังสับสนเขาก็ถอนหายใจออกมาเสียงดังจนสังเกตเห็นได้ โดยเฉพาะชินที่ยืนนิ่งอยู่ใกล้ ๆ
ไม่มีคำขอโทษ ไม่มีความเห็นใจ
แต่ก็ไม่ได้ใจดำขนาดนั้น… ชินถึงยื่นมือไปหาอัลเบิร์ตที่นั่งชันเข่าอยู่โดยไม่พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว เพราะรู้ว่าการเอ่ยวาจามีแต่จะทำให้อีกฝ่ายลำบากใจหรือหงุดหงิดหลังจากที่มอบความพ่ายแพ้ให้ นี่ถึงเป็นการแสดงน้ำใจมากกว่าคำพูดใด ๆ
และดูเหมือนชินจะคิดถูกที่ทำแบบนั้น เพราะมันทำให้อัลเบิร์ตเผยยิ้มออกมา
ถึงจะเป็นรอยยิ้มบางที่แฝงความเศร้าเสียดายอย่างที่ชินคิดก็เถอะ
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไร”
อัลเบิร์ตยังไม่ลืมที่จะตอบรับพร้อมกับจับมือของชินไว้แล้วถูกเขาดึงขึ้น
นั่นเป็นจังหวะที่ออก้ากับไทริกเดินเข้ามาหาทั้งสองคนพร้อมเสียงปรบมือ
“น่าประทับใจนะ” คนที่เอ่ยชมทั้งคู่ก่อนคือไทริก นั่นคือก่อนที่จะหันไปทางชินเป็นการเฉพาะ
“จงใจให้อีกฝ่ายพุ่งความสนใจไปที่มือ แล้วใช้เท้าซึ่งเป็นจุดบอดของอีกฝ่ายเปลี่ยนทิศทางกะทันหันก่อนเตะตัดขาปิดฉาก… ยังกับมายากลเลยนะ”
“สมแล้วจริง ๆ ครับ”
ชินพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายกับการวิเคราะห์ที่ถูกต้องแม่นยำของไทริก อัลเบิร์ตเองก็พลอยร้อง อ๋อ! ตามไปด้วยหลังจากได้ยินคำอธิบายที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
“แต่ถ้าไม่มองเรื่องผลลัพธ์ ทักษะของทั้งคู่ก็อยู่ในระดับสูงเลยนะเนี่ย” ออก้าเป็นฝ่ายเอ่ยบ้าง ดูท่าเขาจะให้ความสำคัญกับการกระทำมากกว่าผลลัพธ์
แม้มันจะไม่ได้เปลี่ยนผลลัพธ์เลยก็ตาม
“ถึงแบบนั้นผมก็แพ้อยู่ดีล่ะนะครับ”
อัลเบิร์ตตระหนักแบบนั้นจึงเริ่มหัวเราะแห้ง นั่นใกล้เคียงกับการปลอบใจตัวเองมากกว่าเพราะผลลัพธ์มันก็เห็น ๆ กันอยู่
…แม้จะยังมีเรื่องที่อัลเบิร์ตยังไม่เอาจริงก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเปลี่ยนแปลงผลตัดสินที่เขาต้องถูกไล่ออกจากการฝึกงาน
ถึงชินจะไม่รู้สาเหตุเบื้องหลังของอัลเบิร์ตก็เถอะ แต่เขาก็สัมผัสความจริงจังผ่านสีหน้า น้ำเสียงและการกระทำที่ผ่านมาตลอดได้อย่างชัดเจน อัลเบิร์ตจะรู้สึกเศร้ากับเรื่องนี้ก็คงไม่แปลกอะไร
แล้วในตอนนั้น อยู่ ๆ ตัวต้นเหตุอย่างออก้ากลับเกาหลังศีรษะแล้วยิ้มแป้นออกมา
“อ๋อ สำหรับเรื่องที่บอกว่าจะไล่ออก นั่นโกหกน่ะ”
“ “เอ๊ะ!?” ”
และจู่ ๆ เขาก็พูดแบบนั้นออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำเอาทั้งชินกับอัลเบิร์ตอ้าปากตกใจไปแวบนึง
นั่นเหมือนกับตอนที่สร้างบทลงโทษก่อนหน้านี้แต่เป็นตรงกันข้าม ไทริกถึงกุมขมับเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ให้กับความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของชายคนนี้
“ก็แหม! ถ้าไม่ตั้งกฎแบบนั้น พวกเธอก็ไม่เอาจริงน่ะสิ”
“ให้ตายสิ กะแล้วเชียว”
ไทริกถอนหายใจอีกครั้งให้กับความง่ายของหัวหน้าตัวเอง ถึงมันจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพจริงก็เถอะ
