ตอนที่ 44: วิธีสร้างข้อผูกมัด
————ย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อน , วันที่กลับมาจากการทัศนศึกษา
หลังจากการประชุมเพื่อหาข้อสรุปถึงการเคลื่อนไหวหลังจากนี้ได้จบลงก็ถึงคราวที่เลย์ล่าต้องลากลับ ซึ่งนั่นคือเรื่องปกติหลังจากที่ทั้งสามคนนั่งทานข้าวเย็นด้วยกันอย่างเรียบง่าย
เพียงแต่หนนี้มีข้อแตกต่างอยู่… นั่นคือการที่โอลิเวียอาสาเดินไปส่งเลย์ล่าที่สถานีรถไฟฟ้า
แน่นอนว่ามันทำให้ชินรู้สึกติดใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดวิสัยอะไรขนาดนั้นเพราะเลย์ล่าถือเป็นแม่ของทั้งชินและโอลิเวีย จะรู้สึกเป็นห่วงหรืออยากอยู่ด้วยกันนาน ๆ ก็คงไม่แปลกแม้แต่คนที่ไม่ค่อยแสดงสีหน้าอย่างโอลิเวียก็ตาม
แต่สำหรับเลย์ล่า เธอรู้ได้ในทันทีว่ามันเป็นเพราะโอลิเวียมีเรื่องอยากจะปรึกษา เธอถึงได้ไม่ขัดและยอมให้โอลิเวียตามมาส่ง และหวังว่าจะให้คำปรึกษาที่เหมาะสมได้อย่างที่เจ้าตัวหวัง
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ตอนนี้โอลิเวียกับเลย์ล่ากำลังเดินเคียงกันไปตามถนนยามวิกาล
“แล้ว… มีเรื่องอยากจะปรึกษาเหรอจ๊ะ?”
“…ดิฉันดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะเนี่ย”
“สำหรับฉันน่ะนะ”
พอถูกเลย์ล่าแทงใจดำแล้วโอลิเวียก็รู้สึกหมดความมั่นใจเหมือนกัน แต่การถอนหายใจพร่ำเพรื่อไม่ใช่จริตของโอลิเวียเธอถึงไม่ได้แสดงกิริยาแบบนั้นออกมา
อย่างไรก็ดี… แน่นอนว่าสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อคงไม่ได้อ่านสีหน้าของโอลิเวียออกง่ายเหมือนอย่างที่เลย์ล่าทำได้เป็นแน่ และคนอื่นที่ทำได้นอกจากนี้ก็น่าจะมีแค่ชินเท่านั้นกระมัง
“และถ้าจะให้เดา… ก็คงจะปรึกษาเรื่องของชินล่ะสิ?” เลย์ล่าพูดไปยิ้มไปแทงใจดำเป็นหนที่สอง แต่หนนี้โอลิเวียไม่ได้รู้สึกเหมือนก่อนหน้านี้
อาจเพราะรู้ตัวดีอยู่แล้ว… ว่าตัวเองคิดกังวลเรื่องอื่นนอกจากเรื่องของชินไม่เป็น จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิดที่จะคาดเดา
“ค่ะ… ให้พูดตรง ๆ ก็เรื่องที่ชินเขาจะลอบเข้าไปใน URI นั่นแหล่ะค่ะ”
“ยังเป็นห่วงอยู่สินะ”
“มันแน่อยู่แล้วค่ะ”
โอลิเวียตอบกลับแทบจะทันที ทำเอาเลย์ล่ารู้สึกรำคาญตัวเองเลยว่าไม่น่าถามเรื่องที่รู้อยู่แล้ว
แต่เรื่องนั้นมันก็น่ากังวลในมุมมองของเลย์ล่าเหมือนกัน เพราะตัวเลย์ล่ารู้ดีกว่าใครว่าชินเป็นคนหัวแข็งขนาดไหน ด้วยเหตุนั้นไม่ว่ายังไงเขาก็คงไม่ยอมล้มเลิกแผนนี้หลังจากลงความเห็นว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุดแล้วแน่
แต่จะให้เปลี่ยนความคิดของโอลิเวียแทนก็คงจะยากกว่า ไม่อย่างนั้นเธอก็คงยอมทำตามที่ชินต้องการไปนานแล้ว ว่าไปเธอคงหัวแข็งกว่าชินเสียด้วยซ้ำ
อืม… จะทำยังไงดีน้า
และด้วยความที่มีเด็กป่วนหัวแข็งถึงสองคน เลย์ล่าในฐานะผู้ใหญ่คนเดียว… ในฐานะแม่ของทั้งสองคนก็รู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างกับสถานการณ์แบบนี้
“โอ๊ะ!”
แล้วในตอนนั้น เธอก็นึกวิธีการดี ๆ ขึ้นมาได้จนถึงกับต้องดีดนิ้ว ทำเอาโอลิเวียเองก็แปลกใจเหมือนกัน
“โอลิเวีย”
“คะ?” โอลิเวียเอียงคอสงสัย แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเลย์ล่าถึงได้ยิ้มกริ่มอย่างที่เป็นอยู่นี้
“รู้รึเปล่าโอลิเวีย… ว่าชินน่ะหัวแข็งขนาดไหน”
“…ค่ะ และเพราะรู้นั่นแหล่ะค่ะ ดิฉันเลยทนไม่ได้” โอลิเวียพูดแบบนั้นแล้วก็กำหมัดตัวเองแน่นราวกับรู้สึกรับผิดชอบกับการตัดสินใจของชิน ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะแบกรับ
ไม่สิ… เธอรู้สึกผิดที่ห้ามชินให้ทำเรื่องอันตรายแบบนั้นไม่ได้มากกว่า และด้วยความหัวแข็งนั่น เธอนึกไม่ออกเลยว่าจะทำยังไงให้ชินพบกับความสุขที่เขาควรจะมี
…ความสุขที่อยู่ตรงหน้า
เพื่อให้เขาตระหนักเรื่องนั้นโอลิเวียถึงได้พยายามตลอดมา แต่หมอกที่บดบังดวงตาของเขาช่างแน่นหนาเหลือเกิน มากเกินกว่าความสามารถของโอลิเวียที่จะทำให้พวกมันหายไปในเร็ววันนี้ เพราะไม่อาจบังคับชินได้และไม่อยากจะฝืนใจชินให้ทำแบบนั้นด้วย
…นั่นแหล่ะคือความกังวลของโอลิเวียที่เป็นมาตลอด
“ฉันพอจะมีวิธีดี ๆ ที่จะทำให้เขาทำตามที่เธอต้องการอยู่นะ”
“จริงเหรอคะ!?”
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่เธอให้ความสนใจแบบสุด ๆ ในตอนที่เลย์ล่าผู้ที่เธอให้ความเคารพบอกว่ามีวิธีแก้ปัญหานั้น
“แน่นอน! โดยเฉพาะคนหัวแข็งและมีความรับผิดชอบอย่างชินด้วย แผนนี้มันได้ผลยิ่งกว่าได้ผลอีก”
“ได้โปรดบอกวิธีให้ดิฉันรู้ด้วยค่ะ!” โอลิเวียยิ่งเร่งเร้าเมื่อได้ยินว่ามันมีโอกาสได้ผลแม้แต่คนรอบคอบและหัวแข็งอย่างชิน
“ใจเย็น ใจเย็น… ยังไงวิธีนี้มันก็เหมาะกับสถานการณ์ของพวกเธอด้วยน่ะนะ” เลย์ล่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม และเป็นรอยยิ้มขี้เล่นแบบมีเลศนัยด้วยจนทำเอาโอลิเวียเริ่มจะรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา
“…เป็นวิธีการที่สะดวกสบายขนาดนั้นเชียวเหรอคะ?”
