ปกรณัมของเหล่านักเรียน ม.ปลาย ผู้ปฏิวัติโลก - ตอนที่ 3: เส้นแบ่งของโลก
หลังจากออกวิ่งในจุดที่ไม่มีกล้องวงจรปิดอย่างซอกตึก จนมาถึงโรงงานร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในเขตรอบเมืองของตัวเมืองหลวง ชินก็สังเกตรอบตัวอีกครั้ง พอแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาเขาก็รีบเข้าไปด้านในทันที
เศษเหล็กและข้าวของเครื่องใช้กระจัดกระจายอยู่ภายใน รวมถึงเครื่องจักรผลิตกระดาษที่ตกยุคไปแล้วในยุคนี้ก็เกลื่อนกลาดไปทั่ว ชินเดินผ่านเครื่องจักรเหล่านั้นเหมือนทุกที ไปจนถึงห้องด้านในสุด
เมื่อเปิดเข้าไปด้านในก็พบกับห้องแยกสองห้อง ชินเดินเข้าไปห้องด้านซ้ายที่เป็นห้องทำงานเอกสารนั่งโต๊ะเก่า ตรงพื้นด้านในสุดหลังโต๊ะทำงาน มีแผ่นเหล็กกองอยู่
“ ลอยขึ้น ”
สิ้นสุดคำสั่งของชิน กองเหล็กที่กองอยู่ตรงหน้าก็ลอยขึ้นสูงเหนือกว่าความสูงของชิน อันเกิดจากระบบต้านแรงโน้มถ่วงของอุปกรณ์ที่อยู่ด้านล่าง ปรากฏสิ่งที่อยู่ใต้เศษเหล็ก นั่นคือประตูลับ
ชินใช้นิ้วเคาะสองที มีหน้าจอเล็กๆปรากฏขึ้นบอกคำสั่งให้ใส่ลายนิ้วมือและสแกนม่านตาเหมือนทุกที ชินทำอย่างคุ้นเคย แล้วประตูก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นพื้นของชั้นใต้ดินด้านล่าง ชินกระโดดลงไปในนั้นอย่างไม่รีรอ แล้วประตูก็ปิดลง ตามด้วยเศษเหล็กที่ลอยอยู่ก็ค่อยลอยลงจนแนบกับพื้นเหมือนดังตอนที่ชินเข้ามา
สภาพภายในของชั้นใต้ดินเป็นดินทั้งหมด แน่นอนว่าไม่นับอุปกรณ์ใหญ่เทอะทะอย่างอุปกรณ์สร้างการต้านแรงโน้มถ่วงตรงประตูทางเข้า ชินเดินไปจนสุดก็พบทางแยกสองทาง เขาสร้างเผื่อไว้แบบนี้ในกรณีที่ถูกโจมตี ซึ่งตั้งแต่ทำ “เรื่องแบบนี้” มาก็ยังไม่เคยมีใครรู้ตำแหน่งฐานลับนี้เลย
ชินเดินไปทางขวา ก็พบกับประตูเหล็ก ซึ่งความจริงแล้วหากไปทางซ้ายก็มีประตูเหล็กเหมือนกัน ต่างแค่มันไม่มีระบบตรวจสอบบุคคลสามารถเปิดเข้าไปได้ทันที แต่หากเปิดเข้าไประเบิดแสวงเครื่องก็จะทำงาน ทำลายห้องนั้นและทางเดินไม่เหลือซาก
มีการสแกนลายนิ้วมือกับม่านตาอีกครั้ง แต่หนนี้จำเป็นต้องได้รับการยืนยันจาก “คู่หู” ของชินด้วย
แม้จะมองไม่เห็น แต่ภายในห้องนั้นมีคนอยู่ เธอคงกำลังยืนยันให้ชิน ไม่นานนักประตูนิรภัยก็เปิดออก ชินรีบเข้าไปในนั้นทันที ก่อนที่ประตูจะปิดตัวเองลงอีกครั้ง พร้อมกับมีการล็อคหลายต่อหลายชั้นอย่างเข้มงวด