แถมผลลัพธ์ก็ยังน่าพึงพอใจด้วย
“พวกเธอสุดยอดมากเลยล่ะนะ หลังจากนี้ก็มาพยายามกันนะ”
ออก้าเองก็รู้สึกแบบนั้นถึงเดินเข้าไปตบบ่าชินกับอัลเบิร์ตที่อยู่ข้างหน้าด้วยรอยยิ้มแห่งความชื่นชม
ถึงทั้งคู่จะยังสับสนอยู่นิดหน่อยแต่ก็ไม่ใช่พวกที่ตามสถานการณ์ไม่ทัน ไม่อย่างนั้นออก้าคงไม่พึงพอใจในตัวพวกเขาขนาดนี้
และไม่ว่าออก้าจะทำอะไร แต่ผลลัพธ์ในตอนนี้ก็คือไม่มีใครโดนไล่ออก และนั่นมันดีที่สุดแล้ว
“ “ครับ!” ”
ทั้งสองถึงตอบกลับไปด้วยความปลอดโปร่งโล่งใจทั้งคู่ ก่อนจะหันมาเผยยิ้มให้กันบาง ๆ ด้วยความโล่งอก
เพราะไม่ว่าชินหรืออัลเบิร์ต… ทั้งคู่ต่างก็ไม่อยากจะเสียมิตรภาพที่หาไม่ได้ง่าย ๆ นี้ไปจากเรื่องไร้เหตุผลนี้
❖❖❖❖❖
หลังจากที่ออก้าได้ชมการแสดงที่ตัวเองอยากเห็นจนพอใจแล้วเขาก็แยกตัวกลับบ้านไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอีกครา
ถึงในทางปฏิบัติแล้วนั่นจะไม่ใช่เรื่องผิดเพราะตอนนี้มันถึงเวลาเลิกงานห้าโมงเย็นแล้วก็เถอะ
แต่การทิ้งให้เด็ก ๆ อย่างชินกับอัลเบิร์ตกลับไปห้องทำงานของไทริกหลังจากสร้างเรื่องเหนื่อยใจทิ้งไว้มันก็ไม่ดีอยู่ดี
“ต้องขอโทษด้วยนะทั้งสองคน”
แล้วพอมาถึงในห้องทำงานไทริกก็ต้องเอ่ยคำนั้นแทนออก้า
แม้ตอนนี้เขาจะนั่งตรงที่ทำงานตัวเองซึ่งห่างออกไปจากโต๊ะของชินกับอัลเบิร์ต แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าเขาก้มหน้าลงนิดหน่อย
“ยะ อย่าก้มหัวเลยครับคุณไทริก! พวกเราไม่เป็นไรหรอก” นั่นเลยทำให้อัลเบิร์ตลำบากใจจนต้องสะบัดมือปฏิเสธไปมา
“แล้วผลลัพธ์ก็ไม่มีใครถูกไล่ออกด้วย เพราะงั้นอย่าก้มหัวให้พวกเราเลยนะครับ”
ชินเองก็รู้สึกลำบากใจพอกัน
แถมถ้าว่ากันตามความรู้สึก… เขาอยากจะได้รับคำขอโทษจากตัวต้นเหตุอย่างออก้ามากกว่า แต่การเจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็พอเดาได้อยู่แล้วว่าเขาไม่ใช่คนประเภทนั้น ตอนนี้ชินจึงปล่อยวางไปแล้ว
และคงเป็นเพราะสีหน้าของชินรวมถึงอัลเบิร์ตไม่มีความขุ่นเคืองแล้วอย่างที่พวกเขาบอก ไทริกถึงยอมรับตามนั้น
“เอาเถอะ… ถ้าไม่นับเรื่องบุคลิกที่มีปัญหานั่น เขาก็เป็นหัวหน้าที่ดีอยู่” ในตอนนั้นไทริกก็กลับมาเอ่ยชมหัวหน้าตัวเองเหมือนตบหัวแล้วลูบหลัง
ซึ่งมันคงดูดีกว่านี้ถ้าเขาไม่ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายตอนพูด ทำเอาชินกับอัลเบิร์ตหัวเราะแห้งอีกแล้ว
แต่ไม่ว่าไทริกจะเหนื่อยหน่ายยังไง เขาก็ยังแสดงออกว่าเคารพในตัวของหัวหน้าแสนเอาแต่ใจคนนั้นอยู่ดี นั่นคือจุดที่ทั้งสองคนสังเกตเห็น
“แล้วก็… ใช่ว่าฉันจะไม่เข้าใจความคิดของหัวหน้าหรอกนะ” อีกครั้งที่ไทริกเอ่ยเข้าข้างออก้าหลังบ่นมานาน
ชินกับอัลเบิร์ตไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง จนกระทั่งไทริกหยิบกระดาษเอกสารที่กองอยู่ขอบโต๊ะออกมายื่นให้ ชินกับอัลเบิร์ตเลยเดินเข้าไปหยิบกันคนละใบทำให้เห็นเนื้อหาที่เขียนอยู่บนนั้น
“งานกีฬาสีสานสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียน?” อัลเบิร์ตอ่านหัวข้อ ออกเสียงให้ไทริกรู้ว่าพวกเขาอ่านมันแล้ว
“มันเป็นงานที่จัดขึ้นเป็นธรรมเนียมทุกปี… แต่ที่คุณเอามันให้ดูแสดงว่าปีนี้มีอะไรผิดปกติสินะครับ” ชินตั้งข้อสังเกตพร้อมกับอัลเบิร์ตที่พยักหน้าตามด้วยความที่คิดอย่างเดียวกัน
“อืม… พวกเธอคงจะรู้เรื่องเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่มีเหตุก่อการร้ายกลางเมืองสินะ”
ไทริกพูดเรื่องนั้นขึ้นมาทำให้ทั้งชินและอัลเบิร์ตพอจะต่อจิ๊กซอในหัวเองได้ ถึงแบบนั้นอัลเบิร์ตก็ยังเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจอยู่ดี
“ใช่… จนถึงตอนนี้เรายังจับคนร้ายไม่ได้ จึงมีความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์มันจะเกิดขึ้นอีก” ไทริกเอ่ยแล้วก็ขมวดคิ้วแน่น
“เราไม่รู้จุดประสงค์ที่พวกมันเคลื่อนไหวด้วย ดังนั้น งานที่มีโรงเรียนในจังหวัดร่วมกันทำกิจกรรมในเมืองตลอด 3 วันและเต็มไปด้วยผู้คนแบบนั้น จะกลายเป็นจุดก่อวินาศกรรมก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย”
ไทริกเอ่ยยิ่งกำหมัดแน่น เป็นครั้งแรกที่แสดงให้เห็นความตึงเครียดผ่านสีหน้าที่ดูเหมือนนอนไม่พอตลอดเวลาของเขา
เพราะแบบนั้นด้วย อัลเบิร์ตถึงขมวดคิ้วตามทั้งด้วยความกังวลและหวาดกลัว
แต่คงมีแค่ชินที่รู้ว่าเหตุการณ์นั้นมันเกิดขึ้นเพราะศึกชิงบัลลังก์ปกครองโลกระหว่างอัลเฟรดกับชงหยวน
และคงมีแค่เขาที่รู้ด้วยว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นโดยตรง
ดังนั้น ถ้ามองในแง่ดี ตัวชินก็มีโอกาสควบคุมหลักฐานที่ URI ครอบครองอยู่เพื่อไม่ให้สาวไปถึงตัวเขาได้ด้วย จังหวะนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะทีเดียว
แต่ถ้าจะมีเรื่องที่ทำให้รู้สึกกังวล ก็คงเป็นเรื่องที่ไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นตามที่ไทริกสันนิษฐานไว้หรือไม่ เขาถึงขมวดคิ้วขึ้นเหมือนกับอัลเบิร์ตด้วยความเป็นห่วงผู้บริสุทธิ์
ตรงจุดนั้นแหล่ะที่ทำให้ไทริกแอบชื่นชมเรื่องความรู้สึกรับผิดชอบของเด็กฝึกงานทั้งสองคนนี้อยู่ในใจ
“เพราะแบบนั้นแหล่ะ ถ้าพวกเธอมีทักษะการต่อสู้มากขนาดนี้ฉันก็พอจะวางใจได้ระดับนึง แต่แน่นอนว่าไม่ได้คิดจะให้ไปอยู่แนวหน้าเหมือนกับพนักงานสืบสวนหรือหน่วยปฏิบัติการหรอกนะ”
ไทริกเกริ่นมานานก็เพื่อบอกให้ทั้งสองคนระวังตัว อีกครั้งที่เขาแสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่
“วันนี้พวกเธอคงจะเหนื่อยแล้ว กลับบ้านกันไปก่อนเถอะนะ”
“ “ครับ!” ”
ชินกับอัลเบิร์ตตอบรับคำสั่งสุดท้ายของวัน
นั่นคือจุดสิ้นสุดของการฝึกงานในวันแรกของทั้งสองคน
❖❖❖❖❖
“ฟู่ว! เป็นวันแรกที่เหนื่อยจังเลยนะครับ” หลังเดินออกมาจากตัวตึก อัลเบิร์ตก็บิดขี้เกียจแล้วพูดออกมาแบบนั้น
“นั่นสินะ เห็นด้วยเลย”