เธอถึงได้รู้สึกแคลงใจ แต่นั่นก็ยังน้อยกว่าความรู้สึกสนใจในเนื้อหา
เพราะไม่ว่ามันจะเป็นแผนการแบบไหน หากว่าเบื้องหน้ามีผลลัพธ์ที่ทำให้ชินกับเธอมีความสุขอยู่ เธอก็พร้อมจะทำตามนั้นแน่นอนอยู่แล้ว
โอลิเวียคิดแบบนั้นอย่างไม่ลังเลในจังหวะที่เลย์ล่ายื่นใบหน้าเข้ามากระซิบข้างใบหูยาว ๆ ของเธอเพื่อบอกถึงแผนการนั้น
“ผูกมัดเขาไว้กับเธอซะสิ… ในฐานะชายหญิงน่ะ”
“เอ๊ะ”
กระทั่งได้ยินเนื้อหา แก้มของโอลิเวียก็ถูกย้อมเป็นสีแดง ทั้งด้วยจินตนาการของเธอเองที่เตลิดไปไกลและเพราะความตั้งใจของเลย์ล่าที่พยายามทำให้เธอคิดแบบนั้น
“แบบนั้น… มัน…” แต่ทั้งที่นั่นเองก็เป็นความปรารถนาของตัวโอลิเวียเอง เธอกลับรู้สึกลังเลหลังจากที่เลย์ล่าพูดมันออกมาตรง ๆ
ไม่สิ… ใช้คำว่าเขิน ประหม่าและเอียงอายน่าจะตรงกว่า
“ลองคิดดูสิโอลิเวีย… ถ้าเกิดเธอท้องลูกของชินเข้า ยังไงคนมีความรับผิดชอบสูงอย่างหมอนั่นก็ต้องเลือกเธอก่อนสิ่งอื่นใดอยู่แล้ว” และเพราะเลย์ล่ารู้อยู่ว่าโอลิเวียไม่ได้รังเกียจ ไม่สิ… ลึก ๆ โอลิเวียเองก็ปรารถนาเรื่องนี้เหมือนกัน เธอถึงพยายามทำให้โอลิเวียยอมทำตามหัวใจของตัวเอง
“แต่ว่าแบบนั้น… มันจะไม่เป็นการบังคับชินเหรอคะ?” โอลิเวียเอ่ยด้วยสีหน้ากังวล มือของเธอยังเผลอเลื่อนมือถึงระดับอกและกำแน่น ราวกับเจ็บปวดหัวใจแทนชินที่ฝืนทนล้มเลิกเป้าหมาย ดูท่าเธอจะเป็นห่วงชินในทุกแง่ทุกมุมเลยจริง ๆ
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ก็ทำให้คนที่เลือกเป็นชินซะสิ”
เลย์ล่าพูดแล้วก็สะบัดมือปฏิเสธเป็นเชิงว่าสิ่งที่โอลิเวียกังวลไม่ใช่ปัญหา และวิธีการของตนนั้นเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ง่ายเหลือเชื่อ
“เพราะถ้าเขาทนไม่ไหว… นั่นก็เป็นความผิดของชินเอง จริงไหมล่ะ?”
คนที่ ‘ลงมือ’ ก่อนคือฝ่ายแพ้ และแผนการนี้มีขึ้นก็เพื่อทำให้ชินเป็นฝ่ายลงมือดังว่า
ดังนั้น ถ้ามันเป็นไปตามแผนของทางเรานั่นก็ไม่ใช่ความผิดของโอลิเวีย เธอจึงไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด นั่นคือสิ่งที่เลย์ล่าต้องการจะสื่อ
“เธอเอง… ก็อยากจะให้ชินใช้ชีวิตเป็นแค่คนธรรมดาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” เลย์ล่าถึงได้ยืนยันกับโอลิเวียอีกครั้ง ไม่สิ… ทำให้โอลิเวีย
คำพูดของเลย์ล่าทำให้โอลิเวียเงยหน้า สิ่งที่กระทบในดวงตาคือแสงจันทร์ส่องสว่างกลบแสงดวงเดือนอันระยิบระยับที่กะพริบไปมาราวแตกดับทำให้โอลิเวียหวนนึกถึงความเป็นจริง
เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว ทั้งอาณาจักร ทั้งสถานะ… ชินในตอนนี้ไม่มีมันอยู่อีกแล้ว การยึดติดสิ่งเหล่านั้น แล้วไล่ตามผู้ที่แย่งชิงมันไปก็เหมือนกับไล่ตามภูตผี ท้ายสุดสิ่งที่เหลืออยู่หลังเมฆหมอกที่บดบังสายตาของชินก็คือความว่างเปล่า
ซึ่งมันจะไม่ต่างกันเลยหากชินเลือกที่จะยอมแพ้ในจุดหมายนั้นแล้วเลือกที่จะใช้ชีวิตธรรมดามันเสียตอนนี้ เพราะชินมีพลังมากพอที่จะรักษาช่วงเวลานี้ไว้ได้อยู่แล้ว
ความสุขในอนาคตอันไกลโพ้นกับความสุขที่อยู่เบื้องหน้า… หากมันเป็นสิ่งที่คล้ายคลึงกัน จะเลือกสิ่งที่ง่ายดายกว่ามันจะไม่เป็นการฉลาดกว่าหรอกเหรอ?
นั่นคือความคิดของโอลิเวียในตอนนี้ ไม่สิ… ความตั้งใจของเธอในตอนนี้
ความตั้งใจ… ที่จะทำให้ชินมองเห็นว่าอะไรคือสิ่งที่เขาสมควรได้รับและมีค่าสำหรับเขาในตอนนี้ ดวงตาที่ส่องประกายด้วยความหวังของเธอบอกแบบนั้น
แบบนั้นแหล่ะ ดีแล้ว…
เลย์ล่าเห็นอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะนึง… ทั้งสำหรับโอลิเวียที่อยู่ตรงนี้ และชินที่อยู่ห่างออกไป
ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ดีสำหรับฉันด้วย…
เพราะถ้าจะปล่อยให้ชินดำดิ่งสู่ความทรมานทั้งที่รู้อยู่แล้ว… ฉันเองก็ทนไม่ได้หรอก
เลย์ล่าคิดแบบนั้น เธอเพียงผู้เดียวที่เข้าใจสถานการณ์ แม้จะมีโอลิเวียอยู่ข้าง ๆ คอยช่วยแบกภาระของชิน
แต่ในฐานะแม่คนนึง… ยังไงเลย์ล่าก็รู้สึกและตระหนักในความรับผิดชอบว่าเป็นคนเดียวที่จะทำแบบนั้นได้อยู่ดี
❖❖❖❖❖
นั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้… ว่าไปแล้วก็คือเหตุผลของการแต่งกายเปิดเผยเนื้อหนังด้วยชุดเมดออกศึกแบบที่โอลิเวียไม่คุ้นเคยในตอนนี้
และเพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก ชินถึงได้รู้สึกตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
โชคดีที่รีบปิดประตูลงก่อน
ชินคิดแบบนั้น เพราะมันคงไม่งามเท่าไหร่หากคนอื่นเห็นภาพแบบนี้เข้า
ไม่สิ… ที่จริงเขาก็แค่ไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นโอลิเวียในสภาพนี้เข้ามากกว่า
แต่สำหรับโอลิเวีย… เธอไม่ปล่อยโอกาสที่ชินกำลังสับสนนี้ไปง่าย ๆ เธอถึงเดินเข้าหาชินทั้งที่ยังอยู่ในสภาพน่าหวาดเสียวจนชินไม่กล้ามองตรง ๆ
“ยังไงดีคะชิน… จะตัวดิฉันก่อน ตัวดิฉันก่อน หรือว่าตัวดิฉันก่อนดีคะ?”