ภายในห้องนี้แตกต่างจากภายนอก เพราะมันเป็นห้องที่ผนังเป็นเหล็กหนาถึง 50 ซม. ตรงกลางของห้องคือโต๊ะเหล็กไว้วางของจิปาถะรวมถึงวางแผนการ ส่วนผนังด้านหน้าสุดนั้นมีแผนที่ของเมืองหลวง (กรุงเทพมหานคร) แห่งนี้ พร้อมกับภาพของคนหลายๆคนปักหมุดไว้เต็มไปหมด ถูกฉายเป็นโฮโลแกรมสองมิติติดผนัง
ผนังด้านซ้ายเป็นที่สำหรับใช้แขวนอาวุธทั้งปืนกลออโต้ ปืนพก ระเบิดมือ ระเบิดแสง รวมถึงอุปกรณ์สวมใส่อย่างหน้ากากของชินเองที่เป็นรูปตัวตลกกลับหัว ทั้งเสื้อคลุมสีดำสนิท เสื้อยืดสีดำลายแดง รวมถึงกางเกงผ้ายืดสีน้ำเงินต่างถูกแขวนไว้ที่นี่ มีบางจุดที่มีแต่ที่แขวน แต่เหตุผลนั่นเป็นเพราะมีคนหยิบไปใส่แล้ว
ส่วนที่ติดผนังด้านขวาคือเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้เฉพาะในห้องนี้ ด้านข้างเครื่องเซิร์ฟเวอร์ก็มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นใหม่ล่าสุดที่ใช้สำหรับการทหารถึง 2 เครื่อง
และสำหรับเครื่องซ้ายนั้นมีคนกำลังใช้งานอยู่ เมื่อชินเข้ามาในห้อง เธอก็รีบหันหน้ามาทางเขาทันที
“ ยินดีต้อนรับค่ะมาสเตอร์ ”
เสียงราวกับกระดิ่งของเด็กสาวที่คุ้นเคยดังขึ้น น้ำเสียงนั้นราบเรียบทว่าแฝงไว้ด้วยความนุ่มละมุนและอ่อนหวาน เธอสวมหน้ากากรูปสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์กำลังแลบลิ้นแบบเต็มใบหน้าจนไม่เห็นแม้แต่เส้นผม สวมเสื้อลายพรางสีน้ำเงินทับด้วยเสื้อกั๊กสีดำสนิทแบบมีฮู้ด สวมกระโปรงสีน้ำเงินสลับขาวพร้อมถุงเท้ายาวเลยเข่าสีดำสนิทและรองเท้าบู๊ท มันคือเครื่องแบบประจำตัวของเธอคนนี้
“ มาเร็วเหมือนเคยนะโกลเด้นด็อก ” ชินพูดก่อนที่จะเลื่อนเก้าอี้คอมอีกตัวออกมาแล้ววางกระเป๋าลงข้างๆ ก่อนจะนั่งลง
อนึ่ง ชินกับเธอคนนี้จำเป็นต้องใช้โค้ดเนมเรียกอีกฝ่ายหลังเข้าสู่ช่วงก่อนจะออกทำงานเพื่อปกปิดตัวตน สำหรับเธอคนนี้คือ “โกลเด้นด็อก” และสำหรับชินคือ “มาสเตอร์”
“ ข้ารับใช้มารอเจ้านายก่อนมันเป็นเรื่องปกติค่ะ ”
แต่ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นในแง่ของโค้ดเนมหรือสถานะทางสังคม สำหรับเธอคนนี้แล้วเราก็คงเป็นมาสเตอร์ของเธอจริงๆนั่นหล่ะ… บางทีหน่ะนะ
ชินคิดหลังจากที่ได้ยินคำพูดอันราวกับเป็นเรื่องปกติของโกลเด้นด็อก
“ พยายามก็ดีอยู่ แต่อย่าฝืนหล่ะเข้าใจไหม ”
“ ดิฉันไม่เคยฝืนหรอกนะคะ แต่ก็ขอบคุณมากค่ะที่เป็นห่วง… มาสเตอร์ของฉัน ”
ชินยิ้มแห้งๆออกมาเพราะคำพูดของโกลเด้นด็อก ใบหน้าหลังหน้ากากของเธอคงกำลังยิ้มด้วยความดีใจเหมือนทุกทีด้วยเหตุผลที่ว่าเธอได้ทำหน้าที่ของตนลุล่วง
และที่สำคัญ… เธอดีใจสุดๆที่ถูกชินเป็นห่วง