แน่นอนว่าคู่สนทนาคือชินที่เดินอยู่ด้วยกัน แต่ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือชินไม่แสดงความเหนื่อยล้าออกมาเลยแม้จะบ่นอย่างเดียวกันออกมา
เพราะแบบนั้นเลยเป็นที่สังเกตของอัลเบิร์ต
“คุณชินเนี่ย… ดูสุดยอดกว่าที่เห็นภายนอกนะครับ” เขาก็เลยพูดออกมาตามที่คิด แต่นั่นไม่ได้ทำให้ชินรู้สึกดีเท่าไร
“ถ้าพูดถึงตอนประลอง นายเองก็ยังไม่ได้เอาจริงเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” ชินนึกขึ้นได้เรื่องที่อัลเบิร์ตมีพลังบางอย่างแต่ติดทิฐิจึงไม่ได้ใช้ออกมาแล้วใช้จุดนั้นในการแย้ง
เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ชินไม่อยากได้รับการนับถือจากคนที่อายุเท่ากันขนาดนั้น เพราะมันอาจสร้างภาพจำสถานะที่แตกต่างจนอาจสั่นคลอนมิตรภาพเอาได้
“ผมก็ไม่ได้พูดถึงแค่เรื่องทักษะการต่อสู้หรอกนะครับ แต่ถ้าคุณชินพูดแบบนั้น… คุณเองก็ยังไม่ได้เอาจริงนี่นา”
“…ก็จริงล่ะนะ”
แต่อัลเบิร์ตก็เหมือนจะสังเกตชินมากกว่าที่คิด และไม่ว่าเขาจะคาดเดาจากเค้ามูลความจริงหรือไม่ อัลเบิร์ตก็ยังเดาได้ถูกต้องตรงเผงจนน่ากลัว
อย่างไรก็ดี… หลังจากที่พูดแบบนั้นออกมา อัลเบิร์ตก็ดันหยุดเท้าตัวเองเสียอย่างนั้น ทำเอาชินจำต้องหยุดเท้าตาม
“โกรธผมรึเปล่าครับ… ที่ทำเหมือนดูถูกคุณแบบนั้นน่ะ”
อัลเบิร์ตเงยหน้าถามชินหลังก้มต่ำไปพักนึง ดูท่าจะคิดมากเรื่องที่ไม่ยอมใช้พลังตามที่ออก้าแนะ แต่การคิดมากนั่นดูเหมือนจะไม่ได้เกิดจากการเสียใจทีหลังอย่างที่ชินเข้าใจ
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม การแสดงออกทางความคิดของอัลเบิร์ตมันก็ทำให้ชินเข้าใจในตัวของอัลเบิร์ตมากขึ้นยิ่งกว่าที่เจอกันครั้งแรก
“ฉันไม่โกรธหรอก และไม่ได้คิดว่าเป็นการดูถูกด้วย” ชินจึงตอบไปตามตรงด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและจริงใจ
“การที่นายเลือกจะใช้พลังเหนือมนุษย์เพื่อชิงความได้เปรียบหรือไม่มันก็เป็นสิทธิที่นายสามารถทำได้อยู่แล้ว กลับกัน… การบังคับไม่ให้คนเราทำสิ่งที่ทำได้ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมต่างหากที่เป็นเรื่องไม่ควรทำ”
“…ที่คุณพูดมามันก็จริงล่ะนะครับ”
มนุษย์เรียกร้องความยุติธรรม เพราะปรารถนาในความเท่าเทียม
แต่ ‘ความต้องการมันเกิดขึ้นมาจากอะไร’ คือสิ่งที่ควรให้ความสำคัญมากพอ ๆ กับคำถามที่ว่า ‘ความเท่าเทียมมีจริงหรือไม่’ เลยทีเดียว
เพราะถ้าไม่รู้สาเหตุก็จะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไม่ได้ และปัญหาก็มีแต่จะเกิดขึ้นซ้ำไปเรื่อย ๆ โดยไร้ข้อยุติ
และหนึ่งในต้นเหตุของสิ่งที่เรียกว่าความเท่าเทียม มันเกิดขึ้นก็เพราะมีคนที่ด้อยกว่าปรารถนาจะได้ในสิ่งที่ตัวเองไม่มี
การอยากได้ในสิ่งที่ต้องการไม่ใช่เรื่องผิด รวมถึงความต้องการที่จะยกระดับฐานะหรือพัฒนาตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้เช่นกัน