“ก่อนหน้านี้คำถามมันไม่ใช่แบบนี้ไม่ใช่รึไง?”
ชินได้ยินแล้วก็กุมขมับเพราะโอลิเวียทำเหมือนเขามีตัวเลือก
แต่แน่นอนว่าชินมี เขาถึงเดินเข้าไปในห้องตรงบริเวณกลางห้องโดยที่ยัง (พยายาม) คงความเงียบขรึมไว้อยู่ แต่ที่ทำได้ก็เพราะเขาพยายามไม่มองโอลิเวียตรง ๆ
“ว่าแต่… ใส่ชุดแบบนั้นทำไม?” ชินเอ่ยถามหลังนั่งลงที่โต๊ะเล็กกลางห้องปกติ แน่นอนว่ายังเลื่อนสายตาไปมองทางอื่น
แต่พอถูกถามอย่างนั้นโอลิเวียก็แสดงสีหน้าเอ๋อเหลอออกมาอย่างกระวนกระวาย เห็นได้ชัดเลยว่าเธอลืมแต่งเรื่องเรียบเรียงเหตุผลของการแต่งชุดแบบนี้ไปเสียสนิท
“…เปลี่ยนบรรยากาศค่ะ” คิดอะไรไม่ออกเธอเลยรีบตอบเรื่องที่คิดออกมาได้เป็นอย่างแรก
“เป็นข้อแก้ตัวที่ไม่น่าเชื่อที่สุดที่เคยได้ยินเลยนะ”
อีกครั้งที่ชินต้องกุมขมับ ดูท่าการรีบตอบคำถามเพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัยจะเป็นผลร้ายมากกว่า
กระนั้นโอลิเวียที่รู้ว่าตัวเองความแตกก็หาได้ตกใจไม่ เพราะเธอรู้ดีอยู่แล้วว่าตัวเองมีแต้มต่อ ที่ต่อให้ไม่เผยความต้องการจริง ๆ ออกไป ชินก็ไม่กล้าเอ่ยถามออกมา
“เอาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก” แล้วชินก็ไม่ยืดความยาวสาวความยืดอย่างที่คิด
พูดให้ถูก คือชินพยายามทำเป็นไม่สนใจโอลิเวียมากกว่า เพราะไม่อย่างนั้นชินจะเข้าสู่จุดที่ควบคุมตัวเองไม่ได้แทน
“แต่ยังไงมันก็ไม่เหมาะไม่ใช่เหรอ? ไปเปลี่ยนเป็นชุดที่มันมิดชิดกว่านี้หน่อยเถอะ” คิดไปคิดมาชินก็รู้ดีว่าตัวเองไม่ได้มีความอดทนสูงขนาดนั้น ถึงได้พยายามโน้มน้าวให้โอลิเวียเปลี่ยนชุดกลับ
เพราะไม่ว่ากับผู้ชายคนไหน… กับหญิงสาวที่งดงามถึงกับถวายตัวขนาดนี้มีหรือที่ใครจะทนไหว
ยิ่งถ้าเป็นหญิงที่เป็นดวงใจของเขาแล้ว ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกของชินน่าจะยิ่งมากเป็นทวีคูณ
…อาจเพราะโอลิเวียรู้แบบนั้น จึงตั้งใจจะใช้เรื่องนี้เป็นข้อได้เปรียบ
“จะว่าไป… ดิฉันใส่แล้วเป็นยังไงบ้างเหรอคะ?”
“อะ อะไรนะ?”
พอถูกโอลิเวียเชื้อเชิญด้วยคำพูดเหมือนพยายามทำให้เหลียวไปมองชินก็ติดกับทันที จะว่าลึก ๆ แล้วชินเองก็อยากจะมองเหมือนกันกระมังปฏิกิริยาจึงเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
ซึ่งอย่างน้อย ๆ ชินก็ยังพยายามขัดขืนเลื่อนสายตาหนีไปได้อีก… ในฐานะผู้ชายคนนึง ถือว่าความอดทนของเขาสูงกว่ามาตรฐานมากเกินพอแล้ว
…มากเกินจนโอลิเวียเริ่มจะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแล้วแม้จะเป็นคนที่รู้จักความยอดเยี่ยมของชินนี้ดีกว่าใครก็ตาม เพราะตอนนี้เธอไม่ได้ต้องการความเป็นสุภาพบุรุษจากชินหากแต่เป็นตรงกันข้าม
ในขณะที่ชินนั้นก็ยังพยายามเลี่ยงเต็มที่
“เรื่องนั้นสำคัญด้วยเหรอ?” ความหวั่นไหวยังคงอยู่ น้ำเสียงของชินถึงยังสั่นอยู่เล็กน้อยในขณะที่พยายามปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
“ก็แหม… นั่นเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอคะ ที่จะฟังความเห็นของชุดเรื่องความเข้ากันน่ะค่ะ” โอลิเวียอ้างแบบนั้น แน่นอนว่าเป็นแค่ข้ออ้าง แต่ก็เป็นข้ออ้างที่ปกติดีสำหรับหญิงสาวทั่วไป
…หากไม่ติดว่าชุดที่เธอสวมเป็นชุดวาบหวิวล่ะก็
นี่มันเรื่องอะไรกัน? มีเหตุผลอะไรที่โอลิเวียต้องทำแบบนี้กันนะ?
ไม่สิ… เธอตั้งใจจะยั่วยวนเราเห็น ๆ แต่จุดประสงค์คืออะไรกัน?
ต้องคาดเดาในกรณีที่แผนของเธอสำเร็จ… ถ้าเกิดเราปล่อยใจทำตามที่ต้องการอย่างที่โอลิเวียหวัง จะมีอะไรเกิดขึ้นตามที่เธอปรารถนาบ้าง?