“ แล้วได้อะไรบ้างไหม? ” พอชินเอ่ยถามโกลเด้นด็อกก็พยักหน้าให้เบาๆทีนึง ก่อนจะเริ่มพิมพ์บางอย่างในคอมเป็นการออกคำสั่ง
พริบตานั้นข้อมูลจำนวนนึง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสำนักข่าวตลอดหลายวันที่ผ่านมาก็ถูกแสดงบนจอโฮโลแกรมด้านหน้า ชินเองก็หันตัวไปมองจอด้วยเหมือนกัน
“ อย่างที่ทราบก่อนหน้านี้ ถึงคดีวางระเบิดที่ตึกนิวเอจซิตี้ ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพราะเป็นช่วงที่ห้างสรรพสินค้าปิดทำการ แต่มีรายงานว่าธนาคารในเครือของโอเรี้ยนท์แคชถูกปล้นไปกว่า 5.2 ล้านเครดิต ”
โกลเด้นด็อกทวนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานซืนให้ชินฟัง ชินก็พยักหน้ารับ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปจนถึงด้านหน้าขอองจอโฮโลแกรม เปลี่ยนการแสดงผลกลับเป็นแผนที่มุมสูงพร้อมรูปถ่ายของคนหลายคนปักหมุดไว้เช่นเดิม
“ เธอคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้โกลเด้นด็อก ” ชินกอดอกครุ่นคิดซักพัก ก่อนจะหันกลับไปถามโกลเด้นด็อก ซึ่งเธอมองชินอยู่ก่อนแล้ว
“ ความเป็นไปได้ที่กลุ่มคนร้ายจะเกี่ยวข้องกับ “เป้าหมาย” ของเรานั้นต่ำมากค่ะ… เป็นไปได้ว่านี่เป็นแค่การปล้นธนาคารจากฝีมือของโจรทั่วไป ”
“ นั่นสินะ ”
ชินไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่โกลเด้นด็อกบอกออกมา เพราะเขาเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน
เป้าหมายของชิน… คือการล้างแค้น
ล้างแค้นผู้ที่ช่วงชิงชีวิตที่ควรจะเป็นของเขาไปจนหมดสิ้นเมื่อหลายปีก่อน ฆ่าล้างสิ้นทั้งพ่อและแม่ ทั้งบ้านที่ให้กลับไป รวมถึงวิถีชีวิตของตัวเองด้วยเปลวเพลิงและคมดาบ ภาพเหล่านั้นฝังรากลึกจนไม่อาจลบทิ้งได้ นั่นคือเหตุผลที่ชินใช้เวลาหลังจากนั้นในการตามล่าหาคนที่ทำแบบนั้นมาตลอด
ทว่าสิ่งเดียวที่ชินจำได้จากหนนั้นมีเพียงสองสิ่งเท่านั้น คือหน้ากากของฆาตกรที่ฟันร่างของพ่อกับแม่ต่อหน้าต่อตาของเขาสวม นั่นคือ ตัวตลกยิ้ม นั่นเป็นอีกเหตุผลนึงที่ชินสวมหน้ากากตัวตลกแบบเดียวกันเผื่อว่าจะดึงดูดมันเข้ามาได้
และอีกอย่างนึงคือรอยสักรูปมงกุฎที่ข้อมือขวาซึ่งมันกุมดาบที่อาบด้วยเลือดของพ่อแม่ชินเอาไว้ แม้จะจำไม่ได้นักว่ารายละเอียดยิบย่อยของรอยสักเป็นเช่นไร แต่มันเป็นรูปมงกุฎอย่างแน่นอน
ด้วยเบาะแสเพียงเท่านั้น ชินและโกลเด้นด็อกที่รู้จักกันมาตั้งแต่ก่อนจะเกิดเรื่องได้เริ่มวางแผนล้างแค้นขึ้นมานานปี ใช้เวลาเกือบ 10 ปีในการเตรียมตัวทั้งอุปกรณ์และฝึกปรนฝีมือในหลายๆแง่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการฝึกใช้ “พลัง” ของแต่ละคนจนชำนาญ