เพียงแต่ว่านั่น เป็นคนละความหมายกับ ‘การบังคับให้คนอื่นลดมาตรฐานลงมาให้เท่ากับตัวเอง’ ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์หลายคนเข้าใจผิด และพยายามเรียกร้องให้คนอื่นทำ
แน่นอนว่าผลลัพธ์ในทางปฏิบัติ ไม่ว่าจะเพิ่มระดับตัวเองขึ้นหรือลดระดับคนอื่นลงมาล้วนแล้วแต่สร้างความเท่าเทียมเหมือนกัน
แต่ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือ การพัฒนาในภาพรวมจะไม่เกิดขึ้นและมาตรฐานของมนุษย์จะตกต่ำลงตามไปด้วย
แถมถ้าสถานการณ์กลับกัน… ไม่ว่าใครก็ไม่อยากสูญเสียสิ่งที่เป็นของตัวเองไปแน่เพราะพื้นฐานของมนุษย์คือความเห็นแก่ตัวและขับเคลื่อนด้วยความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนกันทั้งนั้น มันจึงไม่สมเหตุสมผลหากบังคับให้คนอื่นเสียประโยชน์โดยที่ตัวเองเอาแต่ได้โดยที่ไม่ยอมรับหากสถานการณ์กลับกัน
ดังนั้น… การที่มนุษย์ผู้มีความสามารถสูงกว่าจะใช้ความสามารถใด ๆ อันเป็นความสามารถของตัวเขาเองล้วนเป็นความชอบธรรมที่สามารถทำได้
อัลเบิร์ตจึงยิ้มแห้งหลังได้ยิน แม้จะรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นเพราะเข้าใจสิ่งที่ชินจะสื่อ แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนจะมีบางอย่างติดอยู่ในใจของเขาเช่นกัน
ซึ่งนั่นเหมือนจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ไม่ควรจะแตะต้อง และเป็นเรื่องที่เจ้าตัวไม่คิดจะพูดออกมาตรง ๆ ด้วย
“คุณชินคิดว่าโลกใบนี้มีความยุติธรรมรึเปล่าครับ”
“ไม่มีหรอก”
ชินตอบกลับคำถามของอัลเบิร์ตในทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดให้มากความ เพราะมันเป็นแบบนั้นมานานแล้วและคงจะเป็นตลอดไป
“นั่น… สินะครับ”
เรื่องนั้นอัลเบิร์ตเองก็รู้อยู่แล้วแท้ ๆ แต่ก็ยังถามออกมาราวกับคาดหวังคำตอบที่แตกต่าง
ถึงแบบนั้น… รอยยิ้มของเขาก็ไม่ได้เศร้าสลดอะไร เป็นจุดที่แสดงให้เห็นว่าเขายอมรับความจริงเรื่องนั้นได้ มันยังแฝงไปด้วยความเชื่อมั่นบางอย่างแม้จะเป็นเพียงแค่อุดมคติด้วย
“สักวันนึง ผมอยากจะเปลี่ยนความคิดแบบนั้นจัง”
อัลเบิร์ตแสดงปณิธานของตัวเองออกมา ไม่รู้ว่าสาเหตุเบื้องหลังเป็นแบบไหน แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่ชินสัมผัสได้ถึงความจริงจังถึงขนาดที่สามารถแลกได้ด้วยชีวิตเพื่อความปรารถนานั้น
และด้วยความแรงกล้านั่น มันก็อดไม่ได้ที่จะอยากสนับสนุนเขา
“หวังว่าจะทำได้นะ ฉันเอาใจช่วย”
“…ขอบคุณครับ”
อัลเบิร์ตกลับมายิ้มแย้ม ดูท่าที่ชินกังวลไปจะเสียแรงเปล่าเสียแล้ว
❖❖❖❖❖
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเองตรงสถานีรถไฟ
ช่างเป็นการฝึกงานวันแรกที่วุ่นวายอะไรแบบนี้… ชินบ่นอุบอยู่ในใจหลังอยู่ตัวคนเดียว เพราะมันคงไม่ดีเท่าไรหากทำแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นจนส่งผลกับการประเมินการฝึกงาน
ชินเองก็คิดว่าคงไม่มีเรื่องอะไรให้วุ่นวายใจอีกแล้วสำหรับวันนี้