ชินพยายามทำใจให้เย็นลงแล้วพยายามคิดว่าโอลิเวียคาดหวังอะไรจากเรื่องนี้
แน่นอนมันไม่ใช่เรื่องยาก เพราะยังไงเป้าหมายของโอลิเวียก็มีอย่างเดียวอยู่แล้วนั่นคือความสุขของชิน เพียงแต่ที่มันเป็นไปคนละทางกับที่ชินคิดเพราะสิ่งที่เธอต้องการคือความสุขของชินในมุมมองของโอลิเวียเองไม่ใช่ของตัวชิน
และสิ่งที่โอลิเวียหวาดกลัวที่สุด คือการที่ชินต้องเผชิญหน้ากับเรื่องอันตราย ความต้องการของเธอจึงชัดเจนคือคาดหวังให้ชินเลิกทำเรื่องอันตราย
รวมกับเรื่องที่พยายามทำให้ชินลงมือกับเธอ… คำตอบก็ออกมาอย่างง่ายดาย
แสบจริง ๆ
อีหรอบนี้คุณแม่——อาจารย์เป็นคนวางแผนแน่ ๆ
แต่… ถึงจะรู้ว่าโอลิเวียต้องการอะไรแต่กลับไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเลยสักนิด
เพราะถึงจะรู้วิธีรับมือแผนการของโอลิเวีย นั่นคือการเมินอย่างที่เขาทำมาแต่แรก แต่มีหรือที่ชินจะทำตัวห่างเหินเย็นชากับโอลิเวียได้จริง ๆ แม้จะเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำก็ตาม
ความขัดแย้งนั่นจึงกลายเป็นหนามยอกอก… ไม่สิ เรียกแบบนั้นคงเกินจริงไปหน่อย เพราะความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความทุกข์ทรมานอย่างที่เปรียบเปรย แต่เป็นแค่ความร้อนรุ่มของหนุ่มสาววัยกลัดมันธรรมดาทั่วไปเท่านั้น
“…ยังไงก็ไปเปลี่ยนชุดทีเถอะ”
แต่ถึงอย่างไรวิธีการรับมือที่ดีที่สุดตอนนี้ก็คงไม่พ้นความพยายามทำให้โอลิเวียกลับมาสวมชุดปกติ ชินถึงขอเธอไปแบบนั้นแม้จะเป็นหนที่สองแล้วก็ตาม
“เป็นคำสั่งรึเปล่าคะ?” โอลิเวียถามย้ำ สีหน้ายังคงเรียบเฉยแต่ในน้ำเสียงเห็นได้ชัดว่ามีความเสียดายแฝงอยู่
“คำสั่ง”
พอถูกชินยืนยันแบบนั้นโอลิเวียก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ชินรู้สึกได้เลยว่าโอลิเวียกำลังทำสีหน้าผิดหวังแบบสุด ๆ (แน่นอนว่าถ้าคนปกติมอง โอลิเวียก็ยังทำหน้านิ่งเหมือนเดิมนั่นแล)
และเพราะเป็นคำสั่งของชิน โอลิเวียจึงทำตามอย่างว่าง่าย… ทั้งเพราะเป็นเรื่องที่เธอทำจนเคยชินและพอใจกับมัน รวมถึงเป็นเพราะเธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่บังคับชินแต่ทำให้เขาเป็นคนเลือก การทำตามที่ชินสั่งจึงเป็นเรื่องธรรมดา
เธอถึงเดินไปในห้องน้ำพร้อมกับชุดนักเรียนตัวเดียวกับที่ใส่มาตอนแรก ครั้นพอเดินผ่านเข้าไปเธอก็กลับไม่ได้ปิดประตูห้องน้ำลงอีก
“ถ้าเป็นชินล่ะก็ ถึงจะแอบดูดิฉันก็ไม่รังเกียจหรอกนะคะ”
“เลิกล้อเล่นแล้วรีบ ๆ เปลี่ยนชุดซะ”
ชินกะไว้แล้วว่าโอลิเวียต้องมาไม้นี้เขาถึงรีบบอกปัดในบัดดล แม้ว่ามันจะไม่ทำให้โอลิเวียปิดประตูห้องน้ำลงในระหว่างที่เปลี่ยนชุดก็ตาม
นั่นเลยทำให้ชินต้องบังคับใบหน้าที่ถูกย้อมเป็นสีแดงของตัวเองหันไปทางอื่นแทนจนกว่าเจ้าตัวจะเปลี่ยนชุดเสร็จ กระทั่งสังเกตเห็นผ่านหางตาว่าโอลิเวียสวมชุดนักเรียนเหมือนเดิมแล้วจริง ๆ ชินถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกก่อนจะลดความระวังลง
…แต่นั่นก็เป็นตอนที่โอลิเวียนั่งลงข้าง ๆ ชินแล้วเบียดตัวเข้ามาชิดกับเขา ไม่สิ… เรียกว่าเกาะติดข้าง ๆ เลยคงจะถูกกว่า
เธอเริ่มทิ้งศีรษะตัวเองซบไหล่ซ้ายของชิน ซึ่งอย่างน้อยเธอก็ยังอ่อนข้อให้ตรงที่ไม่ได้ถึงขนาดกอดแขนชินเอาไว้ แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ยังพยายามเบียดหน้าอกของเธอให้แนบชิดกับชินเท่าที่จะทำได้อยู่ดี
“…มันไม่ใกล้ไปหน่อยเหรอ?”
“ไม่เห็นแปลกเลยค่ะ… ชินน่าจะรู้ธรรมชาติของดิฉันดีที่สุดไม่ใช่เหรอคะ?”
นั่นเป็นวิธีการที่โอลิเวียตั้งใจจะบอกแบบอ้อม ๆ ว่า ‘ชินน่าจะรู้ไม่ใช่เหรอคะว่าดิฉันขี้อ้อนขนาดไหน เพราะงั้นการทำแบบนี้มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอคะ?’ และแน่นอนว่าชินเข้าใจอยู่แล้ว
“มันไม่มากไปหน่อยเหรอ?” ปกติเธอไม่ได้ทำแบบนี้บ่อยไม่ใช่รึไง? นั่นคือสิ่งที่ชินต้องการจะสื่อ และพยายามจะทำให้โอลิเวียจนมุม
“เปรียบแล้วก็เหมือนกับเพิ่มปริมาณกาแฟที่ดื่มต่อวันจากหนึ่งเป็นสองแก้วนั่นแหล่ะค่ะ… มันไม่ได้ผิดปกติตรงไหนนี่คะ” โอลิเวียแย้งตอบ เธอเองก็ไม่ยอมง่าย ๆ
“มากกว่าปกติมันก็คือผิดปกติ” และแน่นอนว่าชินยังไม่ยอม แต่ดูเหมือนนั่นจะยิ่งทำให้โอลิเวียได้เปรียบ เธอถึงเผยยิ้มออกมาเล็กน้อยในตอนที่ได้ยินชินโต้กลับมาแบบนั้น
“ถ้าอย่างนั้น ก็แสดงว่าดิฉันเริ่มจะเสพติดเข้าแล้วสินะคะ”
โอลิเวียเอ่ยพร้อมกับเลียริมฝีปาก ท่าทางของเธอราวหิวกระหายในบางสิ่ง และแทบไม่ต้องเดาเลยว่ามันเป็นสิ่งเดียวกับที่เธอกำลังคลอเคลียอยู่นี้
ในขณะเดียวกัน การแสดงท่าทีแบบนั้นมันก็ยิ่งทำให้ความอดทนของชินลดลงมากขึ้นทุกทีพร้อม ๆ กับเสียงที่สั่นมากขึ้นเป็นเครื่องบ่งชี้สิ่งเดียวกัน เขาถึงพยายามเค้นสมองทุกเซลล์เพื่อหลีกหนีสถานการณ์นี้
…แล้วก็คิดออกในเวลาเพียงไม่นาน
“จะว่าไป ไม่อยากรู้เหรอว่าฉันไปไหนมา” ชินพูดแบบนั้นเพื่อดึงความสนใจของโอลิเวีย เขารู้ว่าโอลิเวียจะต้องสนใจเรื่องนี้แน่
และใช่… ชินรู้ได้ทันทีว่าตัวเองคิดถูกหลังสังเกตเห็นใบหูยาว ๆ ของโอลิเวียขยับดุกดิก
“แน่นอนว่าอยากค่ะ… เพื่อความปลอดภัยของชิน ในฐานะข้ารับใช้ดิฉันก็สมควรรู้เรื่องจริงไหมคะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยก่อนเถอะ แบบนี้มันคุยไม่สะดวก” ชินเห็นลู่ทางแล้วก็ชักนำมาสู่สถานการณ์นี้
จนถึงตอนนี้โอลิเวียก็รู้แล้วว่ามันเข้าทางชิน แต่กว่าจะรู้ตัวเธอก็ถูกบังคับให้ทำตามไปแล้ว เธอถึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำตามชิน
“ก็ได้ค่ะ” โอลิเวียจึงต้องจำยอม ถอยออกไปนั่งข้าง ๆ แทนที่จะเกาะติด นั่นทำให้ชินมีจังหวะพักหายใจหายคอเสียที
“จะว่าไป ได้ยินว่าไปเที่ยวหลังเลิกเรียนกับพวกคุณเกวนสินะคะ?”