และเมื่อการเตรียมการเสร็จสิ้น ชินและโกลเด้นด็อกก็เริ่มออกล่า แต่ก็อย่างที่ทราบ ด้วยเบาะแสแค่สองอย่างนั้นไม่อาจตามกลิ่นไปจนถึงตัวบงการได้ ชินกับโกลเด้นด็อกจึงได้แต่หว่านแหไล่ล่าอาชญากรตามเมืองต่างๆ แม้แต่นอกเมืองหลวงหรือนอกเขตอื่น(ต่างประเทศ)เองก็มี เผื่อว่าซักวันนึงจะสามารถจับลูกกระจ๊อกที่เกี่ยวข้องแล้วจะโยงใยไปหาเหยื่อที่ใหญ่กว่าได้
ทว่า ณ ตอนนี้… เวลาก็ผ่านไปกว่า 2 ปีแล้วที่ทำการไล่ล่า แต่หาได้มีเบาะแสใดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุคคลเป้าหมายไม่
…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่มีเลยซักคนที่รู้เรื่องหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับตัวตลกยิ้มหรือรอยสักรูปมงกุฎนั้น
“ คงไม่เกี่ยวหรอกมั้ง ” ชินพูดทวนอีกครั้งหลังใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นานสองนาน โกลเด้นด็อกคอตกเล็กน้อยราวกับรับรู้ความเศร้าใจของชิน
“ แต่ถึงโอกาสจะน้อยนิด… ถ้าเกิดไอ้พวกนี้มันดันมีเบาะแสขึ้นมา ฉันคงเสียใจไปจนวันตายแน่ ”
ชินพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ซึ่งโกลเด้นด็อกเองก็เข้าใจความรู้สึกนั้นดี
อดีตอันเจ็บปวดเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งจนไม่อาจก้าวไปยังอนาคต การปล่อยวางใช่ว่าจะไม่ใช่ตัวเลือก แต่หากไม่ใช่คนที่ประสบกับตัวคงยากจะเข้าใจและทำแบบนั้นได้จริง
ดังนั้นแล้ว สิ่งที่ชินทำได้ก็มีแต่ขวนขวายหาเป้าหมายในการล้างแค้น แม้จะริบหรี่เท่าไร มันก็เป็นเหตุผลเดียวที่จะสามารถก้าวต่อไปได้อย่างแท้จริง
โกลเด้นด็อกเองก็คิดว่ามันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ แต่ในใจก็แอบเจ็บปวดอยู่เช่นกัน… ที่ตัวเองไม่สามารถผลักดันชินให้หลุดจากความแค้นนี้ได้
“ ทราบแล้วค่ะ ”
โกลเด้นด็อกลุกขึ้นพร้อมรับคำสั่ง ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะไปหยิบเสื้อยืดสีดำลายแดงซึ่งเป็นชุดประจำตัวของชิน ถือมันเดินเข้าใกล้ชิน วางมันลงกับโต๊ะ แล้วก็ค่อยขยับเข้าไปใกล้ๆชิน
“ จะทำอะไร? ” เธอเอื้อมมือทั้งสองไปจับกระดุมเม็ดบนสุดของชิน นั่นทำให้ชินขมวดคิ้ว
“ ก็ช่วยเปลี่ยนชุดไงคะ ” โกลเด้นด็อกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกใจพลางเอียงคอสงสัย น้ำเสียงและท่าทางของเธอกำลังบ่งบอกออกมาว่า แปลกเหรอคะ?