…กระทั่งนึกเรื่องเมื่อไม่กี่วันก่อนที่โอลิเวียพยายามล่อลวงเขาด้วยเหตุผลบางอย่างนั่นแล
ชินเลยเดาได้ว่าพอกลับไปถีงห้องแล้วคงจะไม่ได้พักกันง่าย ๆ เขาถึงใช้เวลาทำใจสักพักในตอนที่เดินขึ้นบันไดหอพักผ่านระเบียงไปถึงหน้าห้อง
แต่ใครจะรู้… พอชินเดินขึ้นไปจนถึงระเบียงชั้นสอง เขากลับได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากในห้องตัวเองเสียอย่างนั้น
เป็นเสียงของเด็กผู้หญิงสองคนกำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือดแต่ด้วยเนื้อหาที่ปะติดปะต่อไม่ได้เพราะอยู่ในห้องปิด ถึงแบบนั้นเสียงของทั้งสองคนก็เป็นเสียงที่คุ้นเคยจนรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
ชินเองก็รู้สึกลำบากใจที่ต้องเปิดประตูห้องตัวเองเข้าไปในสถานการณ์คุกรุ่น เขาจึงเคาะประตูเสียงดังก่อนที่จะเข้าไปเพื่อให้คนในห้องรู้ก่อน
นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกกังวลกระวนกระวาย… หลังมองเข้าไปแล้วพบว่าในห้องมีสองสาวอย่างโอลิเวียกับชงหยวนกำลังเขม่นใส่กันแบบนั่งไม่ติดพื้น
ด้วยสายตาประหนึ่งอีกฝ่ายเป็นคู่อาฆาต จนจะฆ่าจะแกงกันตอนไหนก็ไม่แปลกกลางห้องของเขาในยามวิกาล
เป็นเรื่องแล้วไหมล่ะ
นั่นคือความคิดแรกที่ผุดเขามาในหัวของชิน จนเขาได้แต่เหงื่อตกกับสถานการณ์ที่ไม่อยากให้เกิด
Chapters
Comments
- ตอนที่ 47 มิถุนายน 19, 2022
- ตอนที่ 46: การประลองแบบตัวต่อตัว พฤษภาคม 7, 2022
- ตอนที่ 45: เพื่อนร่วมฝึกงาน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 44: วิธีสร้างข้อผูกมัด มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 43: ข้อเสนอที่น่าลำบากใจ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 42: สิ่งที่ควรทำมาตั้งนานแล้ว (เริ่มบทที่ 2) มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 41: ตัวจริงเบื้องหลังเรื่องราว (จบบทที่ 1) มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 40: ผลตัดสินศึกสุดอลหม่าน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 39: ศึกตัดสินอันอลหม่าน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 38: การต่อสู้ของลูกผู้หญิง มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 37: อดีตของจิน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 36: แองกริคราวน์ผู้ถูกไล่ล่า มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 35: สถานการณ์ที่เริ่มผิดปกติ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 34: เริ่มต้นทัศนศึกษา มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 33: การโหวตเลือก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 32: ความเข้าใจผิด มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 31: เบาะแสแรก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 30: ปณิธานของชงหยวน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 29: ไฟสุมขอนยังคงร้อนอยู่ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 28: คาบเรียนพิเศษ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 27: การต่อสู้ระหว่างราชา มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 26: กำลังเสริมของทั้งสองฟาก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 25: ยุทธการสายฟ้าแลบ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 24: คณะกรรมการจัดงาน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 23: ความลังเล มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 22: คู่หมั้นอันตราย มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 21: นักเรียนใหม่ (เริ่มบทที่ 1) มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 20 : ก่อนรุ่งสางของคืนวันที่จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล (จบ Prologue) มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 19: Overlord มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 18: ผีดูดเลือดผู้คลุ้มคลั่งจากโลหิต มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 17: แองกริคราวน์หลั่งเลือด มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 16: วลาดจอมเสียบ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 15: ข่าวร้ายกลายเป็นจริง มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 14: ผู้(ถูก)พิพากษา มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 13: เป้าหมายแรก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 12: ความเป็นจริงที่ค่อยๆที่ถูกแง้มให้เห็น ตอนจบ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 11: ความเป็นจริงที่ค่อยๆที่ถูกแง้มให้เห็น ตอนกลาง มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 10: ความเป็นจริงที่ค่อยๆที่ถูกแง้มให้เห็น ตอนแรก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 9: เค้าลางก่อนพายุ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 8: ตกกระไดพลอยโจน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 7: เขตที่ 84 มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 6: ฝันกลางวัน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 5: ยามเช้าดังเช่นทุกวัน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 4: ระเบิดกัมปนาท มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 3: เส้นแบ่งของโลก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 2: ชีวิตประจำวันที่ควรจะเป็น มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 1: ยามเช้าแสนธรรมดาดังเช่นทุกวัน มีนาคม 13, 2022
MANGA DISCUSSION