คนที่พูดขึ้นมาก่อนกลับเป็นผู้ฟังอย่างโอลิเวีย ดูท่าเธอจะรู้กำหนดการของชินอยู่แล้ว
ซึ่งพอมานึกย้อนดู… รู้สึกว่าเกวนจะบอกเขาว่าเธอเองก็ชวนโอลิเวียให้ไปด้วยแต่ถูกปฏิเสธเพราะติดธุระ ซึ่งตอนนี้ชินก็ได้รู้แล้วว่าธุระที่โอลิเวียหมายถึงก็คือการมาดักรอที่ห้องของเขานี่แหล่ะ
“อืม… แต่เรื่องที่เกิดมันเกี่ยวกับชงหยวนล่ะนะ” ชินพูดแล้วก็กอดอก รู้สึกลำบากใจอย่างชัดเจนที่จะคุยเรื่องชงหยวนกับโอลิเวีย
“…หืม” โอลิเวียทำเสียงขึ้นจมูก รับรู้ได้เลยว่าเธอกำลังหงุดหงิด แม้แต่สีหน้าที่ไม่ค่อยเปลี่ยนอย่างคิ้วเองก็ยังขมวดเข้าด้วยกันแน่น
นั่นถึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชินจะรู้สึกลำบากใจเวลาพูดถึงชงหยวนต่อหน้าคู่กัดตลอดกาลอย่างโอลิเวีย
…แล้วนี่ยังไม่ได้พูดถึงเนื้อหาที่ชงหยวนยื่นข้อเสนอให้เขาด้วย
เรื่องขอหมั้นนั่น ไม่พูดท่าจะดีกว่า
ชินคิดแบบนั้น เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่คิดจะยอมรับข้อเสนอแบบนั้นอยู่แล้ว พูดไปก็คงมีแต่จะทำให้โอลิเวียไม่พอใจโดยเปล่าประโยชน์ อาจถึงขั้นควบคุมอารมณ์ไม่ได้จนต้องวางแผนดักฆ่าชงหยวนในครั้งต่อไปที่เจอกันเลยก็เป็นได้
“อย่างที่คิดเลย ว่าชงหยวนเป็นราชาของประเทศเขตที่ 86” ชินยืนยันแบบนั้นด้วยน้ำเสียงที่ปรับเป็นจริงจัง ทำให้โอลิเวียต้องทำตามไปด้วย
“และดูเหมือนเธอตั้งใจจะยืนยันสถานะตราราชันย์ของฉันอย่างที่คิด แต่เธอมีแผนที่จะดึงฉันเป็นพวกด้วยหลังจากที่ยืนยันได้แล้วว่าไม่ใช่ศัตรู”
“…ยัยจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นั่น”
โอลิเวียรำพึงแบบนั้นในลำคอในทันทีด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวอย่างเห็นได้ชัดหลังได้ยินว่าชงหยวนตั้งใจจะใช้ประโยชน์จากชินเหมือนกับหมากตัวนึง
ทางด้านชินนั้นรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกที่ตัดสินใจได้ดีตรงจุดที่ไม่บอกไปว่าชงหยวนต้องการจะผูกมัดเขาด้วยการหมั้น
“ยังไงก็ตาม นั่นแลยทำให้ปัญหาที่เราเผชิญยังไม่จบลงง่าย ๆ”
“จะปฏิเสธยังไงให้ดูไม่มีพิรุธ… เรื่องนั้นคงยากเอาการเลยนะคะสำหรับคนร้ายกาจ——คนรอบคอบแบบท่านชงหยวนน่ะค่ะ”
“นั่นสินะ” ชินมองข้ามประเด็นเล็ก ๆ น้อย ๆ ไป แต่เห็นด้วยกับโอลิเวียทุกประการ
ทั้งสองคนประเมินได้ทันทีว่าการร่วมมือกับชงหยวนเป็นผลเสียมากกว่าผลดี… เพราะเธอไม่ใช่มิตรแท้ที่พึ่งพาได้ และพร้อมจะกำจัดตัวหมากที่ไม่จำเป็นหรืออันตรายได้ทุกเมื่อนั่นแหล่ะ
ดังนั้น หากเธอรู้ว่าแผนการที่ฝรั่*เศ*มันเป็นแค่กลลวงและชินยังเป็นราชาคนที่ 8 อยู่ล่ะก็ เธอคงจะปิดปากชินอย่างไม่ลังเลแน่นอน
“คำปฏิเสธที่เหมาะสมที่สุด ดิฉันคิดว่าคงเป็นการไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามายุ่มย่ามมากไปกว่านี้ด้วยภาระของทางเราค่ะ” โอลิเวียเสนอแบบนั้น และเป็นแบบเดียวกับที่ชินคิดเอาไว้ทำให้เขาพยักหน้าตอบรับ
“ฉันเองก็เห็นด้วย… แม้จะยังไม่ได้ปัดตกข้อเสนอไป แต่ก็วางบทไว้แล้วว่าพวกเราอยากจะอยู่กันสงบ ๆ มากกว่า ดังนั้น ถ้าพวกชงหยวนเข้าหาเธอก็อยากจะให้ตอบกลับไปด้วยข้ออ้างอย่างเดียวกัน”
“…นั่นสินะคะ”
โอลิเวียเงียบไปชั่วครู่หลังได้ยิน ลึก ๆ แล้วเธอคงจะหวังให้มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ มากกว่าแค่บทบาทหน้าฉาก
“เพราะงั้น… ช่วงนี้เคลื่อนไหวอะไรต่อหน้าชงหยวนกับจินก็ต้องระวังไว้หน่อย เอาให้ดูเหมือนเราไม่มีเจตนาจะทำอะไรนอกจากอยู่สงบ ๆ”
“ทราบแล้วค่ะ” ถึงจะมีอารมณ์ส่วนตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงจังเธอก็ตกปากรับคำอย่างว่างง่าย
“กับอีกเรื่องที่ยังน่ากังวล ก็คือบทบาทของแองกริคราวน์ล่ะนะ”
ชินหยิบยกประเด็นสำคัญขึ้นมาพร้อมกับจับคางครุ่นคิดอย่างจริงจัง
สำหรับพวกชิน… ตอนนี้แองกริคราวน์ถือว่าเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญกับสนามรบในกระดานเป็นอย่างมาก แล้วก็เป็นตัวปัญหาเช่นเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ แองกริคราวน์ถูกเพ่งเล็งจากทั้ง URI ที่เป็นมิตรแห่งความเที่ยงธรรมของโลกเบื้องหน้าและ ‘ซิงกูลาริตี้’ ที่เป็นเงามืดของโลกทั้งใบ ทำให้เคลื่อนไหวเพื่อหาข่าวสารได้อย่างยากลำบาก
กระทั่งวันหนึ่งที่ถูกชะตากรรมพัดพาให้เข้าร่วมกับศึกชิงบัลลังก์ปกครองโลก แองกริคราวน์ที่เดิมก็เป็นตัวตนที่ทุกคนจับตามองอยู่แล้ว พอมีบทบาทในการกำจัดขุนพลเอกของราชาที่เป็นตัวเต็งอย่าง ‘สคัล’ เข้าไปอีกก็ยิ่งทำให้ถูกหมายหัวจากทุกฝ่ายในสงครามเข้าไปใหญ่
ว่ากันตามตรง… การมีป้าย ‘แองกริคราวน์’ ติดตัวนั้นค่อนข้างเป็นอันตรายและเริ่มจะมีข้อเสียมากกว่าผลดีอย่างที่เคยแล้ว แม้แต่กับพวกอัลเฟรดที่เป็นพันธมิตรในนามก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
“พอมานึกดู… พวกเราเล่นบทแองกริคราวน์กันก็เพื่อตามหาข้อมูลของพวกตัวตลก… พวก ‘Midnight’ สินะ”
“ใช่แล้วค่ะ” โอลิเวียช่วยยืนยัน แน่นอนว่าไม่มีทางเป็นอื่น
“สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ การเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับศึกชิงบัลลังก์น่าจะเป็นผลดีกับการหาข้อมูลมากกว่า”