“ ไม่ต้อง ยัยเพี้ยน ” ชินว่าพลางสับกบาลโกลเด้นด็อกด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจดังเช่นทุกที
ถ้าไม่ใช่ในเวลาแบบนี้หล่ะก็นะ…
ชินคิดเช่นนั้นด้วยความรู้สึกหลายอย่างก่อนถอนหายใจออกมาเสียยาวเหยียด เป็นอีกครั้งที่โกลเด้นด็อกคอตกด้วยความเหงาหงอยราวกับสุนัขที่เจ้านายซึ่งกำลังงานยุ่งไม่ยอมเล่นด้วย
❖❖❖❖❖
———— ราว 2 ชั่วโมงถัดมา , เวลา 21.00 น. โดยประมาณ
บนยอดตึกกลางเมือง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดชมวิวชื่อดัง มีคนสองคนยืนอยู่บนนั้น แน่นอนว่าคือชินและโกลเด็นด็อกในชุดประจำตัวพร้อมหน้ากาก
ในเวลาปกติที่แห่งนี้มักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่นอกเวลาทำการช่างดูเงียบเหงาเสียเหลือเกิน ทว่านั่นคือเหตุผลนึงที่ทำให้ชินเลือกที่แห่งนี้เป็นจุดสังเกตการณ์ เพราะนอกจากเป็นการยากที่จะถูกสังเกตแล้ว ยังอยู่ห่างจากเซฟเฮาส์หมายเลข 3 เพียง 500 เมตรเองด้วย
“ โอเปอร์เรชั่นซิสเต็มทำงาน… แอคเซสไอดี มาสเตอร์ ”
ชินออกคำสั่งด้วยเสียง หน้ากากที่สวมอยู่เริ่มแสดงจอภาพเข้ามาอันประกอบด้วยข้อมูลของตัวผู้ใช้อย่างชิน รายชื่อพร้อมจำนวนอาวุธติดตัวในตอนนี้และอื่นๆอีกมากมาย พูดให้ง่ายเข้า มันคือระบบสนับสนุนที่ช่วยทำให้การทำงานง่ายขึ้น ซึ่งทำได้แม้แต่การช่วยเล็งหรือคำนวณวิถีกระสุนของผู้ใช้และศัตรู ไม่เพียงเท่านั้น อุปกรณ์ที่ติดตั้งทั่วทั้งตัวอย่างแนบเนียนของทั้งคู่เองก็มีระบบป้องกันยอดเยี่ยม เป็นบาเรียล่องหนราวกับเวทย์มนของเผ่านางฟ้า ซึ่งสามารถกันกระสุนปืนกลได้เลยทีเดียว รวมกับระบบเปลี่ยนเสียงของหน้ากาก บาเรียยังช่วยไม่ให้เหลือหลักฐานจำพวกเหงื่อและลายนิ้วมือได้อีกด้วย เรียกได้ว่าปิดบังตัวตนอย่างสมบูรณ์แบบ
อนึ่ง ระบบนี้ชินและโกลเด็นด็อกขโมยมาจากอาชญากรกลุ่มนึงซึ่งขโมยมาจากฐานทัพทหารของประเทศเขตที่ 1 อีกที ซึ่งหากจะว่าไปแล้ว โฮโลวอชรูปร่างปลากระเบนเองก็เป็นอุปกรณ์ทางการทหารเช่นกัน
“เทคโนโลยี” นี่สุดยอดจริงๆแฮะ… นี่แหล่ะมั้งสาเหตุที่มนุษย์ทัดเทียมกับเผ่าพันธุ์อื่นที่มีพลังพิเศษได้ในช่วงสงครามเมื่อพันปีก่อน
ชินคิดเช่นนั้นด้วยความชื่นชมปํญญาของเหล่ามนุษย์ ก่อนจะเคาะโฮโลวอชรูปร่างกระเบนสีแดงลายดำของตัวเอง แสดงภาพแผนที่มุมสูงของเมืองหลวง ภาพตรงกลางคือนิวเอจซิตี้ทาวเวอร์