แถมยังมีเรื่องที่เราต้องลอบเข้าไปใน URI ในฐานะเด็กฝึกงานด้วย…
นี่อาจจะเป็นจังหวะที่ดีในการถอนตัวจากบทบาทนี้ก็ได้
ชินครุ่นคิดอีกครั้ง พยายามชั่งน้ำหนักผลดีผลเสียของการเป็นแองกริคราวน์อีกครั้งอย่างละเอียด
…แล้วผลสรุปก็ออกมาหลังจากนั้นเพียงไม่นาน
“ถ้าอย่างนั้น… ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป แองกริคราวน์กับโกลเด้นด็อกได้ตายไปแล้ว” ชินตัดสินใจเด็ดขาด น้ำเสียงของเขายืนยันแบบนั้น
“ทราบแล้วค่ะ หลังจากนี้ดิฉันจะไปทำลายฐานที่มั่นทั้งหมดทันทีค่ะ” โอลิเวียรับทราบตามเคย รวมถึงตั้งใจทำในสิ่งที่ชินคิดจะทำโดยที่ไม่ต้องให้สั่งด้วย
“แน่นอนว่าฉันเองก็จะไปด้วย นี่จะเป็นภารกิจของเราสำหรับคืนนี้”
ชินกล่าวแบบนั้นก่อนจะยืนขึ้น นั่นคือสัญญาณให้โอลิเวียเตรียมตัวทำภารกิจ
ภารกิจสุดท้าย… ในฐานะของแองกริคราวน์และโกลเด้นด็อก
❖❖❖❖❖
ยามค่ำคืนของวันเดียวกันนั้นเป็นคืนที่เงียบงันอย่างผิดปกติ
ผิดปกติ… ในแง่ของศึกสงครามยามค่ำคืนที่ควรจะมี ด้วยความที่ฮ่องเต้อย่างชงหยวนมาลงหลักปักฐานยังประเทศเขต 66 ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ฝ่ายของเจ้าบ้านอย่างอัลเฟรดยังอ่านเจตนาไม่ออกทั้งหมด
ในกรณีฝ่ายเจ้าบ้านที่มีตราราชันย์นั้นสามารถตามหาที่อยู่ของผู้ถือครองตราอัศวินและตราราชันย์คนอื่นได้อย่างง่ายดาย และคงไม่เป็นการพูดเกินจริงหากจะบอกว่าเป็นเรื่องง่ายดายในการลอบโจมตีและจัดการศัตรูที่บุกรุกเข้ามาอย่างชงหยวน
หากไม่ติดว่าอีกฝ่ายเองก็ยกโขยงขุนพลเด่น ๆ ที่มีความสามารถมาด้วยกันเต็มไปหมด ศึกนี้ก็คงเป็นเรื่องง่ายที่จะเอาชนะไปแล้ว และเพราะเหตุผลเดียวกันนี้เอง อัลเฟรดถึงคิดว่ายังเป็นเรื่องเสี่ยงที่จะบุกไปกำจัดพวกของชงหยวนในจังหวะนี้
ไม่สิ… บางที การที่ชงหยวนยกขุนพลเกือบทั้งหมดมาที่นี่ด้วย ก็คงเพื่อให้อัลเฟรดคิดแบบนั้น
แถมตอนนี้… อัลเฟรดยังต้องแบ่งกำลังจำนวนนึงของตัวเองเพื่อไปสืบเรื่องของราชันย์อาเธอร์แห่งอังกฤษ เนื่องจากอัศวินของฝั่งนั้นเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติในศึกครั้งล่าสุด
ผิดปกติในแง่ของพลังที่ไม่สมดุลและไม่สมเหตุสมผล… ที่เห็นได้ชัดคือตราอัศวินที่สามารถดูดซับจิตได้สูงพอ ๆ กับตราราชันย์ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ และถ้าไขปริศนานี้ไม่ได้ นั่นจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตของทุกฝ่าย ทุกคนถึงได้เร่งเร้าจะสืบหาต้นตอของพลังนั้น
นั่นเลยเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ไม่มีใครเคลื่อนไหวในคืนนี้ และเป็นเรื่องง่ายเช่นกันที่จะทำลายหลักฐานการมีอยู่ทั้งหมดของแองกริคราวน์ โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้เลยแม้แต่คนเดียว
❖❖❖❖❖
เช้าวันต่อมา ชินและโอลิเวียก็ยังคงไปโรงเรียนตามปกติ
ด้วยภาระทางบทบาทที่ลดลงจากการกำจัดแองกริคราวน์และโกลเด้นด็อกไป ทำให้การเคลื่อนไหวหลังจากนี้น่าจะสะดวกขึ้น และอย่างน้อย ๆ การแทรกซึมเข้าไปใน URI ก็น่าจะง่ายขึ้น ส่วนบทบาทในศึกชิงบัลลังก์นั้นไม่ใช่เรื่องยากที่จะสร้างตัวตนใหม่ และเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องคิดในช่วงเร็ว ๆ นี้
สิ่งที่ชินรอคอยอย่างใจจดใจจ่อและให้ความสำคัญในตอนนี้จึงมีเพียงสิ่งเดียว นั่นคือจดหมายตอบรับของ URI สาขาประเทศเขตที่ 66 นี้
แต่ช่างน่าเสียดาย… เพราะตั้งแต่เช้าจรดเย็นนั้นไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเลย แม้ว่าชินจะนั่งรออยู่ที่ห้องหลังเลิกเรียนมาครึ่งชั่วโมงแล้วก็ตามที
“ฉันว่าวันนี้ไม่มาแล้วมั้ง” แต่ต้องขอบคุณที่มีเคนเนธนั่งอยู่เป็นเพื่อน บรรยากาศเลยไม่ได้เงียบเหงา
…ถึงที่จริงตัวชินเองจะไม่ได้รู้สึกเหงาเลยก็ตาม เรียกว่ายังไงก็ได้คงเหมาะที่สุด
“นายไม่จำเป็นต้องรอฉันก็ได้นะ” ชินเอ่ยโดยที่ไม่ได้มองคู่สนทนาอย่างเคนเนธ เพราะตัวเขากำลังอ่านหนังสือที่เป็นโฮโลแกรมบนโต๊ะเรียนฆ่าเวลา
“ก็ถ้านายไม่ไปเที่ยวเล่นด้วยมันก็น่าเบื่อสำหรับฉันอยู่ดี” ในขณะที่เคนเนธนั้นเอาแต่เล่นโฮโลวอชอยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ อย่างปกติสุขตามประสานักเรียนธรรมดาทั่วไป
“ทำไมไม่หาแฟนสักคนล่ะ… อย่างนายน่าจะหาไม่ยากหรอกนะ” ชินเสนอแบบนั้นด้วยน้ำเสียงธรรมดาน่าดู แต่เนื้อหาก็คือจะหาเรื่องให้เคนเนธปลีกตัวไปจากเขานั่นแล
ซึ่งการทำแบบนั้น ก็เพื่อตัวชินและเพื่อตัวเคนเนธเองด้วย
“ไม่เอาน่า ของแบบนั้นเดี๋ยวถึงเวลามันก็มีเองแหล่ะ” เคนเนธพูดแล้วยักไหล่ ดูท่าเขาจะยังไม่สนใจเรื่องนั้นในตอนนี้
“คนที่พูดแบบนั้นส่วนใหญ่จะหาแฟนไม่ได้ตลอดชีวิตนะ”
“ว่าแต่เขาอิเหนาเองเหอะ”
เคนเนธตอกกลับแบบเจ็บแสบทำให้ชินเถียงไม่ออก แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเท่าไหร่เพราะไม่ใช่ว่าชินจะไม่มีคนแบบที่ว่าในชีวิตเลยสักคน
การสนทนาไร้สาระเป็นไปเรื่อย ๆ ตามปกติของทั้งสองคน ซึ่งมันก็ฆ่าเวลาได้ดีกว่าอ่านหนังสือ อย่างน้อย ๆ บรรยากาศมันก็ไม่จืดชืดเหมือนหนังสือประวัติศาสตร์ที่อ่านซ้ำเป็นรอบที่สาม
“นี่ทั้งสองคนยังอยู่อีกเหรอ?”