“ โอเปอร์เรชั่นซิสเต็มทำงาน… แอคเซสไอดี โกลเด้นด็อก ”
ทางฝั่งโกลเด้นด็อกเองก็เปิดระบบของตัวเองเรียบร้อย ซึ่งระบบสนับสนุนนั้นแตกต่างกันเล็กน้อย เพราะ “พลัง” ของทั้งสองคนนั้นไม่เหมือนกัน
“ พนันกันไหมโกลเด้นด็อก… ว่าที่ต่อไปจะเป็นที่ไหน ” ชินพูดขึ้นอย่างเบื่อๆ น้ำเสียงไม่ได้สนุกอย่างที่พูด แต่หน้าที่ที่จะทำให้เจ้านายสนุกนั้นเป็นของข้ารับใช้
“ ดิฉันเดาว่าไฮเอนด์ซิตี้ค่ะ… ถ้าแพ้ดิฉันจะยอมทำตามที่สั่งทุกอย่างเลยค่ะ แม้แต่เรื่องลามกก็ด้วย ” โกลเด้นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงยั่วยวนเหมือนไม่ได้ล้อเล่น ใบหน้าเบื้องหลังเป็นเช่นไรทำเอาชินอดสงสัยไม่ได้เลยทีเดียว
“ ที่นั่นไม่มีธนาคารซักหน่อย ” ชินตอบกลับอย่างเรียบเฉยเหมือนทุกที เพราะนี่เป็นเวลาจริงจัง
“ งั้นหรอกเหรอคะ ” โกลเด้นด็อกตอบกลับอย่างขี้เล่นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
จงใจแพ้อีกแล้วสินะยัยคนนี้
ชินคิดพลางถอนหายใจ ก่อนจะเลื่อนแผนที่โฮโลแกรม
“ คงจะเป็นยูเนี่ยนทาวเวอร์ ” ชินว่าพลางเลื่อนแผนที่ไปยังที่ตั้งของตึกดังกล่าว ระยะทางห่างไปราว 1.3 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้
“ เพราะที่นั่นธนาคารเยอะหล่ะสินะคะ ” โกลเด้นด็อกตอบกลับพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย น้ำเสียงดูจริงจังต่างจากที่แกล้งชินเล่นเมื่อครู่
รู้อยู่แล้วไม่ใช่รึไง ยัยคนขี้แกล้ง
ชินถอนหายใจด้วยรอยยิ้มแห้งๆ ก่อนจะกลับมาคิดอย่างจริงจัง
ก็ถ้าการคาดการณ์ของฉันถูกต้อง ว่าเจ้าพวกนี้มันเป็นแค่โจรหางแถว ไม่ได้มีเป้าหมายที่ “โอเรี้ยนท์แคช” แต่เป็น “ธนาคาร” เพราะงั้นการที่มันจะปล้นธนาคารที่ไหนก็ได้ ก็ไม่แปลก
ในกรณีนั้น ยูเนี่ยนทาวเวอร์เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะใช้ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยกล้องวงจรปิดและล๊อคนิรภัยแบบเดียวกับที่นิวเอจซิตี้
จำนวนยามน้อยกว่า ตัวเลือกในการปล้นเยอะกว่า แถมแค่ทำแบบเดิมก็ได้เงินเยอะที่สุด
เสี่ยงน้อยกำไรมากแบบนี้ ตัวเลือกดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
“ แต่มาสเตอร์คะ… ดิฉันเกรงว่าอาจจะมี “ตัวก่อกวน” มาด้วย ”