“เกวน?”
ในจังหวะที่ยังต่อล้อต่อเถียงไม่จบก็มีคนผ่านเข้ามาในห้องเพราะได้ยินเสียงของทั้งสองคน แน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเกวนที่ชินสังเกตุเห็น เพื่อนสนิทสาวของชินและเคนเนธ
“เธอเองนั่นแหล่ะ ทำไมถึงยังอยู่ที่โรงเรียนล่ะ” ชินเป็นคนที่เอ่ยถาม เพราะดูเหมือนเคนเนธจะกำลังให้ความสนใจกับเกมในมือตัวเองมากกว่า
“อืม… เพราะคิดว่านายยังอยู่ที่นี่ล่ะมั้งนะ” เกวนใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปากตอบกลับชิน
ท่าทางของเธอราวกับผู้หญิงที่กำลังมีความรักและพยายามบอกออกมาตรง ๆ ว่าอยากมาหา แต่ชินรู้ได้ในทันทีว่าเธออยากจะตามอัพเดทสถานการณ์ฝั่งของชินให้ทันก็เท่านั้น
…ถึงในความเป็นจริงแล้ว เกวนจะหวังผลทั้งสองอย่างเลยก็ตาม
“ฉันกำลังรอจดหมายตอบกลับจาก URI อยู่น่ะ”
ชินว่าแบบนั้นแล้วก็เริ่มเคาะนิ้วกับโต๊ะอย่างต่อเนื่องเป็นจังหวะด้วยความกังวลและรีบร้อน แม้อารมณ์อย่างเดียวกันนั้นจะไม่ถูกแสดงผ่านสีหน้าอันเรียบเฉยของเขาเลยก็ตามที
“จะว่าไป นายทำเรื่องฝึกงานกับ URI นี่เนาะ” เกวนนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ในขณะที่เลือกที่นั่งลงด้านหน้าชินก่อนจะสลับเก้าอี้ให้พนักพิงสลับที่ ก็เพื่อให้ที่นั่งหันมาทางฝั่งชิน
“ยังขยันเหมือนเดิมเลยน้า เคนเนธเองก็หัดเอาเป็นตัวอย่างบ้างสิ”
“ไม่เอาหรอก ขอฉันใช้ชีวิตสนุก ๆ ในตอนที่ยังทำได้ดีกว่า”
พอถูกเกวนว่าแบบนั้น เคนเนธก็เบือนหน้าหนีเหมือนโดนแม่บ่นใส่ ท้ายสุดเขาก็ยังคงความเจ้าสำราญเอาไว้จนกว่าจะเรียนจบ ม.ปลาย แน่ ๆ
“เรื่องของฉันน่ะช่างเถอะ… ฉันกังวลเรื่องของนายมากกว่า” แต่ดูเหมือนหนุ่มเจ้าสำราญคนนี้จะไม่ได้ยึดติดกับความสุขของตัวเองเพียงอย่างเดียว
“ทั้งฉันทั้งนายหรือแม้แต่เกวน… ในฐานะมนุษย์ไม่คิดว่าควรมองความสุขตรงหน้าซะหน่อยเหรอ?”
สิ่งที่เคนเนธคิด ไม่ได้หมายรวมถึงความสุขของตัวเอง แต่เป็นของเพื่อนของเขาด้วยและคงหมายถึงชินเป็นพิเศษ เพราะเคนเนธเป็นเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมาตลอดจึงรู้จักความลำบากของชิน (ในหน้าฉาก) ดีกว่าใคร
จากเรื่องที่ชินสร้าง… ชินมักจะทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนเพื่อหาเงินสำหรับอนาคต แถมเลือกที่จะอยู่หอโทรม ๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเกินความจำเป็น แถมตอนนี้ยังมองการไกลถึงเรื่องอาชีพการงานในอนาคตจนต้องฝึกงานทั้งที่ยังอยู่แค่ ม.5 อีก
แม้ในความเป็นจริงนั่นจะเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นหน้าฉาก แต่ท้ายที่สุดชินก็ยังทำเรื่องอันตรายเพื่อไขว้คว้าอนาคตที่ต้องการอยู่ดี ซึ่งความลำบากที่เผชิญมันก็ไม่ต่างกับภาพลักษณ์เบื้องหน้าของชินเลยสักนิด
ในฐานะเพื่อนสนิท… บางทีเคนเนธคงมองว่าการทำแบบนั้นมันเป็นภาระจนสร้างความทุกข์ทรมาน แทนที่จะทำอย่างนั้นสู้มีชีวิตอย่างมีความสุขในปัจจุบันดีกว่า
นั่นแหล่ะคือสิ่งที่เคนเนธต้องการจะบอกในหลาย ๆ ครั้ง… แม้แต่หนนี้อย่างไม่ยอมเลิกรา
แน่นอนว่าถูกติงเรื่องเดียวกันบ่อย ๆ เข้ามันก็ทำให้รู้สึกรำคาญได้ แต่ชินรู้ดีว่าเคนเนธพูดเพราะเป็นห่วงเขาถึงได้รู้สึกดีใจมากกว่าจะรู้สึกในแง่ลบเช่นนั้น
จะว่าเพราะเคนเนธเป็นมิตรสหายชายเพียงคนเดียวที่พูดได้เต็มปากว่าเป็นเพื่อนจริง ๆ ชินถึงได้สนใจและให้ความสำคัญกับคำพูดของเคนเนธมากกว่าจะเป็นแค่เสียงของคนทั่วไปที่ปล่อยผ่านไปเหมือนกับคนอื่น
…แต่แน่นอนว่าชินไม่ปล่อยวางเรื่องที่ทำอยู่ง่าย ๆ เพราะถ้าทำได้ก็คงทำไปนานแล้ว
“ฉันอาจจะทำแบบนี้เพราะชอบก็ได้นะ” ชินถึงได้พยายามบ่ายเบี่ยง และแน่นอนว่ายังคงเชื่อมั่นในวิถีของตัวเอง
“เพราะนายไม่เคยพูดแบบนั้น ฉันเลยรู้สึกเป็นห่วงไง” เคนเนธได้ยินแล้วก็ยิ่งถอนหายใจ
“น่า ๆ ชินเขาก็คงมีเหตุผลของเขานั่นแหล่ะ”
เกวนที่เป็นคนกลางคือผู้ปรามทั้งสองคนอยู่เสมอ ๆ เพราะเธอรู้เรื่องของฝั่งชินมากกว่าที่เคนเนธรู้ แต่ในขณะเดียวกันก็เข้าใจความรู้สึกเคนเนธที่เป็นห่วงชินเหมือนกัน
“แล้วฉันว่าป่านนี้ จดหมายคงไม่มาในวันนี้แล้วล่ะ… เผลอ ๆ นายอาจจะไม่ผ่านก็ได้นะ” พอสั่งสอน?จบ เคนเนธก็หันมาหยอกชินอีก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องน่าขำเลยสักนิดสำหรับชินที่เดิมพันชีวิตกับเรื่องนี้
“อย่าพูดให้เป็นลางสิ” ชินถึงถอนหายใจออกมา แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าเคนเนธล้อเล่นจึงไม่ได้รู้สึกโกรธ
“เอาเถอะ พ่อคนหลงตัวเอง… แต่ถ้ามันไม่มาแล้ว พวกเราถือโอกาสนี้ไปเที่ยวหลังเลิกเรียนเลยดีกว่าไหม”
พูดไปพูดมาความอดทนของเคนเนธก็มาถึงขีดจำกัดพอดิบพอดี เขาถึงเสนอแบบนั้นขึ้นมาอย่างสมเป็นตัวเขาในจังหวะที่เก็บของลงกระเป๋าพร้อมผจญภัยในพริบตา
แต่ถึงจะไม่นับเรื่องที่เคนเนธตื้อให้ไปเที่ยว ชินก็คิดว่าได้เวลาสมควรที่จะกลับแล้วเหมือนกัน
“นายนี่ก็แปลกคนจริงนะ ฉันพูดไปขนาดนั้นแล้วก็ยังจะชวนกันอีก” ชินยังไม่วายบ่นอุบแบบนั้นในตอนที่ปิดเครื่องโฮโลแกรมพร้อมลุกออกจากโต๊ะเรียน
“ก็แหม! ถ้าฉันไม่เป็นคนชวนนาย ชีวิตนายก็คงไม่ได้เล่นสนุกเลยน่ะสิ” เคนเนธพูดแล้วก็แบะมือ คิดว่าชินควรจะต้องขอบคุณเขาที่คอยหาเรื่องสนุก ๆ ในชีวิตมาให้คลายเครียด
“นั่นสินะ ถึงเคนเนธจะเซ้าซี้ไปหน่อย แต่ฉันก็คิดแบบเดียวกับเขาเหมือนกัน… ทำไมชินไม่ไปหาเรื่องสนุก ๆ ทำบ้างล่ะ เอาแต่เครียดเรื่องอนาคตเดี๋ยวก็ผมผงอกก่อนวัยหรอก” เกวนเองก็เห็นด้วยถึงพยายามโน้วน้ามชินให้ทำอย่างที่เคนเนธบอก
จังหวะที่เพื่อนสนิททั้งสองคนว่าแบบนั้นด้วยรอยยิ้ม ดูท่าคงเป็นอีกครั้งที่ชินปฏิเสธไม่ได้
เพราะถ้าจะให้ปฏิเสธความหวังดีอย่างบริสุทธิ์ใจของมิตรแท้เพียงไม่กี่คนที่มี เขาคงกลายเป็นเครื่องจักรที่เน้นทำงานตามสั่งมากกว่ามนุษย์มีชีวิตเป็นแน่แท้
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทั้งสามคนพากันออกจากห้องตอนเวลา 5 โมงเย็นพอดิบพอดีด้วยเป้าหมายอย่างการไปเที่ยวหลังเลิกเรียนตามเคย แต่คงมีแค่ชินคนเดียวที่แบกความผิดหวังไปด้วย