โกลเด้นด็อกชี้ให้เห็นอีกประเด็นนึงที่น่าสนใจ
เห็นด้วย… ชินพูดพร้อมกับถอนหายใจ
คนที่คาดการณ์แบบนี้ได้ไม่ได้มีมีแค่เราแน่นอน
บางที “RC-Force” ก็คงเข้ามาจับเจ้าพวกโจรนี้เหมือนกัน
“ ล้วงข้อมูลให้ได้ก่อนตำรวจเหมือนทุกทีก็พอแล้ว ” ชินพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็นตามปกติ ก่อนจะหันไปทิศตรงข้าม เพื่อมุ่งหน้าไปยังยูเนี่ยนทาวเวอร์
“ นั่นสินะคะ ”
โกลเด้นด็อกรับคำสั่งก่อนจะเดินตามหลังชินมาติดๆ
ชินเหลือบมองลงไปด้านหลังชั่วครู่ เท้าของเขาหยุดลงโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นแสงสว่างด้านล่างของชีวิตกลางคืน ตรงข้ามกับด้านบนที่ตนอยู่ช่างแสนมืดมิด หวนนึกถึงเรื่องเมื่อเย็นที่ได้ไปเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆอีกครั้ง
แม้แต่เหรียญยังมีสองด้าน… โลกใบนี้เองก็มีสองฟากฝั่ง
สำหรับเรา… คงจะมีเพียง “โลกยามราตรี” นี้เท่านั้นที่เป็นตัวของตัวเองได้
เป็นตัวเราที่แสดง “ความแค้น” ออกมาได้อย่างซื่อตรง โดยไม่จำเป็นต้องปิดบัง
เป็นอีกครั้งที่ภาพในอดีตหวนคืนมาราวกับจะย้ำเตือน ภาพของเปลวเพลิง ดาบและเลือด ใบหน้าสวมหน้ากากของผู้สังหารพ่อและแม่ ดวงตาทั้งสองของชินเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ชินเผลอยกมือขวาขึ้นกดที่ดวงตาขวาผ่านหน้ากากโดยไม่รู้ตัว
ยังไม่ใช่ตอนนี้… ยังไม่ถึงเวลาอาละวาด… ชินบอกกับตัวเองแบบนั้นดวงตาจึงค่อยกลับเป็นสีดำ
“ มาสเตอร์? ” โกลเด้นด็อกเห็นเช่นนั้น จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเอามากๆ ทำชินเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา
“ โทษที… ไม่มีอะไรหรอก ”
ชินพูดขอโทษก่อนจะเริ่มเดินต่อ กระโดดลงจากตึกสูงกว่า 100 เมตรไปยังตึกข้างเคียงด้วยกำลังขาของตัวเองไร้เครื่องทุ่นแรงใดๆ พร้อมกับโกลเด้นด็อกที่กระโดดตามมาติดๆ เพียงเท่านั้นก็ทำให้รู้แล้วว่าทั้งสองคนไม่ใช่ “มนุษย์ธรรมดา”
ความสุขราวกับภาพลวงตาในยามกลางวัน
ความเป็นจริงอันแสนโสมมในห้วงราตรี
ตัวเราที่อยู่ตรงเส้นแบ่งของโลกทั้งสองใบ
ทำได้แค่ยอมรับมันเท่านั้นเหรอ?
คำถามแบบนั้นผุดขึ้นมาในหัวของชิน… ราวกับเขากำลังคาดหวังบางสิ่งอยู่
❖❖❖❖❖
Facebook Page : https://www.facebook.com/HatthAnant