“อ๊ะ! นั่นชินนี่นา ยังอยู่ที่โรงเรียนเหรอเนี่ย”
ในตอนที่ออกมาจากห้องเรียน ดูเหมือนจะมีคนที่สบกับพวกชินเสียก่อนจนต้องหยุดเรียก เห็นได้ชัดว่ามีธุระด้วย และแน่นอนว่าไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากอาจารย์เลน่าที่เป็นครูประจำชั้นของพวกชินเอง
และเพราะแบบนั้นพวกชินถึงต้องหยุดเท้าลงก่อนอย่างช่วยไม่ได้
“มีอะไรเหรอครับอาจารย์” ชินถามเข้าเรื่อง เพราะดูเหมือนจะเป็นเรื่องเร่งด่วน หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องเป็นเรื่องสำคัญเธอถึงเข้าหานักเรียนนอกเวลาทำงานอย่างนี้
…หรือถ้าโชคดีหน่อยก็อาจเป็นเรื่องที่ชินกำลังรอคอยก็เป็นได้
“จดหมายแจ้งยอมรับการฝึกงานของเธอน่ะสิชิน… ดูเหมือนทางนั้นจะใช้เอกสารแบบฮาร์ดก็อปปี้ก็เลยส่งมาให้ช้าน่ะ น่ารำคาญจริง ๆ เลยน้า”
อาจารย์เลน่าบ่นอิดออดพร้อมกับยื่นปึกกระดาษบาง ๆ ในมือมาให้ชิน คนที่ไม่ค่อยมีกะใจทำงานอย่างเธอคงรู้สึกไม่พอใจมากแน่ ๆ ที่ต้องจัดการเอกสารที่เป็นกระดาษจริงไม่ใช่ดิจิตอล
แต่สำหรับชินแล้ว… คำตอบของอาจารย์เลน่าทำให้เขาฉีกยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เพราะดูเหมือนคำตอบจะเป็นอย่างที่สามที่เขาคาดหวังเอาไว้
บิงโก!
Chapters
Comments
- ตอนที่ 47 มิถุนายน 19, 2022
- ตอนที่ 46: การประลองแบบตัวต่อตัว พฤษภาคม 7, 2022
- ตอนที่ 45: เพื่อนร่วมฝึกงาน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 44: วิธีสร้างข้อผูกมัด มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 43: ข้อเสนอที่น่าลำบากใจ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 42: สิ่งที่ควรทำมาตั้งนานแล้ว (เริ่มบทที่ 2) มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 41: ตัวจริงเบื้องหลังเรื่องราว (จบบทที่ 1) มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 40: ผลตัดสินศึกสุดอลหม่าน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 39: ศึกตัดสินอันอลหม่าน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 38: การต่อสู้ของลูกผู้หญิง มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 37: อดีตของจิน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 36: แองกริคราวน์ผู้ถูกไล่ล่า มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 35: สถานการณ์ที่เริ่มผิดปกติ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 34: เริ่มต้นทัศนศึกษา มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 33: การโหวตเลือก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 32: ความเข้าใจผิด มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 31: เบาะแสแรก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 30: ปณิธานของชงหยวน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 29: ไฟสุมขอนยังคงร้อนอยู่ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 28: คาบเรียนพิเศษ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 27: การต่อสู้ระหว่างราชา มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 26: กำลังเสริมของทั้งสองฟาก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 25: ยุทธการสายฟ้าแลบ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 24: คณะกรรมการจัดงาน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 23: ความลังเล มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 22: คู่หมั้นอันตราย มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 21: นักเรียนใหม่ (เริ่มบทที่ 1) มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 20 : ก่อนรุ่งสางของคืนวันที่จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล (จบ Prologue) มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 19: Overlord มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 18: ผีดูดเลือดผู้คลุ้มคลั่งจากโลหิต มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 17: แองกริคราวน์หลั่งเลือด มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 16: วลาดจอมเสียบ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 15: ข่าวร้ายกลายเป็นจริง มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 14: ผู้(ถูก)พิพากษา มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 13: เป้าหมายแรก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 12: ความเป็นจริงที่ค่อยๆที่ถูกแง้มให้เห็น ตอนจบ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 11: ความเป็นจริงที่ค่อยๆที่ถูกแง้มให้เห็น ตอนกลาง มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 10: ความเป็นจริงที่ค่อยๆที่ถูกแง้มให้เห็น ตอนแรก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 9: เค้าลางก่อนพายุ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 8: ตกกระไดพลอยโจน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 7: เขตที่ 84 มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 6: ฝันกลางวัน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 5: ยามเช้าดังเช่นทุกวัน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 4: ระเบิดกัมปนาท มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 3: เส้นแบ่งของโลก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 2: ชีวิตประจำวันที่ควรจะเป็น มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 1: ยามเช้าแสนธรรมดาดังเช่นทุกวัน มีนาคม 13, 2022
MANGA DISCUSSION